Group Blog
All Blog
### สุดยอดของกิเลสก็คืออวิชชา หรือโมหะความหลง ###










“สุดยอดของกิเลสก็คืออวิชชา

 หรือโมหะความหลง”

ถาม : ไม่มีสติกับใจลอยนี่เหมือนกันไหม

พระอาจารย์ : เหมือนกัน

 ลอยมากๆก็กลายเป็นคนไร้สติไป

 เรื่องกิเลสไม่ได้เกี่ยวกับสติ

 กิเลสมีอยู่ในจิตของปุถุชนทุกคน

 จิตของปุถุชนกับจิตของพระพุทธเจ้าต่างกัน

ตรงที่มีกิเลสหรือไม่มีกิเลส

เป้าหมายของปุถุชนก็อยู่ที่การชำระจิตให้สะอาด

 ไม่ให้มีกิเลสหลงเหลืออยู่

ให้เหมือนกับจิตของพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์

อวิชชาเป็นเจ้านายใหญ่ของกิเลส

 สุดยอดของกิเลสก็คืออวิชชา หรือโมหะความหลง

 คือไม่เห็นไตรลักษณ์นี่เอง ไม่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ในสภาวธรรมทั้งหลาย เมื่อไม่เห็นก็หลงยึดติด

 อยากจะอยู่กับสิ่งนั้นสิ่งนี้ไปนานๆ

อยากจะให้สิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่กับตนไปนานๆ

 แสดงว่าไม่เห็นความจริง ถ้าคนเห็นความจริง จะรู้ว่า

จะต้องจากกันไป แล้วจะอยากไปทำไม

จะเห็นความทุกข์ที่ตามมาด้วย

ถ้าอยากแล้วใจจะวุ่นวายกระสับกระส่ายขึ้นมาทันที

 อยากให้คนนั้นคนนี้อยู่ไปนานๆ ใจก็กระสับกระส่ายแล้ว

นี่ก็คือความทุกข์ แล้วก็จะเห็นว่าเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน

 ไม่เป็นสิ่งที่จะควบคุมบังคับให้เป็นไปตาม ความต้องการได้

 เป็นเหมือนต้นไม้ใบหญ้า เหมือนแดดลม

 มาแล้วก็ไปตามเรื่องของเขา

 แต่เราชอบไปคว้าเอาเข้ามาว่าเป็นของเรา

ให้อยู่กับเราไปนานๆ จึงเกิดปัญหาต่างๆตามมา

ต้องคอยดูแลรักษา ต้องหาวิธีต่างๆรักษาให้อยู่กับเรา

แต่ในที่สุดก็ต้องหมดไป

เราพยายามดูแลรักษาร่างกายแทบเป็นแทบตาย

 แต่เดี๋ยวก็ต้องหมดไป

ทำได้แค่ให้อยู่ได้นานหรือไม่นาน เท่านั้นเอง

 อย่างนี้พอจะทำได้ พอจะดูแลได้

ถ้าไม่กินเหล้าเมายา ไม่สำมะเลเทเมา

รับประทานอาหารพอประมาณ

 หลับนอนพักผ่อนพอประมาณ

ออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอ ก็จะอยู่ได้นาน

 ถ้าใช้แบบสมบุกสมบันก็จะอยู่ได้ไม่นาน

เหมือนกับรถยนต์ถ้าใช้แบบทะนุถนอม

ก็มีอายุยาวกว่า ใช้แบบสมบุกสมบัน

ร่างกายของคนเราก็เหมือนกัน

อย่างหลวงตาท่านนั่งสมาธิเดินจงกรมอยู่เรื่อยๆ

ก็ไม่ค่อยได้ใช้มากเท่าไหร่ จึงมีอายุยืนยาวนาน

ถ้าเอาไปเที่ยวกินเหล้าเมายาดูหนังฟังเพลง

 อดหลับอดนอน เพราะติดหนังติดละคร

พอตื่นแล้วก็ต้องไปทำงานต่อ

ร่างกายก็ไม่มีเวลาพักผ่อนเท่าที่ควร

ใช้ร่างกายหาเงินแล้วก็ต้องใช้มันไปเที่ยวต่ออีก

 จึงไม่ได้พักผ่อนอย่างพอเพียง ก็จะมีอายุสั้น.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..........................

กัณฑ์ที่ ๓๗๗ วันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๑

 (จุลธรรม ๑๒)

“ตัวรู้กับสติ”








ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 08 มิถุนายน 2559
Last Update : 8 มิถุนายน 2559 10:29:47 น.
Counter : 813 Pageviews.

1 comments
  
อ่านแล้วได้คิดเลยค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 8 มิถุนายน 2559 เวลา:13:28:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ