ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๐๗๑-Matrix…ที่เคว้งคว้าง



เมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีหนังเรื่อง The Matrix เป็นหนังภาคต่อที่มีคนรอชมอยู่มากเรื่องหนึ่ง หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่มีฉาก เอฟเฟ็ก และกราฟฟิกที่ยอดเยี่ยม จนน่าประทับใจ แต่สิ่งที่นอกเหนือจากความสนุก และความบันเทิงจากฉากการต่อสู้นั้น นั่นคือ theme หรือแนวคิดของหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนบทได้นำเสนอ เรื่องราวได้อย่างลึกซึ้ง และให้แง่คิดมุมมองได้อย่างมากมาย แต่สำหรับคนที่ไม่มีจริตในทางปัญญา เขาก็จะดูหนังเรื่องนี้แบบสนุก ๆ ไปเท่านั้น

ยอมรับว่าดูหนังในภาคแรกนั้น ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่ และจะงงอยู่มาก ๆ มีพี่ที่เขาชื่นชอบเหมือนกัน เขาบอกว่าถ้าฟัง sound ที่เป็นอังกฤษ ไม่ต้องอ่านหรือฟังภาษาไทย จะเข้าใจเรื่องได้มากกว่านี้ เหมือนกับว่าคนแปลหนัง แปลภาษาได้คลาดเคลื่อนจากวัตถุประสงค์ของต้นฉบับเดิม พี่คนนั้นบอกว่าอย่างนั้น

แต่ข้าพเจ้าไม่ได้จบเมืองนอก ภาษาอังกฤษก็งู ๆ ปลา ๆ จะไปฟัง Sound English ให้รู้เรื่องได้อย่างไร แต่นั่นก็ไม่ละความพยายาม ที่จะหาความรู้เพิ่มเติม นั่นคือหนังสือ จำได้ว่ามีหนังสือเล่มหนึ่ง แปลและเรียบเรียง จุดประสงค์ของหนังออกมาในแง่มุมของปรัชญา ซึ่งมีการวิเคราะห์และให้แง่คิดของหนังในอีกมุมมองหนึ่ง และด้วยความพยายามนี้เอง จึงได้เข้าใจ topic ของเรื่องทั้งหมด และยังสามารถเชื่อมโยงกับหนังเรื่อง I-Robot ที่ออกมาทีหลังได้อย่างลงตัว (ประโยคนี้คิดเอง)

ผู้คนส่วนมากของโลกต่างนอนหลับไหลอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง มีสายยางนำอาหาร และของเสีย คอยหล่อเลี้ยง อุดหนุนไม่ให้มนุษย์เสียชีวิตลง ภายในจิตใจของมนุษย์ทุกคนได้ถูกครอบงำโดยเครื่องจักร ที่หลอกลวงจินตานาการของมนุษย์ โดยการโปรแกรม เมืองทั้งเมือง โลกทั้งโลก ให้มนุษย์ติดข้องอยู่ในนั้น ไม่มีวันที่จะตื่นขึ้นมาเห็นความเป็นจริงของชีวิต ว่าที่แท้จริงแล้วนั้น ได้ตกเป็นทาสของเครื่องจักร ที่มนุษย์เองนั่นแหละเป็นผู้สร้างขึ้นมา

นีโอเป็นตัวแทนของผู้ที่ติดอยู่ในโลกเสมือน ซึ่งได้เห็นถึงความผิดปกติของการดำเนินชีวิต เขาได้รับการช่วยเหลือให้ออกมาจากโลกเสมือนจริง จากเพื่อนมนุษย์ผู้ที่เป็นอิสรภาพจากการควบคุมของอาณาจักรเครื่องจักรกล และได้ร่วมกันต่อสู้เพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอง

จากการดูหนังและอ่านหนังสือ หลาย ๆ รอบ มันเหมือนกับเป็นตัวจุดชนวนในความคิดของข้าพเจ้า ทำให้ได้ออกมาคิดต่อว่า แล้วโลกทุกวันนี้จะเป็นเหมือน The Matrix หรือเปล่า ตัวเราเองที่ใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ อาหารที่กิน งานที่ทำอยู่ มันเป็นของจริงหรือโลกเสมือนที่ถูกปั้นแต่งขึ้นจากใครสักคนกันแน่

ทำไมแง่มุมที่ฝรั่งคิดจากหนังเรื่องนี้ มันช่างสอดคล้องกับแง่มุมของพุทธศาสนาของเรา และสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้อย่างน่าคิด ผิดกับคนไทยเองที่เป็นเมืองพุทธศาสนาแท้ ๆ กับสร้างสรรค์ผลงานได้ดีที่สุดแค่หนังผี หลอกให้คนกลัว หลอกให้คนงมงาย ติดข้องอยู่กับที่อย่างนั้น แล้วมันจะตามทันเขาได้อย่างไร… (จริงมั้ย)


Create Date : 30 กันยายน 2551
Last Update : 30 กันยายน 2551 20:25:13 น. 8 comments
Counter : 444 Pageviews.

 


โดย: Nissan_n วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:20:42:41 น.  

 

แวะมาอ่านค่ะ เคว้งคว้าง เคว้งคว้าง แต่อ่านแล้วดีนะค่ะ เข้าใจอะรัยมากขึ้น


โดย: นู๋วี (คนดีคนเก่ง ) วันที่: 30 กันยายน 2551 เวลา:21:14:02 น.  

 
เป็นนักคิดคนหนึ่งเลยทีเดียวนะคะเจ้าของบล็อกนี้


โดย: จัสมิน วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:8:46:43 น.  

 
ลงชื่อ ครับ

ไม่ว่าคนเราจะสมมุติอะไรๆในโลกนี้ให้เป็นอย่างที่ใจคนคิด แต่ทุกสิ่งในโลกนี้ก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แบบที่ศาสนาพุทธสอนไว้อยู่ดี... ความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตานี้ มันก็เป็นสากล เป็นความจริงของโลกที่มีเหตุมีผลพิสูจน์ได้ ไม่ใช่ของชาวพุทธแค่นั้น เพราะฉะนั้นที่ฝรั่งเขามีแนวคิดนี้และนำมาผสมผสานกับความบันเทิงเพื่อให้เข้าถึงผู้คนในทุกๆระดับ ย่อมเป็นเรื่องที่ดี ที่จริงถ้าจะนึกดูดีๆ ก็มีหนังไทยที่พยายามสอดแทรกแนวคิดทางธรรมไว้อยู่มากเหมือนกันนะครับ เพียงแต่อาจไม่ดัง ไม่เป็นที่พูดถึงเหมือนหนังฮอลลีวู๊ด


โดย: penguinsound วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:12:52:00 น.  

 
จริงด้วย ทุกอย่างมองเห็นแค่ตัวเลข 000111
ทางพุทธเรา ก็เห็นทุกสิ่งเกิด-ดับ เหมือนกัน


โดย: แค่คน1คน IP: 125.25.111.183 วันที่: 1 ตุลาคม 2551 เวลา:14:59:06 น.  

 
ธรรมะคือธรรมชาติ
ธรรมชาติมีอยู่รอบตัวเรา
ดังนั้นธรรมะจึงมีอยู่ทุกที่
แล้วแต่ว่าเราจะมองเห็นหรือไม่

ธรรมะเป็นของสากล
ฝรั่งจึงอาจคิดอะไรที่เรานำมาพิจารณาเป็นธรรมะได้

เป็นไปได้ไหม...เขาก็คิดในมุมมองความเชื่อของเขา แต่เพราะธรรมะเป็นสากลประกอบกับจิตที่ชอบคิดพิจารณาของเจ้าของบ้าน จึงทำให้หนังเรื่องนี้มาพ้องกับความเชื่อของเราเข้าพอดี

และเพราะธรรมะคือสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา จึงแอบเห็นด้วยกับคุณ penguinsound โดยเฉพาะตรงที่ว่า หนังไทยก็น่าจะมีที่สอดแทรกแง่คิดไว้เช่นกัน แต่เราลืมที่จะนำมาพิจารณา

ปล. ขอบคุณสำหรับแง่คิดดีๆ ที่นำมาเผยแพร่ ขอร่วมอนุโมทนาในผลบุญด้วยนะครับ


โดย: ตั้งสติ วันที่: 2 ตุลาคม 2551 เวลา:19:51:11 น.  

 


หนังเรื่องนี้
ดูแล้วไม่รู้เรื่องครับ
ดูแล้วงงมากๆ



แต่เห็นด้วยกับคุณ ตั้งสติครับ




โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:7:54:20 น.  

 
อ่า เพิ่งเข้าใจหนังก็ตอนนี้นี่เองนะคะ
เห็นคนบอกมากมายว่าเป็นหนังปรัชญา
ดูไปหลายรอบค่ะ สงสัยเพราะไม่แข็งแรงภาษา
ดูไปก็งงไป เลยไม่เข้าใจแก่นแท้ของหนังน่ะเอง
ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ เรามีโลกเสมือนกับโลกจริง
แต่เราต่างติดอยู่ในโลกเสมือน หาทางออกไม่ได้
แล้วเอากิเลสป้อนเลี้ยงตัวเองไปวัน ๆ
รออยู่แต่ว่าวันไหน จะได้ตื่นขึ้นมาเห็นความจริงของชีวิตหรือเปล่า


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 18 ตุลาคม 2551 เวลา:23:41:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.