|
๐๘๐-เหตุผลของความรัก
เราสามารถหาเหตุผลได้อย่างมากมายจากความรัก ขึ้นอยู่กับแง่คิดและมุมมองของคุณที่ได้ประสบมา แต่นั่นมันไม่มีคำว่าผิดหรือถูก เหมือนเคย สามปีมาแล้วที่ข้าพเจ้าไม่ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ข้าพเจ้าชอบตั่งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แม้ว่าเราจะคุยกันบ้างทางโทรศัพท์ แต่ด้วยเหตุของสังคม งาน หรืออะไรบางอย่าง มันได้ทำให้้เราต้องเบนเข็มห่างจากันไปเรื่อย ๆ ไม่มากนักที่จะมีความรู้สึกดี ๆ กับใครสักคน และไม่มากนักที่ข้าพเจ้าจะรู้สึกรักใครสักคน ถ้าเป็นแ่ง่มุมของพระพุทธเจ้า ท่านก็คงบอกว่าเคยร่วมกันสร้างบารมี มาแต่ในอดีตชาติ แต่แรงกำลังแห่งบารมีนั้น มันส่งผลไม่ถึง และไม่แรงพอที่จะทำให้เราได้ใช้ชีวิตร่วมกัน หรือครองคู่กันแบบคนอื่น ๆ จึงกลายเป็นว่าเราเป็นคน
อกหัก
นั่นแหละ มันเจ็บปวดเสมอสำหรับวัยรุ่น มันแสดงถึงความผิดหวัง พลาดหวัง ความล้มเหลวในความรัก โลกทั้งโลกมันหวุนเคว้ง กลับตาลปัตร สิ่งที่วาดฝันไว้แบบเด็ก ๆ ได้พังทลายลงอย่างไม่เหลือซาก
แต่ถึงอย่างไรตอนนั้น ข้าพเจ้าก็ยังมีความหวังอยู่ ได้แต่รออยู่ภายในใจลึก ๆ หวังว่าโอกาสนั้นคงกลับมาหาตัวเราเองบ้าง แม้จะได้แค่คำว่าเพื่อนสนิท
ก็ตาม การได้เป็นเพื่อนสนิทก็ไม่เลวมากนัก อย่างน้อยเราก็ได้คุยได้ปรึกษาหารือกัน แบบไม่ต้องเกรงใจในความรู้สึกของกันและกัน ไม่ต้องมีการง้อ ไม่ต้องมีการวิตกว่าจะถูกใจ หรือผิดใจกัน ด้วยเหตุผลนี้เองจึงทำให้เราได้คบกันได้อยู่อย่างสนิทใจ
ข้าพเจ้ามักจะถามปัญหาตัวเองอยู่เสมอว่า ยังรักเขาอยู่ใช่มั้ย คำตอบก็คือ ใช่ ข้าพเจ้าถ้าได้รักใครแล้วก็จะรักตลอดไป ซึ่งก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หลายต่อหลายครั้งที่มีคนมาบอกว่า เธอเป็นคนไม่ดี เจ้าชู้ ไม่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของลูก แต่ข้าพเจ้าก็รับฟังและพยายามมองข้ามสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายแหล่ นั่นไปอย่างไม่ใยดี การชอบใครสักคน ถ้าเรามัวแต่มองหาประเด็นในข้อเสียของเขาอยู่ตลอดเวลา นั่นก็แสดงว่าคุณจะไม่มีคนรักเลย การมองโลกหรือคนในแง่ดี เป็นนิสัยที่ติดตัวข้าพเจ้ามาตั่งแต่เด็ก และมันได้ช่วยให้ชีวิตของข้าพเจ้าสงบขึ้นมากจนถึงปัจจุบันนี้
สองปีที่แล้วเธอวางแผนจะแต่งงานกับแฟน นั่นเป็นข่าวดี หรือข่าวร้ายสำหรับข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ ตอนนั้นข้าพเจ้าก็ยังไม่แน่ใจนัก ข่าวดีคือเธอจะได้เจอคนที่คู่ควรและสร้างอนาคตด้วยกัน ข่าวร้ายคือความหวังลึก ๆ ของข้าพเจ้าต้องดับสนิทอย่างไม่มีวันต่อขึ้นมาติดอีก ชาตินี้เราคงเป็นได้แค่เพื่อนกันจริง ๆ มันเป็นความผิดของข้าพเจ้าเองที่ไม่ได้เรียนรู้ความรักให้ดีพอ ไม่ได้เอาใจใส่เขามากพอตั่งแต่ต้น หรือมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
ปฏิบัติธรรม?... เมื่อข้าพเจ้าเริ่มปฏิบัติธรรม นั่นไม่ใช่เหตุผลของความรักเป็นส่วนชักนำ แต่เหตุผลอันใหญ่คือความอิ่มจากความสุขในทางโลก อยากไขว่ขว้าสิ่งที่ยั่งยืนกว่านั้น และวันหนึ่งข้าพเจ้าก็อาจจะค้นพบความรักที่แท้จริงก็เป็นไปได้
จนในที่สุดก็มีคำตอบบางอย่างขึ้นมา มันเป็นความรู้สึก ที่บอกไม่ได้อธิบายไม่ถูก ว่าเราเกิดมาครั้งนี้ไม่ได้มาสร้างครอบครัว ไม่ได้มาสร้างความสุขให้แก่เฉพาะตนเอง คนที่เราเจอ คนที่เราพบที่ผ่านมานั้น เป็นคนที่มีความสัมพันธ์ กันมาก่อนในอดีตชาติทั้งนั้น สายใยแห่งความผูกพันนี้มันไม่อาจจะตัดให้ขาดด้วยวัตถุใด ๆ ในโลก นี่เองจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทำไมข้าพเจ้าเจอหน้าเธอครั้งแรก ถึงได้รู้สึกรักขึ้นมาอย่างไม่อาจจะตัดใจได้(ในตอนนั้น)
การศึกษาธรรมะมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ได้ค้นพบแง่มุมบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไปจากโลก ข้าพเจ้าเห็นความผิดปกติบางอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายได้เป็นคำพูดหรือตัวอักษร ข้าพเจ้าสงสารแม้กระทั่งหมาข้างถนน แมว แมลงสาปที่น่าเกลียด ด้วงในดินร่วน ผีเสื้อ หอย แมลงปอ แม้แต่หมาตาย ข้าพเจ้าเตรียมจะเอาไปฝัง บนศพของมันมีมดแดงขึ้น ข้าพเจ้ายังต้องเอามดออกก่อน เพราะทราบดีว่า เราต่างรักชีวิตของเรา มดก็รักชีวิตของมันเช่นกัน
การเข้าใจความรักในมุมนี้เองจึงเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้เข้าใจเรื่องราวของชีวิตเพิ่มเติมมากขึ้น การพยายามถอดรหัสชีวิต ถอดรหัสความรัก และการดำเนินชีวิต ทุกอย่างมันเป็นผลมาจากการปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
เมื่ออาทิตย์ก่อน(ปลายเดือนกันยายน ๕๑) เธอคนนั้นโทรมาและนัดกับข้าพเจ้าไปกินข้าวด้วยกัน พร้อมกับแฟนของเธอ ตามธรรมดาแล้วข้าพเจ้าก็น่าจะปฏิเสธ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้เจอกันมานานถึงสามปี จึงอยากเจอหน้าบ้าง อย่างน้อยก็จะได้รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของกันและกัน
วันนั้นเองก็ได้ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า เขาทั้งสองคนคือเนื้อคู่กัน เขาทั้งสองนั้นเหมาะสมกันอย่างมาก ข้าพเจ้าเองกลับรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ได้เห็นคนที่ข้าพเจ้ารักมีความสุข ความรู้สึกนี้มันประหลาดดีแท้ มันเป็นความหวังดีที่ออกมาจากใจ ไม่ได้เป็นความอิจฉาริษยาเหมือนแต่ก่อน ข้าพเจ้าก็อวยพรให้โชคดีกันทั้งคู่ หากแต่งงานเมื่อใด ข้าพเจ้าก็ยินดีที่จะไปอย่างไม่ลังเลใจ ต่อจากนี้ไป ข้าพเจ้าก็คงต้องหันหลังให้กับเส้นทางแห่งความรักแบบโลก ๆ และมุ่งหวังกับความรักอันเป็นนิรันดร์ ตามแนวทางของพระศาสดาท่านวางไว้ แม้ว่าวันข้างหน้าจะมีอุปสรรคขวางกั้นมากมายเท่าไหร่ก็ตาม
Create Date : 13 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 13 ตุลาคม 2551 8:14:03 น. |
|
10 comments
|
Counter : 631 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:8:51:56 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:8:54:56 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:10:52:49 น. |
|
|
|
โดย: เก่เก๋ IP: 222.123.217.104 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:17:01:07 น. |
|
|
|
โดย: bo (bow_relax ) วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:17:25:45 น. |
|
|
|
โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:18:30:40 น. |
|
|
|
โดย: discipula วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:4:02:07 น. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:9:06:02 น. |
|
|
|
โดย: endless man วันที่: 12 มกราคม 2552 เวลา:13:32:09 น. |
|
|
|
| |
|
|
เข้าใจเปรียบเทียบความรักกับหลักพระพุทธศาสนานะค่ะ
ถ้าเป็นอ้อมแอ้ม เพิ่งมาเจอแฟนหลังจากที่ห่างกันมาเป็น 10ปี
(เคยเรียนด้วยกันสมัยเด็กๆ)อย่างนี้เขาก็เรียกบุพเพอาละวาดซิค่ะ..
ตอนนี้ก็รักกันดี ทำบุญด้วยกันบ่อยๆค่ะ
ขอแบ่งบุญกุศลแด่คุณอัสติสะ..
ขอให้มีรักที่สมหวังนะค่ะ..