|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ในทุ่งกว้าง : วรรณกรรมเยาวชนแบบไทยไทย
ในช่วงเยาว์วัย...เราเติบโตขึ้นมาพร้อมๆ กับกองหนังสือเด็กและเยาวชน เป็นหนังสือแปลจากต่างประเทศ ในช่วงเวลานั้น ก็มีหนังสือสำหรับเด็กที่เขียนโดยคนไทยอยู่ด้วย เพียงแต่เราไม่รู้..และเราไม่ได้ซื้อหนังสือเอง
เวลาไปเดินงานหนังสือกับพ่อกับแม่...ก็มักจะตื่นตาตื่นใจกับหนังสือเสริมความรู้จากต่างประเทศ และมักจะได้หนังสือประเภทนั้น กับหนังสืออ่านนอกเวลากลับบ้านด้วย ถ้าเป็นหนังสืออ่านเล่น พ่อมักไม่อนุมัติ จนโตขึ้นแม่จ่ายเงินให้เป็นรายสัปดาห์นั่นแหละ... เราก็เจียดเงินซื้อหนังสือเอง และเวลาช่วงนั้นหนังสือวรรณกรรมแปลก็มีมากมาย เข้าร้านหนังสือดอกหญ้าท่าพระจันทร์ ทุกวันอาทิตย์ หลังเลิกเรียนจากโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดมหาธาตุ กลับออกมา ก็มีหนังสือติดกลับบ้านด้วยทุกครั้ง ถ้าไปไล่ดูบนชั้นหนังสือในห้องนอน...จะเห็นว่าชั้นหนึ่งเต็มไปด้วยวรรณกรรมเยาวชนชาติต่างๆ ที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้า ...ซึ่งโด่งดังมาในยุคนั้น ก็ราวๆ ยี่สิบกว่าปีก่อนนั่่นล่ะ
แล้วก็มาถึงจุดหักเหเมื่อเราซื้อหนังสือวรรณกรรมไทยเล่มนึงกลับมาอ่าน
ในทุ่งกว้าง : ถวัลย์ มาศจรัส
สำนักพิมพ์ปานฉัตร พิมพ์ครั้งแรก : ธันวาคม 2531 ราคา 38 บาท / 147 หน้า ซื้อเมื่อ : 20 เมษายน 2532
จำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นซื้อเพราะอะไร อาจเป็นเพราะเริ่มเอียนกับหนังสือแปลแล้วก็ได้ หนังสือเล่มนี้ดูหน้าปกแล้วออกเป็น "ไทย" รูปเด็กผมจุก ผมแกละ ผมโกะ ดึงดูดให้ลองหยิบลงมาพลิกอ่านคำนำซะหน่อย
"ชีวิตข้าพเจ้าเกิดมาท่ามกลางเสียงเพลงเรือของลุงและป้า เสียงกล่อมเด็กเยือกเญ้นของแม่และแม่ใหญ่ที่ไกวเปลเห่กล่อมมาแต่แบเบาะ และสูดกลิ่นโคลนสาบควายของตระกูลขาวน้าแห่งอยุธยามาแต่แรกเกิด วัยเด็กของข้าพเจ้าโลดแล่นอยู่ในทุ่งกว้างกับเพื่อนรุ่วมทุ่ง เรามีควายรวมฝูงเลี้ยงร่วมกัน มีคนเฒ่าของหมู่บ้านเป็นคนเล่านิทานทั้งโปกฮาและเคร่งขรึม มีหนองน้ำตาขาวให้ลงไปอาบพร้อมกับควายไม่รู้กี่สิบฝูงในทุ่ง มีเพื่อนต่างถิ่นไว้ต่อยกันวันนี้แล้วกอดคอรักกันในวันรุ่งขึ้น..."
บรรยากาศและชีิวิตที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาเลย ...ช่างน่าสนุกอะไรอย่างนี้ งั้นก็ ซื้อกลับมาอ่านต่อที่บ้านแล้วกัน
เรื่องราวแสนซนของ จ๊อต จุก เปีย โกะ และแก้ว เรื่องแล้วเรื่องเล่าผ่านตาเราไปทีละบท ทีละบท ผีเจ้าทุ่ง หลุมโจน นอกกระซุ้ม ดวลอีโบ๊ะ วงจิ้งหรีด แห่นางแมว ฝนแรกไถแรก ไปจับอึ้ง และอีกหลายต่อหลายบท ล้วนแล้วแต่ถ่ายทอดประสบการณ์ของเด็กท้องนา ที่ผู้เขียนได้สัมผัสมาเองจากวัยเด็ก และเก็บเกี่ยวเพิ่มเติมเมื่อเติบโตขึ้นมารับราชการครูในโรงเรียนกลางท้องไร่ท้องนาถิ่นภาคกลางอีก 5-6 โรงเรียน
"...ในทุ่งกว้างมีชีวิตผู้คนมากมาย ข้าพเจ้าจึงมิได้เขียนถึงชีวิตใครคนใดคนหนึ่ง แต่เขียนถึงหลายๆ ชีวิตที่โลดแล่นอยู่ในทุ่งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กๆ ทีกำลังซึบซับเรียนรู้โลก รู้ชีวิต ประเพณี วัิฒนธรรมจาผู้คนในทุ่งกว้างแห่งนี้ เพราะเห็นว่าพวกเขา แท้ก็คือตัวแทนของทุกคนแห่งทุ่งกว้างในอนาคต บ้าน วัด โรงเรียน และทุ่งโล่ง คือศูนย์กลางการถ่ายทอดเรื่องราว จากอดีตสุ่ปัจจุบัน สู่วันนี้ และพรุ่งนี้..."
ฉากและบรรยายการของท้องเรื่องที่เราวาดภาพตามไปด้วยนั้น ทำให้รู้สึกถึงความเรียบง่ายและสุขสงบของชาวชนบท ที่ใช้ชีิวิตต่อสู่กับธรรมชาติมากกว่าต่อสู่กับคนด้วยกัน
น้ำเหนือไหลบ่าทะลักเข้าทุ่ง ข้าวนาหว่านที่กำลังเขียวสะบัดใบอวดยอดแหลมแกว่งไกวไปตามลมนั้น เริ่มทะลึ่งถึบตัวเองให้สูงขึ้นพ้นน้ำอย่างรวดเร็ว "นี่ถ้าเป็นข้าวนาดำละก็จมน้ำตายแหงแก๋" พ่อของจ๊อดปรารถลอยๆ ให้แม่ได้ยิน แม่พยักหน้าหงึกๆ รับรู้ ข้าวนาดำนั้นถ้าหากน้ำไหลเอ่อเข้าท่วมยอดสัก 15 วันแล้วยังอ้อยอิ่งทรงตัวไม่ยอมลดระดับอย่างรวดเร็วแล้วคราบไคลจะเกาะต้นข้าวเป็นสีน้ำตาล และอีกไม่ช้าข้าวจะเน่าหลุดลอยขึ้นเหนือน้ำ พร้อมกับน้ำตาของชาวนาร่วงเผาะผล็อย เด็กๆ จะพลอยเงียบเหงาหดหู่ไปกับพ่อแม่ด้วย
ปลายๆ เดือนสิบสอง ข้าวในนาพ่อจ๊อดเริ่มสุกบ้างแล้ว ทุกวันที่โรงเรียนหยุด เด็กน้อยตามพ่อออกทุ่งอยู่เสมอ ทุ่งแสนกว้าง ลมหนาวยังพรูมาเป็นสาย ชายผ้าขาวม้าที่เอวพ่อปลิวพึ่บพึ่บ ยามนี้ทุ่งทั้งทุ่งเรืองรองดั่งว่าทุ่งนี้ทาทับด้วยสีทองไปจนสุดลูกหูลูกตา พ่อค่อยๆ ยื่นมือไปสอดใต้รวงข้าวที่ค้อมต่ำลง ค่อยยกมื่อขึ้นๆ ลงๆ "น้ำหนักดีกว่าปีก่อน" พ่อหันมาพูดกับลูกชายด้วยใบหน้าแจ่มใส "น้ำหนักดีแล้วเป็นไงพ่อ?" "อ้าว! ก็ได้ราคาดีซีวะไอ้หนู ข้าวเมล็ดเต่งๆ หยั่งงี้ เจ๊กอู๋ชอบนัก" "เมื่อไรพ่อจะเกี่ยวสักที?" "ยังหรอก ข้าวมันเพิ่งสุก ดูนี่สิไอ้หนู ข้าวน่ะจะสุกที่ปลายรวงก่อน สุกไปทีละนิด ละนิด เขาเรียกว่า เหลืองปลาย"
ดวงตะวันอ้อมทุ่งส่งแสงรอนๆ อ่อนจาง อากาศยามเย็นเย็นจับจิต ความหนาวเหน็บไม่เคยปรานีใคร ยิ่งดวงตะวันลาลับไปแล้ว มันยิ่งทวีความสะท้านเข้าไปในอก เหมือนอันธพาลที่ระรานชาวบ้านไม่เลือกหน้า มันเป็นอันธพาลทางฤดูกาล เป็นความเกเรของธรรมชาิติ
หลังจากชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ก็เป็นช่วงที่โรงเรียนปิดภาคเรียนพอดี ห้าสหายแห่งบ้านทุ่ง เก็บหนังสือเก็บตำรากองไว้ที่เสาเรือน ออกไปเรียนกับโรงเรียนธรรมชาติที่มีหลักสูตรภาคปฏิบัติให้เรียนรู้มากมาย หลักสูตรนี้มันมีทั้งความตื่นเต้น หวาดเสียวปนความสนุกสนานอยู่ทุกบทเรียน หากเอาผืนนาแต่ละแปลงเป็นหน้าหนังสือ บทเรียนบทนี้มันมีหลายพันหลายหมื่นหน้า มีภาพประกอบพราวไปทุกแผ่นที่พลิกผ่าน มันสนุกไม่น่าหน่าย ไม่เหมือนหนังสือเล่มเล็กๆ ที่ครูสอนอยู่ในโรงเรียนซึ่งเด็กๆ เห็นว่า มันไม่เอาไหนเสียเลย
โรงเรียนเป็นสวรรค์เสมอสำหรับห้าเกลอแห่งท้องนา สนามอันกว้างขวางมีหญ้าขึ้นเขียวชื่นตานั้นเปรียนบได้ดั่งเวทีแห่งการแสดงออกและการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นสนุกสนาน เสียงเอ๊ะอะเีจี๊ยวจ๊าวเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนมีชีวิตชีวา ชีวิตน้อยๆ เริ่มต้นเรียนรู้โลก เรียนรู้สังคมเก่ากับใหม่ได้ที่นี่โดยมีครูซึ่งผ่านโลกมายาวนานกว่าเป็นผุ้เชื่อมโยง ถ่ายทอดระเบียบประเพณีและวัฒนธรรมให้เด็กๆ รับช่วงไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า โรงเรียนเป็นสถาบันของสังคมที่จะรับใช้ผู้คนตลอดกาล
พอเราอ่านหนังสือเล่มนี้จบ..เรารู้สึกว่า อยากเรียนรู้ชีวิต ความเป็นอยู่ ของคนไทยด้วยกันมากขึ้น วรรณกรรมเยาวชนช่วงต่อมาที่เราเลือกซื้อ หรือยืมมาอ่าน จึงเป็นวรรณกรรมเยาวชนไทย โดยนักเขียนไทย ซึ่งพบว่า มีน้อยยิ่งนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเสียเลย การส่งเสริมแวดวงวรรณกรรมไทยเริ่มเข้มข้นขึ้น การประกวดเรื่องสั้น บทความ เรื่องต่างๆ มีอยู่เรื่อย จากนั้นก็จะเห็นการรวมเล่มโดยสำนักพิมพ์ต่างๆ ออกมาเรื่อยๆ เช่นกัน และจนถึงวันนี้ มีนักเขียนหน้าใหม่ที่นำเสนอเรื่องแบบไทยๆ ร่วมถึงเรื่องร่วมสมัยออกมามากมาย หนังสืออ่านสำหรับเด็กก็เยอะมาก...เยอะจนเราอยากกลับไปเป็นเด็ก แล้วจะอ่านให้หนำใจอีกครั้ง
Create Date : 26 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2552 10:21:59 น. |
|
12 comments
|
Counter : 11537 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:13:17 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:28:08 น. |
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:54:44 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 26 กรกฎาคม 2552 เวลา:21:39:29 น. |
|
โดย: savita29 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:42:48 น. |
|
โดย: หมูย้อมสี วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:11:38:05 น. |
|
โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:06:56 น. |
|
โดย: แม่ไก่ วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:13:17:17 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:18:03:34 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|