<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 มกราคม 2552
 

โลกของหนูแหวน : เด็กหญิงช่างคิด ที่พา "เพื่อน" มาให้เรา




เมื่อครั้งที่เราทำเริ่มใช้อินเตอร์เนท (ราวปีพ.ศ.2544) ...เริ่มทำความรู้จักการใครต่อใครผ่านเวปไซค์ต่างๆ
สนุก.คอมเป็นชุมชนแรกๆ ที่เราเข้าไปเล่น ...
ส่วนใหญ่ก็อ่านกระทู้....ตอบกระทู้บ้าง...หรึอไม่ก็อ่านเฉย...
ห้องหนอนหนังสือ เป็นห้องที่เราเข้าบ่อย คุยบ่อย และเคยตั้งกระทู้คุยกับเพื่อนที่นั่น
เคยนัดกันไปอวยพรวันเกิด "พนมเทียน" ถึงที่บ้านมาแล้ว
นอกจากเรื่องนั้นแล้ว ....ก็มีความหลังอีกเรื่องที่อยากบันทึกไว้

หลักจากที่มีเพื่อนโต้ตอบผ่านกระทู้ และรู้จักกันผ่านตัวอักษรมาระยะหนึ่ง
วันหนึ่ง ก็ปรากฎกระทู้ตามหาหนังสือเล่มนึงขึ้นมา

ที่บ้านเรามีหนังสือเยอะนะ ...ทั้งที่ตกทอดมา...ทั้งที่ซื้อมาเอง
จัดเรียงแบ่งหมวดหมู่ตามใจตัวเองอยู่บนชั้นหนังสือในห้องนอน
อ่านกระทู้นั้นแล้วก็เกิดระลึกได้ว่า ....เราก็มี...
ก็ตอบไปว่า .....มี.....แต่ครั้นจะส่งหนังสือไปให้ยืม ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า
เขาเป็นใคร....แล้วหนังสือของเราจะหายไปกลับสายลมรึป่าว
เคยให้เพื่อนยืมไป บางทียังหาย บางคนยังลืมคืนเลยนะ
แล้วนี้ใครกัน คนที่ไม่เคยเห็นหน้าเห็นตากันด้วยซ้ำ....

แต่ตัวอักษรแห่งความยินดีที่ปรากฎตอบโต้ในกระทู้นั้น ....ทำให้เรารู้สึกว่า
มีคนต้องการจะอ่านหนังสือเล่มนี้จริงๆ
....ถ้างั้นก็ส่งไปให้เถอะนะ
ปลายทางคงสัมผัสได้ถึงความลังเล ....ก็มีข้อความมาว่า
"ขอให้ถ่ายสำเนาส่งมาให้อ่าน"
ถ้าช่วงนั้นเรื่องลิขสิทธิ์เข้มข้น เราก็คงคิดนานอีกแหละ
พอได้รับข้อความเช่นนี้ ...ก็ตัดสินใจง่ายขึ้น
หนังสือเล่มบาง ...ถ่ายเอกสารจากร้านที่คุ้นเคยกัน ...มั่นใจว่าร้านไม่ทำหนังสือเราพัง
จัดการทำปก เย็บเล่ม ....แล้วก็ส่งหนังสือ (สำเนา) เล่มนี้ไปถึงเพื่อนใหม่ที่พิษณุโลก


โลกของหนูแหวน : ศราวก

สำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช พิมพ์พ.ศ.2531 / 149 หน้า
ซื้อ : 30 มีนาคม 2535


หลังจากส่งหนังสือไปไม่นานนักเราก็ได้รับจดหมายตอบกลับมา 1 ฉบับ


เราดีใจที่ Kim ได้เจอเพื่อนเก่า และที่ดีใจกว่าคือ "โลกของหนูแหวน" ทำให้เราได้รู้จักกับ Kim
หลังจากนั้น ก็เป็นการติดต่อกันฉันท์เพื่อนผ่าน email แลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่าน
ผลัดกันบ่นเรื่องงาน ปรึกษาปัญหาหัวใจ (ทำไมเราต้องได้รับหน้าที่นี้ทุกทีนะ) ผ่าน MSN

ตอนนี้ Kim ย้ายที่ทำงานใหม่...ดูเหมือนจะถูก block MSN ...
งานก็คงยุ่งมาก....เราเว้นวรรคการติดต่อกันมาครบปีแล้วนะ ...
หวังว่าเพื่อนเราคนนี้คงยังสบายดี ...และถ้ายังเล่น net อยู่บ้าง
ก็น่าจะตอบ email เราด้วยซิ......

นี่เราต้องบอกหนูแหวนตามเพื่อนเรากลับมาที ...รึป่าว




เดือนนี้ ....เริ่มต้นจริงจังกับโครงการทลายกองดอง
แต่ก็อดที่จะหยิบหนังสือเก่าเก็บออกมาคุยถึงไม่ได้
"โลกของหนูแหวน" เป็นหนังสือที่มีสาระมากพอที่จะคุยต่อใน blog ถัดไป
ขอเวลาเรียบเรียงความคิดและเรื่องราว ....แล้วจะเอามาเล่าต่อ


ระหว่างรอกับข้าวมื้อเย็น เราเรียบเรียงเรื่องที่อยากเล่าได้แล้ว
ขอพิมพ์ต่อเลยล่ะกัน




คำนำในการจัดพิมพ์ครั้งที่ 1 นั้น (ตามปกแรกด้านบน) ศราวก ผู้เขียนเล่าว่า
...เพราะความเศร้า ความเจ็บปวด และความผิดหวังนี้เอง
หนูแหวนจึงเกิดขึ้นมา เหมือนกับแสงสว่างเรืองๆ ในความมืดมิด
โลกของหนูแหวนมีทั้งความแจ่มใส ร่าเริง และมืดมน หงอยเหงา
เป็นโลกเล็กๆ ที่ไม่มีใครเอาใจใส่ และดูเหมือนว่า
จะเป็นโลกที่อ่อนแอเกินกว่าจะเข้าไปอยู่กับความจริง...


เมื่อตอนที่เราอ่านหนังสือเล่มนี้ เราไม่คิดว่าเป็นหนังสือสำหรับเด็กเลยนะ ....
เป็นหนังสือที่มี “ความคิด” อ่านแล้วต้องคิดตาม
มุมมองที่หนูแหวนมีต่อสิ่งเล็กๆ รอบตัวเองนั้น ช่างคมคายนัก


หนูแหวนคุยกับผีเสื้อ เรื่องที่ผีเสื้อออกไข่แล้วตายไป
“ตาย” หนูแหวนอุทาน “ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะไม่ยอมออกไข่เป็นอันขาด”

“เธอจะหลีกเลี่ยงงานไม่ได้ดอก ชีวิตทุกชีวิตล้วนมีความยากลำบาก ถ้าเธอเลี่ยงงาน
เธอจะพบกับความยามลำบากนับไม่ถ้วน แต่ถ้าเธอทำงานแล้ว
เธอจะพบความยากลำบากแต่ในงานที่เธอทำเท่านั้น ..........อีกอย่างหนึ่ง
การทำงานตามหน้าที่จะทำให้เราภาคภูมิใจที่มีชีวิตนี้มา
”
ผีเสื้อพูดเท่านั้นก็ตกลงไปตาย

.....ระหว่างที่เดินจากไปนั้น หนูแหวนก็บอกกับตัวเองว่า
“เราจะต้องทำอะไรอย่างหนึ่งที่ทำให้เราภูมิใจที่มีชิวิตมา
เราจะต้องทำงานช่วยเหลือผู้อื่น อ้อ รู้แล้วละ เราจะต้องกลับบ้าน”
หนูแหวนวิ่งตื๋อไป “ช่วยให้แม่ไม่ต้องออกมาตามเรา”


หนูแหวนคุยกับแมงป่องขี้โกรธ
“ฉันรู้แล้วละ” หนูแหวนพูดขึ้น “เธอโกรธเก่ง เพราะเธอคิดว่าเธอมีพิษมีอำนาจ
แล้วเธอจะอวดพิษ อวดอำนาจนั้นด้วย ฉันจะต้องตัดหางเธอออกดีกว่า”

“อย่านะ” แมงป่องร้องขึ้นด้วยความตกใจ “ถ้าเธอตัดหางฉันออกฉันต้องตายแน่ทีเดียว”

“คนขี้โกรธก็เหมือนกับคนตายแล้วนั่นแหละ ยิ่งคนชอบใช้อำนาจยิ่งร้ายใหญ่ เหมือนอย่าง...”
หนูแหวนนึกถึงแม่แต่ไม่ได้พูดออกมา แล้วหนูแหวนก็หยิบไม้ไผ่บาง ถือกระชับอยู่ในมือ

“อย่านะ” แมงป่องร้องขึ้นอีก

“ไม่ได้หรอก ฉันต้องตัดหางเธอออกแน่ๆ” หนูแหวนพูดขึ้นแล้วคลานใกล้เข้าไปอีก
“คนเราพอมีพิษเข้าก็ชอบเอาแต่ใจตัว แล้วก็ขี้โกรธ
อยากจะให้คนอื่นเขานับถือเกรงกลัว แต่ใครจะนับถือความโกรธได้
ถ้าฉันปล่อยให้เธอวางอำนาจ ปล่อยหางเธอไว้
เธออาจจะต่อยตัวเองตายอย่างพ่อของเธอก็ได้”


......และเธอก็ไม่รู้ว่า เธอสงสารแมงป่องเพราะว่ามันขี้โกรธ
หรือเพราะว่ามันถูกตัดทอนอำนาจจนโกรธอีกไม่ได้
คนที่ชอบวางอำนาจและขี้โกรธ ในที่สุดก็จะมีผู้มาลิดรอนอำนาจไปจนได้




ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ปีพ.ศ.2545 เราได้มีโอกาสพบกับหนูแหวนอีกครั้ง

โลกของหนูแหวน : ศราวก

สำนักพิมพ์มูลนิธิเด็ก พิมพ์ครั้งที่ 2 มีนาคม 2547 ราคา 96 บาท / 116 หน้า
ซื้อ : 30 มีนาคม 2545


ตอนซื้อเข้าใจว่า เป็นหนังสือเล่มเดิม พิมพ์ใหม่ ...เพราะเล่มเก่าที่มีก็เก่าจริงๆ กระดาษเหลืองแล้ว
แต่พอกลับถึงบ้าน ได้อ่านคำนำสำนักพิมพ์ให้ถนัดๆ จึงได้รู้ว่า นี่คือ โลกของหนูแหวน เล่ม 2


.....นับตั้งแต่ “โลกของหนูแหวน เล่ม 1 ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2522
และเล่ม 2 ตีพิมพ์ตามมาในปีพ.ศ. 2527 จนถึงวันนี้
ไม่มีหนังสือแนวนี้ให้เด็กเลือกอ่านมากนัก นั่นหมายความว่า
เรากำลังเสียโอกาสในการสร้างเด็กให้ “คิดเป็น”
ผ่านการอ่านที่มีความสุขไปอย่างน่าเสียดาย ….


เห็นด้วยค่ะ ....อ่านโลกของหนูแหวนเล่มที่ 2 ก็ยังต้องคิดตาม
....แม้จะรู้ว่าเป็นความคิดของผู้เขียน ไม่ใช่ความคิดของหนูแหวนวัย 6 ขวบก็เถอะ
....แต่ความคิดและจินตนาการผ่านมุมมองของหนูแหวนนี้
ช่างคมคายและทันสมัยเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปีก็ตาม


หนูแหวนคุยกับลูกฝรั่ง
“ลูกฝรั่ง นี่เธอโตขึ้นจะเป็นอะไร”

“.....ฉันก็เป็นแม่ฝรั่งน่ะซี เธอไม่น่าถามเลย”

“ทำไมเธอไม่คิดเป็นอย่างอื่นบ้างหรือ อย่างเช่น เป็นมะพร้าวน่ะ” หนูแหวนถาม

“ฉันไม่เข้าใจพวกคนอย่างเธอหรอก” ลูกฝรั่งตอบ
“พวกเธออยากเป็นโน่นเป็นนี่มากมาย พวกเธอน่ะอยากเป็นในส่งที่ไม่มี
สิ่งที่มีก็บอกว่าไม่เป็น ทำไมพวกเธอจึงไม่อยากเป็นในสิ่งที่มีบ้างเล่า”


หนูแหวนหัวเราะ พูดว่า “คำแนะนำเธอนี่ดีมาก ฉันจะลองคิดว่าจะเป็นอะไรในสิ่งที่ฉันมีดี”
..........

หนูแหวนคลานเข้าไปใกล้ จับมือพ่อขึ้นมา ทันใดนั้นหนูแหวนรู้สึกเหมือน
ได้จับโลกทั้งโลก มือที่หยาบ แข็งและหนา มือที่ทำให้แผ่นดินแยก
ต้นข้าวงอก และเลี้ยงดูเธอให้เติบโตจนทุกวันนี้
หนูแหวนยกมือพ่อขึ้นแตะแก้ม แล้วพูดขึ้นว่า
“พ่อจ๋า หนูอยากเป็นมือพ่อ”


หนูแหวนคุยกับผึ้งน้อย เรื่องของฟรี
หนูแหวนวิ่งตื๋อนำผึ้งน้อยมายังริมคลอง
ที่นั่นดอกไม้นานาชนิดหลากสีกำลังบานรับลมร้อน
ผึ้งน้อยเห็นดอกไม้ก็บินเข้าไปหา ยื่นงวงดูดน้ำหวานอย่างขะมักเขม้น
โผจากดอกโน้นไปดอกนี้ หนูแหวนรอดูจนครู่ใหญ่
เมื่อเห็นผึ้งน้อยดูดน้ำหวานได้มากแล้วจึงพูดขึ้นว่า

“นี่ไงจ๊ะของฟรี ฉันพาเธอมาดูดน้ำหวานหรีๆ เธอชอบไหม”

“ฉันชอบมากจ๊ะ สและขอบคุณเธอมากด้วย” ผึ้งน้อยตอบ
“แต่ฉันไม่รู้ว่าเป็นของฟรีหรือเปล่า เพราะว่าเธอก็ต้องลงแรงพาฉันมาที่นี่
ของทุกๆ อย่าง ก็ต้องลงแรงทำทั้งนั้น ไม่มีของฟรีหรอกจ๊ะ”

“คงเป็นอย่างเธอว่ามั้ง” หนูแหวนพูดอย่างครุ่นคิด
“ของฟรีจะเกิดขึ้น ก็เมื่อมีการทำอะไรฟรีๆ โดยไม่ได้รับผลตอบแทน”

ผึ้งน้อยยิ้มอย่างพอใจ “จริงด้วยจ๊ะ ฉันว่าเธอควรเลิกคิดถึงเรื่องของฟรี
แล้วคิดถึงเรื่องตั้งใจดีต่อกันดีกว่า”
ว่าแล้วผึ้งน้อยก็รีบบินเอาน้ำหวานกลับไปที่รัง

หนูแหวนเดินกลับบ้าน ตั้งใจจะทำงานบ้านต่อ หัวใจปลอดโปร่ง
เธอคิดว่าต่อไปคงจะไม่ติดใจเรื่องของฟรีอีก เพราะว่ามีสิ่งอื่นที่ดีกว่า
คือความตั้งใจดีต่อกัน เมื่อมีความตั้งใจดีต่อกัน
จึงจะสามารถมีของฟรีได้จริงๆ




พอมาถึงปีพ.ศ. 2549 ..เราก็เห็น.หนูแหวนก็ออกมาโลดแล่นอีกครั้งผ่านสำนักพิมพ์มติชน
ด้วยรูปเล่มและภาพประกอบสีสวยสดงดงาม อดไมได้ต้องซื้อมาเก็บไว้ใน collection อีกแล้ว
แต่เราได้ซื้อจากงาน 30 ปีมติชนอ่ะนะ ...ราคาลดพิเศษ

โลกของหนูแหวน (วัยซน) หรือเล่ม 1 เดิม
"1 ใน 88 หนังสือดี วิทยาศาสตร์แนวแฟนตาซีที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน"

โลกของหนูแหวน (ภาคก่อนวัยรุ่น) หรือเล่ม 2 เดิม
"1 ในหนังสือดี 100 เล่มที่เด็กและเยาวชนไทยควรอ่าน
หนังสือรางวัลชมเชย ประเภทบันเทิงคดี สำหรับเด็กก่อนวัยรุ่น (12-14 ขวบ)
จากคณะกรรมการพัฒนาหนังสือแห่งชาติ ปี 2528"


โลกของหนูแหวน (ภาคก่อนวัยรุ่น) สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก มีนาคม 2549 ราคา 100 บาท / 136 หน้า
โลกของหนูแหวน (วัยซน) สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก มิถุนายน 2549 ราคา 110 บาท / 156 หน้า
ซื้อ : 18 สิงหาคม 2550


แม้ว่าหนังสือเล่มเล็กๆ 2 เล่มนี้จะเขียนมานานแล้ว
แต่โลกของหนูแหวนก็ยังเป็นโลกที่น่าเรียนรู้
ไม่กว้างจนติดตามไม่จบสิ้น และไม่แคบเท่ากะลา
โลกของหนูแหวน ตามความเห็นของเราจึงเป็นหนังสือที่ผู้ใหญ่ควรหาให้เด็กได้อ่าน และสอนให้คิด
ไม่จำเป็นที่ต้องคิดเห็นตรงกับหนูแหวนหรอก ....ขอแค่รู้จักคิด ...ชีวิตก็พัฒนาได้





Create Date : 11 มกราคม 2552
Last Update : 12 มกราคม 2552 20:55:43 น. 9 comments
Counter : 6371 Pageviews.  
 
 
 
 

เรื่องนี้...เพื่อนคนหนึ่งในโลกไซเบอร์นี่
ก็เป็นคนแนะนำให้ผมอ่านเหมือนกันครับ
เป็นหนังสือของไทยอีกเล่มที่เรียบง่าย
มีเสน่ห์ไม่น้อยเชียวครับ
 
 

โดย: ห่วงใย วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:17:51:44 น.  

 
 
 
ขอให้หนูแหวนตามเพื่อนชื่อ คิม กลับมาให้อีกครั้งนะคะ

อ่านเรื่องราวของมิตรภาพที่ก่อเกิดจากหนังสือน่ารักๆเล่มหนึ่ง..ซาบซึ้งใจค่ะ
 
 

โดย: ทากชมพู วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:20:54:02 น.  

 
 
 
น่าประทับใจกับเรื่องมิตรในโลกไวเบอร์นี้จังเลยนะคะ

แล้วเรื่องของหนูแหวนก็น่าอ่านจังเลยค่ะ....

ยังไม่เคยอ่านมาก่อนค่ะ....
....................................................

คุณนัทธ์สบายดีนะคะ ไม่เจอกันนานมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ..... ด้วยภาระอันยุ่งเหยิงเลยไม่ได้มาทักทายนานเลยค่ะ หวังว่าคุณนัทธ์ยังคงไม่ลืมกันนะคะ...

รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง...

และขอสวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะคุณนัทธ์.... ขอให้คุณนัทธ์และครอบครัวมีความสุข สนุกสนานตลอดไปค่ะ
 
 

โดย: largeface วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:20:57:25 น.  

 
 
 
เห็นรีวิวแล้วอยากซื้ออ่านขึ้นมาทันที เป็นหนังสือเด็กที่ผู้ใหญ่ก็อ่านได้(และควรจะได้อ่านด้วย)
งานหนังสือครั้งหน้าจะยังมีมั้ยหนอ
 
 

โดย: PinGz (Kai-Au ) วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:21:18:03 น.  

 
 
 
โลกของหนุแหวนช่างเป็น
โลกที่กว้างใหญ่จัง
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:22:39:52 น.  

 
 
 
เป็นหนังสือที่น่าอ่านมากเลยค่ะ
ชื่อตัวละครก็ดูน่าเอ็นดู
ปกก็ชวนให้อ่าน

ป.ล.... เพลงเพราะจัง
 
 

โดย: โสดในซอย วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:22:53:46 น.  

 
 
 
อ่านเรื่องคุณนัทธ์กับเพื่อน..ดีจังค่ะ
โลกอินเตอร์เนทกับโลกของหนังสือ
ทำให้คนสองคนมาเจอกัน..เป็นเพื่อนกัน
ขอให้ตามหาคุณคนนั้น..ให้เจอนะคะ

ส่วนเรื่อง"โลกของหนูแหวน"ไม่เคยอ่านมาก่อนเลย
แต่อ่านจากบทเล็กๆที่ยกมาให้อ่าน..ชอบจังเลยค่ะ
แต่ละเรื่อง แต่ละความคิด ข้อคิดที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมา
น่าสนใจและน่าหามาอ่านมากค่ะ..จะจำชื่อหนังสือไว้ค่ะ
 
 

โดย: nikanda วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:23:05:39 น.  

 
 
 
มติชนนะ โอเค

งานหน้า ถ้าไม่ลืม จะเอามาทั้งสองเล่มเลยจ้ะ


แหะๆ

ฮ่องกง อาหารเด่นค่ะ แต่ทัวร์นี้ไม่ใช่เที่ยวร้านอาหารหรอกจ้ะ

อย่างที่บอกตอนอัพบล็อกแรกว่าจะอัพร้านอาหารให้ครบก่อน แล้วค่อยอัพเรื่องการเดินทางท่องเที่ยวน่ะ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:9:13:16 น.  

 
 
 
อ่านแล้วประทับใจจริง ๆ ...
โลกของหนูแหวนก็เปิดโลกให้แม่ไก่ได้เรียนรู้อะไรมากมายเหมือนกันค่ะ

ต้องไปหาเวอร์ชั่นใหม่ ๆ มาอ่านบ้างแล้ว
 
 

โดย: แม่ไก่ วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:11:40:36 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com