Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 
10 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 

หนังคนละม้วน!''เหลือเฟือ-เมีย''โต้กันแหลก





''เหลือเฟือ'' น้ำตาคลอแถลงข่าวพร้อมลูกสาว วอนภรรยามีสติกลับมาคุยกันด้วยเหตุผล ลูกสาวตลกชื่อดังเผยแม่เลี้ยงตกบันไดเปล่าถูกพ่อทำร้าย น.ส.ตรีทิพยนิภา พร้อมลูกชายโผล่เปิดใจผ่านรายการทีวีลั่นไม่กลับไปใช้ชีวิตครอบครัว ด้วยแล้ว ขอกลับไปอยู่กับแม่ที่บ้านนอก

จากกรณีที่ น.ส.ตรีทิพยนิภา โนจา หรือไก่ พร้อม ด.ช.ธนโชติ ทิพย์นาง หรือน้องมิกซ์ อายุ 4 ขวบ บุตรชาย ได้เดินทางไปร้องเรียนยังมูลนิธิปวีณาเพื่อเด็กและสตรีว่าถูกตลกดัง ''เหลือเฟือ มกจ๊ก'' ซึ่งเป็นสามีทำร้ายร่างกายมานานหลายปีกระทั่งทนไม่ได้ต้องเดินทางไปร้องเรียน และทางด้านตลกชื่อดังได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวสยามดาราว่า รู้สึกงงกับการที่ น.ส.ตรีทิพยนิภา ซึ่งเป็นภรรยาไปร้องเรียนว่าถูกตนทำร้ายร่างกายอย่างมาก เพราะตนยังนอนกอดกับภรรยาอยู่เลย และก่อนออกจากบ้านไปน.ส.ตรีทิพยนิภา ก็บอกตนว่าจะออกไปทำบุญที่วัด ซึ่งตนก็รับทราบและอยู่บ้านเลี้ยงลูกตามปกติ มารู้อีกทีก็เห็นภาพข่าวออกมาว่า ภรรยาไปร้องเรียนมูลนิธิปวีณาฯ ว่าโดนตนทำร้ายร่างกาย

ความคืบหน้าเรื่องนี้เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ร้านบ้านเหลือเฟือ ตลกชื่อดังได้เปิดแถลงข่าวโดยมี นางสาววนิดา ทิพย์นาง หรือน้องมิ่ง และเด็กหญิงมุกรินทร์ ทิพย์นาง หรือน้องมุก บุตรสาวที่เกิดกับอดีตภรรยา ที่เลิกรากันไปกว่า 10 ปี ร่วมแถลงข่าวด้วย โดยตลกชื่อดังบอกว่าที่ออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ เพราะต้องการวอนให้ฝ่ายภรรยาหยุดทำให้เรื่องต่างๆ บานปลาย และหันหน้ากลับมาคุยกันด้วยเหตุผล

''ทีแรกพอรู้ข่าวก็ยังงอยู่นะครับ คืนนั้นก่อนเกิดเหตุเค้าก็นอนอยู่กับผมนี่แหละ พอเช้าก่อนเกิดเหตุคุณแม่ก็ถามว่าเค้าจะไปไหน เค้าก็บอกว่าไปทำบุญกับเพื่อน ก็หายไปตั้งแต่วันนั้น ตกตอนเย็นมาผมก็ถามเค้าว่าอยู่ไหน เค้าบอกว่าอ๋อเข้าห้องน้ำอยู่ที่ปั๊ม แต่กลับมีพี่นักข่าวโทร.มาถามผมวันนั้นว่า คุณเหลือเฟือรู้ข่าวไหมเรื่องที่ภรรยาคุณไปแจ้งความ ผมก็ถามว่าแจ้งเรื่องอะไรล่ะครับ นักข่าวบอกว่าเรื่องโดนทำร้ายร่างกาย พอข่าวออกมาทุกสื่อผมมีความรู้สึกว่าผมแย่กับเหตุการณ์ทั้งหมด ที่พาลูกสาวทั้งสองคนมาด้วยวันนี้ เพราะลูกสาวจะรู้จะเห็น พอข่าวออกวันนั้นลูกสาวจะไปสอบที่โรงเรียนก็ร้องไห้ทั้งบ้าน งงว่านี่คือเหตุการณ์อะไร ผมก็เป็นห่วงลูกสาว เค้าไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำข้อสอบ ผมก็ปลอบลูกสาว เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดมาแค่ครั้งเดียว มีเกิดขึ้นมาบ่อยๆ แต่พ่อจะอยู่ข้างลูกตลอดไม่เป็นไร พ่อจะเป็นกำลังใจให้ลูกไปสอบ ผมงงมากที่จู่ๆ มีประเด็นว่าผมไม่รับเลี้ยงไม่เลี้ยงดูออกมา ถ้าเกิดว่าผมชั่วผมเลวขนาดนี้ ผมเลี้ยงลูกเรียนถึงมหาวิทยาลัยไม่ได้หรอกครับ ลูกได้เรียนโรงเรียนดีๆ มีรถรับส่ง ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อแม่ ผมมีความรู้สึกว่าถ้าข่าวออกมาแบบนี้มันรู้สึกแย่ ผมเลยอยากวอนสื่อทุกท่าน และสังคมทุกคน ช่วยมองผมด้วย ผมทำงานหาเลี้ยงครอบครัว ถ้ามันสลักใส่หน้าผากได้ ผมอยากสลักไว้เลยว่า ผมอดได้ แต่ครอบครัวผมต้องไม่อด ผมออกจากบ้านมาเพื่อหาเงินหาทองเข้าบ้านส่งเสียลูก แต่คุณออกจากบ้านคุณนำเรื่องราวอะไรเข้าบ้านเนี่ยไม่เข้าใจ ที่มาวันนี้ไม่ได้มาตอบโต้นะครับ แต่มาแถลงข่าวเพื่อชี้แจงในสิ่งที่สื่อลง ขอให้เค้าหยุดตรงนี้ซะ อย่าอะไรอีกมากมายเลย เพราะว่าทั้งแม่ ทั้งลูกญาติพี่น้องตอนนี้สุขภาพจิตไม่ไหวแล้ว ให้ผมเริ่มต้นทำงานมีกำลังใจ แต่ผมไม่เคยท้อครับ ผมคิดถึงตัวคนเดียวไม่ได้ เพราะผมมีทั้งพ่อ ทั้งแม่ทั้งลูก ทั้งหลานที่ต้องดูแลหลายคน เกิดผมล้มผมเจ็บป่วยขึ้นมาเนี่ยลำบากกันแน่นอน แล้วน้องมิกซ์ลูกชายคนเล็กที่เค้าเอาไปพี่สาวก็ถามหาน้องทุกวัน ป่านนี้ลูกชายก็คงถามหาพ่อ ถามหาพี่สาว ถามหาย่าเหมือนกัน แล้วการที่แม่ผมมาเยี่ยมหลานช่วงปิดเทอม แม่ผมไม่ได้มาไล่ออกจากบ้าน ไม่เคยคิดไล่คุณออกจากบ้าน แม่ผมมาเยี่ยมหลาน แม่มาอยู่ตรงนี้ไม่สร้างความอึดอัดใจให้เลย วันไหนที่แม่มาหาผม ผมได้กินข้าวได้ดื่มน้ำ วันไหนที่ไม่มีแม่ แม่อยู่ต่างจังหวัดผมต้องมากินข้าวนอกบ้าน ลูกก็ต้องไปกินคนละทาง อาทิตย์หนึ่งไม่ได้กินข้าวร่วมกัน ทั้งที่เราควรกินข้าวร่วมกัน ทำไมเราไม่กินข้าวร่วมกัน มันประมาณนี้แหละครับ'' เหลือเฟือน้ำตาคลอแถลงข่าว พร้อมกับปลอบลูกสาวที่ปล่อยโฮออกมา

ต่อคำถามว่าหากไม่มีเหตุอะไรทำไมภรรยาถึงได้ไปร้องเรียนมูลนิธิปรีณาฯ ตลกชื่อดังกล่าวว่า ตนก็ยังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับอ้างว่าที่ผ่านมาตนเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์ภรรยามาโดยตลอด พร้อมกับโชว์รอยแผลเป็นที่หน้าอกข้างซ้ายให้ผู้สื่อข่าวดู โดยอ้างว่า แผลดังกล่าวเกิดเป็นรอยที่โดนภรรยาข่วน

''ผมงงอยู่นะว่าทำไมเค้าถึงไปแจ้งความ ผมอ่านหนังสือพิมพ์เค้าบอกว่าเกิดเหตุวันที่ 28 กันยายน ใช่ไหมครับ แต่เลือดเค้าไหลอาบอย่างนั้น ถ้าวันที่ 28 ณ วันที่คุณไปแจ้งความแผลไม่หายหรอกครับ ถ้า 28 มันต้องแบบนี้''

เหลือเฟือกล่าวพร้อมกับเปิดรอยแผลเป็นบริเวณหน้าอกข้างซ้ายให้ผู้สื่อข่าวดู ก่อนกล่าวต่อว่า

''ผมเป็นคนรองรับตลอด รองรับอารมณ์เค้า บอกเค้าทุกครั้งว่าอย่าทำ ไม่เอาเจ็บ ดึงผมซัดผม มีคลิปที่ผมถ่ายไว้เค้าลบออก ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเค้าก็ทำลายข้าวของ วันนั้นจะทุบรถผม ผมถามว่าทุบทำไม ทุบมาต้องไปซ่อมเสียเงินอีกอย่าทำเลยสิ่งของ มันไม่ต้องการคน มีแต่คนต้องการมัน อารมณ์เค้าอาจจะแรงนิดหนึ่ง ทะเลาะกันผมก็พยายามบอกว่า พอหยุดไม่เอา ใจเย็นๆ แล้วคุยกัน ผมอยู่ตรงนี้ด้วยเหตุและผล เป็นทั้งพ่อบ้านและแม่บ้านที่คอยปรับให้ทุกคนใจเย็นๆแต่พอเรื่องเกิดมาอย่างนี้ผมไม่ออกมาแถลงข่าว ไม่มาพูด ผมเชื่อแน่นอนว่าสังคมมองว่าไอ้เหลือแย่มาก แต่ทำไมมันเลี้ยงลูกมันได้ มันมีบ้านให้ลูกมันอยู่''

ผู้สื่อข่าวถามว่าจริงๆ ปัญหาเกิดจากอะไร เหลือเฟือยอมรับว่าเงินอาจมีส่วน แต่ยืนยันว่าที่ผ่านมาตนไม่เคยให้เงินภรรยาใช้ครั้งละ 200-500 บาท ตามที่ฝ่ายภรรยากล่าวอ้างแน่นอน

''ผมไม่รู้เรื่อง น่าจะเป็นหลายๆ อย่าง เรื่องเงินให้เค้าไม่ทันหรือเปล่าไม่รู้ ผมให้เงินเค้าไม่เคยขาดนะครับ ผมเป็นคนไม่พกกระเป๋าตังค์ กลับมาถึงบ้านผมวางตังค์ไว้แล้วแต่คุณจะหยิบเท่าไหร่ก็เรื่องของคุณ มันอยู่ที่ตัวคุณจะใช้หรือไม่ใช้ ใช้เท่าไหร่ด้วย ถ้าเกิดผมวางไว้ 5 พันคุณใช้หมดเลย ผมก็ต้องถามบ้างว่าคุณใช้อะไร แต่มาบอกว่าผมให้ใช้แค่สองร้อย สามร้อย ห้าร้อยมันไม่ใช่ครับ ผัวเมียมันก็เหมือนกระเป๋าเดียวกัน อย่าทำเหมือนชีวิตมันแย่ คอยอุ้มลูกไปหาคนโน้นคนนี้ พอเค้าเพิกเฉยเค้าไม่สนใจคุณเล่นของสูงเข้าหาคุณปวีณาเลย''

ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือไหม ตลกชื่อดังยืนยันว่าตนไม่เคยทำร้ายร่างกายภรรยา ทุกครั้งที่มีปากมีเสียงกันอาจมีบ้างที่ผลักภรรยาออกไป

''ผู้ชายก็ต้องรับแล้วผลักออกอย่างเดียวไม่เอา ไม่เคยทำร้าย แต่ผมผลักแล้วคุณจะล้มเองอันนี้ไม่รู้ เลือดอาบฟกช้ำอะไรนี่ผมไม่เคยเห็น ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมเลยตั้งประเด็นว่าถ้าเหตุเกิดวันที่ 28 ก.ย. เนี่ย มันไม่หายเร็วขนาดนั้น คุณเห็นหน้าเค้าวันนั้นไหมล่ะ ไม่มีรอยอะไรเลย ผมถึงบอกว่าวันที่ 28 คือแผลตรงนี้ (ที่หน้าอกข้างซ้าย) ที่เพิ่งหายเนี่ยเป็นแผลเป็นที่เกิดจากรอยข่วน เพราะผมได้แต่ผลักๆ ออก คือเค้าจะตั้งคำถามเองตอบเอง อันนี้ที่มาพูดผมบอกตรงๆ ว่าไม่ได้มาพูดไม่ได้มาประจาน ผมอยากให้เรื่องมันจบๆ ซะ ที่ผมพูดวันนี้ ผมอยากให้จบ ผมอยากตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพราะลูกกำลังต้องใช้เงิน เค้ากำลังเรียน แล้วคนเล็กที่คุณพาไปถามว่าเขาอดอยากหรือไงคนนั้นน่ะ เด็กแข็งแรงสมบูรณ์จะตาย''

ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยถามภรรยาไหมว่าต้องการอะไร เหลือเฟือบอกว่าตนไม่ทราบ และอยากให้มีสติ มาคุยกันโดยใช้เหตุผล

''ถ้าต้องการอะไรก็อยากให้เค้าบอกมา คือคนเราอยู่ด้วยกัน ให้ได้ไม่ได้มันต้องมีเหตุผลใช่ไหมครับ ไม่ใช่ว่าผมปล่อยให้คุณอยู่ในที่ไม่ดี เลี้ยงลูกตามลำพัง ถ้าเป็นอย่างนั้นเอาผมให้ตายเลย แต่นี่คุณไม่อยู่บ้านทั้งที่มีบ้านอยู่ รถก็มี ผมถึงบอกว่าผมงงกับเหตุการณ์ที่ออกมาแฉผมขนาดนี้ ผมไม่เข้าใจกับเรื่องนี้ สังคมประณามผมเยอะ ชื่อเสียงที่ผมสร้างมาจะมาจบกับเรื่องแค่นี้เหรอ ด้วยน้ำมือของคุณ มันจะเป็นความทรงจำที่ผมจำไว้มากๆ แต่ผมก็ไม่ท้อหรอกครับ งานอะไรที่ผมทำก็ยังไม่ยกเลิก แต่ผมขอบอกตรงนี้นะว่าให้คุณหยุดเถอะ คุณพูดดีๆ มีสตินิดหนึ่ง มาคุยกับผม ผมไม่อยากให้ลูกเสียสุขภาพจิต พ่อผมก็ไม่สบาย ผมห่วงพ่อผม ผมห่วงทุกคนที่ผมดูแลอยู่ ผมถึงบอกว่าผมเจ็บไม่ได้ ผมป่วยไม่ได้ ไม่มีงานทำไอ้เหลือจะทำอะไรกินล่ะครับ แต่จะให้ผมกลับไปแบกเหล็กขายของเก่ากิน ผมก็ทำได้ไม่อายเพราะผมเคยทำมาแล้ว ร้านอาหารที่เปิดก็ยังไม่สมบูรณ์กลับมาทะเลาะกับเด็กในร้าน ไม่ทำตัวเป็นเจ้านายเค้า ให้ทำก็ไม่เอา บอกว่าปวดท้องมั่งอะไรมั่ง ผมไม่เข้าใจ ผมตั้งใจสู้เพื่อครอบครัวนะครับที่ทำงานทุกวันนี้''

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสไปคืนดีกันไหม ตลกชื่อดังกล่าวว่า ตนพร้อมที่จะพูดคุยกับภรรยาด้วยเหตุผล อยากให้กลับมาใช้ชีวิตครอบครัวเหมือนกับที่เคยเป็น ไม่อยากให้ลูกเกิดปมด้อย และตนก็ยังอยากฝากผีฝากไข้กับภรรยาเหมือนเดิม

''เค้าทำจนผมชินแล้วนะครับ กลับมาผมก็ไม่ว่าอะไร ผมเลี้ยงลูกอยู่แล้ว ผมไม่เข้าใจนะครับว่าทุกครั้งที่ลูกปิดเทอมเค้าต้องทำอย่างนี้ เพื่อที่จะหอบลูกไปโน่นไปนี่ ผมไม่เข้าใจ ปิดเทอมทุกครั้ง ผมเอาลูกไปเรียนไปจ่ายค่าเทอม แต่คุณไปถอนเอาค่าเทอมลูกออกมา พาลูกหนีไปเรียนอยู่เชียงใหม่ช่วงหนึ่ง แล้วก็หอบกลับมาเรียนที่กรุงเทพฯ ผมก็บอกให้เรียนที่นี่แหละ สำหรับตัวผมผมใจกว้างพอนะครับ เพราะผมไม่อยากให้ลูกมีปมด้อย ลูกสาวผมสองคนนี้หนักพอสมควรแล้ว ผมเคยเลิกกับภรรยาคนเก่ามา คือแม่ของลูกสาวสองคนนี้ก็เลิกกันมาประมาณ 10 ปี แล้ว วันแม่ถ้าเค้าไม่ให้ใส่กางเกง ผมก็พร้อมที่จะใส่ผ้าถุงขึ้นไปให้ลูกกราบ คือลูกสาวสองคนนี้เหมือนเป็นดวงตาของผม พร้อมทั้งลูกชายคนเล็กคือน้องมิกซ์ด้วยเมียผม ผมก็อยากฝากผีฝากไข้ไว้กับเค้า''

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้โทรศัพท์ไปเคลียร์กับภรรยาหรือยัง ตลกชื่อดังกล่าวว่า

''ผมมีโทร.ไปถามว่านี่มันคืออะไร เค้าตอบผมว่าแล้วทำไมเป็นไงล่ะ ฉันทำได้เหมือนกัน เค้าบอกว่าพี่ท้าหนูไม่ใช่เหรอ ผมไม่ได้ท้า เค้าเป็นคนบอกว่าจะไปแจ้งความคอยดูนะ ผมก็ถามว่าเป็นอะไรจะไปแจ้งเรื่องอะไร เค้าก็บอกว่าทำไมจะไปแจ้งเราพูดอะไรไม่ได้ เราต้องรอรับฟังข้อกล่าวหา จนสังคมมองผมยังไงไปแล้ว ขอให้เค้าหยุดเถอะ หยุดทำเรื่องที่ไม่ดี ถึงแม้คุณจะถอนแจ้งความไปแล้วผมรู้ ผมก็ต้องออกมาพูด เพราะผมเป็นศิลปินเป็นนักแสดง ถ้าผมไม่ออกมาพูดผมคิดว่าทุกค่ายทุกสื่อคงมองว่า อย่าไปจ้างมันเลยไอ้เหลือ ผมรู้สึกแย่ไง ผมบอกตรงๆ ส่วนท่านปวีณานะครับ ผมเห็นผลงานท่านทำดีมาตลอด แต่ขอให้ท่านคุ้มครองเด็กและสตรี นี่คือเด็กและสตรี คุ้มครองลูกผมด้วยครับ''

ด้านน้องมิ่งลูกสาวตลกชื่อดัง ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่ ม.รามคำแหง กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเห็นภาพพ่อกับภรรรยาใหม่ซึ่งตนเรียกว่าน้าไก่ทะเลาะกัน โดยอ้างว่าส่วนใหญ่พ่อของตนเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์ฝ่ายเดียว

''ก็เห็นเค้าทะเลาะกันค่ะ ส่วนมากพ่อเป็นฝ่ายรองรับอารมณ์อย่างเดียว ส่วนมากห้ามน้าไก่เค้าก็ด่าอย่างเดียว''

ผู้สื่อข่าวถามว่ากับเหตุการณ์นี้บอกลูกอย่างไร เหลือเฟือกล่าวว่า ตนบอกลูกให้อดทนทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหาอะไรขึ้น

''ผมบอกลูกผมทุกคน แม้กระทั่งคนเล็กที่เค้าพาไปว่า เป็นลูกพ่อต้องอดทน อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เกิดมาแล้วเราไม่มีปัญหา เหมือนผมมีอาชีพเล่นตลก ลองจ้างผมไปเล่นสิถ้าไม่ขำผมไม่เอาเงินซักบาท แต่ถ้าขำผมเอาขำละ 500 บาท ถ้าให้ผมขึ้นเวทีนะ แต่ถ้าอยู่ข้างล่างผมเป็นคนเก็บความรู้สึกกำมันไว้ค่อยๆ แก้ออกไป ไม่เคยเดินหนีปัญหา บอกลูกตลอดว่าอย่าอ่อนแอ พ่อก็คือพ่อ ลูกจะเป็นหญ้าเป็นดินเป็นฟ้าเป็นอะไรลูกก็คือลูกพ่อ''

ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไร เหลือเฟือกล่าวว่า ตนยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตนไม่เคยหนีไปไหน ยังอยู่บ้าน อยู่ร้าน หากภรรยากลับมาตนก็ยินดีที่จะพูดคุยกันด้วยเหตุผล

''ผมไม่รู้หรอกครับว่าอะไรจะเกิด ตอนนี้ก็คือบ้านผมอยู่ตรงนี้ ทุกคนรู้จัก ผมไม่ไปไหน คุณก็รู้จัก คุณจะเข้ามากินข้าวกินน้ำ ผมอยู่บ้านตลอด วันไหนไปทำงานผมก็ไปทำงาน วันไหนไม่ไปผมก็อยู่ที่บ้านกับที่ร้านตลอด''

ส่วนเรื่องคดีความตลกชื่อดังกล่าวว่า ตนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ติดตามข่าวสาร และตอนนี้ภรรยาของตนไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ทราบเช่นเดียวกัน

''ไม่รู้เรื่องเลยครับ ลูกๆ เค้าดูในเน็ตดูข่าวก็ร้องไห้มาอีกละ ผมก็บอกว่าอย่าร้องไห้เลยลูกๆ เดี๋ยวพ่อค่อยๆ เคลียร์เอง ลูกไม่ต้องเครียดมีอะไรถามพ่อแล้วกัน ไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหน ก่อนเกิดเหตุก็นั่งอยู่ที่นี่ อยู่ที่ร้านกับผม ก่อนเกิดเหตุก็นอนอยู่กับผม คุณบอกจะไปวัดแล้วก็หายไป มาตอนเช้าผมช็อกตื้อ ลูกร้องไห้ทั้งคืนไม่รู้มีกะจิตกะใจสอบหรือเปล่า ลูกอยู่ด้วยกันสามคนคุณต้องรักให้เท่ากัน ผมเหมือนคนคอยดูแลครอบครัวอยู่''

ผู้สื่อข่าวถามว่ายืนยันว่าแผลที่เกิดกับภรรยาไม่ได้เป็นคนทำร้าย เหลือเฟือยืนยันเสียงหนักแน่นว่าไม่ได้เป็นคนทำร้ายร่างกายภรรยา ระหว่างนี้ ''น้องมุก'' ลูกสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ชั้น ป.6 อ้างขึ้นมาว่า แผลดังกล่าว น.ส.

จังหวะนี้ลูกสาวเสริมขึ้นมาว่า น.ส.ตรีทิพยนิภา เคยบอกกับตนว่าเป็นแผลที่เกิดจากการตกบันได

''เป็นแผลตกบันไดค่ะ น้าไก่บอก''

เหลือเฟือกล่าวต่อว่า ''คือเค้าเป็นคนรุนแรง ท้ายรถผมเนี่ยอยากให้พี่นักข่าวไปถ่ายรูป ผมนั่งคุยงานอยู่เค้าก็ถามว่าจะกลับบ้านไหม แล้วก็ขับมอเตอร์ไซค์ชนตูดรถผม ทุกวันนี้ยังไม่ได้ซ่อมเลย โทรศัพท์ผมเค้าเขวี้ยงแตก ผมก็บอกว่าหยุดได้แล้ว อย่าทำลายข้าวของเลย ทุกครั้งที่ทะเลาะกันมันไม่ใช่เรื่อง แต่เรื่องเงินน่าจะมี''

ผู้สื่อข่าวถามว่าอนาคตครอบครัวจากนี้จะเป็นอย่างไร ตลกชื่อดังกล่าวว่า ตนไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า พร้อมกับย้ำอีกครั้งว่าที่ออกมาแถลงข่าววันนี้เพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ และปกป้องลูกจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม

''ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรกับผม แต่ผมออกมาแถลงแค่นี้แหละครับว่าผมบริสุทธิ์ และผมก็เป็นหัวหน้าครอบครัวพอ อย่างที่ผมบอกว่าผมอดผมอดได้ แต่ครอบครัวผมอดไม่ได้ ผมยืนยันว่ายังไงผมเป็นคนที่รักลูก รักพ่อ รักแม่รักครอบครัว ต่อให้คุณตีผมแทบตายผมไม่ฟ้องใครหรอก แต่วันนี้ผมต้องออกมาชี้แจง เพราะไม่เช่นนั้นสังคมก็มองผมไม่ดี หลังจากนี้ไปผมก็ให้ท่านพิจารณาในตัวผมแล้วกันนะครับ ผมไม่อยากมาชี้ว่าผมถูก ที่ออกมาพูดเพราะผมไม่อยากให้เพื่อนลูกถามว่าพ่อเธอเป็นอย่างนี้เหรอ เพื่อปกป้องลูก ส่วนสังคมจะมองอย่างไรก็แล้วแต่ นี่แหละครับคือสาเหตุที่ผมออกมาพูดครับ'' เหลือเฟือกล่าวในที่สุด

วันเดียวกันนั้นนางสาวตรีทิพยนิภา โนจา ภรรยาของเหลือเฟือพร้อมด้วยบุตรชาย ''น้องมิกซ์'' วัย 4 ขวบ ได้ไปให้สัมภาษณ์ในรายการ ''บอกเล่าเก้าสิบ'' ทางช่อง 9 โดยมี ''มดดำ'' คชาภา ตันเจริญ และ ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เป็นพิธีกร ซึ่งนางสาวตรีทิพยนิภาได้เปิดใจว่า ''เพราะว่าเรื่องนี้ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนแล้ว แล้วเขาไล่หนูออกจากบ้านทำให้หนูไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ค่ารถหนูก็ไม่มี เลยต้องใช้ชีวิตในบ้านหลังนั้นก่อน ตอนที่มีเรื่องวันที่ 28 หนูเดินทางไป สน.เขาก็ยังบอกว่าจะไปรับฟังข้อกล่าวหาเอง เขาก็รู้อยู่แล้ว ตลอดเวลาเขาท้าว่าจะหาหลักฐานมาสู้ในชั้นศาล ที่หนูคิดไปพึ่งท่านปวีณาเพราะไม่รู้จะทำยังไง หนูโดนไล่ออกจากบ้านทั้งที่ตลอดเวลาที่หนูอยู่กับเขาก็พิสูจน์ให้รู้แล้วว่ารักเขา แต่หนูต้องเจ็บตัว''

เหตุการณ์ในวันนั้นรุนแรงแค่ไหน น.ส.ตรีทิพยนิภา กล่าวว่า

''เราทะเลาะกันแล้วแกก็วิ่งใส่ตีศีรษะเรา หนูก็ลำบากใจนะคะ เรื่องการเงินให้ใช้วันละ 300 และบางครั้งพอใจก็ให้ ไม่พอใจก็ไม่ให้ หนูต้องอาศัยเพื่อนบ้าน จนเคยถามว่าพี่หนูจะดำเนินชีวิตยังไง 300 ใช้ทั้งครอบครัว 5 คน บางวันก็ไม่ให้ หนูได้ใช้ไปแค่วันๆ จนกดดันแล้วถามว่าจะให้หนูใช้ชีวิตยังไง เขาก็บอกว่าถ้าไม่พอใจให้ไปเลยจนเรามีปากเสียงกัน หนูก็ยอมรับว่าหนูกดดันในเรื่องนี้ เพราะตลอดเวลาหนูจะเห็นเขาใช้ชีวิตอีกอย่างหนึ่ง เวลากินเที่ยวกลางคืนเมามาทุกวัน ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ มีผู้หญิง ทำไมใช้ชีวิตมีความสุขจัง แต่กับครอบครัวทำไมมาเป๊ะๆ เรื่องเงิน นี่หรือหน้าที่ภรรยาที่ได้รับ''

พิธีกรถามต่อถึงประเด็นที่เหลือเฟือโต้ว่าถูกภรรยาทำร้ายด้วยเหมือนกัน

''ที่จริงวันที่เกิดเหตุล่าสุดหนูมีสิทธิ์ที่จะทำร้ายเขาได้ เพราะว่าหนูโดนตีเก็บความรู้สึกตรงนี้มานานแล้ว และวันนั้นพอเค้าตีหนูเสร็จโดยรู้ว่าหนูไม่มีทางสู้อยู่แล้ว และหนูไปเจอไม้ตรงหน้าห้องก็เหมือนจะทำเขา แต่หนูไม่ทำ พี่คิดดูว่าความรู้สึกหนูไม่ได้อยากทำอยู่แล้ว เพราะถ้าเกิดทำขึ้นมาแล้วหนูพลาดขึ้นมาจะเกิดอะไรขึ้น หนูจะไม่ตายเหรอ หนูไม่มีทางสู้เขาอยู่แล้ว'' นางสาวตรีทิพยนิภากล่าว

ส่วนที่ลูกสาวตลกชื่อดังซึ่งเกิดจากภรรยาคนก่อน อ้างว่ารูปที่นำไปร้องเรียนนั้น เป็นรูปเก่าซึ่งเกิดจากการตกบันได น.ส.ตรีทิพยนิภา กล่าวว่า

''ไม่ใช่ค่ะ ดูที่คิ้วตอนนี้มีบาดแผลมั้ยค่ะ (เปิดแผลที่คิ้วให้ดู) และล่าสุดที่ไปแจ้งความวันที่ 28 ก.ย. ก็ยังมีหลักฐานอยู่กับตำรวจ''

เมื่อพิธีกรถามว่าฟังการแถลงข่าวของเหลือเฟือแล้วคิดจะเคลียร์กันไหม ภรรยาตลกชื่อดังตอบว่า ''คือหนูไม่รู้ว่าทำไมเขาต้องพูดแบบนั้น ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาใช้ชีวิตข้างนอกกับในบ้านยังไง หนูไม่ได้ต้องการอะไรมาก ในเมื่อเขาไม่ต้องการหนูแล้วหนูก็พร้อมจะไป เพราะตลอดเวลา 6 ปีหนูก็ให้เขาหมดแล้วทั้งตัวทั้งใจ ฝากชีวิตไว้กับคุณ แต่แม้แต่ค่ารถเขาก็ยังไม่ให้หนู หนูต้องไปอาศัยเพื่อนบ้าน ไปพึ่งพามูลนิธิปวีณา วันนี้หนูคงไม่กลับไปคุยกับเขาได้แล้ว หนูกับลูกขอกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านนอกกับแม่ดีกว่าค่ะ ลำบากแค่ไหนหนูขอไปตายในอกแม่ดีกว่า''




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2555
0 comments
Last Update : 10 ตุลาคม 2555 6:35:32 น.
Counter : 2065 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.