<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
4 เมษายน 2552
 

"มุมที่ลืมมอง" ของ "นักท่องกาลเวลา"



เคยอ่านหนังสือ เพราะสะดุดชื่อหนังสือกันบ้างมั๊ย
เราเคย...
เห็นชื่อเรื่อง ..สะดุดหัวใจ..หยิบมาลองพลิกอ่านดู
แนวนี้..กำลังโปรด ...ว่าแล้ว ก็ควักกระเป๋าจ่ายเงินไป ...

วิธีการซื้อหนังสือมาอ่านลักษณะนี้ เราไม่ใช้กับการซื้อนิยายหรือเรื่องอ่านเล่นหรอกนะ
แต่เป็นหนังสือประเภทความเรียง หรือหนังสือบำรุงหัวใจ ...


มุมที่ลืมมอง
การผจญภัยบนโลกใบเดิม ผ่านมุมมองดีๆ...

สิขเรศ เอี่ยมประชา
แพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก : สิงหาคม 2549 ราคา 150 บาท / 164 หน้า
ซื้อ : ไม่ระบุ


ครั้งแรกที่เราได้เห็นปกหนังสือ "มุมที่ลืมมอง" เราก็สะดุดกับชื่อหนังสือแล้วล่ะ
เมื่อสะดุดแล้ว ก็เลยต้องหยิบขึ้นมาพลิกดู

หนังสือความเรียงสั้นๆ...ประกอบภาพถ่าย (กำลังคลั่งไคล้แนวเขียนเรื่องประกอบภาพด้วยล่ะ)
เนื้อหาเป็นยังไง ยังไม่ได้อ่านให้ละเอียดหรอก
อ่านคำนำ อ่านประวัติคนเขียน ...อ้อ...เป็นผลงานที่รวมจาก Blog อีกแล้วเหรอเนี่ย
และที่สะดุดใจอีกอย่างคือ คนเขียนคำนิยมในเล่ม คือ "พ่อและแม่" ของผู้เขียนนั่นเอง...

บางที...อาจเป็นเพราะเหตุนี้ ทำให้เราตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ก็ได้นะ
ด้วยความรู้สึกลึกๆ ในใจว่า
"อยากมีหนังสือของตัวเองสักเล่ม ...ที่พ่อกับแม่..เป็นคนเขียนคำนิยม"

ไม่ต้องไปพึ่งพานักเขียนมีชื่อ หรือผู้หลักผู้ใหญ่คนไหน ...
มันให้ความรู้สึกว่า
...พ่อกับแม่สร้างเรามา ...เลี่ยงดูและปลูกฝัง
...ในที่สุดก็เป็นผู้หนึ่งที่สร้างหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาด้วยกัน

ความเรียงที่ปรากฎแต่ละตอน ประกอบกับภาพถ่ายแต่ละภาพ
เป็นเรื่องราวสิ่งที่ผู้เขียนได้พบ ได้เห็น ได้ยิน ได้รู้สึก ...
และนำมาถ่ายทอดด้วยถ้อยคำง่ายๆ แต่งดงามในความรู้สึกของคนอ่าน
มันง่ายซะจน..เราไม่รู้สึกสะดุดในถ้อยคำ ให้จดจำเป็นคำคมๆ อย่างนักเขียนใหญ่ๆ บางคน
แต่ความง่ายนั้น ทำให้เรารู้สึกเหมือนกับเพื่อน กำลังเล่าเรื่องให้ฟัง
เพื่อนที่บอกเราในสิ่งที่เราลืมมอง...
พออ่านแล้วก็เลย..."เออ..ใช่ว่ะ ...เห็นด้วยเลย"
แต่ทำไม...ตอนที่เห็น ไม่รู้สึกแบบนั้น




จาก "มุมที่ลืมมอง" ในปีถัดมาก็มีหนังสือเล่มใหม่... "นักท่องกาลเวลา"...


นักท่องกาลเวลา
'เพราะชีวิตไม่หยุดนิ่ง กาลเวลาไม่หยุดหมุน'

สิขเรศ เอี่ยมประชา
แพรวสำนักพิมพ์ พิมพ์ครั้งแรก : ตุลาคม 2550 ราคา 115 บาท / 172 หน้า
ซื้อ : 8 กุมภาพันธ์ 2551


ความเรียงเล่มนี้ คือความทรงจำที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าสู่กันฟัง
ความเรียงเล่มนี้ คือการส่งต่อ "แสงตะเกียง" หรือก็คือ ความเป็นนักเขียน ....จากมือแม่สู่มือลูก...

บางส่วนจากคำนำ เล่าถึงเรื่องราวของแม่ที่เคยเขียนเรื่องส่งเข้าประกวดระดับประเทศ
และได้รางวัลปากกาทอง ...ความฝันที่จะเดินต่อของแม่
พังทลายเมื่อคุณตาจับได้...เพราะมีจดหมายเชิญให้แม่ส่งเรื่องเข้าประกวดอีก
เนื่องเพราะสมัยนั้น คำว่า "นักประพันธ์ไส้แห้ง" ยังขลังอยู่
ผู้หลักผู้ใหญ่ ก็คงไม่อยากให้ลูกหลานเดินไปบนทางสายนี้....

ความเรียงบทต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่าน Blog ใน Exteen ของผู้เขียน
ได้เผยแพร่ รวบรวม ตีพิมพ์ และออกจำหน่ายในที่สุด

นั่นหมายความว่า "ฝันของแม่" ....มาสำเร็จเพราะมือลูก ....

แม้นักประพันธ์ในปัจจุบัน...จะไม่ถึงกับไส้แห้ง
แต่ก็คงไม่ได้รุ่มรวยด้วยเงินทอง

แต่นักประพันธ์รุ่มรวยด้วยเพื่อนฝูง
มิตรภาพบนเครือข่าย....
ยินดีต้อนรับนักประพันธ์ ผู้บันทึกเรื่องราว
ความฝัน ความรัก ความหลัง

ทุกทุกคน


ปล. ...ถ้าส่วนที่เป็นภาพถ่ายพิมพ์สี่สีด้วยจะยิ่ง perfect



Create Date : 04 เมษายน 2552
Last Update : 4 เมษายน 2552 14:10:13 น. 19 comments
Counter : 1631 Pageviews.  
 
 
 
 
เข้ามาเพราะคำสองคำนี้ เช่นกันเลยค่ะ..
 
 

โดย: LooKPat วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:11:25:57 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับ อ่านแล้วรู้สึกดีจัง หน้ากระดาษหนังสือจะเก่าสักเพียงไหน หมึกของตัวอักษรจะจางลงเพียงใด ความทรงจำดีดีจะคงอยู่ตลอดไป

ขอบคุณจริงๆ สำหรับความรู้สึกดีดี

หมายเหตุ: นิดนึงครับ เข้าใจว่าตรงนี้

พอแล้วแล้วก็เลย..."เออ..ใช่ว่ะ ...เห็นด้วยเลย"
(น่าจะหมายถึง "พออ่านแล้วก็เลย..." ใช่ไหมครับ)

และ "นักท่องกาลเวลา" ราคา 115 บาทครับ ไม่ใช่ 150 บาท เพราะพิมพ์ขาวดำทั้งเล่ม ส่วน "มุมที่ลืมมอง" มีภาพเป็นสีด้วยครับ ^___^
 
 

โดย: สิข (HyPeR MonKeY ) วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:12:24:35 น.  

 
 
 
ใช่แล้วมิตรภาพสำคัญกว่าเงินทอง เห็นด้วยค่า

ภาพบนปกหนังสือ มุมที่ลืมมอง สวยมากๆ
เป็นอีกหนึ่งเหตุผลในการซื้อเล่มนี้รึเปล่าคะ
 
 

โดย: BeCoffee วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:12:51:02 น.  

 
 
 
เป็นเหมือนกันค่ะ แค่เห็นชื่อเรื่องถูกตาถูกใจก็ไม่ดูอย่างอื่นแล้วล่ะ รีบควักเงินโดยเร็ว มาลุ้นก็ตอนอ่านนี่ล่ะว่าจะสนุกและถูกใจอย่างชื่อเรื่องมั้ย ถ้าสนุกก็ถือว่าโชคดีไป แต่ถ้าไม่ได้เรื่องก็เซ็งเลยค่ะ

ปล.วันนี้แอบหนีไปเที่ยวหรอคะ ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:13:46:56 น.  

 
 
 
ลืมบอกไปค่ะ ว่าโตเกียวทาวเวอร์มีแบบที่เป็นหนัง แต่ไม่รู้จะเหมือนในหนังสือมากน้อยแค่ไหน เพราะว่ายังไม่ได้ดูเลยอ่ะค่ะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:13:51:02 น.  

 
 
 
การตั้งชื่อหนังสือ ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง บางทีนักเขียนก็ตั้งมาแต่แรก แต่เพื่อนผู้จัดรูปเล่นขอเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย เราก็ยอม เพราะยอมรับในประสบการณ์ของเขา

ขอบคุณครับที่นำมาแนะนำ
 
 

โดย: Insignia_Museum วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:16:38:17 น.  

 
 
 
คุณ LookPat >> ขอบคุณ "ถ้อยคำ" ที่ชักนำเรามาเจอกัน ...นะคะ

คุณสิข >> เราพิมพ์ผิดบ่อย...เข้ามาแก้ไขแล้วล่ะคะ ขอบคุณที่แวะมาเยือนค่ะ

คุณอ้อน >> ถูกต้องเลย ภาพปกเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้เราหยิบหนังสือไปจ่ายตังส์

คุณส้ม >> ก็สนุกช่วงลุ้นด้วยนั่นแหละค่ะ
ใช่แล้ว ...คืนนี้จะเดินทางไปทริปสั้นๆ ...ช่วยกันภาวนาให้ฟ้าเป็นใจตลอดการเดินทางค่ะ
เราจะได้มีรูปมา up blog ต่อไป

่คุณ Insignia_Museum >> เห็นด้วยค่ะ ...บางทีมันก็เป็นเหตุผลทางการตลาด ....
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:17:29:03 น.  

 
 
 
 
 

โดย: LooKPat วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:17:58:18 น.  

 
 
 
สะดุดชื่อเรื่องเหมือนกันค่ะ ถ้าเห็นคงหยิบขึ้นมาดู....แล้วก็วาง....เพราะรู้ว่าไม่ใช่แนวที่อ่าน แต่ถ้าเบื่อนิยายเมื่อไหร่ หนังสือแนวนี้ก็น่าสนใจและน่าหยิบมาอ่านเหมือนกัน
 
 

โดย: หมูย้อมสี วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:18:03:16 น.  

 
 
 
คุณนัทธ์..

เห็นรูปลักษณ์หนังสือ ชื่อเรื่อง
ขนาด และแนวทางการเขียน..ก็น่าสนใจซื้อแล้วค่ะ
แอบตามไปอ่านบล็อกของนักเขียนด้วยแหล่ะ..อิอิ

เคยอ่านบล็อกเก่าของคุณนัทธ์ ที่พูดถึงงานของคุณปรายแล้ว
ตอนเราอ่าน..ก็แอบรู้สึกเหมือนคุณนัทธ์นะคะ..ที่ว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆ
แต่เรานึกไม่ถึง..หรือนึกถึงแต่ไม่เคยเขียน..พอมาอ่านแล้ว
มันรู้สึกว่า..อืม..ใช่เลยค่ะ..เหมือนด้านบนเหมือนกัน
ที่คุณบอกว่า..เออ..พอได้อ่านแล้ว..รู้สึกว่าใช่ ฉันก็คิดทำนองนั้นเหมือนกัน


ขอบคุณหนังสือที่แนะนำในบล้อกที่แล้วค่ะ..จำชื่อไว้แล้ว
มีโอกาสเมื่อไหร่..คงได้ซื้อจุใจไปเลย แต่คงช้าหน่อย คนอื่นคงอ่านไปหมดแล้ว
แต่ดีอย่างนะคะ..หนังสือมันไม่มีวันล้าสมัย..อ่านเมื่อไหร่ ช้าแค่ไหนก็ได้

เอ..ได้ข่าวว่าจะเที่ยวไม่ใช่เหรอ?

 
 

โดย: nikanda วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:19:02:31 น.  

 
 
 
เห็นชื่อหนังสือทั้งสองเล่มแล้วก็รู้สึกสะดุดตาเหมือนกันค่ะ จริง ๆ ก็เห็นเมื่อวานนี้เอง ในบล็อกของผู้เขียนเอง ผ่านไปเจอเข้าโดยบังเอิญแล้วก็รู้สึกชอบชื่อที่ตั้งไว้มาก ๆ นี่ก็กะว่าถ้าได้กลับบ้านคราวหน้าคงต้องไปหามาไว้ครอบครองบ้าง
 
 

โดย: Picike วันที่: 4 เมษายน 2552 เวลา:21:14:58 น.  

 
 
 
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมชมบล็อคเรานะคะ :)
เข้ามาอ่านบล็อคนี้ ได้สาระเกี่ยวกับหนังสือน่าอ่านเยอะเลย
คงต้องมาบ่อยๆ แล้ว
เผื่อได้ลิสต์หนังสือดีๆไปอ่านบ้าง
 
 

โดย: ฝ้าย (faillefaille ) วันที่: 5 เมษายน 2552 เวลา:15:52:08 น.  

 
 
 
เพิ่งอ่านเล่มเดียว มุมที่ลืมมอง ชอบวิธีคิด วิธีบอกเล่าค่ะ
 
 

โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 5 เมษายน 2552 เวลา:19:06:50 น.  

 
 
 
ด้วยความที่ผมไม่เคยติดตามข่าวสารการวางแผงของหนังสือเลย
การมองหน้าปกแล้วเลือกซื้อเลือกหาจึงถือเป็นวิธีการหลักและวิธีการเดียวในการซื้อหนังสือของผม

จะว่าทั้งมักง่ายและใจง่ายในการพาหนังสือเข้าบ้านก็คงจะได้ 555+

เห็นข้อมูลของ “มุมที่ลืมมอง” แล้วคิดถึงนิตยสารซีเคร็ดที่คุณนัทธ์เพิ่งแนะนำให้ผมลองอ่าน
เล่มที่ผมอ่านมีบทความนึงพูดถึงการเดินทางเอาไว้ได้น่านำไปคิดตาม
โดยเค้าว่า คนเราไม่ควรฝากอนาคตไว้กับการท่วงเที่ยวที่เป็นเพียงแค่ 10% ของชีวิต
แต่ควรหันไปทำให้ชีวิตประจำวันอีก 90% ที่เหลือมีคุณค่า ไม่น่าเบื่อ และน่าอยู่มากกว่า

หนังสือมุมที่ลืมมองเล่มนี้น่าจะช่วยหนุนแนวคิดของการเดินทางอยู่กับที่นี้ได้เป็นอย่างดี

ที่น่าสนใจก็คือ มันมีมุมที่เราลืมมองอยู่เยอะจริงๆ
อย่างการให้พ่อแม่เขียนคำนิยมหนังสือให้นี่ เรียกว่าเรียบง่ายแต่เหนือการคาดคิดสุดๆ
(อ่านที่คุณเขียนแล้ว ชักอยากจะฝึกเขียนให้ภาษาเรียบง่ายดูบ้างจัง จะได้ไม่พาคนอ่านมึนบ่อยๆ)
แต่ถ้าผมเขียนหนังสือคงจะทำแบบนี้ไม่ได้ เพราะมีหวังเจอแม่ด่าตาย (แม่ผมก็ยังหัวเก่าอยู่ครับ)
(นี่ถ้าถูกจับได้ว่าเขียนหนังสือคงโดนตบล้างน้ำ บิดให้แห้ง แล้วลากไปตบใหม่อีกรอบ)

หนังสือทำมือของผมก็เคยคิดจะให้เพื่อนๆมาเขียนคำนิยมให้เหมือนกันนะ
แต่ตอนนี้ตัดออกไปแล้ว เพราะมันทำให้หนังสือหนาขึ้น...ซึ่งทำให้ต้นทุนแพงขึ้นตามไปด้วย 555+
(หนังสือทำมือมันต้องออกทุนเอง ก็ต้องประหยัดแบบนี้เอง)

ว่าแต่หลงใหลการเขียนประกอบภาพแบบนี้ อย่าลืมหนังสือทำมือที่เคยเกริ่นไว้นะครับ

ส่วน นักท่องกาลเวลา เหมือนตอกย้ำให้กับเล่มแรกว่า “การเขียนบล็อกดีๆก็พาเฮงได้เหมือนกัน”
อึม...ฟังดูง่ายแต่ทำยากแฮะ 555+

เห็นหนังสือ 2 เล่มนี้แล้วพาลหู้สึกว่า ความฝันนี่ก็แปลกนะครับ
เวลาที่เราท้อถอยมันก็เหมือนจะหมดอายุลงง่ายๆ แบบไม่ต้องมีเหตุผลมารองรับ
แต่บางทีทั้งๆที่เราลืมมันไปตั้งนานแล้ว แต่ความฝันก็ยังแอบมีชีวิตอยู่อย่างลับๆ
และบางครั้งความฝันที่ถูกทำให้เป็นจริงด้วยมือคนอื่นก็มอบความสุขให้กับเราได้ไม่แพ้ได้ทำด้วยตัวเอง
“นักท่องกาลเวลา” น่าจะเป็นหลักฐานที่ดีของสมมุติฐานข้อสุดท้ายนี้

แต่ที่แปลกและน่าสนใจที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นประโยคท้ายๆที่คุณนัทธ์เขียน

“แต่นักประพันธ์รุ่มรวยด้วยเพื่อนฝูง
มิตรภาพบนเครือข่าย....
ยินดีต้อนรับนักประพันธ์ ผู้บันทึกเรื่องราว
ความฝัน ความรัก ความหลัง”

เพราะขนาดวามฝันในการเป็นนักเขียนมันน่าจะเงียบงัน นั่งคุยแต่กับตัวเอง และแปลกแยกจากสังคม
แต่ไหงมันก็มีเพื่อนฝูงมากมายได้หน้าตาเฉยเลย ที่เป็นแบบนี้ได้ก็อาจจะเป็นเพราะมีบล็อกแบบของคุณนัทธ์ก็ได้

บล็อกที่คอย “ต้อนรับ” ผู้บันทึกเรื่องราวอยู่เสมอ
ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่ดีเสมอมาครับ ^^
 
 

โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 5 เมษายน 2552 เวลา:21:25:29 น.  

 
 
 
คุณหมู >>

คุณแจง >> กลับจากเที่ยวมาเช็ค rating
ถ้าชอบอ่านประเภทความเรียงอยู่บ้าง ...ก็แนะนำให้อ่านค่ะ ....
งานเขียนที่อ่านง่ายๆ ไม่หนักสมอง

คุณ Picike >> แนวงานแบบนี้ อ่านได้เรื่อยๆ ค่ะ ไม่ต้องเร่งรีบ
มีโอกาสก็ลองหยิบมาอ่านดูนะคะ

คุณฝ้าย >> ด้วยความยินดีค่ะ ...แวะมาบ่อยๆ นะคะ

คุณพุดฯ >> ใช่ค่ะ เราก็ชอบวิธีการเขียน..ก็เลยติดตามในเล่มต่อมาด้วย

คุณชุึดนอนฯ >> นานนานแวะมาที ..มาเที่ยวนี้ยังทิ้งคำให้เราปลาบปลื้มใจซะอีกนะ
หนังสือทำมือ (ทำเอง) ยังไม่ได้เริ่มต้นเลยล่ะ
จะรอดูตัวอย่างของคุณก่อน
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:9:24:51 น.  

 
 
 
จะเอ๋ มาทวงสัญญาๆค่ะ หนังสือสนพเรจีนาไง อิอิ
 
 

โดย: readinglover วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:11:06:48 น.  

 
 
 
เคยแอบสนใจหนังสือ 2 เล่มนี้มานานแล้วค่ะ

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้สอยมาอ่าน เพราะพอจะรู้ตัวว่าแนวนี้ไม่ใช่แนวที่ตัวเองจะอ่านได้อย่างรวดเร็ว ถ้าสอยมาคงต้องดองแน่นอน
 
 

โดย: จินตานุภาพ วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:12:36:51 น.  

 
 
 
กระแสคนบล็อก
แปลงมาเป็นตัวอักษร
ลงในหนังสือ

คงเป็นเทรนด์ในลำดับ
ต่อไปมั้งครับท่านนัธท์
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 6 เมษายน 2552 เวลา:18:57:48 น.  

 
 
 
อ่านแล้วน่าสนใจทั้งสองเล่มเลยค่ะ

หนังสือที่เขียนคำนำโดยพ่อและแม่..เก๋ได้อีก น่าสนใจมากๆ ค่ะ

เรื่องหลังก็ด้วย อ่านแล้วรู้สึกดีนะนี่
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:17:01:04 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com