Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
4 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

ตายจากมหาเศรษฐีไปเกิดเป็นลูกคนขอทาน

ตายจากมหาเศรษฐีไปเกิดเป็นลูกคนขอทาน

ตายจากมหาเศรษฐีที่ "ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ" ไปเกิดเป็นลูกคนขอทาน

"..อาตมาได้นำพระสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสเอง และพระอานนท์ท่านก็ได้เห็นและได้ยินเองด้วย
เป็นเรื่องของบุคคลที่เกิดมาแล้ว "ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ" เรื่องนี้มีบรรดาพุทธบริษัทพูดกันมากว่า
ถ้าเกิดมาแล้วเราไม่ควรทำความชั่วและเราก็ไม่สร้างบุญสร้างกุศล จะมีผลเป็นประการใด
จึงขอนำเรื่องราวในสมัยเมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ อยู่
สมัยนั้นพระพุทธเจ้าทรงเทศน์สอนถึงเรื่องบาปบุญ คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์
การทำความดีและความชั่วตายแล้วมีผลเป็นประการใด

ในสมัยนั้นก็มีท่านมหาเศรษฐีท่านหนึ่งคือ ท่านอานันทเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิ
ท่าน มีความรู้สึกว่าทรัพย์สินของท่านที่ได้มานี้ชาวบ้านไม่ได้ให้ท่าน เป็นทรัพย์ของวงศ์ตระกูลท่านสร้างขึ้นมา
แล้วก็ปกครองกันเป็นทอดๆ เรื่องอะไรที่เราจะไปเชื่อพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นศากยบุตรออกมาบวช
แล้วยุยงให้ชาวบ้านมาบำเพ็ญทาน แจกทรัพย์แจกสินของตนให้แก่บุคคลอื่น
คนทั้งหลายเหล่านี้ไม่เคยมาช่วยเราหา ไม่เคยมาช่วยเราทำ เราจะไปให้เพื่อประโยชน์อะไร
และขึ้นชื่อว่าบาปบุญคุณโทษใดๆ ท่านก็ไม่ทำ ปาณาติบาต อทินนาทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท สุราเมรัย
ท่านไม่เคยละเมิด เรียกได้ว่า "ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ"

ถ้ามองกันในฐานะของคนธรรมดาก็รู้สึกว่าท่านจะเป็นคนดีมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นคนขี้เหนียวก็ตาม



ไปเกิดเป็นลูกคนขอทาน

ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังไม่นิพพาน ท่านอานันทเศรษฐีก็ตายจากความเป็นคน จิตที่ออกจากร่างกายคือ
กายภายในที่นักอภิธรรมเรียกกันว่า "นามธรรม" มันออกจากร่างนี้ก็ไปหาร่างใหม่ ในตระกูลเศรษฐีก็เข้าไม่ได้
เพราะไม่มีทานบารมี จะไปเข้าท้องเมียของข้าราชการก็ไม่ได้มันสบายเกินไป
เดินไปเดินมาก็หาได้ที่เหมาะสมกับตัวที่สุดคือ ท้องของคนขอทาน

ขณะ เมื่อเข้าไปอยู่ในครรภ์ของหญิงขอทาน ตอนเช้าบรรดาขอทานทั้งหลายก็พากันยกขบวนไปขอทาน
ทุกวันเคยได้อาหารเงินทองมากมาย วันนั้นแต่ละคนไม่มีใครได้เลย อานุภาพของความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ
แสดงแล้ว ขอทานทั้งหมดไม่มีใครได้อะไร ตอนเย็นกลับมาถึงที่พัก หัวหน้าใหญ่ของขอทานก็เรียกประชุม
ประกาศว่า คนกาลกิณีคงจะปรากฏขึ้นอยู่ในหมู่ของเราแล้ว
พวกเราขอทานไม่เคยอดแต่คราวนี้อดหมดทุกคนน่าสงสัย

ฉะนั้น ในวันพรุ่งนี้พวกเราจงแบ่งกันเป็น ๒ พวก พอตอนเช้าก็แบ่งกันเป็น ๒ พวก
พวกที่แม่ของท่านอานันทเศรษฐีที่เข้าไปอยู่ในท้องไม่ได้ไปด้วย พวกนั้นได้ของมากมายเหลืกกินเหลือใช้
ส่วนพวกที่แม่ของท่านอานันทเศรษฐีไปด้วยไม่ได้อะไรเลย หัวหน้าขอทานเริ่มสงสัย
ตอนนี้ก็แบ่งกันไปแบ่งกันมาจนเป็นรายบุคคล เป็นอันว่าคนอื่นขอทานได้หมด
แต่คนที่ท่านอานันทเศรษฐีเข้าไปอยู่ในท้องหาอะไรไม่ได้เลย เขาก็เลยรู้กันเลยว่าไอ้เจ้าเด็กคนที่มาเกิดในท้อง
ของหญิงคนนี้คงเป็นเด็กจัญไร ทำให้คนอื่นไม่ได้กิน ทำให้คนที่เป็นแม่ก็พลอยไม่ได้กินไปด้วย
ฉะนั้นหัวหน้าขอทานจึงสั่งระงับว่า แม่ของเด็กคนนี้ไม่ต้องออกไปขอทานจนกว่าจะคลอดบุตร
ให้อยู่กับที่คนอื่นได้มาก็เลี้ยงกัน อาศัยได้กินจากบุญของคนอื่น

ต่อ มาเมื่อท่านอานันทเศรษฐีคลอดจากครรภ์มารดา วันไหนถ้าแม่พาลูกชายไปขอทานด้วย วันนั้นไม่ได้อะไรเลย
แต่วันไหนถ้าไม่พาลูกชายไปวันนั้นได้ เมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้นเดินแข็งแรงแล้วอายุประมาณ ๓-๔ ขวบ
แม่ก็ขับออกจากสำนักว่าเจ้าเป็นคนจัญไร พาให้แม่อด แล้วนำเอากระเบื้องแตกๆ สำหรับเป็นเครื่องมือขอทาน
ใส่มือให้ แล้วก็ไล่ลูกไปหากินเองตามลำพัง



สามารถระลึกชาติได้ ๑ ชาติ

ท่านอานันทเศรษฐีคนนี้แกตายจากคนแล้วก็เกิดเป็นคน จึงเป็นคนที่ระลึกชาติได้ชาติเดียว
เพราะมีสภาพเหมือนคนนอนหลับแล้วก็ตื่นขึ้น เรื่องราวต่างๆ ก่อนหลับทำอะไรไว้บ้างที่ไหนเราจำได้ฉันใด
คนที่ตายจากคนแล้วไปเกิดเป็นคนก็มีสภาพเหมือนคนนอนหลับแล้วก็ตื่น ระลึกชาติได้ว่า
ก่อนที่เราจะมาเกิดเป็นเด็กตอนนั้นเราเป็นมหาเศรษฐีมีทรัพย์ สมบัติมาก
วันนี้แม่ไล่เราออกจากสำนักเราก็จะกลับไปบ้านของเรา

การระลึกชาติได้ชาติเดียวนี่ไม่ต้องเจริญสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน เพราะว่ายังไม่ลืมสภาพเดิม
ส่วนคนอื่นๆ ที่เกิดมาแล้วไม่รู้สภาพเดิมว่าชาติก่อนนี้มาจากไหน ก็เพราะว่าไม่ใช่ตายจากคนแล้วเกิดเป็นคนทันที
ตายจากคนอาจย่องไปนรกเสียนาน ไฟเผาเสียประสาทเสื่อมไป แล้วก็มาเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย
เป็นสัตว์เดรัจฉาน มันนานเหลือเกินประสาทต่างๆ มันก็ลืม สัญญาต่างๆ มันก็ลืมหมดเลยระลึกชาติไม่ได้

ส่วนคนที่ตายจากคนแล้วเกิดเป็นคน ระลึกชาติเดิมได้ทุกคนไม่ใช่ของยาก เมื่อท่านอานันทเศรษฐีเด็กระลึกได้ว่า
เคยเป็นมหาเศรษฐีใหญ่ บ้านอยู่ที่ไหนท่านก็เดินไปตามทางสายนั้น ตอนเช้าไปถึงประตูบ้าน
เวลานั้นลูกชายคนโตเป็นมหาเศรษฐีแทน พระราชาทรงแต่งตั้งตำแหน่งมหาเศรษฐีให้

สมัยนั้นคนที่จะเป็นมหาเศรษฐีต้องพระราชาแต่งตั้งแล้วก็มอบฉัตรให้ และมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน
เหมือนขุนนางทั้งหลาย เมื่อไปถึงประตูบ้านท่านก็จะเข้าบ้าน ยามหน้าประตูก็ไม่ยอมให้เข้า
เพราะรูปร่างคล้ายๆ กับผีเหมือนปีศาจคลุกฝุ่น เขาไม่ให้เข้าท่านก็ดึงดันจะเข้า
เวลานั้นพอดีพระพุทธเจ้าเสด็จไปบิณฑบาตกับพระอานนท์พอดี

เมื่อองค์ สมเด็จพระบรมโลกนาถเห็นอานันทเศรษฐีผู้เป็นเด็ก พระองค์ก็ทรงแย้มพระโอษฐ์
ตามธรรมดาพระพุทธเจ้าถ้าไม่มีเรื่องหน้าท่านเฉยๆ ถ้ามีเหตุจึงจะยิ้ม ท่านพระอานนท์ก็สงสัย
ทูลถามองค์สมเด็จพระจอมไตรว่า "เวลานี้พระองค์แย้มพระโอษฐ์ มีเหตุอะไรหรือพระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "เธอเห็นอานันทเศรษฐีไหม" พระอานนท์ก็มองไปมองมา
ความจริงท่านเคยรู้จักอานันทเศรษฐี ก็ทูลตอบพระองค์ว่า "ไม่เห็นพระพุทธเจ้าข้า เห็นแต่เด็ก"
พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า "เด็กคนนั้นแหละคืออานันทเศรษฐี"
ท่านพระอานนท์ก็สงสัยจึงกราบทูลว่า "อานันทเศรษฐีตายไป ๓-๔ ปีแล้วพระพุทธเจ้าข้า"
พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ใช่ อานันทเศรษฐีตายแล้วแต่ไปเกิดเป็นคน เป็นลูกของคนขอทาน คนที่ยืนจะเข้าบ้านที่
นายประตูผลักไสอยู่นั่น ถ้าอยากจะทราบความจริงก็จงเรียกลูกชายคนโตที่เป็นเศรษฐีอยู่เวลานั้น"

ท่านพระ อานนท์จึงสั่งนายประตู "เรียกนายของท่านลงมา เวลานี้พระพุทธเจ้าต้องการพบ"
นายประตูก็ไปตามนายมา เมื่อลูกชายท่านอานันทเศรษฐีเห็นพระพุทธเจ้าก็มีความเลื่อมใส ไม่เหมือนพ่อ
จึงกราบถวายนมัสการ พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "ดูก่อนมหาเศรษฐี เธอรู้จักพ่อเธอไหม"
เขาก็ตอบว่า "รู้จักพระพุทธเจ้าข้า" พระองค์ก็บอกว่า "เด็กคนนี้คือพ่อของเธอ"
ท่านเศรษฐีหนุ่มตกใจกราบทูลว่า "ไม่ใช่พระพุทธเจ้าข้า เพราะว่าบิดาของข้าพระพุทธเจ้าตายไป ๓-๔ ปีแล้ว
เวลานี้ข้าพระพุทธเจ้าเป็นมหาเศรษฐีแทน"



ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ

พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า "เรื่อง นั้นเป็นความจริงแต่ว่าพ่อของเธอออกจากร่างที่ตายไปแล้วไปเข้าสู่ครรภ์ของ
ขอทาน เพราะโทษที่ความชั่วไม่มี ความดีไม่ทำ เมื่อกินบุญเก่าก่อนที่จะมาเป็นมหาเศรษฐีได้เพราะให้ทานมามาก
พอเป็นเศรษฐีเข้าจริงๆ กลับไม่ให้ทาน กินบุญเก่าเสียหมด ก็เลยเป็นคนจน"

ท่านมหา เศรษฐีใหม่ฟังแล้วก็สงสัย พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า "เด็กคนนี้คืออานันทเศรษฐีบิดาของเธอ"
เขาก็เลยไม่เชื่อ พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า "จะพิสูจน์ให้ดู" พระองค์จึงเรียกเด็กคนนั้นว่า
"อานันทเศรษฐีจงมาหาตถาคต" เด็กคนนั้นพอได้ยินเท่านั้นก็เดินมาไหว้พระพุทธเจ้า พระองค์จึงถามว่า
"อานันทเศรษฐี ทรัพย์สินของเธอ ก่อนที่จะตายจากความเป็นมนุษย์ที่ฝังไว้แล้วยังไม่ได้แจ้งให้ลูกชายทราบ
มีอีกไหม" ท่านอานันทเศรษฐีเด็กก็กราบทูลว่า
"เงินก็มี ทองก็มี แก้วแหวนเพชรนิลจินดาก็มี ของทั้งหมดมีราคาเป็นเรือนโกฏิๆ"

พระพุทธเจ้าจึงได้มีพระพุทธบัญชาว่า "ถ้าอย่างนั้นจงพาลูกชายไป และก็ชี้สถานที่ที่ท่านฝังทรัพย์นั้นไว้
และให้ลูกชายขุดเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเป็นความจริงเพียงใด" ท่านอานันทเศรษฐีก็เรียกลูกชายบอกว่า
"จงตามพ่อมา" แล้วเดินไปข้างหน้าชี้ลงไปที่แผ่นดินบอก "ให้คนรับใช้ขุดลงไปตรงนี้ พ่อฝังทองไว้ ๓ ตุ่ม
เป็นทองแท่ง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์" ขุดไม่ลึกนักก็ปรากฏได้ทอง ๓ ตุ่ม แล้วเดินไปอีกหน่อยหนึ่งก็ชี้บอก
"ตรงนี้พ่อฝังเงินไว้หลายตุ่ม" เขาก็ขุดพบแล้วก็ชี้ไป
"ตรงโน้นมีแก้วแหวนเพชรนิลจินดา พ่อฝังไว้มากจงให้คนขุด" ปรากฏว่าได้อีกมาก

เป็นอันว่าตอนนี้ลูกชายของท่านอานันทเศรษฐีเชื่อแล้วว่าเด็กคนนี้คืออานันท เศรษฐีพ่อของแก
เพราะผลความจริงปรากฏ ก็เลยรับภาระเลี้ยงพ่อต่อไป

จาก เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าเมื่อตายจากความเป็นมนุษย์ จิตจะออกจากร่าง
ร่างกายที่ทรงอยู่นี้เรามีโอกาสอาศัยได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อถึงกาลถึงสมัยมันก็พังทลายลง
เมื่ออาศัยมันไม่ได้เราก็ไป คำว่า "เรา" ในที่นี้ก็คือ จิต หรืออทิสสมานกาย คือกายอีกกายหนึ่งซึ่งสิงอยู่ในกายเนื้อ
เป็นผู้บัญชาการให้กายเนื้อพูด กายเนื้อทำ กายเนื้อคิด ความจริงกายเนื้อมีสภาพเป็นหุ่น
ที่มันทำอะไรได้ก็เพราะอาศัยจิต หรือที่เรียกกันว่าอทิสสมานกาย เป็นกายที่เราไม่สามารถจะเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
กายภายในคือจิตเป็นผู้มีอำนาจสั่งการเป็นจอมบงการ
เมื่อเวลาร่างกายนี้พังคือตาย จิตหรืออทิสสมานกายก็หาที่ไป

คนที่ทำความดีจิตก็ไปสู่สถานที่ที่มีผลความดีบันดาล

คนที่ทำความชั่วจิตก็ไปสู่สถานที่ที่ผลของความชั่วบันดาล.."

โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2552
2 comments
Last Update : 4 สิงหาคม 2552 22:09:25 น.
Counter : 862 Pageviews.

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ

 

โดย: ละอองลม (wind_drizzle ) 5 สิงหาคม 2552 10:32:40 น.  

 

ำกำดำพดำกห

 

โดย: ุถถถถ IP: 182.93.203.108 17 มิถุนายน 2554 9:54:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.