Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 
23 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
ร้อน!"อ้อม-พิยดา"ตั้งโต๊ะแจงสามีรังแกเด็ก




กลายเป็นคลิปฮอตในชั่วข้ามคืนสำหรับภาพกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ระหว่างนางเอกสาวประวัติดี ''พิยดา อัครเศรณี'' และสามีหนุ่ม ''อาท'' ศรา จุฑารัตนกุล กำลังมีปากเสียงกับเด็กชายวัย 5 ขวบและคุณแม่ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตเมื่อคุณแม่ของเด็กชายร่อนจดหมายถึงบรรดาสื่อทุกสำนักเพื่อแจกแจงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้หญิงสาวยังได้ระบุว่าสามีดาราสาวผู้มีพฤติกรรมดีมาตลอดกลับพูดคำหยาบคายกับเธอถึงเพียงนี้



อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 22 ต.ค.53 นางเอกสาวหน้าหวานได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น ขณะเดินทางมาถ่ายละครซิตคอมเรื่อง ''บางรักซอย 9'' ณ สตูดิโอมนตรี ลาดพร้าว 101 โดยบรรยากาศในวันนี้มีบรรดาสื่อมวลชนสายบันเทิงเดินทางเฝ้ารอการสัมภาษณ์ของดาราสาวกันอย่างคับคั่ง ซึ่ง ''อ้อม พิยดา'' ได้ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดยิบดังนี้


เล่าความเป็นมาเป็นไปให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้น


''อ้อม-พิยดา'' : อย่างที่เห็นในภาพแล้ว ก็เอาเป็นว่าเรื่องเกิดขึ้นมีน้องผู้ชายคนนึงเดินมาโดน ''พี่อาท'' โดยอาจจะตั้งให้หรือไม่ตั้งใจก็ตาม ''พี่อาท'' ก็ตกใจแล้วสบถว่า ''เฮ้ย!อะไรอ่ะ'' เสร็จคุณแม่เขาก็ไม่ได้หันมาเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และน้องเองก็คงจะตกใจในเสียงของเรา เขาก็วิ่งไปหาคุณแม่เขา ก็คงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และด้วยความรักลูกก็เลยหันมาบอกเราว่าเด็กขอโทษแล้วจะเอาอะไรอีก แล้วเรื่องก็เลยเกินเลยเลยเถิดกันไประหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับน้องคนนั้นเลย เป็นเรื่องปากเสียงกันระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่


คิดว่าเพราะอะไรที่ทำให้ออกมาเป็นคลิปและมีเรื่องมีราวอย่างที่เป็นข่าว


''อ้อม-พิยดา'' : อย่างที่บอกว่าเรื่องต่างๆ มันเกินเลยกัน เพราะผู้ใหญ่หลังจากนั้นเขาก็หันเห็น ''อ้อม'' เขาก็พูดว่า ''นี่มันเป็นดารานี่ ฉันดูละครของคุณอยู่นะ'' เราสองคนก็งงว่าเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นดาราหรือไม่เป็นดารา มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาพูดตรงนั้น และมันเกี่ยวอะไร ''พี่อาท'' ก็เลยบอกว่า ''มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นดาราเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงนี้ ไม่ใช่อาชีพของเรา อาชีพคืออาชีพการกระทำก็คือการกระทำ'' ซึ่งเสียงที่เราพูดคุยกันก็คงจะไม่ปกติกันทั้งคู่ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นขนาดนี้


หลังจากนั้นแยกย้ายกันไปด้วยดีไหม


''อ้อม-พิยดา'' : เอาเป็นว่าทุกคนเห็นหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ''อ้อม'' คิดว่าเราควรจะจบเรื่องนี้ ''อ้อม'' กับ ''พี่อาท'' ได้มีการคุยกันแล้ว และคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องการมีปากเสียงระหว่างผู้ใหญ่ไม่เกี่ยวกับเด็กเลย และอยากให้จบ อยากให้รู้จักการให้อภัยกันมากกว่า และอีกอย่างนึง ''อ้อม'' เสียใจมาก (เสียงลากยาว) ที่ถูกกล่าวอ้างว่าพูดคำว่า ''สถุน'' ยืนยันว่าไม่มีหลุดออกจากปาก ''อ้อม'' และ ''พี่อาท'' อย่างแน่นอน ไม่ได้เป็นคนพูดจาหยาบคาย โดยปกติไม่มีการเพิ่มยิ่ง ''พี่อาท'' ไม่มีการพูดเด็ดขาด ไม่มีการว่าเด็ก ไม่มีการกล่าวโทษเด็ก แต่ยอมรับว่ามีปากเสียงกันระหว่างผู้ใหญ่กับผู้ใหญ่ แต่ไม่มีการพูดจาหยาบคาย


คิดไหมว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะบานปลายขนาดนี้


''อ้อม-พิยดา'' : ก็ไม่ได้กังวลนะเพราะ ''อ้อม'' เป็นคนที่ไม่ว่าจะโกรธใครทุกอย่างมันจบได้อยู่ที่เรา ถ้าเรารู้จักจบ รู้จักให้อภัย ไม่ว่าเรื่องจะเกิดขึ้นดีหรือไม่ดี ถ้ารู้จักให้อภัยมันก็จบค่ะ แต่ถามว่ามีโกรธมีโมโหไหม ก็คงต้องบอกว่าคนเรามีอารมณ์ก็ต้องมีโกรธโมโหหรือรู้สึกไม่พอใจ แต่พอเรากลับมานั่งคิดทบทวน เราก็ต้องให้อภัยก็คงจะจบตั้งแต่ตอนนั้น


ชนวนเหตุที่ทำให้ต้องมีการปะทะกันเกิดขึ้น


''อ้อม-พิยดา'' : คิดว่าน่าจะเริ่มมาจากที่บอกค่ะ ว่าหันมาเห็น ''อ้อม'' และมันไม่ใช่เวลาที่จะมาบอกว่า ''เราเป็นแฟนของคุณ เราดูละครของคุณนะ นี่เป็นดารานี่ดูละครอยู่'' มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพเรา พอมาพูดอย่างนี้เสียงมันเสียคงไม่ปกติ พูดจากันไปพูดจากันมามันเลยเป็นเรื่อง สำหรับพนักงานที่อยู่ตรงนั้น ''อ้อม'' ก็รู้สึกเห็นใจเขานะคะ เพราะว่าสงสารเพราะไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่อะไร และตอนนี้ทางนั้นเขาก็กำลังมีปัญหากับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถ้ามีอะไรพวกเขาก็ยินดีที่จะให้การได้หมดทุกคนว่าเรื่องจริงมันเป็นอย่างไร


จะมีการดำเนินคดีกับคนที่เอาภาพจากกล้องวงจรปิดไปเผยแพร่ไหม


''อ้อม-พิยดา'' : สำหรับเรื่องฟ้องร้อง ณ ปัจจุบันนี้ที่ ''อ้อม'' ถูกกล่าวอ้างจนทำให้เสียชื่อเสียง เอาเป็นว่าถ้าเรื่องจบแค่นี้ก็ยังไม่คิดจะฟ้องอะไร แต่ถ้าเรื่องนี้ยังไม่จบและมีการกล่าวอ้างให้ ''อ้อม'' และ ''พี่อาท'' เสียชื่อเสียงต่อไปก็คงจะต้องมีการดำเนินการต่างๆ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นคงต้องมีการปรึกษาผู้ใหญ่อีกที


ตกลงว่าทางฝ่ายแม่เด็กได้แจ้งความหรือเปล่า


''อ้อม-พิยดา'' : ทางฝ่ายโน้นเท่าที่ทราบก็คือว่าเขาไปแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เพื่อที่จะเอาใบแจ้งความไปขอหลักฐานมายื่นยันคำแจ้งความของเขา แต่ ณ ตอนนี้ ''อ้อม'' ก็ยังไม่ได้รับหมายเรียกใดๆ เพราะคาดว่าตำรวจก็คงไม่ได้รับแจ้งความ เพราะเรื่องมันไม่เป็นเรื่อง ก็คงจบแค่นั้น แต่สำหรับการที่คลิปไปออกที่สาธารณะโดยการโพสของใครก็ตาม เราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นคนโพส อันนี้คงเป็นเรื่องของทาง โรงภาพยนตร์เมเจอร์แล้ว ว่าจะดำเนินการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางกฎหมายหรือทางคดีความ เพราะอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่ากฎหมายต่างๆ กล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้ออกสู่ที่สาธารณะได้ แต่คนที่เอาออกมาทำแบบนี้ก็คงจะต้องถูกดำเนินการ


จะมีการนัดเคลียร์กันนอกรอบหรือไม่


''อ้อม-พิยดา'' : ปัจจุบันนี้ก็ไม่ทราบว่าจะตามเขาได้ที่ไหน เพราะว่าถ้าเกิดจะตามเขาเราก็ต้องไปแจ้งความว่าใครเป็นคนเอาคลิปนี้ไป แต่ถามว่าชื่อเราทราบไหมก็ทราบว่าใครแต่ก็ไม่ได้อยากจะมีปัญหาต่อ ก็อย่างที่บอกถ้าเรื่องมันจบแค่นี้ และไม่ได้ถูกกล่าวว่าอะไรต่างๆ ให้เสียหายไปกว่านี้ก็จบแค่นี้ แต่ถ้ามันยังไม่หยุด ยังไม่จบแค่นี้ก็คงจะต้องมีการดำเนินการต่อไป ถ้าอภัยได้มันก็เป็นสิ่งที่ดี ทุกอย่างมันจบได้ด้วยตัวเรา


คาดว่าจะฟ้องคนที่นำคลิปมาปล่อยหรือไม่


''อ้อม-พิยดา'' : อย่างที่บอกว่าตอนนี้ยังไม่เกิดอะไรขึ้นไปมากกว่านี้ ก็ยังไม่ทำ แต่ถ้ามีมากกว่านี้ก็คงจัดการดำเนินการต่อไป แต่ก็คงต้องปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน


ซีเรียสกับเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน


อ้อม พิยดา : ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาจนวันนี้แหละ


รู้สึกยังไงบ้างที่คุณแม่ของน้องผู้ชายพยามส่งเอกสารไปยังสำนักข่าวต่างๆ


อ้อม พิยดา : ก็รู้สึกเสียใจค่ะ เพราะว่าอ่านไปมันก็เหรอ.... คือมันมีอะไรต่างๆ มากกว่านั้นที่เราเจอประสบเอง


นอกจากนี้จดหมายจากคุณแม่คนนั้นยังบอกอีกว่า จริงๆ แล้วน้องเขาไม่ได้ตั้งใจจะเตะ ''อาท'' แค่จะเตะแมลงสาปเท่านั้น


''อ้อม-พิยดา'' : เด็กเตะแมลงสาป ''เมเจอร์'' น่าจะพิจารณาด้วยมีแมลงสาปด้วย แต่ ''อ้อม'' เห็นตรงที่ขายป็อปคอนตรงนั้นไม่มีแมลงสาปนะ คือแมลงสาปจะอยู่ตรงนั้นดีไหม ต้องพิจารณากันเอาเอง
ภาพลักษณ์พรีเซ็นเตอร์ ''ก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็มีโทรศัพท์แต่อ้อมไม่อยากไปว่าเขาว่าเขาเป็นคนทำ อ้อมเลยไม่อยากพูด แต่ถ้ามีข่าวมาก็มีค่ะ มีทางสินค้าโทร.มาหาอ้อม ก็ทั้งโอเลย์และแบรนด์ เขาก็ได้เห็นคลิปแล้ว ทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เป็นไร พวกเราให้กำลังใจอ้อม แต่มันก็แค่เสียงเดียวมันคงไม่ทำอะไรได้หรอก เพราะทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็มีคนเห็นอยู่แล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหา''


สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นผู้ใหญ่ทางเอ็กแซ็กท์ว่าไงบ้าง


''อ้อม-พิยดา'' : คือเราบอก ''พี่บอย'' แล้วนะ เพิ่งบอก ''พี่บอย'' ไปเอง เพราะไม่เห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่อ้อมไปบอก ''พี่ปริม'' ไปแล้วนะคะ แล้ว ''พี่ปริม'' บอกว่าจะบอกพี่บอยให้ ''พี่บอย'' ไม่ได้ว่าอะไร แล้วก็ถามว่าอ้อมจะเอายังไง แต่อ้อมก็อยากให้อภัย อยากให้จบ เพราะมันไม่ได้มีผลดีกับใครเลย ไม่ว่าใครจะถูกจะผิดมันไม่มีผลดีกับใครเลย ก็อยากให้รู้จักคำว่าให้อภัยซึ่งกันและกัน ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีถ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้วรู้จักให้อภัยกัน มันจะได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคม


กับการที่มีข่าวว่า ''อาท'' รังแกเด็กรู้สึกอย่างไรบ้าง


''อ้อม-พิยดา'' : ไม่ได้ถือสาอะไรหรอกค่ะ ''พี่อาท'' ก็คงตกใจ พอตกใจและมันก็มีปัญหาต่อไปก็คือเขามาพูดบอกว่าฉันดูละครของเธอนะ เธอเป็นดารานี่ มันเลยรู้สึกว่าเกี่ยวอะไรกับที่เราเป็นดาราแล้วหันมาบอกว่าเราเป็นดาราฉันดูละครเธอ แล้วพยายามที่จะหันมาอธิบายให้ฟังว่าเขาไม่เกี่ยว นักแสดงมันเป็นอาชีพ แต่เหตุที่เกิดมันเป็นเหตุอะไรที่เกิดขึ้นตรงนี้ อ้อ ที่พูดแบบนี้คืออยากจะสร้างกระแสให้กับตัวเองใช่ไหม แต่อ้อมคิดว่าอ้อมกับพี่อาทคงไม่ต้องสร้างกระแสอะไรแล้วแหละ จากนั้นมันก็เลยทำให้เกิดอารมณ์อะไรกันขึ้น มันก็เลยเป็นเรื่องกันไปมาระหว่างผู้ใหญ่และผู้ใหญ่ ไม่ได้มีการว่าเด็กเลย อ้อมก็มีหลานรักหลานตัวเอง ไม่มีทางไปว่าเขาอยู่แล้ว ยิ่งไม่ใช่ลูกหลานยิ่งไม่กล้าไปพูดว่าอะไรเขาอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่มันก็อีกเรื่องนึง


มีกระแสข่าวว่าทางพ่อเด็กโทร.มาขอโทษเรา


''อ้อม-พิยดา'' : อันนั้นเป็นอีกเรื่องนึงที่ได้บอกไป เวลาที่เราเล่าให้เพื่อนฟังเราก็เล่าให้ฟังหมด แต่ว่ามันก็มีกล้องวงจรปิดอีกตัวนึง ที่เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบนี้ เรื่องราวเกิดขึ้นต่างๆ ต่อไปในกล้องวงจรปิดซึ่งเขาก็ได้เก็บเอาไว้แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เกี่ยวกับคุณพ่อน้องเขาด้วย ถ้าเขาดูเขาก็คงจะทราบ แต่คุณพ่อของน้องเขาก็ไม่ได้ขอโทษอะไร


ถ้ามีโอกาสได้เจอกับแม่เด็กอีกครั้งจะบอกอะไรกับเขาบ้าง


''อ้อม-พิยดา'' : ไม่อยากจะฝากบอกอะไรเลยนะ ไม่สามารถไปบอกอะไรเขาได้เลย เพราะว่าอย่างที่บอกว่าเราอยากรู้จักคำว่าอภัย แต่การที่จะสอนอะไรมันก็เป็นเรื่องของแต่ละครอบครัวไป บอกได้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี


ตอนนี้หนักใจหรือกังวลหรือเปล่า


''อ้อม-พิยดา'' : ไม่เลย ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แล้วอีกอย่างนึงเสียงก็ไม่มี แต่เราก็มีพยานเห็นหน้าใคร แต่ทุกคนที่อยู่รอบข้างก็เข้าใจ ทุกคนเข้าใจหมดเลย ถ้ามีแบบนี้สินค้ายิ่งโอเค เพราะตอนแรกเขาแค่กลัวว่าเดี๋ยวถ้ามีการพาดข่าวออกไปก็กลัวว่าจะไม่มีใคร เขาก็บอกว่าถ้าทุกคนโอเคเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ก็ติดตามต่อไปนะคะว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง ถ้ายังมีต่อไปอีก


เรื่องนี้มีผลกระทบต่อ ''อาท'' บ้างหรือเปล่า


''อ้อม-พิยดา'' : คุณสามีตอนแรกก็ตกใจ เพราะเขาก็งง เพราะว่ามันเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องมันเกิดขึ้นได้ เป็นเพราะอ้อมนี่แหละ เพราะว่าอ้อมเป็นนักแสดง ถ้าเกิดลองว่า ''อ้อม'' เป็นนายบีกับนางเอก็จะคงจบ แต่พอดีเป็นเราแค่นั้นเอง ''พี่อาท'' ก็ให้กำลังใจ และเราก็ปรึกษากันตลอด ''พี่อาท'' เป็นคนบอกตลอดเลยว่าเรื่องมันจบได้ด้วยตัวเราเอง ''พี่อาท'' เขาก็เข้าใจค่ะ เพราะว่าเขาก็ไปบวชไปศึกษาธรรม ไปบวชอะไรของเขามา เขาก็เข้าใจเขาให้อภัยตั้งนานแล้ว


อยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้าง


''อ้อม-พิยดา'' : สำหรับการพาดหัวข่าว ''อ้อม'' คิดว่าทุกคนก็น่าจะเข้าใจ ตัวอ้อมเองก็เข้าใจนักข่าวทุกคนว่าเวลาจั่วหัวพาดหัวข่าวถ้ามันไม่แรง ก็เหมือนตัวเราถ้าเราเห็นข่าวเราก็อาจจะคิดไปอีกอย่างนึง แต่ถ้าพาดหัวข่าวแรงๆ เราก็เข้าใจนักข่าวที่พาดหัวแรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้านเนื้อหาข้างในก็คงจะเห็นว่าไม่มีอะไร ก็มีตาชั่งให้ชั่งดูว่าฝ่ายไหนถูกฝ่ายไหนผิดก็ดูกันเอาเอง บางทีก็แรงบ้างน้อยบ้าง บางทีก็เออพี่แรงไปไหม ก็มีบ้าง

หนังสือชี้แจงคุณแม่เด็กชาย5ขวบ ถึงบรรดาสื่อมวลชน


เหตุเกิดที่ เมเจอร์ เอกมัย ดิฉันได้พาลูกชายสองคนไปดูหนังพร้อมกับสามี เวลา 4 ทุ่ม 24 นาที ดิฉันได้พาลูกชายขึ้นไปซื้อขนม ส่วนสามีและลูกชายคนโตได้เข้าไปก่อน จู่ๆ ก็มีผู้ชายและผู้หญิงมายืนอยู่ข้างหลังลูกชาย และผู้ชายได้พูดกับลูกดิฉันว่า ''เฮ้ย เตะอะไร'' ในตอนนั้นลูกชายดิฉันได้เห็นแมลงสาบเกาะอยู่ที่เคาน์เตอร์ขนม เค้าจึงเอาเท้าไปเตะแมลงสาบ แล้วเค้าได้ยืนถอยหลังออกมา และยกขาขึ้นพร้อมกับมือขวาได้จับเท้าไว้ แต่เผอิญเค้าเสียหลัก ขาเค้าเซไปเตะโดนผู้ชายคนนั้น และลูกชายดิฉันได้ยกมือไหว้ขอโทษแล้ว แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ยอมให้อภัยกลับพูดเสียงดังว่า ''เฮ้ย เตะได้ไงโดนขาเนี่ยะ'' ลูกชายดิฉันกลัวจึงรีบมาหลบข้างหลังดิฉัน ดิฉันหันไปบอกกับเค้าว่า ''ลูกชายฉันเค้าจะเตะแมลงสาบ เค้าไม่ได้ตั้งใจเตะคุณ เค้าขอโทษแล้วค่ะ'' ผู้ชายคนนั้นกลับว่าดิฉันแรงกว่าเดิมว่า ''หัดสั่งสอนลูกซะบ้างนะ ลูกจะได้ไม่เป็นเด็กนิสัยเสียแบบนี้'' ดิฉันงงไม่คิดว่าเรื่องแค่นี้เค้าจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ พอเค้าว่าดิฉันและลูก ดิฉันก็ได้พูดไปเหมือนเดิมว่า ''ลูกดิชั้นไม่ได้ตั้งใจ และได้ขอโทษแล้ว'' ดิฉันพยายามอธิบายให้เค้าเข้าใจ แต่เค้าก็ไม่ฟัง ส่วนผู้หญิงที่มากับเค้าแทนที่จะช่วยปรามให้เค้าเบาลง กลับยุยงส่งเสริมว่า ''ลูกคุณมาเตะโดนขาเค้า มาเตะได้ไงเนี่ยะ'' ดิฉันก็ได้ตอบกลับไปเหมือนเดิม และหวังว่าเธอจะเข้าใจ แต่ไม่เป็นอย่างที่คิด เธอพูดเสียงดังใส่ดิฉันว่า ''เลี้ยงลูกยังไงให้มาเตะขาผู้ใหญ่'' พอดิฉันมองหน้าเธอใกล้ๆ ก็จำได้ว่าเป็นดาราที่ดิฉันชอบมานาน ดูละครของเธอตั้งแต่เรื่องแรกและติดตามละครของเธอเรื่อยมา อีกทั้งรายการที่เธอเป็นพิธีกรอยู่ดิฉันก็ดูเป็นประจำ ดิฉันจึงถามเธอว่า ''คุณอ้อมใช่ไหมคะ'' เธอตอบว่า ''ใช่'' ดิฉันจึงบอกกับเธอว่า ''ฉันเป็นแฟนละครของคุณ ดูละครของคุณทุกเรื่อง ติดตามผลงานคุณตลอดมา'' ดิฉันพูดยังไม่ทันจบ ผู้ชายกลับตะคอกเสียงดังใส่ดิฉันว่า ''แล้วมันเกี่ยวอะไรกัน แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้'' ดิฉันหน้าแตกและงงมาก..ผิดด้วยหรือที่บอกว่าเป็นแฟนละครของเธอ เท่านั้นยังไม่พอ ผู้ชายยิ่งด่าดิฉันแรงกว่าเดิมว่า ''ไพร่ สถุล หัดสั่งสอนลูกซะบ้างนะ ลูกจะได้ไม่เป็นเด็กนิสัยเสียแบบนี้'' ดิฉันทั้งอึ้งและงงมากกว่าเดิม ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าพูดคำนี้ออกมาได้ ดิฉันคิดว่าถ้าเค้าเป็นคนดีจริง แค่เรื่องเด็กเตะโดนขาทั้งๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจและได้ขอโทษแล้ว เค้าก็น่าจะให้อภัย แต่นี่ไม่ใช่ เค้ากลับโวยวายและต่อว่าดิฉันกับลูกอย่างเสียๆ หายๆ ส่วนผู้หญิงตะคอกและขู่ลูกดิฉันว่า ''ทำไมเป็นเด็กนิสัยเสียแบบนี้ อยู่บ้านแม่สั่งสอนบ้างหรือเปล่า มาเตะขาผู้ใหญ่ได้ไง เด็กนิสัยไม่ดี นิสัยแย่จริงๆ'' ดิฉันไม่คิดเลยว่าจะมาเจอดาราที่ดิฉันชอบด่าดิฉันและลูกแบบนี้ ดิฉันเสียความรู้สึกจริงๆ ในทีวีเธอดูนิสัยดี ง่ายๆ สบายๆ แต่ตัวจริงต่างกันราวฟ้ากับดินรวมทั้งผู้ชายด้วย ในทีวีเป็นฟ้าแต่ตัวจริงเป็นดิน ตอนแรกดิฉันก็คุ้นๆ หน้าผู้ชายแต่ไม่แน่ใจเลยถามเธอว่า ''ผู้จัดการคุณเหรอ'' เธอตอบเสียงแข็งว่า ''สามีอ้อม'' ดิฉันไม่คิดเลยว่าเธอกับสามีตัวจริงจะนิสัยแบบนี้ จากที่โดนทั้งสองคนรุมด่ารุมว่าต่างๆ นานา ดิฉันมีความรู้สึกว่าทั้งสองมีนิสัยอันธพาล ไม่มีความเมตตาและให้อภัยเด็ก 5 ขวบ ทั้งๆ ที่เด็กขอโทษแล้ว


ปัจจุบันดิฉันรวมทั้งครอบครัวและญาติสนิทมิตรสหาย ไม่ดูละครและรายการของเธออีกต่อไป และแบรนด์รังนกที่เธอโฆษณาคู่กับสามีของเธอ ที่ดิฉันเคยซื้อให้ญาติผู้ใหญ่ ดิฉันก็เลิกซื้อแล้วค่ะ และดิฉันอยากฝากบอกเธอกับสามีของเธอว่า ''ถ้าคุณคิดว่า คุณเลือกปฏิบัตินิสัยที่แท้จริงของคุณกับคนบางคน หรือกับคนส่วนน้อยแล้วคนส่วนมากจะไม่รับรู้ คุณคิดผิด... ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด สักวันหนึ่ง สิ่งใดหรืออะไรที่คุณทำไว้ มันจะย้อนกลับมาหาคุณเอง''



Create Date : 23 ตุลาคม 2553
Last Update : 23 ตุลาคม 2553 11:33:32 น. 0 comments
Counter : 1445 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.