แม่อดีตนักร้องดัง เอ๋ พัชรา ร่ำไห้ ไม่เชื่อลูกผูกคอตาย พี่ชายโผล่แฉปมขัดแย้งครอบครัวผิวดำ
วันที่ 13 ต.ค. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด เดินทางไปที่บ้านพักนางศรีสุดารัตน์ กาญจนารักษ์ อายุ 72 ปี มารดาของ เอ๋-พัชรา แวงวรรณ อดีตนักร้องสาวชื่อดังย่านถนนขวัญเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด หลังมีข่าวอดีตนักร้องเสียชีวิตที่บ้านพักที่แอลเอ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยตอนแรกเข้าใจว่าประสบอุบัติเหตุ ก่อนสถานกงสุลใหญ่นครลอสแองเจลีส ยืนยันข้อมูลจากตำรวจสหรัฐว่าพบแขวนคอตายในโรงรถที่บ้านพัก โดยคุณแม่ศรีสุดารัตน์ เปิดเผยว่า ทันทีที่รู้ข่าวแทบช็อก เพราะลูกสาวเป็นเสาหลักของครอบครัว สำหรับการนำศพกลับประเทศไทย หากเจ้าหน้าที่สหรัฐตรวจสอบการเสียชีวิตแล้วพบว่าเป็นการเสียชีวิตกรณีปกติ จะใช้เวลาไม่นานในการนำศพกลับไทย ซึ่งกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ พร้อมช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องเอกสารต่างๆ เบื้องต้นคาดว่าจะนำศพกลับประเทศได้ประมาณเดือนธันวาคม นี้ โดยผู้บริหารค่ายนิธิทัศน์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ต้นสังกัดเก่าของเอ๋-พัชรา ยินดีจะช่วยเหลือให้นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่เมืองไทย คุณแม่ศรีสุดารัตน์ กล่าวด้วยว่า ไม่เชื่อว่าลูกสาวจะฆ่าตัวตาย เนื่องจากไม่เคยปรับทุกข์และมีปัญหาแต่อย่างใด มักจะโทรศัพท์มาคุยกับแม่อาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ทุกวันนี้ถือว่าเอ๋เป็นเสาหลักของครอบครัว ไปสอนหนังสือ และดูแลคนชราอยู่ที่อเมริกาเป็นเวลา 20 กว่าปีแล้ว และส่งเงินมาให้ครอบครัวใช้เดือนละ 2-3 หมื่นบาท ลูกเป็นคนกตัญญู และจะเรียนจบพยาบาลในเดือนธันวาคม นี้ แต่ก็มาจบชีวิตเสียก่อน คุณแม่ศรีสุดารัตน์ เล่าทั้งน้ำตา ล่าสุด นายผดุงศักดิ์ แวงวรรณ อายุ 52 ปี พี่ชายคนโตของน.ส.พัชรา เผยว่า กำลังเตรียมหลักฐานเอกสารเพื่อที่จะยื่นผ่านเจ้าหน้าที่ผ่านศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด ไปยังสถานกงสุลไทย ประสานส่งไปยังกงสุลไทยที่สหรัฐอเมริกา แสดงความจำนงขอรับศพจากตำรวจสหรัฐ เพื่อชันสูตรและผ่าพิสูจน์ศพหาสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนต่อไป ก่อนที่จะนำศพน้องสาวกลับมาประเทศไทย ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย เชื่อว่าจะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง จึงยอมเสียเวลาเพื่อพิสูจน์ แล้วจึงจะนำศพกลับมาเมืองไทย น้องสาวมักเล่าประจำว่า ช่วงที่พักอยู่ที่บ้านในที่เกิดเหตุ ได้เช่าบ้านอาศัยอยู่กับครอบครัวชาวอเมริกันผิวดำชายอายุ 80 ปี ที่ภรรยาเสียชีวิตแล้ว และมีลูกชายผิวดำอายุกว่า 40 ปี อาศัยอยู่ด้วย ซึ่งน้องสาวเล่าประจำว่ามีปัญหาและมีปากเสียง เกิดความขัดแย้งกันเป็นประจำ เดือนละหลายครั้ง และมีปากเสียงกับ 2 พ่อลูก อยู่เสมอ แต่ก็ต้องทนอยู่ เพราะหาที่อยู่ลำบาก และบ่นไม่สบายใจมาโดยตลอด ดังนั้นเพื่อคลายข้อสงสัยในประเด็นนี้ จึงทำเรื่องยื่นไปขอผ่าพิสูจน์ จนกว่าจะมั่นใจว่าไม่ได้ถูกฆาตกรรมแล้วจัดฉากแขวนคอตายอำพรางคดี คาดว่าใช้เวลา 1 เดือน ทราบผล
Create Date : 14 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 14 ตุลาคม 2555 0:21:30 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2380 Pageviews. |
|
|
|
|
|