|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
อยู่เพื่อความรัก - ยาขอบ : ตอน "ร้าง"
อยู่เพื่อความรัก : ยาขอบ
สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พิมพ์ครั้งแรก : มิถุนายน 2531 ราคา 35 บาท / 176 หน้า ซื้อเมื่อ : 18 สิงหาคม 2531 ใครเพิ่งแวะเข้ามา ขอให้ย้อนกับไปอ่าน ตอน "รัก" ก่อนนะคะ
หลังจากที่เรื่องสั้นแห่งความรักทั้ง 6 ตอนจากปลายปากกา 5 นักเขียน (6 นามปากกา) จบลง ยาขอบได้นำเรื่องชุดนี้มาลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์สยามนิกรอีกครั้ง เริ่มตอนแรกวันที่ 3 พฤษภาคม 2480 โดยลงพิมพ์วันต่อวัน วันละคน จนจบตอนรักเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2480
แล้วยาขอบก็จับปากกาจุ่มน้ำผึ้งร่ายเรื่องราวตอน ร้าง คนเดียวทั้งหมด ลงพิมพ์ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคมเป็นต้นไป แต่เรื่องยาวกว่าเดิมจึงต้องทยอยพิมพ์คนหนึ่ง 2 ฉบับ ซึ่งก็มีการตีพิมพ์ไป หยุดพิมพ์ไปบ้าง ด้วยปัญหาเรื่องเซนเซอร์หนังสือ ปัญหาเรื่องต้นฉบับขาดส่ง เพราะคนเขียนสมองตื้อไปต่อไปไม่ซะงั้น แต่ในที่สุดเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงจนได้ และได้รับการตีพิมพ์รวมเล่มต่อมาหลายครั้ง เปลี่ยนชื่อเล่ม เปลี่ยนชื่อตอนในเล่มก็หลายคราว จนมาถึงฉบับพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ดอกหญ้าครั้งนี้
ทองจันทร์เปิดเรื่องร้าง ด้วยจดหมายถึงเพื่อนรักนาม "ประพันธ์" เช่นเดิม เขาได้เล่าถึงเรื่องรักหวานชื่นที่ลงเอยเป็นขีวิตคู่..แล้วกลับกลายเป็นรักร้างในท้ายที่สุด ระหว่างตัวเขากับแม่งามที่รักทั้ง 6 คนไปตามลำดับ
พักตรพริ้ง : รักร้อน ละลายเร็ว ในที่ยิ่งสูง ความบริสุทธิ์ใจในทางรักใคร่ก็ยิ่งเสื่อม ท่านชายผู้ดีที่ทำท่าไม่รู้ว่าพักตร์พริ้งเปลี่ยนมือมาเป็นของฉัน ไม่ใช่เพื่อรักษามารยาท ท่านเหล่านี้ทำไม่รู้เพื่อแทะโลมพักตรพริ้งได้สะดวก โดยไม่ต้องถือว่า แสดงกิริยาอันไม่น่าดูเช่นนั้นต่อหน้าสามี
พักตร์พริ้งนั้นถูกจับแต่งงานแต่หลังจากนั้น 1 ปีเมื่อคุณพ่อเธอเสีย ..เธอก็ตามตัวทองจันทน์ไปพบ จับตัวของดิฉันไปเป็นของทองจันทน์ได้แล้ว ไม่ต้องด้วเงินหมื่น ด้วยความสมัครใจของดิฉันเอง เธอทำเรื่องรวนเพื่อเรียกอิสรภาพคืนจากสามีของเธอ และมีการหย่ากันทางพฤตินัยไปแล้ว แต่ทางนิตินัยนั้นต้องรอไปอีก 10 เดือน จากคืนนั้นชีวิตคู่ระหว่างทั้ง 2 จึงเริ่มต้นขึ้น แต่รักเร็ว ก็ร้างได้เร็วเช่นกัน พักตร์พริ้งติดสังคม..แต่ทองจันทน์นั้นก็ถือว่าตนมีเกียรติ มีงานเขียนที่ต้องทำ จึงไม่สามารถไปสำเริงสำราญตามงานสมาคมกับพักตร์พริ้งได้ทุกวันคืน และแล้วรักก็ร้าง ด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวจากปากพักตรพริ้ง
ทองจันทน์อย่าทำท่าโกรธดิฉันอีก คนที่เขาลงทุนซื้อดิฉันถึงหมื่นก็ยังไม่กล้าทำหน้ายักษ์ใส่หน้าดิฉัน ...ผมถือ ผมเป็นยอดรักของพักตร์พริ้ง แต่ตามที่เธอพูดจะไม่ให้ผมฟังว่า ผัวก่อนที่เธอไม่รักแต่มีสินสอดหนึ่งหมื่นนั้นมีค่าตัวแพงกว่าทองจันทน์กระนั้นหรือ . ..ฤทธ์ของคำพูดทำให้ผมออกจากบ้านของเธอโดยเร็ว..
โฉมฉาย : ครองรักก็คล้ายครองเกม ผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทเจ้านายทองจันทร์นี้ ถ้าเป็นฝ่าย ให้ จะปิติปลื้มกว่าได้เป็นฝ่าย รับ นี่แหละครองรักก็คล้ายครองเกมความสุข ถ้าเราเกิดต่างกันเหมือนคู่ต่อสู้ในเกมที่มีฝีมือต่างชั้น ไม่รู้สึกว่าเกมของเราออกรสและรำคาญสิ้นดี
ทองจันทน์กลับมาอยู่ที่บ้านอย่าง ช้างที่เจ็บหนักกลับสู่สุสานของตน เพื่อรอวันตาย เมื่อแม่สมน้ำหน้าและไม่สนใจ คนที่ให้ความสนใจก็คือโฉมฉาย สาวน้อยที่ถูกพรากให้เข้าไปอยู่ในวังกับคุณน้า และแม่ได้ตามตัวกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเมื่อทองจันทน์ไปอยู่กับพักตร์พริ้ง โฉมฉายดูแลปรนนิบัติคนอกหัก ด้วยความรักลึกซื้งที่ยังคงอยู่เต็มตื้นในหัวใจ และลักษณาการณ์เช่นนั้น ก็ทำให้แม่ของทองจันทน์จำต้องส่งเธอกลับเข้าวังอีกครั้ง คราวนี้ทองจันทน์เดือดมาก ก็เลยไปบอกแม่ว่าได้โฉมฉายเป็นเมียแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นเพียงคำพูดด้วยอารมณ์โกรธ แต่โฉมฉายไม่ปฏิเสธเลยเมื่อถูกเรียกไปซักฟอก ...
...ในวันต่อมา โฉมฉายก็อยู่ความเข้าใจของคนอื่นๆ ทั้งบ้านว่าเป็นภรรยาผม และการปรนนิบัติเอาใจที่อย่างวิเศษของเธอ ทำให้ผมค่อยแช่มชื่นและมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นในใจ จึงในวันต่อมาๆ อีก โฉมฉายก็ไม่เพียงแต่จะเป็นเมียผมในด้านที่คนอื่นๆ เข้าใจอย่างเดียว เป็นจริงๆ ...
ชีวิตคู่ระหว่างทองจันทน์กับพักตรพริ้งนั้นคือ 7 เดือน กับโฉมฉายยาวมาเกือบปี
...ผมเรียกการปรนนิบัติของโฉมฉายว่าเป็นการกระทำของนางฟ้านั้น ผมเรียกในเวลาเป็นคู่รัก แต่เวลาเป็นคู่ครอง เธอคือคนที่ทรมานอารมณ์ผม เป็นต้นในคืนที่ผมทำงานของผมดึกๆ ผมต้องการให้เมียรักของผมหลับสนิทอยู่บนที่นอน ผมไม่ชอบน้ำใจอันภักดีสุจริตของเธอที่รอเพื่อดูแลผมว่าจะต้องการสิ่งใด โดยยกเอาการนั่งถักไหมพรมอยู่เงียบๆ บังหน้า จนกว่าจะถึงเวลาผมว่างงานเธอจึงจะเลิกด้วย..
เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด ทองจันทน์พยายามอธิบายในสิ่งที่ตนต้องการแก่โฉมฉาย
...ผมบอกเธอไม่ใช่ห้วนๆ ทั้งชี้แจงแสดงเหตุ และทั้งเล้าโลมว่าเธอไม่ต้องเสียใจที่ทำความไม่ถูกใจผม หากโดยเจตนาดีนี้ โฉมฉายรู้เรื่องแล้วร้องไห้ไม่นิ่ง คำเล้าโลมที่มีเหตุผลของผมไม่มีราคา เธอเสียใจอย่างที่ประมวลความเสียใจทั้งหมดทั้งโลกมาไว้เสียคนเดียว แล้วเรื่องที่ไม่นึกฝันว่าจะเกิดก็เกิดขึ้นในคืนนั้นเอง ประพันธ์ โฉมฉายไปจากผม หนีไปจากบ้านอย่างสาบสูญ ...เธอเขียนจดหมายสั้นๆ ไว้ว่า โฉมต้องการใช้ชีวิตของตัวทั้งหมด เพื่อความสุขความเจริญของทองจันทน์ จึงขอลา เพื่อความสุขสำราญของทูนหัวของโฉมสืบไป
จิระวัต : เมื่อค่าของเงินขึ้น ค่าของความรักก็ตก เธอศรัทธาในวิธีทำเงินอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้เช่นนายทองจันทน์ จิระวัตรู้ว่าผมมีรายได้ดีในการเขียน แต่เธอเพิ่งเห็นจริง เธอคลั่ง เธอถือว่าเธอมีของประหลาด คือมีโรงกษาปณ์เล็กๆ ซึ่งไม่ใช้โลหะ ใช้น้ำหมึกแล้วก็บีบออกมาเป็นเงิน
ทองจันทน์กลับมาพบกับจิระวัตแม่ม่ายญาติผู้น้องคนนี้อีกครั้ง เมื่อคราวตามแม่มาช่วยงานศพป้าสะใภ้ แล้วเลยอยู่ต่อเพื่อช่วงงานอื่นอีก ได้พักอาศัยอยู่ในห้องที่เคยอยู่ ได้ใกล้ชิด ได้มีโอกาสทำความเข้าใจกับหญิงที่เคยรักและยังรักอยู่ จนที่สุดทองจันทน์ก็กลายเป็นลูกเขยและหลานรักของท่านเจ้าของบ้าน เป็นยอดชายและยอดรักของลูกสาวเจ้าของบ้าน แต่ชีวิตรักครั้งนี้ยืนยาวต่อมาอีกเพียง 9 เดือนเท่านั้น
...ผู้หญิงคนนี้มีความคิดที่เร้นอยู่ภายในชนิดหนึ่ง คือความคิดที่อยากเป็นแม่ หรืออย่างน้อยที่สุดก็เป็นพี่ผม เธอมีความเข้าใจอย่างลับๆ ว่าผมได้ผิดได้ชั่วไป เพราะเหตุที่ไปได้ผู้หญิงสองคนเป็นเมีย เธอต้องการแสดงให้ประจักษ์ ว่าเธอดีกว่าพักตรพริ้งและโฉมฉายในด้านที่เป็นแม่หรือผู้ควบคุมให้ผมทำความดี!... ...ไม้สักใครๆ ก็รู้ว่าเป็นสินค้าสำคัญของไทย ไม้สักของผัวเก่าทำเงินให้จิระวัตเลยเห็นไม่ค่อยแปลก หนังสือตัวเล็กทำเงินได้ แปลกสำหรับคนไทยและจิระวัต เธอเคี่ยวใหญ่ เธอเป็นแม่ที่ดุ ถ้าผมจะนั่งโต๊ะน้อยกว่าเวลาที่กำหนด เราเถียงกันบ้างและบ่อยขึ้น ผมรู้ว่าผมเขียนหนังสือเลวลงทุกวัน เพราะเขียนอย่างเอาใจเมีย ไม่ได้เอาอารมณ์เป็นสำคัญ ...เธอรำพันความดีของผัวเก่าในทางทำเงิน ในที่สุดเธอว่า ดิฉันไม่มั่งมีเหมือนคุณพักตร์พริ้ง คุณพ่อก็เหมือนนั่งกินทุนเดิมของเท่าเพราะแก่ลงทุกวัน ทำงานไม่ไหว พี่อยากเกาะผู้หญิงมั่งมีเงิน พี่ควรกลับไปง้อคนอย่างพักตร์พริ้ง ...สวรรค์โปรดเถิด พูดอะไรกัน! พูดอะไรกับเจ้านายทองจันทน์ ผมถูกตีที่ขนดหางอีกแล้ว ....เมื่อน้ำเงินเป็นใหญ่ น้ำรักก็ลดนะ ประพันธ์ ผมเปิดหมวกลาคุณลุงและจิระวัตด้วยประการฉะนี้
บังอร : ในเรื่องรักอย่าถือประเพณีจัด! ศีลธรรมยอมให้ผมเป็นผัวผู้หญิงที่เป็นเมียผม และกำลังอุ่นอยู่กับอกผมอย่างเต็มที่ทีเดียว ศีลธรรมมิได้ลุกขึ้นยืนของร้องอะไรกับผมเลย ค่าที่ผมมิได้ทำผิดในความเป็นมนุษย์ แต่เป็นวันพระ วันเกิดของเรา วันอุบาทว์ วันโลกาวินาศของโลกตามจันทรคติ ได้ยืนขึ้นยืนยันสิทธิของมัน
เมื่อเลิกร้างจากจิระวัต กลับมาอยู่บ้านตามเดิมนั้น ทองจันทน์ได้รับจดหมายจากบังอร ..หญิงสาวที่อยู่ในครอบครัวที่ถือประเพณีเคร่งครัด เธอป่วยหนักและอยากเห็นหน้าคนที่เคยรักเป็นครั้งสุดท้าย ทองจันทน์จึงไปเยี่ยมเยียน ได้พูดจาให้เธอดูแลตัวเอง และเมื่อบังอรทราบว่าขณะนี้ทองจันทน์นั้นตัวเปล่า ไม่ได้มีภรรยาอย่างที่ยินได้ข่าวมา เธอจึงมีกำลังใจบำรุงรักษาตัวเอง จนเธอหายวันหายคืน 5 เดือนต่อจากนั้น ทั้งสองจึงเข้าพิธีวิวาห์ตามขนบธรรมเนียมประเพณีโดยถูกต้อง ...เป็นการใช้ชีวิตคู่ที่ผ่านพิธีการครั้งแรกของทองจันทน์เลยทีเดียว แต่ทว่าชีวิตคู่กับหญิงสาวที่เติบโตมากับครอบครัวที่เคร่งครัดประเพณีเช่นนี้ ก็ไม่ราบรื่นเช่นกัน
...ผมจำเป็นต้องเอาเหตุการณ์ในห้องนอนมาเล่าให้คุณฟังเสียแล้ว บังอรไปได้รับการอบรมสั่งสอนจากท่านผู้ใหญ่ของเธอเพิ่มเติมมาใหม่ และได้เริ่มใช้กับผม พร้อมกับที่เริ่มระวังประเพณีและสวัสดิมงคลทั้งหลายนั้นด้วย ทุเรศตัวเองเหลือกำลังละเพื่อนรัก ทั้งที่ผมสมบูรณ์ในความเป็นผัวของบังอร ไม่ว่าจะพิจารณาด้วยอะไรทุกสิ่งนี้ แต่ด้วยความเคร่งทางไสยศาสตร์และสวัสดิมงคล วันเหล่านี้คือ วันพระ วันตัวเกิดของผม วันตัวเกิดของเธอ วันโลกาวินาศ วันอุบาทว์ ผมมีสิทธิเป็นเพียงคู่รักเธอเท่านั้นเอง...การเชื่อโชคเชื่อเคราะห์เป็นใหญ่กว่าความรักของเรา ผมไม่ผิด ถ้าผมจะเรียกตัวเองตอนนี้ว่า เป็นชีวิตของสามีปฏิทิน...
ชีวิตคู่ครั้งนี้จบลงด้วยการแยกทางกัน ทองจันทน์ปลีกตัวจากบ้านบังอรทุกครั้งที่มีงานพิธีต่างๆ จนกระทั่งปลีกตัวไปต่างจังหวัดโดยลำพัง และบังอรก็หนีชีวิตคู่ไปสวมชุดแม่ชีโดยสงบ
สมสวาท : ความรักไม่ใช่นักโทษอุกฉกรรจ์ ตามไปเที่ยวค้นคว้า ราวกับว่าทองจันทน์นี้เป็นลูกสาวของแก แทนที่จะเป็นผัว --- กำลังกินเหล้าที่สโมสร เมียไปตาม กำลังคุยกับเพื่อนที่บ้านหลวงฤทธิ์ เมียไปตาม แม้ที่สุดมีงานด่วนต่องทำนอกเวลาที่สำนักงาน สมสวาทก็ไปตาม อ้างว่าเป็นห่วง ทีนี้อ้ายเพื่อนทุกคนก็ลือสนุกกันใหญ่ สักแต่ว่ามีคนไปบอกว่ามีคนมาหาผม มันก็หัวเราะเยาะกันเสียแล้ว
การจากบังอรทำให้ทองจันทน์กลับมาใช้ชีวิตสำมะเลเที่ยวเตร่หัวปักหัวปำ หมดเงินไปกับผู้หญิงและเหล้า จนต้องไปเป็นพนักงานกินเงินเดือนประจำ และได้มีโอกาสพบกับสมสวาท หญิงสาวที่เคยเข้าใจว่าเธอสลัดรักไปแต่งงานกับคนอื่น แต่แท้จริงแล้ว เธอแกล้งบอกเช่นนั้นเพราะน้อยใจทองจันทน์เท่านั้นเอง เมื่อความเข้าใจผิดคลี่คลาย ความรักก็รัดรึงทั้งคู่เข้าด้วยกันอีกครั้ง แต่เพียงปีเศษเท่านั้น รักก็ร้าง
...ด้วยเหตุที่สมสวาทรักผมจนเกินไปนี่แหละ ผมจึงคิดว่าต้องสอนเธอด้วยวิธีแข็งข้อเสียบ้าง ....สมสวาทตามได้ตามไป ตามมาเถอะ ผมแกล้งทำเมาไม่ได้ความ จูบซ้ายจูบขวาแม่นางบำเรอที่นั่งข้างๆ ผมให้แกดูต่อหน้าต่อตา วันหนึ่งผมกลับจากออฟฟิศ พบจดหมายสมสวาทรออยู่ บอกว่าเดินทางไปหาคุณพ่อที่ปราจีน ยอดมิตร ไม่มีความระยำอันไหนจะเลวเท่าที่ญาติข้างเมียมักจะพอใจสนับสนุนให้เด็กของตัวหัวแข็งกับสามี มันช่างคล้ายๆ กันไปเสียหมด ..ดังนี้แหละ ผมกับสมสวาทจึงต้องแยกทางกันเดิน ผมยังคงรักและซื่อตรงต่อสมสวาทอยู่ เรายังคงมีนิสัยไม่ตรงกันข้อเดียวเท่านั้น แต่มันก็ทำให้อีกร้อยข้อพันข้อที่เราตรงกันพลอยฉิบหายไปด้วยหมด...
อุษา : รักที่ราบรื่นไม่ต้องการเรื่องเหลื่อมล้ำ กระหม่อมทนได้ ขอให้คนทั้งโลกเหยียบมาเถิด เดินตะลุยมาบนหน้าของกระหม่อม แต่ขอคนเดียวอย่าพลอยก้าวมาตามเขา หรือแม้จนขยับจะก้าวก็ไม่ได้ คนคนนี้คือท่านหญิงอุษา เพราะถึงทองจันทน์จะตัวเป็นคนหน้าเป็นหมา คนที่ควรจะเมตตาทองจันทน์เพราะตัวเป็นคนหน้าเป็นหมา ก็ยังต้องเป็นท่านหญิงอุษา... แต่บัดนี้ กระหม่อมจะชื่นใจในสิ่งนั้นได้ต่อไปหรือ?
จากสมสวาทมาและสร้างชีวิตราตรีอันยุ่งเหยิงไว้ที่กรุงเทพฯ ขืนอยู่ต่อไปชีวิตคงเสื่อมลงเรื่อยๆ ทองจันทน์จึงลงไปเมืองปราณพักที่บ้านเพื่อน เพื่อมุเขียนหนังสือขายต่อไป ปราณบุรีกับหัวหินนั้นไม่ไกลกัน ...ข่าวคราวของทองจันทน์จึงทราบความถึงท่านหญิงอุษา และทั้งคู่จึงได้นัดหมายพบกันที่หัวหิน หลังจากห่างหายจากกันไปกว่า 5 ปี
...เราตั้งต้นสนทนาด้วยความสัพยอกไม่เป็นล่ำเป็นสัน ตามวิสัยของความชื่นใจที่พบกันนิดหน่อย แล้วเราก็พูดกันด้วยเรื่องราวของความรักอันยิ่งใหญ่ ชั่วโมงและชั่วโมงผ่านไป แล้วผมก็ทูลเธอว่า กระหม่อมจะเอาชีวิตของกระหม่อมผูกไว้กับข้อพระบาทของอุษาฯ ไม่เอ๊า หญิงจะเก็บของหญิงขึ้นไว้ในดวงใจ - - ถ้ากระนั้นกระหม่อมคงจะหนีขึ้นไปอยู่ที่ปรางและที่โอษฐ์ได้บ่อยๆ ผมได้จูบเธอเป็นครั้งแรก ...
เมื่อตกลงปลงใจจะร่วมชีวิตกับนายทองจันทน์สามัญชน ท่านหญิงอุษาก็จดหมายกราบทูลลาออกจากฐานันดรศักดิ์ของพระราชวงศ์ แต่ทว่าเสด็จแม่ของท่านหญิงกลับห้ามไว้ และขอให้ทั้งสองอยู่กันอย่างเงียบๆ อย่าประเจิดประเจ้อ
.ไว้จนกว่าเรื่องมันจะปิดบังเขาไม่ได้เสียก่อน จึงค่อยคิดอ่านกันต่อไป อนึ่งถ้าแม่เล็กยังอยากทำบุญแก่แม่บ้าง ก็ขอไว้อย่างหนึ่งว่า เวลาแม่คิดถึงลงไปเยี่ยมเยียนนั้น อย่าให้เจ้าคนนั้นเสนอหน้ามาให้แม่เห็น แม่เกลียดสัตว์หลายชนิดรวมทั้งเจ้าหมอคนนั้น
แต่ชีวิตคู่ของทั้งสองก็สำเริงสำราญกันมาได้ 4 เดือน เสด็จแม่ก็ประสงค์จะลงมาเยี่ยมเยียนท่านหญิงบ้าง คราวละ 15 วันบ้าง 1 เดือนบ้าง ถี่ขึ้นและนานขึ้นเรื่อยๆ และทุกครั้งที่ท่านแม่เสด็จมา เป็นอันว่านายทองจันทน์ก็ต้องปลีกตัวขึ้นมากรุงเทพบ้าง คอยเลี่ยงที่จะพบหน้าเรื่อยไป ในเวลาที่ห่างกันนั่นเองที่ท่านแม่ชักจูงและโน้มน้าวให้ท่านหญิงตระหนักในฐานันดรขึ้นมาอีกครั้ง ท้ายที่สุดชีวิตรักกับหญิงสาวคนที่ 6 ของทองจันทร์ก็ต้องขาดสะบั้นลงในเวลาเพียง 12 เดือน
อนิจจา! ผมรักผู้หญิง 6 คน ได้เธอมาทั้ง 6 คน และรายนี้เป็นการพินาศรายสุดท้ายของยอดรักทั้ง 6 นั้น นี่ผมจะต้องกลายเป็นจอกน้อยล่องลอยอยู่สุดแต่ว่ากระแสน้ำจะพัดพาไป หรืออย่างไรกัน คุณประพันธ์
จากเพื่อนผู้อาภัพของประพันธ์
เรื่องรักและร้างของนายทองจันทน์ ก็จบลงตรงนี้ แต่เรื่องแปลกประหลาดของของนิยายเรื่องนี้ ยังมีเบื้องหลังอยู่อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งได้รับการเปิดเผยไว้ใน หนังสือยาขอบอนุสรณ์ หนังสือที่ระลึกงานศพของ โชติ แพร่พันธุ์ พ. เนตรรังษี เล่าไว้ว่า ได้ติดตามอ่านนิยายตอนร้างนี้มาได้ 4 ตัว เรื่องก็สะดุดหยุดลง
...เพราะพ่อเจ้าประคุณบอกว่าเขียนไม่ออก ทางโรงพิมพ์ก็เกิดปั่นป่วน เพราะตัวพิมพ์ค้างระหว่างยก ทางสำนักงานนายเมตตาก็อลเวง เพราะทุนลงไปจมอยู่ ปกก็ทำเสร็จเรียบร้อย ประกาศกำหนดวันออกก็ประกาศไปแล้ว หนังสือไม่เสร็จจะว่าอย่างไร
วันหนึ่งข้าพเจ้าไปที่สำนักงานนายเมตตา พบโชติที่นั่นพอดี ข้าพเจ้าก็ถามว่าเมื่อไรอยู่เพื่อความนรักจะออก เมตตาชี้ไปทางโชติบอกว่า ถามเขาดูซี ปวดหัวจะตายแล้ว ข้าพเจ้าแลดูโชติ เขาหัวเราะ ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า ออกไม่ได้ เพราะต้นฉบับยังเขียนไม่เสร็จ ... หมู่นี้มันไม่เกิดอารมณ์ที่จะเขียน คุณก็รู้แล้ว ถ้าไม่เกิดอารมณ์ก็เขียนไม่ได้ ... เอางี้ได้ไหมล่ะ คุณช่วยผมหน่อย ...ช่วยเขียนคนที่ 5 แทนผม แล้วผมจะเขียนคนที่ 6 สุดท้ายเป็นบทสรุปเลย ยังงี้ละก้อพอไหว
เมตตาทำนัยน์ตาโตซึ่งปรกติก็โตอยู่แล้วให้โตยิ่งกว่าปกติอีกเท่าหนึ่ง ว่าไงนะ ให้คุณพัฒน์เขียนแทนนาย แล้วมันจะเข้ากันได้หรือ? คนอ่านเขาก็รู้กันทั้งเมืองเท่านั้นเอง
โชติโบกมือห้าม เฉยๆ ไว้เถอะ ฉันรู้ว่าใครเขียนได้ ใครเขียนไม่ได้ นายมีหน้าที่พิมพ์ จงพิมพ์ไป อย่ามารู้ดีหน่อยเลย... คอยดู พนันกันก็ได้ พ. เนตรรังษี เขียน แต่ใส่ชื่อ ยาขอบ ดูทีหรือ คนอ่านจะรู้ไหม?
ข้าพเจ้าเห็นว่า ถ้ามันจะสนุกดีเหมือนกัน ทั้งอยากช่วยให้หนังสือได้ออกวางตลาดเร็วๆ ด้วย จึงรับคำ ตกลงข้าพเจ้าเขียนคนที่ 5 ในตอนร้างคือ สมสวาท และใส่ชื่อยาขอบ บางทีจะมีผู้รู้เรื่องนี้เพียง 4 คนเท่านั้น
นี่แหละ นิยายเริงรมย์ที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกวรรณกรรม ได้อ่านเฉพาะเนื้อเรื่องเรื่อยมาแต่ต้น เราบอกได้เลยว่า ตอนของสมสวาทนี้ ก็ ยาขอบ เขียนชัดๆ ทั้งสำนวน ทั้งอารมณ์และการยกย่องฝ่ายหญิงนั้น ไม่ต่างอะไรกับความรู้สึกที่ได้รับเมื่ออ่านจากที่ยาขอบเขียนในเรื่องอื่นๆ เลยล่ะ
และแล้ว เราก็ยกเรื่องนี้มาเล่าทั้งเล่มได้จบซะที ใครอยากจะอ่านให้จบทั้งเล่ม ก็บอกมาได้เลยจะ ยินดีส่งให้ยืมอ่านทั่วราชอาณาจักรไทย ขอเพียงส่งคืนในสภาพเดิม นะ ...
Create Date : 21 มีนาคม 2553 |
Last Update : 21 มีนาคม 2553 22:47:51 น. |
|
10 comments
|
Counter : 2092 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: nikanda วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:15:12:04 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 23 มีนาคม 2553 เวลา:16:17:25 น. |
|
โดย: redclick วันที่: 24 มีนาคม 2553 เวลา:6:24:17 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 24 มีนาคม 2553 เวลา:7:28:58 น. |
|
โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 24 มีนาคม 2553 เวลา:16:38:40 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 24 มีนาคม 2553 เวลา:18:29:00 น. |
|
โดย: พรหมมาตร์ ชายสิม (prommart ) วันที่: 25 มีนาคม 2553 เวลา:16:58:14 น. |
|
โดย: นัทธ์ วันที่: 26 มีนาคม 2553 เวลา:7:24:04 น. |
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 มีนาคม 2553 เวลา:22:20:28 น. |
|
| |
|
นัทธ์ |
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]
|
รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้ และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
|
|
|
|
|
|
ตอน"ร้าง"นี้ กลับยาวเฟื้อย ผิดไปจากบล็อกอื่นๆ
ตามมาอ่านค่ะ..เราไม่ค่อยได้อ่านหนังสือแนวนี้
เลยไม่ค่อยเข้าใจว่า เรื่องราว ต้องการจะสื่ออะไรเป็นบทสรุป
แต่อ่านแล้ว ไม่ค่อยชอบเลย ทำไมรู้สึกว่าตัวเอกชายเห็นแก่ตัวจัง
ยามรัก อะไรก็ดีไปหมด หลังๆ คนนั้นก็ไม่ดี มีข้อเสียอย่างนั้นอย่างนี้
แต่นี่คงเป็นชีวิตมนุษย์ อารมณ์ของมนุษย์จริงๆ กระมัง..แหม..รักไปหม๊ด..ด
ปล.ช่วยลบเม้นท์ข้างบนด้วยนะคะ คุณนัทธ์ เราพิมพ์ผิดเยอะเลย..มึนๆ