ทอดน่องท่อง "มะละกา" Part XVII : กลับบ้านซะที (จบ)
ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากเดินทางกันมายาวนานถึง 16 ตอนในที่สุดก็มาถึงตอนสุดท้าย ...ได้เวลากลับบ้านกันแล้ว
พวกเราต้องเช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยง ..หลังจากชมพิพิธภัณฑ์สุดท้าย ที่บังเอิญเจอเพื่อนใจตรงกัน 1 คน ก็กลับมารวมตัวกันที่โรงแรม ตรวจสอบสมบัติต่างๆ ยัดลงเป้ให้หมด ...ไม่ลืมอะไรแล้ว ก็คืนการ์ดประตูห้อง รับเงินมัดจำคืน แล้วก็แบกเป้ขึ้นหลัง ... หนักอ่ะ ...กี่โลแล้วเนี่ย ข้ามถนนมาปักหลักหน้าห้้าง Meca Mall รอรถสาย 17 อีกเช่นเคย ไม่นานเท่าไหร่ รถก็มาจอดเทียบ คันสีแดงเหมือนทุกครั้ง แต่พอรถเคลื่อนที่ไปแล้ว เราจึงได้รู้ว่า เส้นทางวิ่ง ไม่เหมือนเมื่อวานนี้ ... ยังคงผ่านไปย่านที่พักอาศัย แต่น่าจะเป็นคนละโซนกัน วิวไม่คุ้น ก็เลยนั่งมองทางไป พยายามเก็บภาพบ้านเรือนบ้านด้วย
เราได้เห็นอดีตของมะละกาในเขตเมืองเก่าจนปรุแล้ว ...ตอนนี้เราเห็นชีวิตปัจจุบันของชาวบ้านกันบ้าง เราได้เห็นมัสยิด สุสานจีน และโบสถ์คริสต์ แทรกตัวอยู่ในแต่ละชุมชน ได้เห็นคนมุสลิม พูดคุยสนิทสนมกับคนจีน ได้ยินเสียงเจรจาภาษามาเลย์บ้าง ภาษาจีนบ้าง ตลอดการเดินทาง
จนกระทั่งมาถึง Melaka Sentral หรือสถานีขนส่งในอีก 1 ชั่วโมงต่อมา (รถวิ่งอ้อมไกลเหมือนกัน) ยังไม่ถึงเวลาที่รถเส้นทาง Melaka - LCCT จะมารับผู้โดยสาร พวกเราก็เลยไปหาข้าวกินกันก่อน ในบขส. มีร้านอาหารและร้านค้าเยอะมาก ...แต่นักท่องเที่ยวซำเหมาไม่ถูกใจซักร้านเลย ดูเป็นนักท่องเที่ยวเรื่องมากยังไงก็ไม่รู้นะ ...พากันเดินออกจากอาคารติดแอร์ มาหาร้านอาหาร open air ด้านนอก ..ร้านที่พวกเราเลือกนั่งนั้น น่าจะเป็นร้านที่พวกเจ้าหน้าที่ คนขับรถ หรือชาวบ้านธรรมดามานั่งกินนะ พอพวกเราเดินวนรอบนึง แล้ววางสัมภาระลงเท่านั้นแหละ ...คนขายในร้านก็แลมอง แบบแปลกใจ เราคุ้นกับวิธีการกินแบบชาวบ้านแล้ว พวกเราก็สั่งข้าวเปล่า 2 จานเหมือนเคย แล้วก็ตักกับข้าว 4 อย่าง ...เลือกได้แกงกระหรี่ไก่ ปลาทอด ผัก (อะไรไม่รู้) ต้มกะทิ >> แล้วก็กุ้งผัด แล้วสั่งเครื่องดื่มแบบพื้นบ้านสุดๆ made in Malaysia 4 ขวด อาหารมื้อนี้อร่อยมากกกกกกกกกกก ...จนต้องลุกไปตักกับข้าวกันอีกรอบ (รึว่าหิวก็ไม่รู้นะ)
อิ่มกันแล้ว ก็แบกสัมภาระ (เราอ่ะ "แบก" เพื่อนเราหิ้วและลาก) เดินโต๋เต๋กันในพื้นที่ขายสินค้า มีร้านขายโทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของที่ระลึก ของกิน เยอะมาก รวมทั้งมีนักท่องเที่ยวและชาวเมืองมารอเดินทางไปยังเมืองต่างๆ มากเช่นกัน เดินจนรู้สึกเมื่อยได้ที่แล้ว ก็ไปนั่งรอรถที่ชานชาลาหมายเลข 3 ไม่ยักมีพนักงานมารอรับลูกค้าหรือบริเวณนี้เลย ปล่อยให้เรานั่งรถ และชะเง้อคอมองไปตามยถากรรม เลยเวลาไปแล้ว ก็ไม่เห็นมีรถเข้าซะที เริ่มกระสับกระส่าย เห็นคนข้างๆ ถือตั๋วไว้ในมือ ก็คิดว่าเป็นคนมาเลย์จะเดินทางไปเที่ยวเดียวกัน ก็เลยจับตามองเค้าเอาไว้ ...ที่ไหนได้ เป็นนักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซียไปซะได้ ...
เลทไปประมาณ 15 นาที รถที่รออยู่เข้าก็เทียบชานชาลา คนขับลงมาตะโกนอะไรที่ฟังไม่รู้เรื่องเลย แต่มีนักท่องเที่ยวคนอื่นเดินขึ้นรถ ...ป้ายหน้ารถติด LCCT เอาว่ะ คงใช่ งั้นก็ขึ้นรถกันได้
โห..วีไอพี สุดๆ เลือกที่นั่งตามใจชอบอีกแล้ว ..ผู้โดยสารไม่เต็ม ไม่มีคนขึ้นมาตรวจตั๋วด้วยล่ะ ...ก็เลยไม่มีใครให้คำยืนยันว่า เราขึ้นรถถูกคัน หน่วยหน้ากล้าตายคนเดิม ก็เลยลงจากรถไปถามคนขับรถคันข้างๆ (บริษัทเีดียวกัน) กลับมาบอกได้ความว่า ...ถูกคันแล้ว... งั้นก็สบายใจได้ ...จัดแจงปรับเบาะเอนให้ได้ความสบายส่วนตัว ..ตั้งใจจะหลับ พักเอาแรง แต่ก็ไม่หลับอีกนั่นแหละ ...เรานั่งดูวิวทิวทัศน์ตลอดทาง ... จนกระทั่งรถเข้าสู่เขตสนามบินนานาชาติที่ KL แล้วจึงมาส่งผู้โดยสารที่ LCCT เป็นจุดสุดท้าย เออ..คราวนี้รถดันวิ่งเร็วมาก ถึงสนามบินเร็วกว่าที่คิดไว้ซะอีก
ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ..ก็เลยพากันเดินชมร้านรวงในสนามบินกันอีก ส่วนใหญ่ก็เป็นร้านอาหาร เล็งกันไว้ก่อน เพราะต้องฝากท้องมื้อสุดท้ายกันที่สนามบินเนี่ยแหละ เดินทั่วแล้ว ...เวลายังเหลือ เราก็เลยหาที่นั่งพัก และหยิบเอาโทรศัพท์มาลองเล่น Wi-Fi ฟรี ทดสอบระบบซะหน่อย ..เพิ่งซื้อเครื่องใหม่ ...อ่ะ ใช้การได้ on M คุยกับเพือนได้ ยังไม่ทันหายเมื่อย เพื่อนก็เดินมาตามให้ไปเช็คอินได้แล้ว ...
เอากระเป๋าขึ้นชั่ง ...7 กิโล หนักขึ้นอ่ะ ... จัดการเรื่องราวหน้าเคานเตอร์กันเรียบร้อย ...ได้เวลาอาหารเย็นพอดี ก็เดินวน เลือกร้านกันอีกรอบ ...แล้วก็มาลงตัวที่ Fast Food สัญชาติมาเลย์ "ไก่ทอด"
ไอ้ที่อยากกินไม่ได้กิน ...ก็เลยได้ "ข้าวมันไก่ทอด" มาแทน ...<ภาษามาเลย์เรียกอะไรก็ไม่รู้ล่ะ> โจ๊กที่เพื่อนสั่ง ก็ใส่พริกมาให้ด้วย แปลกดี
นั่งรอละเลียดอาหารเย็น รอเวลา เคลียร์เงินกองกลาง นับเงินที่เหลือ ปรากฎว่ามีเศษเงินอยู่ ..พวกแบงก์หรือเหรียญเนี่ย บางทีร้านรับแลกเงินที่กทม.อาจไม่รับแลก ดังนั้น ก็เลยต้องหาทางกำจัดมันออกไป ด้วยการซื้อของที่ดิวตี้ฟรีให้หมดส่วนที่เป็นเศษย่อยๆ เราเลือกแต่ช็อคโกแลต ...เลือกอยู่ตั้งนาน ก็หาช็อคโกแลคราคา 18 ริงกิตพอดิบพอดีมาได้ ใกล้เวลา 2 ทุ่มก็กลับมานั่งรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ และผู้โดยสารท่านอื่นๆ เที่ยวนี้คนเต็มเลย
ขึ้นเครื่อง ก็อยากหลับ ..แต่ก็ไม่หลับอีกแหละ ปรับพนักเอนไม่ได้อีกตามเคย ...ก็เลยนั่งหลังแข็งมาจนถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กัปตันอิศรา นำเครื่องแตะรันเวย์อย่างนิ่มนวล อำลาลูกเืรือ Air Asia (Thailand) ลงมารับกระเป๋า
ไม่ช้า ไม่สลับ ไม่หาย ทุกอย่างราบรื่นดี ...แบกเป้ 7 กิโลเดินมาตามทาง แม้จะหนัก แต่ก็อดไม่ได้ ต้องยกกล้องในมือเก็บภาพศิลปะสวยๆ มาอีก
แหม..ผลงานศิลปินแห่งชาติตั้งหลายท่านติดไว้ในที่ที่เราคงหาโอกาสมาชมได้ไม่ง่ายนักนี่นา มาถึงขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ดูเหมือนว่านักท่องเที่ยวชาวไทยจะพร้อมใจกันกลับบ้านตอน 4 ทุ่ม คนเยอะมากมาย ...ทั้งช่องทางสำหรับคนไทย และช่องทางสำหรับคนต่างประเทศ แถวยาวเหยียด แม้จะเหนื่อย แม้จะง่วง แต่ก็สบายใจแล้วว่า เหยียบแผ่นดินไทย ยังไงก็ถึงบ้าน และข่าวดีก็เข้ามายังมือถือเพื่อนเรา ...พี่สาวกับแม่ขับรถมารับ ...เราก็เลยได้ติดรถเข้ามาต่อรถแท็กซี่กลับบ้านที่เชิงสะพานสาทร
ขอบคุณคุณพี่และคุณแม่ ขอบคุณคุณเพื่อนที่เป็นธุระจัดการเรื่องต่างๆ และช่วยดูแลมือใหม่สะพายเป้ ขอบคุณเพื่อนชาว blog ที่ทนอ่านทริปยาวๆ เที่ยวนี้ กำลังจะมีทริปใหม่ เรืืองใหม่ มาเล่าต่ออีกแล้วล่ะ หวังว่า เพื่อนๆ จะมาเที่ยวผ่านตัวหนังสือของเราในโอกาสหน้านะคะ
ปล. ร้านรับแลกเงินปากซอยเจริญกรุง 40 รับแลกแบงค์ย่อยๆ ด้วยล่ะ ไม่น่าซื้อช็อคโกแลตเลยนะเนี่ย แล้วเราก็แลกเงินที่เหลือคืน ในอัตราเท่ากับวันที่แลกก่อนเดินทางซะด้วย
ปล.2 บันทึกเตือนตัวเองว่า ครั้งหน้าใช้เช็คราคาช็อคโกแล้วที่ดิวตี้ฟรีเมืองไทยก่อนออกนอกประเทศ เพื่อเทียบราคากับดิวตี้ฟรีในประเทศที่เดินทางไป ราคาต่างกันเยอะมาก ..เลยนะ
ปล.3 หนังสือคู่มือที่เราหยิบติดกระเป๋าและนำเนื้อหามาเรียบเรียงประกอบภาพการเดินทาง คือ "นำเที่ยวมาเลเซีย มะละกา" - ปริวัฒน์ จันทร สำนักพิมพ์สารคดี
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2553 |
|
8 comments |
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2553 21:47:36 น. |
Counter : 4607 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณมากๆค่ะ
จะคอยตามมาอ่าน
มิถุนานี้จะไป ก่อนไป ก็จะมาอ่านอีกเที่ยว
ขอบคุณสำหรับปอลอสามด้วย กำลังกะจะถาม
เดี๋ยวไปซื้อบ้าง