Group Blog
All Blog
### วิธีทำให้ใจพอก็ต้องทำให้มันนิ่ง ###
















“วิธีที่จะทำให้ใจพอ ก็ต้องทำให้มันนิ่ง”

ของทุกอย่างในโลกนี้มันเป็นของชั่วคราว

 เหมือนอยู่ในความฝัน เมื่อคืนนี้นอนหลับแล้วฝันว่า

 เราเป็นโน่นเป็นนี่มีโน่นมีนี่ พอตื่นขึ้นมาหายไปหมดแล้ว

สิ่งที่เรามีอยู่เป็นอยู่ทุกวันนี้เดี๋ยวมันก็หายไปหมด

 เดี๋ยวร่างกายก็หายไป เดี๋ยวร่างกายก็กลายเป็นขี้เถ้าไป

 สมบัติที่หามาได้ก็กลายเป็นของคนอื่นไป

เอาอะไรไปไม่ได้ เอาไปแต่ความอยากความหิว

เพราะไม่รู้จักทำให้มันอิ่มนะซิ ไม่รู้จักทำให้มันพอ

มีแต่หิวอยู่เรื่อยๆ มีแต่ทำให้มันอยากอยู่เรื่อยๆ

 มันอยากได้อะไรก็หามาให้มัน วิธีที่ทำให้มันอยาก

 พอหามาได้แล้วเดี๋ยวมันก็อยากอีก

 วิธีที่จะทำให้มันพอก็ต้องไปหามา

 ถ้าพอแล้วก็ไม่ต้องหาใช่ไหม

 ถ้ายังหาก็แสดงว่ายังไม่พอ

ก็อย่าไปหามันซิ บอกพอแล้ว

วิธีจะทำให้พอก็ต้องทำให้มันนิ่ง พุทโธๆไป ทำใจให้นิ่ง

ใจนิ่งแล้วมันจะพอแล้วมันก็ไม่ต้องไปหาอะไรมา

 ให้มันเหนื่อยยาก เพราะว่าต่อให้หามาได้เท่าไหร่

 มันก็ไม่พออยู่นั่นแหละ

หามาได้ ๑๐๐ ล้าน ๑,๐๐๐ ล้านก็ไม่พอ

 หาแฟนได้มาสักร้อยคนสองร้อยคนก็ไม่พอ

 มันได้มาเดี๋ยวเดียวมันก็เบื่อแล้ว

 เห็นไหมคนรวยๆ นี้บางทีมีแฟนเป็นสิบเป็นร้อย

ฮาเร็ม เจ้าชายมีฮาเร็ม

พระพุทธเจ้าก็มีปราสาท ๓ ฤดู

แต่ทรงเห็นว่ามันไม่มีความสุข

มันสุขปลอม สุขเดี๋ยวเดียว

 ได้มาแล้วก็เบื่อ ยิ่งไปเห็นคนแก่

 คนเจ็บ คนตายยิ่งกลัวใหญ่

 ต่อไปแก่ เจ็บ ตายก็ทำไม่ได้

หาความสุขแบบนี้ไม่ได้แล้ว ถ้ายังมีความอยากอยู่

 เวลาแก่อยากจะไปเที่ยวก็ไปไม่ไหว

เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ไหว ทำอะไรไม่ได้ ใจก็ร้อน

 ใจก็เป็นไฟขึ้นมา เพราะไม่ได้ทำตามความอยาก

ถ้าได้ทำก็ไม่พอ ทำมาเรื่อยๆ ทำมาตั้งแต่วันเกิด

 จนถึงวันนี้มันก็ยังไม่พอ

 ต้องหยุดมันเท่านั้นถึงจะทำให้มันพอ

 วิธีหยุดมันก็พุทโธๆไป นั่งหลับตาก็พุทโธๆไป

ถ้าพุทโธไปได้เรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็สงบ

สงบแล้วก็หายอยาก

นี่คือเรื่องของใจ ตราบใดมีความอยาก

ตราบนั้นมันก็จะร้อน

เพราะบางทีอยากแล้วไม่ได้ก็โกรธ

อยากให้เขาทำไอ้โน่นไอ้นี่ให้หน่อย

พอเขาไม่ทำก็โกรธเขานะอย่ามาทำตามความอยาก

ต้องฝืนความอยากกัน หยุดความอยากกัน

 นี่มาอยู่วัด นุ่งขาวห่มขาวนี้เพื่อหยุดความอยากรู้เปล่า

 อยากนอนกับแฟนก็ไม่ได้นอนแล้ว คืนนี้ห้ามนอน

 ถือศีล ๘ อยากกินข้าวเย็นก็ไม่ให้กินแล้ว

อยากดูหนังฟังเพลงดูละครก็ไม่ให้ดูแล้ว

อยากจะไปงานเลี้ยง

อยากจะไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ก็ไม่ให้ไปแล้ว

 พระพุทธเจ้าสอนให้เรามาถือศีล ๘

 ก็เพื่อมาหยุดความอยากต่างๆนี้

ต้องพยายามถือไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ถือแต่ ๗ วัน

กลับบ้านไปก็ไปอยากเหมือนเดิม

แล้วมันได้อะไร มาหยุดแค่ ๗ วัน

แล้วกลับไปอยากอีก ๓๐ วัน

 เอามาซ้อม มาทำ ๗ วัน

แล้วพอกลับไปบ้านก็กลับไปทำต่อ

 เข้าใจบ่ ไม่ใช่พอกลับไปบ้านก็เลิก

 อยู่วัดอย่างไรกลับไปบ้านก็อยู่อย่างนั้น

 ไม่กินข้าวเย็นต่อ กลับไปจากวัดนี้ก็อย่าไปกินข้าวเย็น

 อย่าไปนอนกับแฟน อย่าไปดูละคร

 อย่าไปงานเลี้ยงไปเที่ยว อย่าไปนอนบนฟูกหนาๆ

 เตียงใหญ่ๆ นอนบนพื้นไม้เเข็งนี้จะได้นอนไม่มาก

 นอน ๔-๕ ชั่วโมงก็พอ

นอนมากๆ ก็อิ่มหมีพีมันเหมือนหมู

 หมูยังมีราคา คนไม่มีราคารู้เปล่า

 คนเวลาตายนี้เอาไปขายไม่ได้

เนื้อหนังมังสา ทำแต่หมูนี้ยิ่งอ้วนเท่าไหร่ยิ่งดี

 เขาถึงบอกว่า ช้าง ม้า วัว ควาย อ้วนนี้ดี

แต่นักบวช นักปฏิบัติธรรมนี้อ้วนไม่ได้

พระราชาก็อ้วนไม่ดี นางงามก็อ้วนไม่ดี

 แต่ถ้าพวกสิงสาราสัตว์ล้างม้าวัวควายนี้ต้องอ้วน

 ถึงจะได้ไปทำงานได้ ผอมแล้วมันไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง

เราเป็นนักบวช เราอย่ามาทำให้ร่างกายมันอ้วน

อ้วนแล้วมันเป็นผลจากกิเลสรู้เปล่า

 เกิดจากความอยากกินนี่แหละ กินไม่รู้จักจบ

กินไม่รู้จักพอ กินไปเรื่อยๆ มันก็อ้วนนะซิ

ลองไปถือศีล ๘ ที่บ้านดูนะ ต่อไปนี้ไม่ต้องกินข้าวเย็น

ไม่ตายหรอก มาอยู่ที่นี่ก็ไม่ตายแล้วกลับไปทำไม

กินมันทำไม จะได้มีเวลามานั่งสมาธิได้

นั่งสมาธิจะได้ไม่ง่วงนอน

กินข้าวเย็นนี้มันก็จะกว่าจะนั่งสมาธิได้ก็ต้องรอ

 ให้กินข้าวเย็นเสร็จก่อน

พอกินเสร็จมันก็ง่วงนอนแล้วแหละ

 ท้องอิ่ม มันก็ง่วงนอน พอจะหายง่วง

ก็ถึงเวลานอนอีกแล้ว

ถ้าไม่กินข้าวเย็น บ่ายๆ ตอนนี้ก็หายง่วงแล้ว

 ท้องว่างแล้วทีนี้ก็นั่งสมาธิไปได้

ก่อนถึงเวลานอน ปฏิบัติธรรมได้

ทำใจให้สงบทำใจให้พอดีกว่าใจอิ่มแล้วสบาย

ไม่ต้องกินไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องวุ่นวาย

ถ้าใจไม่อิ่มนี้โอโห มันวุ่นวายหาอะไรมากิน

หาอะไรมาดู หาอะไรมาฟังอีก ดูเท่าไหร่ ฟังเท่าไหร่

ดื่มเท่าไหร่ กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ

เราต้องมาหยุดความอยากกัน หยุดความคิด

ความอยากมันใช้ความคิดเป็นผู้นำ

พอคิดถึงขนมก็อยากกินแล้ว

 พอคิดถึงละครก็อยากดู

 แต่ถ้าไม่คิดมันก็จะไม่มีความอยาก

 มันจะคิดให้มันคิดพุทโธๆไป

 ถ้าคิดอยู่กับพุทโธแล้วจะไม่มีอะไรอยาก

 จะไม่อยาก ไม่อยากแล้วก็จะสบาย

ความอยากนี้เป็นเหมือนกับหนามทิ่งแทงหัวใจ

พอโดนหนามแทงทีมันก็เจ็บ

 อยู่เฉยๆ แล้วมันก็หงุดหงิด

ลองนั่งอยู่เฉยๆ ดูซิ แล้วสังเกตดูว่า

ความอยากมันโผล่ขึ้นมาหรือยัง

เวลามันอยากนี้มันจะนั่งไม่สบายแล้ว

เบื่อแล้วอยากจะลุกแล้ว

 แต่ถ้าหยุดความคิดได้ทำให้มันสงบได้มันอยู่เฉยๆได้

 สบาย มีความสุข นั่งนานเท่าไหร่

อยู่ที่ไหนนานแค่ไหนก็ไม่เบื่อ

 ความเบื่อมันเกิดจากความอยาก อยากเปลี่ยนที่

เห็นของเก่ามันจำเจ มันก็เลยเบื่ออยากได้ของใหม่

ถ้าไม่ได้อยากได้ของใหม่มันก็ไม่เบื่อ

 ถ้าใจสงบแล้วมันจะไม่เบื่อ

 มันจะสบายไม่ว่าอยู่ที่ไหนมันสบาย

ใจสบายแล้วอยู่ที่ไหนก็เป็นสวรรค์ทั้งนั้น

ถ้าใจไม่สบายอยู่ที่ไหนก็เป็นนรก

ความไม่สบายใจก็คือนรก

 ความร้อนใจความวุ่นวายใจต่างๆ

 เราต้องมาฝึกสติกันให้มากๆ

สตินี้เป็นตัวที่จะหยุดใจได้

หยุดความคิดหยุดความอยากได้

 พุทโธๆ ไปเถิด ลองหัดพุทโธๆไปเรื่อยๆ

ตื่นขึ้นมาก็พุทโธๆ ไปเรื่อยๆ

ยิ่งมาอยู่คนเดียวนี้สบาย

ไม่ต้องพูดไม่ต้องคุยกับใคร

ไม่ต้องทำอะไรทำแต่พุทโธๆ ไป

 แล้วเวลานั่งก็พุทโธไปเดี๋ยวก็สงบ

สงบแล้วก็เย็นสบายเหมือนเข้าห้องแอร์

 ร่างกายร้อนแต่ใจเย็น ใจเหมือนได้เข้าห้องแอร์

แต่กว่าเอาร่างกายเข้าห้องแอร์แต่ใจร้อน

อยู่ในห้องแอร์ ร่างกายเย็นแต่ใจนี้ร้อนเป็นไฟ อยู่ไม่ได้

ต้องออกจากห้องไปข้างนอกไปที่ไหนก็ได้

 อยู่แล้วอึดอัด ฟุ้งซ่าน

นี่คือเรื่องของใจที่พวกเราแทนที่จะคอยหยุดมัน

กลับไปเสริมมันไปผลักมันไปดันมัน

 ให้มันไป ไปเอาโน่นเอานี่

 จนมันอยู่เฉยๆ ไม่ได้อยู่ไม่เป็นสุข ต้องมีนี่ทำต้องมีนี่ดู

 ดูแล้วก็เบื่อเดี๋ยวก็เปลี่ยน เบื่อแล้วก็ไปทำอย่างอื่น

 ทำอย่างอื่นเบื่อก็ไปทำอย่างอื่นอีก เปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ไม่ว่าจะทำอะไรในโลกนี้ทำไปเท่าไหร่ มันก็ไม่มีวันอิ่ม

 ไม่มีวันพอ มีอย่างเดียวที่จะทำให้มันอิ่มมันพอ

ก็คือ พุทโธไปนี่แหละ พุทโธๆไป เดี๋ยวมันก็สบาย

 พอจิตสงบนี้เหมือนเสียงต่างๆ เงียบลง

ค่อยๆ เงียบลงแล้ว จิตสงบบางทีมันก็สงบอย่างนี้

 นิ่งแล้ว เสียงหายไปหมดแล้ว

 เวลาจิตสงบข้างในใจนี้จะเงียบ

 เวลาไม่สงบเหมือนอยู่ในห้อง

มีคนคุยกันเยอะแยะ ไปหมดเลย

 ความคิดนี้เป็นเหมือนเสียงอยู่ในใจเรา

พอมันสงบแล้วเสียงมันหายไปเลย ต้องทำนะ

ไม่มีใครทำให้เราได้ มันไม่ยากหรอก อย่าขี้เกียจ

ขยันพุทโธๆไปเถิดแล้วจะได้ไม่ต้องไปมีอะไร

 ไม่ต้องมีแฟนไม่ต้องไปมีอะไรต่างๆ

มีแล้วเดี๋ยวก็ต้องมาร้องไห้ เสียใจ

เดี๋ยวแฟนทิ้งก็เสียใจอีก

แฟนไปมีใหม่ก็เสียใจ ทะเลาะกับแฟนอีก

อยู่คนเดียวไม่ต้องทะเลาะกับใครสบายกว่า

 ทะเลาะกับตัวเอง ทะเลาะกับกิเลส ทะเลาะกับความอยาก

 มันอยากจะทำโน่นทำนี่ทำไม่ได้ อยากจะนอน

วันนี้ถือศีล ๘ นอนกับแฟนไม่ได้

อยากจะกินข้าวเย็นกินไม่ได้

ต้องมีศีลมันถึงจะมีอะไรไว้ต่อสู้กับความอยาก

ไม่งั้นมันจะไหลไปเรื่อย

คนถือศีล ๕ นี้หยุดความอยากไม่ได้

ถือศีล ๕ นี้กินข้าวเย็นได้ นอนกับแฟนได้ ไปเที่ยวได้

 แต่สู้คนถือศีล ๘ ได้ คนถือศีล ๘ ได้ใจจะสงบกว่า

ใจจะเย็นกว่าคนที่ถือศีล ๕

 คนที่ถือศีล ๕ ก็ดีกว่าคนที่ไม่ถือศีลเลย

 คนที่ไม่ถือศีลเลยนี้จะร้อน เดี๋ยวก็ไปขโมยทรัพย์ของคนอื่น

 เดี๋ยวก็ไปประพฤติผิดประเวณี เดี๋ยวก็ไปโกหกหลอกลวง

 ไปฆ่าไปฟัน คนที่มีศีล ๕ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคนที่ไม่มีศีล ๕

แต่คนที่มีศีล ๘ นี้ดีกว่าคนที่มีศีล ๕

เพราะหยุดความอยากได้มากกว่า

คนที่มีสมาธิยิ่งมีความสุขยิ่งกว่าคนที่มีศีล ๘

เพราะเวลามีสมาธินี้มันหยุดทุกตัวเลย

หยุดความอยากได้หมดเลย

แต่มันก็หยุดแบบหินทับหญ้าพอออกจากสมาธิมา

เดี๋ยวก็อยากขึ้นมาใหม่

ถ้าจะให้มันหายไปเลยต้องใช้ปัญญา

 เวลามันอยากถามว่าอยากได้อะไร

ได้มาแล้วสุขหรือทุกข์กันแน่

ได้มาแล้วมันจะอยู่กับเราไปตลอดหรือเปล่า

มันจะไม่เสื่อมหรือเปล่า ได้อะไรมาแล้วเดี๋ยวมันก็เสื่อม

เสื่อมแล้วก็เสียใจ ซื้อของมาแล้วของมันเสีย

ก็ไม่สบายใจไม่พอใจ หรือได้อะไรมาแล้ว

ถูกเขาขโมยไปแล้วก็เสียใจ

ของต่างๆ ที่ได้มาแล้วเดี๋ยวก็ต้องเสียมันไป

 เสียไปแล้วก็เสียใจทุกข์ใจ ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่ต้องเสียใจ

ไม่ต้องทุกข์ใจ เพราะไม่มีอะไรจะเสีย

ความว่างนี้แหละ คือความสุขที่แท้จริง

ความไม่มีอะไรนี้เป็นความสุข เพราะไม่มีความทุกข์

ถ้ามีแล้วมันต้องทุกข์ มีอะไรก็ต้องทุกข์กับเรื่องนั้น

 มีเงินก็ต้องทุกข์กับเรื่องเงิน

มีแฟนก็ต้องทุกข์กับเรื่องแฟน

 มีข้าวของอะไรต่างๆก็ต้องทุกข์กับมัน

เวลาไม่มีแล้วมันก็ไม่ต้องทุกข์ สบาย

 มาอยู่วัดนี้ไม่ให้มีอะไร ให้มีแค่ปัจจัย ๔ พอแล้ว

 มีที่อยู่อาศัย มีเครื่องนุ่งห่ม

มีชุดขาว ๒-๓ ชุดก็พอแล้วไว้เปลี่ยน

 แก้วแหวนเพชรนิลจินดา ไม่ต้องมีไม่ต้องเอาติดตัวมา

 ใส่ไปทำไม ใส่ไปให้หนักนิ้วหนักคอเปล่าๆ

 ดีไม่ดีเดี๋ยวก็ถูกเขากระชากไปอีก.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...........................

สนทนาธรรมบนเขา วันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๕๙










ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 24 เมษายน 2559
Last Update : 24 เมษายน 2559 11:33:48 น.
Counter : 1013 Pageviews.

1 comments
  
ธรรมะสวัสดีค่ะ....ขอบคุณนะคะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 24 เมษายน 2559 เวลา:13:02:38 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ