<<
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 มีนาคม 2551
 

อยากมีเงินซื้อหนังสือ ....อ่านเล่มนี้กันก่อนนะ




ช่วงนี้คำถามว่า "งานหนังสือจะซื้ออะไรกันบ้าง???" มาแรงมาก
เพื่อนๆ ถามไถ่กันจัง อยากซื้ออะไร รึว่า จะซื้ออะไร
ตอบตรงนี้อีกครั้งว่า

อยากซื้อเล่มที่อยากอ่านทั้งหมดนั่นแหละ


แต่จนปัญญา เพราะเงินทองไม่อำนวย
ต้องเอาไปใช้จัดการเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าให้เรียบร้อยก่อน

คิดถึงเรื่องเงินเงิน ทองทอง ก็ทำให้เรานึกถึงหนังสือที่เคยอ่านขึ้นมาได้
อยากแนะนำให้เพื่อนได้อ่านบ้าง
ก็ไม่รู้ว่า ถ้าไปงานหนังสือคราวนี้ จะหาซื้อกันได้รึป่าวนะ
เพราะเป็นหนังสือที่ออกมานานมากแล้วล่ะ


บุรุษผู้มั่งคั่งที่สุดในบาบิโลน
"The Richest Man in Babylon"



เขียนโดย George S. Clason แปลโดย สุริยฉัตร ขัยมงคล
สำนักพิมพ์สร้างสรรค์-วิชาการ พิมพ์ครั้งที่ 2 : กรกฎาคม 2533 / 136 หน้า
ซื้อเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2535


กล่าวกันว่า บาบิโลน เป็นมหานครที่มั่งคงที่สุดแห่งโลกสมัยโบราณ ชาวบาบิโลนเป็นพลเมืองที่ร่ำรวย มั่งมีศรีสุข
เพราะพวกเขารู้ค่าของเงิน มีหลักการที่เฉียบคมในการหาเงิน เก็บเงิน และใช้เงิน
จอร์จ แซมมวล เคลสัน ได้เริ่มเขียนเรื่องราวว่าความมัธยัสถ์และความสำเร็จด้านการเงินนี้ออกมาในรูปของใบปลิว
และเขียนออกมาเป็นชุด โดยใช้ฉากของอาณาจักรบาบิโลนโบราณ
เล่าเรื่องราวการทำมาหากิน การรักษาเงิน การวางแผนการเงิน การใช้เงินต่อเงิน





กฎ 7 ข้อเกี่ยวกับ เงิน คือ
1. จงเริ่มทำให้ถุงเงินเต็มเปี่ยมขึ้น
2. จงควบคุมการใช้จ่าย
3. จงทำให้ทองคำทวีคูณขึ้น
4. จงปกป้องทรัพย์ศฤงคารจากความสูญเสีย
5. จงทำให้เคหสถานเป็นการลงทุนที่ให้ผลกำไร
6. จงประกันรายได้ในอนาคต
7. จงเพิ่มพูนความสามารถที่จะทำมาหาเงิน

และกฎทั้งห้าแห่งทองคำ
1. ทองคำย่อมไหลมาเทมาและเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับทุกคนที่เก็บไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของเงินที่ทำมาหาได้เอาไว้ เพื่อสร้างหลักฐานสำหรับอนาคตของตนและครอบครัว

2. ทองคำจะทำงานอย่างขยันขันแข็งให้กับเจ้าของผู้ชาญฉลาด ซึ่งแสวงหาทางใช้มันอย่างได้ดอกผล มันจะทวีคูณขึ้นประหนึ่งฝูงปศุสัตว์ในท้องทุ่ง

3. ทองคำรักจะอยู่กับเจ้าของผู้ระมัดระวังและปกป้องมัน เจ้าของผู้ลงทุนภายใต้คำแนะนำของคนที่เชี่ยวชาญเรื่องการจัดการเกี่ยวกับเงิน

4. ทองคำจะหลุดลอยไปจากมือของคนที่ลงทุนในธุรกิจที่ตนเองไม่คุ้นเคย หรือไม่เป็นที่เห็นด้วยของผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษาทอง

5. ทองคำจะหลีกลี้หนีจากคนที่บังคับให้มันหารายได้ในทางที่เป็นไปไม่ได้ หรือจากคนที่ทำตามคำแนะนำเย้ายวนของผู้เปี่ยมเล่ห์และนักวาดแผนการ หรือจากคนที่วางใจในความไร้ประสบการณ์และความปรารถนาเร้าใจของตนในการลงทุน



อ่านจบเล่ม และปฏิบัติตามเพียงของแรกของกฎแห่งทองคำ คือ เก็บ 10% ของเงินที่หาได้มา ก็ช่วยได้เยอะเลยล่ะ

อย่าถามต่อเชียวว่า แล้วเรามีเงินเก็บเท่าไหร่ .............























มันแปรสภาพเป็นหนังสือเต็มบ้านไปเรียบร้อยแล้วล่ะ


เลยหยิบกลับมาย้อนอ่าน แล้วตั้งใจลงมือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
เริ่มนับหนึ่งอีกครั้ง....เพื่ออนาคตยามแก่ชรา .....
ไม่อยากให้เพื่อนๆ เป็นอย่างเรา ก็เลยหยิบยกเล่มนี้มาแนะนำไงจ๊ะ
ลองมองหาในงานหนังสือเทียวนี้ นะ
ขุมทรัพย์อยู่ในตัวอักษร แล้วจ๊ะ





เพิ่มเติม เพิ่งเห็นว่า ซีเอ็ด จัดพิมพ์ใหม่ แปลโดย วรรธนา วงศ์ฉัตร
ใช้ชื่อหนังสือว่า เศรษฐ๊สอนรวย



Create Date : 20 มีนาคม 2551
Last Update : 23 มีนาคม 2551 18:21:57 น. 19 comments
Counter : 2126 Pageviews.  
 
 
 
 
 
 

โดย: นายแจม วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:21:25:25 น.  

 
 
 
แวะมาอ่านจ้า
 
 

โดย: Bluejade วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:21:28:11 น.  

 
 
 
อ่า...ทายผิดแฮะ
ก่อนกดเข้ามาอ่านเนื้อหาในบล็อก เราแอบทายว่า หนังสือ "พ่อรวยสอนลูก" ค่ะ

...

เคยได้ยินกฎ 10% มาบ้างเหมือนกัน (จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร...งั้นก็แสดงว่า เต้าคงอ่านเล่มนี้ด้วยมั๊ง)

ขอบคุณที่แนะนำหนังสือเกี่ยวกับ 'เงินทอง' นะคะ
แต่ไม่ทันแล้วค่ะ อาทิตย์ก็ต้องไปฉีกกระเป๋าแล้ว
 
 

โดย: Jevanni วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:21:29:19 น.  

 
 
 
Up blog เกี่ยวกับหนังสือทีไร
เพื่อนๆ มากันไว้มากemo ซาบซึ้งจริงๆ

>>> หลังจบงานหนังสือปีนี้ ก็เริ่มต้นเก็บได้จ๊ะ

จะได้มีใช้ในงานหนังสือครั้งต่อไปไงล่ะ
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:21:39:23 น.  

 
 
 
ชอบอ่านหนังสือเหมือนกันค่ะ แต่ปีนี้นึกอยู่จะซื้อไรดี
 
 

โดย: Summer Flower วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:22:07:20 น.  

 
 
 
ตามมาอย่างรวดเร็วด้วยคนค่ะ
ทองคำรักจะอยู่กับเจ้าของผู้ระมัดระวังและปกป้องมัน ...จนกว่าจะถึงงานหนังสือ
เคยซื้อหนังสือแนวนี้มาเหมือนกันค่ะแต่อ่านแล้วทำตามไม่ได้ซักที
 
 

โดย: apple_cinnamon วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:22:12:40 น.  

 
 
 
ส้มก็ว่าจะเก็บเหมือนกัน แต่พอเก็บได้ซักพักก็ต้องมีเรื่องมาให้เสียเงินอยู่เรื่อยเลยค่ะ สงสัยเงินมันคงไม่รักส้มนะคะ ถึงชอบหนีออกจากกระเป๋าเรื่อยเลยค่ะ
 
 

โดย: ส้มแช่อิ่ม วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:22:15:46 น.  

 
 
 
พูดง่าย....ทำยากอยู่นา...กฏพวกนั้นน่ะ
เดินผ่านร้านหนังสือทีไร....ทรัพย์ละลายหม๊ด..ด
...
...อย่าอิจฉานะจ๊ะ.....ที่เราจะไม่ต้องได้เสียสตังค์ที่งานหนังสือ
เพราะคงไม่มีโอกาสได้ไป
...
...
เม้นท์เสร็จ...กระซิกๆ
อิจฉาพวกคุณจัง...ฮือ..ๆอยากไปบ้างจัง
 
 

โดย: nikanda วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:23:41:36 น.  

 
 
 
เคยคิดเหมือนกันค่ะว่า

หนังสือที่ซื้อมานี่ พอๆ กับเงินที่ควรมีเก็บไว้เลยนะนี่

แต่ก็เริ่มเก็บ 10 เปอร์เซนต์ของเงินที่หาได้มาพักหนึ่งแล้วค่ะ
 
 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:9:17:26 น.  

 
 
 

อ๊ะ คิดว่าเป็นเล่มที่ Og Madino เขียน ^^"

10 % ของรายรับนี่ เหมือนจะน้อยนะ แต่เอาเข้าจริงๆ สามารถแบ่งเก็บได้มากกว่านั้น..ถ้าจะทำจริงๆ นะ ซึ่งยังทำไม่ได้ เดี๋ยวงานหนังสือมาอีกละ
 
 

โดย: อั๊งอังอา วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:9:51:01 น.  

 
 
 
คิดเหมือนคุณอออ.เลย...

เพราะที่ซื้อหนังสือเล่มนี้ซื้อเพราะชื่อผู้แปลเลยไม่ได้ดูชื่อผู้เขียนละเอียดเท่าไหร่

ที่มีอยู่ปกเก่ามาก เล่มเล็ก ๆ เป็นของสนพ.สร้างสรรค์(มั๊ง)

แต่มีหนังสือแนว ๆ เดียวกันที่ Og Madino เป็นคนเขียน ที่คุณสุริยฉัตรแปลไว้อีกสองสามเล่มนะคะ

ชอบหนังสือพวกนี้ตรงที่ไม่ได้เป็นฮาวทูเป๊ะ ๆ แต่เน้นการจัดระบบระเบียบการใช้ชีวิตมากกว่า แล้วก็ไม่ได้เป็นหลักปรัชญาหรือเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้และเข้าใจยากจนเกินไป...
 
 

โดย: แม่ไก่ วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:12:35:59 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากค่ะ
สำหรับของขวัญกล่องใหญ่
เอาดอกไม้...มาตอบแทนความมีน้ำใจ

รูปสวย น่ารัก glitter emoticon //www.yenta4.com
 
 

โดย: nikanda วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:16:11:54 น.  

 
 
 
ของเก่า

อ่านให้หมดก่อนเถอะ

จะซื้อก็ไม่ว่าเลยemo
 
 

โดย: มหาสำลี วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:16:44:31 น.  

 
 
 
ให้ออม 10% จากรายได้นี่มันอุดมคติชัดๆ 555+ สำหรับคนที่รักการอ่านอย่างพวกเรา
เดินผ่านการ์ตูนเล่มละ 40 บาท ถึงจะเบียดเบียนเงินออมแต่ไม่ซื้อจะอดใจไหวหรือ
เดินเจอหนังสือเล่มละ 100 กว่าบาท ที่เคยเห็นคนรีวิวแล้วว่าดี จะปล่อยให้มันลอยนวลหรอ

ไม่มีซะล่ะ

ธรรมชาติหนังสือมันไม่แพงมากถึงขั้นติดแล้วจะอดตาย(แบบติดยา)
แต่ด้วยความที่มันราคาไม่สูงมากเกินไปนัก เลยยากที่จะอดออมและละเลยไม่ซื้อหาอะนะ

ชอบประโยคตัวหนาที่ว่า “ขุมทรัพย์อยู่ในตัวอักษร” จัง
อ่านแล้วใจชื้น เหมือนเวลาเราเอาเงินไปเปลี่ยนเป็นทองแท่งแล้วบอกว่าทำเพื่อการลงทุน
การเอาแบงค์ร้อยไปเพิ่มปริมาณเป็นหน้าหนังสือก็คงไม่แตกต่างกัน
ที่ดีกว่าคือมันเป็นการลงทุนที่ได้ “กำไร” แน่ๆ ถ้าเราทำการศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุน

อ่านกฎ 5 ข้อสำหรับทองคำแล้วชักมันมือ ผมขอลองมั่วๆกฎ 5 ข้อของหนังสือดูบ้างได้ไหมครับ

ข้อ 1 เอาเป็น...
หนังสือจะขยันไหลเข้าบ้านของทุกคนที่เอาเงินเก็บ10% ไปซื้อมัน 555+
ทั้งนี้ไม่หนังสือไม่เกี่ยงว่า เราจะซื้อว่าดองไว้ก่อน(หรือดองไว้ตลอดกาล)หรือซื้อมาอ่านในทันที

ข้อ 2
หนังสือจะทำงาน 2 กะ
กะแรงมันจะขยันกางหน้ากระดาษก็ต่อเมื่อเจ้าของขยันเปิดอ่านอย่างตั้งใจ
มัน(หนังสือ)อาจจะกินแรงเจ้าของบ้าง เมื่อการถูกอ่านไม่ทำให้ลูกกะตาล้าเหมือนเป็นคนอ่าน
แต่เมื่อเราอ่านมันจนจบ หนังสือจะทำงานกะที่ 2 ภายในหัวสมองของเรา

กะนี้พวกเราไม่จำต้องปวดตาตามไปด้วยแล้ว
แต่ข้อความจากหนังสือจะวิ่งไปพูดคุยกับความคิดในหัวของเรา
ส่งผลให้เรามีความสุข รอบคอบ และเท่าทันการใช้ชีวิตมากขึ้น
บางครั้งข้อความจากหนังสือจะช่วยให้เราบริหารและรับมือกับชีวิตได้ดีขึ้น
แต่บางครั้ง เราก็ได้รับความสุขเฉพาะตอนที่อ่านหรือคิดถึงมันเท่านั้น

บางครั้งที่ว่าหมายถึงครั้งที่หนังสือพาเราหลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ
ที่ความเป็นจริงอันโหดร้ายตามเข้าไปไม่ถึง

ข้อ 3
หนังสือจะไม่ดื้อ(ด้วยการทำตัวน่าเบื่อเวลาเราอ่าน)ไม่ซน(ด้วยการน้ำเน่าให้เราอยากจะโยนทิ้ง)
เมื่อมันอยู่ในมือของเจ้าของ...เจ้าของที่เลือกซื้อพวกมันภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 คน

ผู้เชียวชาญคนแรกคือ ผู้เชียวชาญด้านหนังสือ
เช่น ผู้เชียวชาญที่รีวิวหนังสือตามหน้านิตยสาร ตามหน้าบล็อกเช่นคุณ Jevanni

ผู้เชียวชาญคนที่ 2 คือ ผู้เชียวชาญที่ยืนพื้นการอ่านมาจากอารมณ์
ผมหมายถึงตัวเราเองน่ะแหละ 555+ เจอหนังสือไหนที่อารมณ์เราว่ามัน “ใช่”
ซื้อไปเลย ...แล้วตกลงมันจะรอบคอบไหมเนี่ย -*-

ข้อ 4
หนังสือจะหลุดลอยไปและบ่อยครั้งจะไม่หลุดเล็ดรอดกลับมาอีกตลอดกาล
หากเจ้าของให้คนที่ไว้ใจไม่ได้หยิบยืม -*-
หรือบางครั้งคนที่ขอยืมนั้นอาจจะไว้ใจได้ แต่ด้วยความที่เนื้อหาของหนังสือมันขาวหมวยเย้ายวน
ส่งผลให้คนยืมนิสัยดีอาจสติ(ตบะ)แตก(แล้วอมหนังสือไม่คืน)ได้
ดังนั้นจึงโปรดใช้วิจารณญาณในการให้ยืม และงวดนี้เชื่อผู้เชียวชาญได้แค่คนเดียว
คือคนที่เคยมีประสบการณ์ให้คนขอยืมเจ้าเดียวกันแล้วไม่ได้คืน...จำไว้ห้ามให้ยืมตามอารมณ์เด็ดขาด!!

ข้อ 5
หนังสือจะไม่บอกสิ่งที่เจ้าของอยากจะทราบ หากเจ้าของมองหาเนื้อหาจากหนังสือผิดประเภท
(เช่น ไปเปิดหาวิธีการทำแกงเขียวหวานจากหนังสือปลุกใจเสือป่า)

รวมไปถึงหนังสือจะไม่บอกอะไรที่เป็นประโยชน์
หากเจ้าของหนังสือเลือกซื้อมันตามคำแนะนำที่เย้ายวนแบบไร้เหตุผล
ของผู้เปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์และนักวาดแผนการ(ร้าย)

ซึ่งไม่ใช่ในกรณีนี้...เพราะคุณนัทธ์ไม่ได้เจ้าเล่ห์และไม่ได้เป็นทั้งนักวาดและนักวางแผนการ(ร้าย)!
แต่รีวิวหนังสือ “บุรุษผู้มั่งคั่งที่สุดในบาบิโลน” เล่มนี้
ควรค่าแก่การใช้เงินบาทแรกจากทุกบาทที่มีในการซื้อมันมาไว้ในครอบครอง

ขอย้ำความเดิมของคุณนัทธ์อีกครั้งว่า “ขุมทรัพย์อยู่ในตัวอักษร”
แต่ถ้าซื้อมาอ่านแล้วหาไม่เจอ(แถมรู้สึกอยากโยนทิ้ง)
ก็ขอให้มองดูใหม่ให้ดีๆ เพราะบางครั้งขุมทรัพย์นั้นก็คือตัวอักษรเองเลย


ปล. ขอบคุณสำหรับกำลังใจและการทักทายที่หลังบ้านนะครับ
นานๆผมจะแวะมา(ได้)สักที (แถมแวะมาได้แวบๆ เด๋วก็ไปๆมาๆอีก)
ขอเม้นต์ยาวๆ กินเนื้อที่หน่อยนะครับ เห็นที่บ้านคุณ Jevanni แล้วใช่ไหมครับ
ใครที่อยู่ในรายชื่อของผม รับรองว่าได้โดนเม้นต์รถไฟนรกยาว 100 โบกี้ทุกคนอย่างแน่นอน
มีโอกาสจะแวะมาอีกนะครับ ^^
 
 

โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:19:08:57 น.  

 
 
 
มั่งคลั่ง...
 
 

โดย: กวินทรากร วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:21:16:59 น.  

 
 
 
ทำได้ก็แค่ออมเงินและวางแผนการใช้เงินเท่านั้นเองค่ะ ส่วนเอาไปทำให้งอกเงยนี่แค่นิดหน่อย แต่งานสัปดาห์หนังสือนี่สงสัยเงินเก็บจะลดน้อยถอยลงจากเป้าที่ตั้งไว้ที่ประมาณอย่างน้อยก็ 10% นั่นแหละค่ะ โชคดีที่ส่วนใหญ่เก็บได้เกินเป้า เลยคิดว่าเดือนหน้าขอซักเดือนแล้วกัน แบบว่ามีงบฯไว้ในใจ แต่พอไปเดินดูในงานก็แล้วแต่ความอยากไปละกัน หยวนๆ
 
 

โดย: Chulapinan วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:23:54:18 น.  

 
 
 
อันที่จริง ...สำหรับคนอ่านหนังสือ วิธีเก็บเงินแบบนี้ ทำได้นะ
แต่ถ้าเป็นคนสะสมหนังสือ (หมายถึงชอบซื้อนั่นแหละ) คงปฏิบัติได้ยาก
เว้นแต่จะมีจุดมุ่งหมายอื่นที่จำเป็นว่า "หนังสือ"

เราเคยทำบันทึกรายการหนังสือไว้ ...(ธัมป์ไดรฟ์ตกท่อระบายน้ำ เราเลยต้องเริ่มทำใหม่ ยังไม่คืบหน้า) จำได้ว่ารวมค่าหนังสือการ์ตูน ก็เป็นเลข 6 หลักแล้วล่ะ
แล้วไหนจะค่าหนังสือเล่ม และนิตยสารอีกล่ะ

เราชอบอ่านหนังสือแนว how to ที่เขียนลักษณะนี้
ดูไม่เป็นวิชาการเกินไปนัก และมันให้ความรู้สึกว่า "ทำได้"
 
 

โดย: นัทธ์ วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:12:13:21 น.  

 
 
 
ช่วงนี้ก็อ่านหนังสือวิธีเก็บเงินเหมือนกัน มีอยู่หลายเล่มค่ะ เคยอ่านของคุณโจ มณฑาณีหรือยัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเงินค่ะ (พอดีให้หนังสือเพื่อนไปแล้วค่ะ) ล่าสุดเห็นในร้านพิมพ์ครั้งที่แปดแล้วค่ะ

เล่มล่าสุดที่ชอบเป็นเรื่องทองค่ะ การลงทุนกับทองคำ อิอิ แอบไปอ่านของเค้า (ในร้าน) ยังไม่ได้ซื้อเลย

ปลายปีที่แล้วบ้านิยายค่ะ ที่ช่วงนี้กะลังฮิตในร้านหนังสือมีขายเยอะ ๆ ของวัยรุ่นนะคะ สองเดือนหมดไปสองสามพันค่ะ เลยเลิกค่ะ ว่าจะซื้อที่มันมีประโยชน์หน่อยเช่นเรื่องการเงิน เรื่องสุขภาพงี้ค่ะ
 
 

โดย: Summer Flower วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:12:53:46 น.  

 
 
 

หนังสือเล่มนี้มีนักการเงินอ้าง
หลายต่อหลายคน
ที่ดังหน่อยก็rich dad poor dad
ก็ยกมาอ้างอยู่เหมือนกัน
 
 

โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:1:53:24 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

นัทธ์
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 39 คน [?]





รักที่จะอ่าน รักที่จะเขียน
เปิดพื้นที่ไว้ สำหรับแปะเรื่องราว
มีสาระบ้าง ไม่มีสาระบ้าง ณ ที่นี้



สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539

ห้ามผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่ายและ/หรือข้อความต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมดใน Blog แห่งนี้ไปใช้
และ/หรือเผยแพร่โดยมิได้รับอนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

New Comments
[Add นัทธ์'s blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com