|
๐๗๕-ใครจำวันเกิดของตัวเองได้บ้าง
?(ตอนที่ ๒)
*ต่อจากตอนที่ ๑ ดังนั้นธรรมชาติ จึงต้องปรับตัวโดยการพยายามปิดบังความทรงจำ ที่ผ่านมาในภพชาติอดีตให้หมดสิ้นไป และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ด้วยความว่างเปล่าทางความคิด เมื่อพูดถึงการรักษาสมดุลของวัฏสงสาร อาจจะทำให้คุณมีจินตนาการว่า คงจะมีใครสักคนที่บงการ อยู่เบื้องหลังเป็นแน่
ซึ่งถ้าคุณคิดเช่นนั้นก็เท่ากับ เป็นการเบนเข็มทิศให้คุณห่างจาก คำสอนของพระพุทธเจ้าไปเรื่อย ๆ ซึ่งคงเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของข้าพเจ้า แต่อยากจะให้เข้าใจว่า ทุกสิ่งที่ทุกอย่างนั้นมีอยู่ ตั้งอยู่และดำเนินอยู่ ตามเหตุตามปัจจัยของมันเอง คนที่บงการอยู่นั้นไม่มีแน่นอน หากจะมีคนเหล่านั้นก็คือ เรา ๆ ท่าน ๆ ทั้งหลายนี่เอง ที่เป็นกระทำให้กงล้อแห่งวัฏฏะสงสารหมุนต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด
เหมือนกับการทดลองในระบบปิดของวิชาเคมี ม.ปลาย เรื่องการทดลองสสารที่อยู่ในสภาวะสมดุลในระบบปิดครั้งนั้น จำได้ว่า เราใส่สารตั้งต้นสองชนิดผสมกัน สารที่ผสมกันอยู่ ต่างเกิดการชน และการรวมตัวของโมเลกุลของสสาร เกิดเป็นของเหลวชนิดหนึ่งที่มี องค์ประกอบและสถานะคงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ที่ว่าไม่เปลี่ยนแปลงก็คงไม่ถูกนัก เพราะว่าภายในระบบปิดนั้นมันยังคงมีการเคลื่อนที่ของโมเลกุลของสสารอยู่ หากแต่การเคลื่อนที่และเปลี่ยนแปลงนั้น อยู่ในสภาวะที่สมดุล ทำให้มองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไป
ต่อมาเราได้กระตุ้นสสารในระบบปิด โดยการให้ปัจจัยภายนอกเสริมเข้าไป นั่นคือเท่ากับเป็นการเพิ่มอุณหภูมิ และพลังให้กับสสารในระบบปิด เป็นการเร่งปฏิกิริยา ทำให้ระบบปิดขาดความสมดุล มันจึงพยายามปรับตัวให้กลับมาสมดุลอีกครั้ง ในระดับพลังงานการชนและรวมตัวที่สูงขึ้นไป จนกระทั่งถึงระดับพลังงานหนึ่ง สสารก็เปลี่ยนสภาพเป็นไอ เป็นกลุ่มก๊าซ และเกิดความสมดุลของระบบอีกครั้งในสถานะก๊าซ(ในขณะที่ให้ความร้อนคงที่) เมื่อหยุดให้ความร้อน สสารก็เกิดการปรับสมดุลอีกครั้งหนึ่ง กลับมาเป็นของเหลวชนิดเดิม
นี่เป็นตัวอย่างของธรรมชาติของการปรับสมดุล ที่มันได้เกิดขึ้นเองตามเหตุปัจจัย ทั้งภายในและภายนอก ไม่มีใครไปเฝือนบังคับ บัญชามันได้ เราต่างก็เป็นโมเลกุลในระบบปิด ที่มีส่วนสร้างและได้รับผลกระทบ วนเวียนอยู่ในระบบปิดอย่างที่จะหาทางออกไม่ได้ เพียงแต่จะมีบางช่วงเวลาที่ถูกเปลี่ยนสภาพ เป็นของเหลว ของแข็งและก๊าซบ้างเท่านั้น
ก็เป็นตัวอย่างเล็ก ๆ ของคนที่ชื่นชอบวิทยาศาสตร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะเหมาะสมกับคนในสมัยติจิตอลอันรุ่งเรืองนี้ เอาเป็นว่าเหตุที่เราจำอะไรไม่ได้ในชาติก่อนนั้น
เป็นเพราะเกิดการปรับตัวปรับสภาพของระบบ ๆ หนึ่งที่เรียกว่าวัฏสงสาร เพื่อป้องกันความโกลาหล ของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย เพราะเหตุที่เรายังมีความโลภ โกรธ หลง อยู่มากมายนั่นเองเป็นตัวแปรที่ทำให้เราระลึกชาติได้ยาก
แต่ตราบใดหรือยุคสมัยใดที่ เหล่าสัตว์มีความโลภ โกรธ หลง เบาบาง มีความเห็นผิดน้อยลง ระบบที่เรียกว่าวัฏฏะสงสาร ก็จะปรับตัวเองอีกครั้ง ทำให้เราสามารถระลึกชาติ ย้อนหลังได้ไม่ยากนัก
ดังจะเห็นได้จากพระสูตรและชาดกที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ บางชาติผู้คนที่เกิดร่วมสมัยของพระองค์ ก็สามารถระลึกชาติได้โดยไม่ยากเพียงแค่ทำสมาธิ หรืืืือน้อมใจไปก็สามารถรู้อดีตชาติที่ผ่านมาได้แล้ว โดยสมัยนั้นจะเป็นสมัยที่มนุษย์มีศีลธรรม เสมอกันเสียโดยส่วนมาก หากเป็นสมัยที่มนุษย์มีความโลภ ผิดศีลธรรมกันอยู่ ก็จะไม่บังเกิดเรื่องการระลึกชาติให้เห็น
ผู้ที่มีอคติ เชื่อว่าชาติหน้าไม่มีจริง หรือ อดีตชาติที่ผ่านมาไม่มีจริง ขอให้น้อมใจนึกถึงตอนที่เราเกิด ถามตัวเองว่าเราจำวันที่เราเกิดได้ไหม ไม่ต้องบอกขนาดถึงว่าเป็นวันหนึ่งวันใดในสัปดาห์ แค่บอกว่าช่วงนั้นเป็นกลางวันหรือกลางคืน ท่านก็จำเองไม่ได้แล้วใช่ไหม อย่างนี้จะให้ระลึกไปถึงชาติไหนได้ เพราะแม้แต่ชาตินี้ชาติเดียวตอนท่านเกิด ท่านก็ยังจำอะไรไม่ได้เลย...
-จบ-
Create Date : 04 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 4 ตุลาคม 2551 10:12:08 น. |
|
6 comments
|
Counter : 344 Pageviews. |
|
|
|
โดย: พลังชีวิต วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:10:59:33 น. |
|
|
|
โดย: Nissan_n วันที่: 4 ตุลาคม 2551 เวลา:12:10:06 น. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 7 ตุลาคม 2551 เวลา:7:56:49 น. |
|
|
|
| |
|
|