รำลึกน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปี 2526
21 ต.ค. 2549
ติดตามข่าวน้ำท่วมทั่วประเทศมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้ว เมื่อวันก่อน แม่ผมก็เลยไปค้นรูปเก่าๆ ที่เคยถ่ายไว้ตอนน้ำท่วมบ้านเมื่อปี 2526 ออกมาดู
คนที่อยู่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอาจจะนึกถึงน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อปี 2538 แต่สำหรับครอบครัวผมและอาจจะรวมถึงอีกหลายคนที่เคยอยู่แถวบางแค คงจะต้องนับรวมเอาน้ำท่วมเมื่อปี 2526 เป็นน้ำท่วมครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งด้วย
ลองมาดูรูปกันนะครับ ที่เห็นรูปออกโทนสีน้ำตาลนั้น ไม่ต้องใส่ฟิลเตอร์อะไรเลยครับ แค่ทิ้งไว้ 20 กว่าปีก็จะได้เอง
#1 นี่คือ ซอยเพชรเกษม 56 หรือ ซอยสวัสดี (ชื่อเป็นมงคลดีจริงๆ) ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดจนถึงประมาณปี 2539 ก็ย้ายออกไปอยู่แถวหนองแขม ไกลจากเมืองออกไปอีก รูปนี้ถ่ายในทิศทางย้อนเข้าไปในเมือง คือ หันหลังให้บางแคและหันหน้าเข้าไปหาท่าพระ ถ้านึกไม่ออกว่าซอยนี้อยู่ตรงไหน ให้นึกถึง ฟิวเจอร์ปาร์ค บางแค ครับ ซอยนี้อยู่ตรงข้ามกันพอดี
#2 หน้าปากซอยอีกมุมหนึ่งครับ คราวนี้มองออกนอกเมืองไปทางตลาดบางแค เมื่อตอนนั้น ซอยนี้อยู่ต่ำกว่าระดับถนนมาก น้ำท่วมกันปีเว้นปีเลยก็ว่าได้ ตอนเด็กๆ ผมก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเวลาน้ำท่วม รู้สึกสนุกเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าจะได้นั่งเรือหรือใส่รองเท้าบู๊ตลุยน้ำเล่น มาตอนนี้พอโตขึ้น มีภาระมากขึ้น ก็เลยนึกถึงว่าตอนนั้นพ่อแม่คงกลุ้มใจกันน่าดู
#3 นี่เป็นฝั่งตรงข้ามกับซอยบ้านครับ ที่เห็นประตูกับรั้วนั่น เคยเป็น บริษัท สแตนดาร์ด ออยล์ จำกัด เป็นที่ที่พ่อกับแม่เขาเคยทำงานอยู่ด้วยกัน ทั้งสองคนเจอกันที่นี่แหละครับ ที่มาเซ้งห้องแถวในซอย 56 นี้ก็เพราะว่ามันใกล้ที่ทำงาน แค่ข้ามถนนก็ถึงแล้ว บริษัท สแตนดาร์ด ออยล์ คือ ต้นๆ ทางของน้ำมันยี่ห้อ SUSCO ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปหยดน้ำมันบนพื้นเหลืองนั่นแหละครับ คิดว่าคงพอจะนึกออก เห็นพ่อคุยให้ฟังว่า แกมีส่วนช่วยผู้จัดการออกแบบสัญลักษณ์นี้อยู่ด้วย จะดูให้เป็นรูปหยดน้ำมันก็เข้ากับกิจการของบริษัท หรือจะดูให้เป็นรูปถุงเงินถุงทองก็เป็นสิริมงคล สถานที่ในรูป ตอนนี้รู้สึกว่าจะกลายเป็น B-Quick ไปแล้ว
#4 มองจากปากซอยเข้าไปในซอยครับ สังเกตว่าระดับน้ำก็ประมาณเอวเด็ก
#5 เข้ามาในซอยแล้วมองย้อนกลับออกไปทางปากซอยครับ ถนนในซอยบ้านผมมีลักษณะเป็นเหมือนตัว b เล็ก คือ มีถนนตรงเข้ามา แล้วมีแยกซ้ายออกได้สองจุด เข้าไปเจอกับถนนด้านในอีกเส้นหนึ่ง จุดที่ถ่ายรูปนี้ก็อยู่ประมาณมุมล่างซ้ายของตัว b ครับ ห้องแถวที่เห็นเจ๊แกยืนล้างถาดอยู่นั่นเป็นร้านขายอาหารครับ บ้านผมก็ฝากท้องไว้ที่ร้านนี้เป็นหลัก คนที่ทำอาหารก็คือแม่ของเจ๊คนนี้ ทำอะไรก็ดูจะอร่อยไปเสียหมดทุกอย่าง ยิ่งวันไหนแกทะเลาะกับสามีแกล่ะก็ วันนั้นอาหารก็จะยิ่งอร่อย เหมือนกับว่าพอแกยิ่งใส่อารมณ์ลงไป น้ำหนักมือมันจะพาให้ถึงเครื่องตามไปด้วย
#6 ยังอยู่ที่จุดเดิม แต่หันไปทางขวามือครับ ที่เห็นห้องแถวหลังหัวมุมไกลๆ นั่นคือ บ้านผม เอง
#7 รูปนี้ถ่ายจากถนนที่ฐานของตัว b แล้วหันไปทางซ้ายมือ ตรงนั้นเป็นหนองน้ำซึ่งไหลออกไปไหนไม่ได้ น้ำก็เลยเน่าตลอดปี มีผักตบและกอหญ้าคาเต็มไปหมด ประมาณสักปี 2530 ต้นๆ หนองน้ำก็ถูกถมแล้วปลูกเป็นทาวน์เฮ้าส์แทน เจ๊คนที่เห็นนั่งอยู่หน้าบ้านนั่น แกนั่งทำโน่นทำนี่อยู่ตรงนั้นเกือบทั้งวันเลย ใครจะเดินผ่านไปผ่านมาก็ต้องเบี่ยงหลบแกเอาเอง ไม่เข้าใจแกเหมือนกัน
#8 เข้ามาดูบ้านใกล้ๆ ครับ คนที่เห็นในรูปนั่นคือ แม่ ผมครับ
#9 รูปนี้ถ่ายจากหน้าบ้านออกไป ห้องแถวที่เห็นมีคนกำลังยกของลงเรืออยู่นั่นเป็นห้องที่เช่าเอาไว้ทำงานครับ น้ำท่วมอย่างไรก็ต้องพยายามเอาของออกไปส่งให้ลูกค้าให้ได้ ก็ยังต้องกินต้องใช้อยู่นี่ครับ คนที่เห็นใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวนั่นคือ พ่อ ผมครับ
#10 ถ่ายจากชั้นสองของบ้านไปที่ห้องทำงาน
#11 รูปนี้เป็นถนนเส้นที่ไม่ใช่เส้นที่ตรงเข้ามาจากปากซอย ถ้าเทียบกับตัว b ก็คือ เส้นแนวตั้งด้านขวาของตัว b ซอยบ้านผมมีโรงกลึง โรงปั๊มเหล็ก โรงทำปั๊มน้ำ แบบที่เรียกว่า "โรงงานห้องแถว" (บรรพบุรุษของ "โรงงานเอสเอ็มอี") เต็มไปหมด น้ำท่วมอย่างไรก็ยังต้องพยายามทำมาหากินกันจนถึงที่สุด
#12 ให้ดูสภาพหน้าบ้านครับ รูปนี้ถ่ายจากในบ้านออกไป ต้องมีการก่ออิฐบล็อกขึ้นมาสูงถึงเกือบครึ่งบ้านเพื่อกันน้ำเข้า เวลาจะเข้าจะออกก็ต้องปีนบันไดอิฐที่เห็นนั่นแหละครับ
#13 ปิดท้ายด้วยหน้าปากซอยอีกที เอารูปมาให้ดูแค่นี้พอนะครับ
ไม่นานนักหลังจากช่วงที่ถ่ายรูปพวกนี้ ระดับน้ำก็เพิ่มสูงขึ้นจากระดับเอวเด็กกลายเป็นเอวผู้ใหญ่ ช่วงนั้นทำงานอะไรไม่ได้แล้วครับ ไม่สามารถทำงานหรือส่งของได้เลย เสียดายว่าช่วงที่น้ำท่วมหนักๆ นั้นไม่มีรูปถ่าย เข้าใจว่าคงจะหมดอารมณ์สุนทรีย์ไปแล้ว เพราะแม่บอกว่าค้าขายไม่ได้ไปเกือบสามเดือน
เห็นคนที่กำลังเจอกับความทุกข์กายทุกข์ใจจากน้ำท่วมแล้วเข้าใจและเห็นใจครับ เพราะผมเองก็เคยเจอมาเหมือนกัน ถึงแม้ว่าอาจจะไม่หนักหนาสาหัสเท่า คนจะไปทำงานหรือไปเรียนก็ไม่สะดวก หรือบางทีก็ไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ บ้านช่องและทรัพย์สินก็เสียหาย สุขภาพกายสุขภาพใจก็ย่ำแย่
หวังว่าสถานการณ์จะผ่านพ้นไปในไม่ช้า และแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่ารัฐบาลชุดพิเศษชุดนี้จะสามารถทำอะไรสักอย่างที่จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมหนักๆ ซ้ำซากแบบนี้อีก
ผมไม่มีความรู้เรื่องภูมิศาสตร์หรือชลประทานนะครับ แต่รู้สึกว่ามันน่าจะมีวิธีการอะไรสักอย่างที่จะผ่อนหนักเป็นเบา รวมไปถึงสามารถเก็บน้ำในหน้าน้ำเอาไว้ใช้ในหน้าแล้งได้ จะเป็นเขื่อนหรือจะเป็นอ่างเก็บน้ำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ และแทนที่จะสร้างเป็นขนาดใหญ่ไม่กี่จุด ก็ทำเป็นขนาดเล็กลงแต่หลายจุดหน่อยได้หรือไม่ จะได้ไม่ส่งผลกระทบหนักๆ ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างที่กลัวว่าจะเกิดขึ้น
บรรดานักวิชาการ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ หรือเอ็นจีโอทั้งหลาย ที่นิยมออกมาค้านเรื่องการสร้างเขื่อนอยู่เป็นประจำ ก็น่าที่จะยอมรับฟังเหตุผลและความจำเป็นให้มากกว่านี้สักหน่อย ไม่ใช่ใครพูดคำว่าเขื่อนปุ๊บ ก็ค้านปั๊บทันที ถ้าศึกษาแล้วเห็นว่าข้อดีมีมากกว่าข้อเสียก็ควรจะยอมรับฟังกัน
อย่าให้ในหลวงท่านต้องเป็นผู้ที่รับสั่งด้วยพระองค์เองถึงจะมีเขื่อนเกิดขึ้นมาได้สักแห่งเลย ของแบบนี้มีผลการศึกษาที่เป็นข้อเท็จจริง เป็นวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ รองรับอยู่แล้ว ถ้าผลการศึกษาบิดเบือนหรือในกระบวนการมีลับลมคมในก็ประท้วงกันไป ไม่ว่ากัน กลับจะดีเสียอีกที่มีคนเอาเรื่องออกมาเปิดเผยให้คนทั่วไปได้รับทราบ แต่ถ้าผลการศึกษานั้นถูกต้อง และชั่งแล้วว่ามีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ก็ควรจะปล่อยให้เขาดำเนินการกันไป อย่าไปค้านแบบหัวชนฝา
เวลาน้ำท่วมหรือน้ำแล้งทีไร ก็ไม่เคยเห็นคนกลุ่มนี้ออกมาช่วยเหลืออะไรสักที
ขอให้สถานการณ์ภัยน้ำท่วมผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ
Create Date : 21 ตุลาคม 2549 |
|
36 comments |
Last Update : 21 ตุลาคม 2549 18:17:46 น. |
Counter : 4278 Pageviews. |
|
|
|
ขอบคุณที่นำรูปเก่าๆ มาให้รำลึกถึงกันครับ อยากเชิญชวนมาช่วย ๆ กันช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมเช่นกัน