Group Blog
All Blog
### คุณลักษณะของจิตในพระนิพพาน ###











“คุณลักษณะของจิตในพระนิพพาน”

จิตที่ได้บรรลุถึงพระนิพพานแล้ว

มีคุณสมบัติอยู่ ๒ ประการด้วยกันคือ

 ๑. นิพพานัง ปรมัง สุขัง ๒. นิพพานัง ปรมัง สุญญัง

 คือมีความสุขอย่างมาก มีความสุขเต็มร้อย

มีความสุขตลอดเวลา

ไม่มีเวลาใดในจิตที่จะมี ความทุกข์เลย

จะมีแต่ความสุขตลอดเวลาเรียกว่า นิพพานัง ปรมัง สุขัง

 ๒. จิตนี้จะว่างจากทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มีอยู่ในโลกนี้

 ว่างจากลาภยศ สรรเสริญ ว่างจากรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

 ว่างจากขันธ์ ๕ คือรูปเวทนาสัญญา สังขารวิญญาณ

ว่างจากธรรมารมณ์ทั้งหลาย

 จิตนี้จะไม่มีวันที่จะไปเกี่ยวข้องหรือไปเสพสิ่งต่างๆ

ที่มีอยู่ในโลกนี้ แต่ยังมีการสัมผัสอยู่

เช่นร่างกายนี้ยังไม่ตาย

ก็ยังมีการสัมผัสลาภยศ สรรเสริญ

สัมผัสกับรูปเสียงกลิ่นรส โผฏฐัพพะอยู่

 ยังสัมผัสกับรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ

ยังสัมผัสกับธรรมารมณ์ต่างๆอยู่

เพียงแต่ว่าการสัมผัสนี้จะเป็นเหมือนกับหยดน้ำบนใบบัว

 คือใบบัวนี้ จะไม่ดูดซึมน้ำที่หยดไว้บนใบบัว

 ต่างฝ่ายต่างจะอยู่แยกกัน หยดน้ำก็ยังเป็นหยดน้ำอยู่

ใบบัวก็ยังเป็นใบบัวอยู่ ไม่เปียกเพราะหยดน้ำ

ไม่เหมือนกับจิตของปุถุชน

จิตของผู้ที่ยังไม่ได้บรรลุถึงพระนิพพาน

จะเป็นเหมือนกระดาษซับกระดาษซึม

 เวลาหยดน้ำลงไปในกระดาษซับ กระดาษซึม

 กระดาษมันจะซับซึมเอาน้ำเข้าไปหมด ฉันใด

จิตของผู้ที่ยังไม่ได้บรรลุถึงพระนิพพาน

ก็ยังจะเสพลาภยศ สรรเสริญ

 เสพรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

เสพรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ

เสพธรรมารมณ์ต่างๆอยู่ เสพด้วยอะไร

เสพด้วยความโลภ ความโกรธ ความหลง

 เสพด้วยโมหะอวิชชา เสพด้วยตัณหาความอยากต่างๆ

เสพด้วยกามตัณหา เสพด้วยภวตัณหา

 และเสพด้วยวิภวตัณหา

 แต่สำหรับจิตที่ได้ถึงพระนิพพานแล้วนี้

จะปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง

 ปราศจากโมหะอวิชชา ปราศจากตัณหากามตัณหา

 ภวตัณหา และวิภวตัณหา

ตัวที่ทำให้น้ำกับกระดาษมันดูดกันก็คือ

ตัวโลภ โกรธ หลง ตัวกิเลสตัณหา ตัวโมหะอวิชชานี้

 แต่ถ้าจิตได้รับการชำระได้รับการกำจัดความโลภ

ความโกรธ ความหลง ความอยากต่างๆ

โมหะอวิชชาให้หมดไป จากใจแล้ว

ใจก็จะว่างใจจะไม่เสพถึงแม้จะสัมผัสรับรู้

แต่จะไม่มีอารมณ์กับสิ่งที่ได้มารับรู้ได้สัมผัส

จะเป็นแต่สักแต่ว่า “สักแต่ว่า”

สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าได้ดม

ได้ลิ้มรสได้สัมผัส แต่จะไม่มีความยินดี ยินร้าย

กับสิ่งต่างๆได้ที่เสพได้สัมผัส

 เวลาที่ไม่ได้เสพไม่ได้สัมผัสจิตก็จะว่างจะเฉยๆ

 จะไม่ได้คิดถึงลาภยศ สรรเสริญ

จะไม่ได้คิดถึงรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

 จะไม่ได้คิดถึงอะไรทั้งหลายทั้งปวง จิตจะอยู่กับความว่าง

 เพราะว่าความว่างนี่แหละคือความสุขที่แท้จริง

ที่เป็นบรมสุขนี้ก็คือความว่างนี่เอง ท่านจึงทรงแสดงไว้ว่า

 “นิพพานัง ปรมัง สุญญัง” “นิพพานัง ปรมัง สุขัง”

จิตที่ว่างจากทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นจิตที่มีความสุขอย่างยิ่ง

นี่คือคุณสมบัติของพระนิพพาน

 แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัตินี้

จะเเปลความหมายของนิพพานัง ปรมัง สุญญังผิดไปได้

เช่นบางคนก็แปลไปว่า พระนิพพานก็คือความสูญ

 สูญทุกสิ่งทุกอย่างจิตก็สูญ

 จิตมันจะไม่สูญ จิตมันไม่มีวันสูญ

ไม่มีอะไรที่จะทำให้จิตมันสูญได้

จิตของพวกเรานี้ก็ไม่มีวันสูญ

 เพียงแต่ว่าจิตของพวกเรา

 ที่เป็นปุถุชนนี้ยังมีโลภ โกรธ หลง

 ยังมีตัณหาความอยากต่างๆอยู่

 มันจึงไปเสพลาภยศ สรรเสริญ

ไปเสพรูปเสียงกลิ่นรสโผฏฐัพพะ

ไปเสพรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ

 ไปเสพธรรมารมณ์ต่างๆ มันจึงต้องเวียนว่ายตายเกิด

 ต้องทุกข์กับการเกิดแก่เจ็บตาย

 แต่จิตของผู้ที่ได้ไปถึงพระนิพพานแล้ว

เป็นจิตที่ปราศจากความโลภ ความโกรธ ความหลง

 ความอยากต่างๆ โมหะอวิชชา

จึงไม่เสพรูปเสียง กลิ่นรส ไม่เสพลาภยศ สรรเสริญ

 ไม่เสพรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ

 ไม่เสพธรรมารมณ์ต่างๆ แต่ยังสัมผัสรับรู้อยู่

 รู้ก็สักแต่ว่ารู้ เห็นก็สักแต่ว่าเห็น

ไม่มีความยินดียินร้ายกับสิ่งที่ได้สัมผัสรับรู้

 เวลาได้เห็นก็ไม่ได้ดีใจ เวลาไม่ได้เห็นก็ไม่ได้เสียใจ

นี่คือคำว่า “ปรมัง สุญญัง” สูญจากการไปเสพ

 ใจไม่คิดถึงไม่ใฝ่หา ไม่สนใจไม่ใยดี

 กับสิ่งต่างๆ ที่มีอยู่ในโลกนี้ แต่ใจหรือจิตนี้ไม่มีวันสูญ

จิตนี้มีอยู่ ๒ ประเภทคือจิตที่ยังเวียนว่ายตายเกิด

กับจิตที่ไม่เวียนว่ายตายเกิดแล้ว

 แต่จิตทั้ง ๒ จิตนี้ไม่ได้สูญ

 จิตที่ได้ถึงพระนิพพานก็ยังมีอยู่

 เพียงแต่จิตนี้ไม่ไปเวียนว่ายตายเกิดอีกแล้ว

จึงมีแต่ปรมัง สุขัง เพราะการเกิดแต่ละครั้งนี้

จะต้องไปสัมผัสกับความทุกข์ต่างๆ

 ทุกข์ที่เกิดจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย

ทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งต่างๆ

และบุคคลต่างๆ นี่คือเรื่องของจิตที่เรียกว่า

 “ปรมัง สุญญัง” อย่าไปกลัวว่า

ถ้าเราปฏิบัติถึงพระนิพพานแล้วเราจะสูญไป

 เราไม่มีวันสูญ ผู้รู้นี้ไม่มีวันสูญ

สิ่งที่สูญก็คือความทุกข์ต่างๆ สิ่งที่สูญก็คือ

ความโลภ ความโกรธ ความหลง

 โมหะอวิชชา กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา

 สิ่งเหล่านี้จะสูญหายไปจากใจหมด

 เมื่อมันสูญหายไปก็เลยทำให้ใจนี้มีแต่บรมสุข ปรมัง สุขัง

 ถ้าจิตนี้เปรียบเทียบเหมือนกับเสื้อผ้า

เสื้อผ้าที่ไม่สะอาด เช่นเสื้อผ้าที่เราสวมใส่แล้ว

เราก็ต้องเอาไปซัก เวลาที่ซักเสื้อผ้าที่ไม่สะอาด

เสื้อผ้าหลังจากที่ได้รับการซักฟอกเสื้อผ้าก็จะสะอาด

แต่เสื้อผ้าไม่ได้หายไปไหน เสื้อผ้าก็ยังมีอยู่

 แต่เป็นเสื้อผ้าที่สะอาด ฉันใด

ใจที่ยังมีความโลภ โกรธ หลง มีความอยากต่างๆ อยู่

 ถ้าได้รับการกำจัดด้วยการปฏิบัติ

 ด้วยการบำเพ็ญจิตตภาวนา ด้วยการบำเพ็ญทาน ศีล ภาวนา

 ที่เป็นเครื่องซักฟอกจิตใจ

 ถ้าซักฟอกไปจนจิตใจสะอาดบริสุทธิ์แล้ว

จิตใจจะหายไปไหน

จิตก็เป็นเหมือนเสื้อผ้าที่ได้รับการซักฟอก

เมื่อรับการซักฟอกแล้วเสื้อผ้าก็สะอาด

 เสื้อผ้าไม่ได้หายไปไหน

จิตใจที่ได้รับการซักฟอกก็ไม่ได้หายไปไหน

จิตใจสะอาดปราศจากคราบสกปรกต่างๆ

 คราบสกปรกจิตใจก็คือ โลภะ โทสะ โมหะ

กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา โมหะอวิชชา

นี่คือสิ่งที่พวกเราจะต้องมากำจัดกัน.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

............................

ธรรมะบนเขา วันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๙

“คุณลักษณะของจิตในพระนิพพาน”





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 03 มิถุนายน 2559
Last Update : 3 มิถุนายน 2559 10:54:25 น.
Counter : 922 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ