Group Blog
All Blog
### การขอขมา ###











“การขอขมา”

การขอขมาก็ขอในใจนั่นแหละ

 เราไปทำอะไรใครเขาผิด เราก็อย่าไปทำอีก มันก็จบ

ไม่ต้องมาตั้งนะโม มากล่าวคำขอขมา

เราอย่าไปทำซ้ำซาก

 คำว่าขอขมานี้ก็เพื่อไม่ให้เราไปทำซ้ำซาก

ให้เราสำนึกผิด ในพฤติกรรมของเรา

 แล้วเราไม่ต้องไปทำต่อ

 เพราะคนที่เขาถูกละเมิดนี้เขาไม่สนใจหรอก

 เขาอยู่ของเขาได้ จะไปล่วงเกินอะไรเขา

 ถ้าเขามีธรรมอยู่ในใจเขาไม่สนใจหรอก

เขาถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

มีในโลกนี้มีสรรเสริญ มีนินทาเป็นธรรมดา

 เวลาทำอะไรถูกใจเขา เขาก็สรรเสริญเรายกย่องเรา

 เวลาทำอะไรไม่ถูกใจเขา เขาก็ด่าเรา มันก็มีเท่านั้น

จะมีอะไร ไปห้ามเขาได้ที่ไหน

แต่คนที่มีธรรมอยู่ในใจนั้นไม่กังวล

 ไม่ต้องมาขอขมาไม่ต้องมีอะไร

ทำอะไรผิด ถ้าสำนึกผิดแล้วแก้ไป

อย่าไปทำมันอีกเท่านั้นล่ะ นี่คือหลักของการขอขมา

 ก็เพื่อที่จะได้ไม่ไปล่วงเกินผู้อื่นอีก

 ถ้ารู้ว่าการกระทำของเรานั้น

มันเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะไม่ควร

ครั้งต่อไปก็อย่าไปทำมันเท่านั้นเอง มันก็จบ

นี่คือพูดเปรียบเทียบเรื่องของการรู้ธรรม

ที่ยังเป็นเปลือกกับการรู้ธรรมที่เป็นเนื้อมันต่างกันอย่างนี้

 ดังนั้นเวลาเราไปวัดป่านี้ เราจะเห็นว่า

การกระทำพิธีกรรมต่างๆ นี้แทบจะไม่มีกัน

 เพราะท่านไม่สนใจ เรื่องเปลือก ท่านจะเอาแต่เนื้อ

แต่ถ้าเราไปอยู่วัดที่ยังไม่มีเนื้อ

 เขาก็มีแต่เปลือกให้เรากินกัน ตั้งนะโมกันอยู่นั่นแหละ

ทำอะไรทีก็นะโมกันไปที มีแต่กล่าวคำถวาย

มีแต่สวดสาธยายอะไรไปร้อยแปด พันประการ

แต่ผลคือความสงบนี้ไม่เกิดขึ้นมาเลย

ความสุขความปีติของใจไม่มีเลย

เพราะไม่ได้เนื้อธรรม ได้แต่เปลือกธรรม

 แต่ไปวัดป่า วัดที่ไม่มีพิธีกรรมนี้

ไปถึงก็แสดงธรรมกันเลย

 ขึ้นเวทีแสดงธรรม ถ้าตั้งจิตตั้งใจฟัง

พอเข้าใจธรรมขึ้นมาก็จะเกิดความปีติเกิดความสุขใจขึ้นมา

นี่คือเรื่องของธรรมที่มีทั้ง ๒ รูปแบบ

 ธรรมที่เป็นเปลือกและธรรมที่เป็นเนื้อ

 ตอนต้นเราก็ต้องเจอเปลือกก่อน เป็นธรรมดา

 เราก็ต้องศึกษาฟังเทศน์ฟังธรรมไปก่อน

แล้วก็ถูกสอนให้ทำพิธีอะไรต่างๆ ไป

 ให้ทำวัตรเช้าเย็น เวลาถวายของก็ต้องมีการกล่าว

เวลาขอศีลก็ต้องมีการกล่าวคำขอศีล

 ศีลมีแค่ ๕ ข้อแต่กล่าวกันไม่รู้กี่ ๑๐๐ ครั้ง

 ขอไปทำไม ๕ ข้อ ขอหนเดียวมันก็จบแล้ว

 การขอเพื่อให้รู้ว่ามีอะไรบ้างเท่านั้นเอง

 ไม่รู้จึงมาถามพระว่า ศีล ๕ มีอะไรบ้าง

จะได้เอาไปรักษา พอรู้แล้วก็ไม่ต้องมาขออีกแล้ว

ขอไปทำไม มันก็ไม่ได้มากไปกว่า ๕ ข้อนี้

ขอ ๕๐๐ ครั้งมันก็ได้ ๕ ข้อนี่แหละ ขอหนเดียวก็พอ

ขอแล้วขอให้รักษาให้มันได้

ดีกว่าขอ ๕๐๐ ครั้งแล้วรักษาไม่ได้ แม้แต่ข้อเดียว

นี่คือพูดเปรียบเทียบให้ฟังเรื่องของเปลือกกับเรื่องของเนื้อ

 เพื่อจะได้มีอะไรเป็นเครื่องพิจารณา

เป็นเครื่องที่จะทำให้เรารู้ว่าเรากำลังปฏิบัติถูกหรือปฏิบัติไม่ถูก

 เรายังติดอยู่กับเปลือกหรือเราติดอยู่กับเนื้อแล้ว

นี่คือเรื่องของการเข้าหาธรรม

ในวันที่เรามีวันหยุดเพิ่มขึ้นมาวันหนึ่ง

ซึ่งมีเวลาน้อยมาก ปีหนึ่งที่เราจะมีวันหยุด

ที่เราจะเข้าวัดเพื่อเข้าหาธรรมะของพระพุทธเจ้านี้มีไม่กี่วัน

มีไม่ถึง ๓๐ ในปีหนึ่งที่มี ๓๖๕ วันนี้

 เรามีเวลาเข้าวัดสัก ๓๐ วันได้หรือไม่

คิดดูก็แล้วกันว่ามันมากหรือน้อยเพียงอย่างไร

แล้วผลที่เราจะได้รับจากการปฏิบัติ

มันจะได้รับมากน้อยเพียงอย่างไร

ดูคนที่เขาอยู่วัดตลอดเวลา แล้วก็ไม่ใช่อยู่แค่ ปี ๒ ปี

อยู่กันเป็น ๑๐ ปี นั่นแหละคนเหล่านี้แหละ

เป็นผู้ที่จะได้รับผล ที่เกิดจากการปฏิบัติธรรม

แต่ถ้าเข้าวัดกันปีละไม่กี่วัน

อันนี้โอกาสที่จะได้รับผลนี้ มันน้อยมาก

ก็ขอให้นำเอาเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังในวันนี้

ไปพินิจพิจารณาและปฏิบัติ

เพื่อความสุขและความเจริญในธรรมที่จะตามมาต่อไป.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙

“ช่วงเวลาที่สำคัญ”










ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 14 พฤษภาคม 2559
Last Update : 14 พฤษภาคม 2559 10:18:24 น.
Counter : 565 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ