กว่าจะสู่ขอ & เตรียมงานแต่ง...ครั้งแรก
กะว่าตัวเองจะว่าง... ดันไม่ว่างเข้า blog ไปซะอย่างนั้น 555555555555555
เตรียมงานแต่งทั้งที ยุ่งมากเลย

เอาจริงๆ ชีวิตคนอื่นก็น่าจะพอๆ กันเนี่ยมั้งนะ แต่ของเราจะวุ่นวายตั้งแต่สู่ขอแล้ว
คือเรากับแฟนแบบนั่งกอดกันร้องไห้ไปเลย ปีที่แล้ว คือ เราก็กะว่าจะเลิกเลย
เพราะเราก็ไม่ชอบความวุ่นวาย พ่อแม่ก็ถามเรื่องแต่งงานไม่จบ(แล้วก็ไม่อยู่บ้าน)
แฟนเราก็บอกจะไปขอถ้าพ่อแม่เราอยู่บ้านยาวๆ คือ สุดท้ายก็ถามแฟน
ว่าจะเอายังไง ขอไม่ขอ ไม่ขอก็พอแล้วนะ แฟนก็จับมือเรา ละก็บอกว่า
อย่าเพิ่งปล่อยมือเค้านะ ละก็หน้ามึนๆ ละเราก็นั่งร้องไห้ยาวไปเลย
จำได้ว่า เห็นหน้าแฟนก็กินข้าวไม่ลงไปพักใหญ่อ่ะ แล้วก็ผิดเรื่องเวลา
ซ้ำซาก บอกเราว่า ขอเวลา 2 ปี จนลากมา 8 ปี เราก็ถามว่า 2 ปีของแฟนอ่ะ
มันคือ กี่ปีกันแน่ ถ้ามันทั้งชีวิต เราจะได้ไป ไม่ต้องมารั้งกันไว้แบบนี้
เสียเวลาทั้งคู่ แล้วก็ผิดเรื่องเวลากับเราอีกเรื่อยๆ นัดที่ร้านอาหาร
บอกจะออกแล้ว แต่ทิ้งเราไปนั่งรอในร้านอาหารเกินครึ่งชั่วโมง เราก็นั่งรอ
จนกินข้าวเสร็จ แฟนก็มาถึง บ้านกับร้านอาหารห่างกันไม่ถึง 2 กิโลเอง
เหตุผลก็คือ แย่เลยอ่ะ บอก รอแม่ คิดว่าแม่จะกลับมาแล้ว เลยบอกเราว่า
จะออกบ้านแล้ว แล้วก็ไม่ออก แล้วก็ไม่บอก ปล่อยนั่งรอคนเดียว เสียใจมาก
เพิ่งมีปัญหาเรื่องเวลากับที่จะสู่ขออยู่แล้ว มาซ้ำซากเรื่องนี้อีกไม่จบ

แฟนเราเก็บเงินแต่งงานเอง เงินเลยไม่พร้อมจะแต่ง แต่ไม่ได้บอกเรา
คือ เราก็ไม่ได้อยากจัดงานใหญ่ เอาเล็กๆ มีแค่ผู้ใหญ่ก็พอแล้ว
แต่ปัญหาหลักคือ พ่อแม่ของทั้งคู่

พ่อแม่แฟนงานราชงานหลวงเยอะ เพราะเป็น สจ เก่า มีคนเชิญตลอดทั้งปี
แถมอายุใกล้จะ 80 กันแล้ว เข้าออก รพ เป็นว่าเล่น ตรวจสุขภาพทั้งปี

แล้วหลักๆ คือ พ่อแม่เรานี่แหละ ตัวปัญหาใหญ่เลย อยากให้ขอ เร่งไม่หยุด
แต่ก็เรื่องมาก เพราะมีพี่คนโตเป่าหูทุกวี่ทุกวัน จนเราก็รำคาญอ่ะ
มันอะไรกันนักกันหนา เด็กก็เกิดจากตัวเองแท้ๆ ไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกเอง
หาคนโน้นคนนี้เอามาเป็นคนใช้ในบ้าน เดี๋ยวเรื่องนี้จะเล่าอีกที รับไม่ได้
ปัญหาใหญ่ คือ พี่คนโตกับเมีย เอาง่ายๆ ขี้เกียจเลี้ยงลูก+ดูแลบ้าน
เลยเป็นภาระพ่อแม่ของทั้ง 2 บ้าน แล้วบ้านพี่สะใภ้ก็พอกัน ไม่ยอมมาอีกเลย
แล้วหนักสุดคือ ครอบครัวพี่สะใภ้มารู้ทีหลังว่าเป็นผีพนัน ติดหนี้สินรุงรังอีก

แม่เราก็ห่วงพี่ เลยไม่ยอมกลับมาอยู่บ้าน แล้วก็มาเร่งให้แฟนเรารีบขอๆๆ
ส่วนตัวเองยุชลบุรี เราแบบ เห้ยยยยย ไม่ถูกต้องนะ มันน่าเกลียดไปอ่ะ
ละพี่คนโตเราบอก ถ้ามีคนมาขอลูกของพี่ พี่จะอยู่ไหนพ่อแม่มันต้องไปได้
เราก็บอก เราไม่ได้เป็นพวกสันดารทุเรศแบบนั้นอ่ะ เห็นแก่ตัว ความคิดแบบนี้
โสโครกว่ะ ถ้ากุมีเมียสมองคิดแบบนี้ กุเลิกไปนานแล้ว บอกเลย
เรียกว่า เปิดหน้าสาดโคลนกับพี่คนโตกันไปเลย ละเราก็ไปทะเลาะกับพ่อแม่ต่อ
เราก็ยิงคำถามอ่ะ ว่า ตกลงแล้ว พ่อแม่มีลูกคนเดียวใช่ไหม? คนอื่นคือไม่ใช่ลูก
อย่าบอกว่ารักลูกเท่ากันทุกคน รักแต่ปากใครก็พูดได้ พ่อก็บอกรักเท่ากัน
แต่หลานมันยังเล็ก เราก็บอก หน้าที่พ่อแม่มันจบไปนานแล้ว
นี่มันหน้าที่พ่อแม่มันต้องเลี้ยงลูกมันเอง ไม่ใช่ทำตัวเป็นภาระกับครอบครัวง่อยๆ
ดูแลตัวเองไม่ได้แบบนี้ เมื่อไหร่มันจะรู้จักคำว่า รับผิดชอบ

คิดว่าพูดไปขนาดนี้พ่อแม่...จะอยู่บ้านไหม? ไม่ค่ะ ยังจะไปชลบุรีต่อ
เราก็เลยไปคุยกับพี่ ละก็เล่าเรื่องที่เถียงกับพ่อแม่ให้แม่งฟัง สุดท้าย
มันโทรมาบอกแม่ว่า ไม่ต้องไปแล้ว อยู่บ้านไปจนกว่าเราจะแต่งงานเสร็จ
แค่นั้นแหละ เลยทำให้สามารถนัดสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราวจริงจังได้

พ่อแม่แฟนเข้าใจว่า พ่อแม่เราตั้งใจจะอยู่บ้านรอมาขอ จริงๆ เปล่าเลย
เราไปสาดโคลนใส่พี่คนโตนั่นแหละ มีครอบครัวไม่รู้จักรับผิดชอบ
มีบ้านไม่รู้จักดูแล มันก็ต้องเจอกันหน่อย พ่อแม่ไม่ใช่ทาสในบ้าน จิกหัวใช้
ไม่ได้เรื่องก็ด่า โขกสับไม่หยุดทั้งผัวทั้งเมีย ทำตัวทุเรศทั้งคู่เลยอ่ะ
การที่ไปดูแลพี่คนกลางที่ขาหักก็ทำให้เราได้เห็นชีวิตจริงๆ ตรงนั้นของพ่อแม่
ไว้จะเล่าอีกที เรื่องมันเยอะมากจริงๆ

พอนัดเจอครั้งแรกต้นเมษา พูดคุยกัน แม่เราก็เอาข้าวแต๋นเจ้าดังของจังหวัด
ฝากพ่อแม่แฟน พร้อมกับบอกว่า เจ้าของก็ญาติของแม่เรานี่แหละ
พ่อแฟน ยิ้มกริ่มเลย เอาจริงๆ ไม่รู้ว่า เราเป็นหลานของเจ้าของข้าวแต๋น
ที่ตัวเองชอบ แฟนก็ไม่บอกด้วย 5555555

พอมาถึงวันที่คุยสู่ขอก็ผ่านไปได้ด้วยดี ราบรื่นไม่มีปัญหาอะไรเลย
พ่อแม่สองบ้านคุยกันสนุกสนาน ประเด็นหลักๆ "ข้าวแต๋น"
ประเด็นรอง สู่ขอ 5555555555555555555555555555555555
แฟนถึงขั้นบอก อิหยังวะ กินข้าวเสร็จหมดแล้ว เมื่อไหร่จะคุยซักที
คือ เรากับแฟน ตกลงกันว่า พาพ่อแม่มาพูดคุยสู่ขอกันในร้านอาหารจีน
เพราะถ้าเป็นบ้านเรา เรารับประกันว่ามันวุ่นวาย 100% จากสินสอดไม่เยอะ
จะทะยานไปเป็นหลักล้าน เพราะญาติเรามีแต่สายหน้าใหญ่ทั้งนั้น
ก่อนหน้าวันที่จะคุยสู่ขอ พ่อแฟนก็เรียกเราไปนั่งคุยอยู่ แม่แฟนก็เล่าเรื่อง
สองบ้านตีกันเพราะมีญาติวันสู่ขอ เราก็สมทบด้วยเลย ไปงานหมั้นเพื่อน
บ้านเพื่อนกับแฟนเพื่อนคือ ตีกันยับ แถมลากสินสอดไปเป็นล้าน
ทะเลาะกันจนจะไม่ได้แต่ง เด็ก 2 คนรักกัน พ่อแม่โอเค ญาติไม่โอเค 555
บอกตรงๆ อยู่ตรงนั้น โคตรอึดอัด ยังดีนะเป็นแค่เพื่อนสนิท ถึงจะอยากเอาปี๊บ
คลุมหัวแล้วเดินออกจากงานไปเลยก็เถอะ คิดสภาพถ้าเป็นญาติฝั่งหญิงจริงๆ
คงไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ไหน ตามสภาพคนบ้านนอกอ่ะ แบบนี้ทั้งนั้นแหละ
ละญาติเราก็ประมาณนั้นด้วย ก็เลยตกลงกับแฟนว่า มากันแค่ พ่อแม่ 2 บ้านพอ

ละก็ในส่วนของการเตรียมงานแต่ง เอาจริงๆ นะ เริ่มก่อนสู่ขอไปนานเลยแหละ
พ่อแม่เจอกันครั้งแรกต้นเมษา สู่ขอปลายกรกฎา ตั้งแต่ก่อนที่จะเจอกันครั้งแรก
เอาจริงๆ แฟนเราอ่ะ ไม่กล้าคุยกับพ่อแม่ ตั้งแต่วันที่นั่งร้องไห้กันแล้วอ่ะ
เรียกว่า ความมั่นใจ = 0 ถามว่า รู้ได้ยังไง เพราะแฟนเรานัดคุยกับเพื่อน
ที่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อ 2 ปีก่อน (เวลานั้นคือ ปีก่อนของปีที่แล้ว)
แฟนก็ถามเรื่องที่พาพ่อแม่ไปเจอกัน ไปคุยกันยังไง แล้วแฟนเรานัดคุย
เรื่องนี้ซ้ำๆ 3-4 รอบได้ นัดเดือนละรอบ ตั้งแต่ช่วงตุลา ลากยาวมาจนถึง
กุมภา จนปลายกุมภาถึงเริ่มบอกแม่ แล้วก็โดนแม่ด่าไปยกใหญ่
เพิ่งมาออกเอาตอนนี้ บ้ารึเปล่า ละให้เวลาแค่เดือนเดียว จะเตรียมอะไรทัน
คือในความคิด แฟนก็กะว่า จะลากพ่อแม่ไปบ้านเรา คุยๆ เสร็จ กลับเลย
ไม่นัดวันก่อน ไรงี้ แฟนก็เลยโดนพ่อแม่สวดไปรอบนึง ส่วนเราไม่มีปัญหาอะไร
เราเคลียร์บ้านของเราได้ เพราะเราก็คุยกับพ่อแม่เรื่อยๆ ยุละ ถ้าไม่มีพี่คนโต
เข้ามาป่วน ทุกอย่างก็จะเรียบร้อยดีทั้งหมด

ระหว่างที่แฟนอึกๆ อักๆ เรื่องสู่ขอเพราะต้องไปคุยกับพ่อแม่ เราก็เริ่มสอบถาม
ผู้ใหญ่คนสนิท ก็เจ้าของหอพักที่เราพักอยู่แหละ สนิทกันมาก อยู่มาสิบกว่าปี
เขาก็แนะนำมาเยอะเลย ทั้งช่างภาพ ช่างแต่งหน้า สถานที่ ร้านเช่า-ตัดชุด
แล้วเราก็ถามเรื่องช่างทำแหวนด้วย เขาก็เลยแนะนำน้องคนนึงให้เรารู้จัก
ตอนถามเพื่อนเรื่องแต่งงาน เรื่องแหวน เพื่อนแฟนก็แนะนำให้ไปซื้อร้าน
มีแหวนเพชรสวยๆ มีใบเซอร์ด้วยไรงี้ พอเราเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับเพชร
คือ เพชรแท้ธรรมชาติ กับเพชรสังเคราะห์อ่ะ แยกด้วยเครื่องจิ้มไม่ออก
แล้วราคาต่างกันประมาณ 2-3 เท่าเลย เพชรแท้ขายต่อได้ เพชรสังเคราะห์
ขายต่อไม่ได้ ปกติร้านเพชรไม่รับซื้อเลย ก็ไปเล่าให้แฟนฟัง ละก็หวาดระแวง
สุดท้ายเลยตัดสินใจ โอเค งั้นเราทำแหวนพลอยก็ละกัน

ไม่ซื้อแหวน แต่หาสั่งพลอยมาเอง สรุปสุดท้าย ได้พลอยน้ำใส
ไร้ตำหนิทั้งในเนื้อและบนผิวของพลอย สีและคุณภาพคือ AAAA
พลอยมาตรฐานสำหรับทำเครื่องประดับในต่างประเทศ ในไทยเกรดนี้หาไม่ได้
เท่าที่เราคุยกับน้องที่ทำแหวนให้เรา ร้านของน้อง ยังหาเกรดแบบนี้ไม่ได้เลย
แล้วพลอยเม็ดใหญ่ขนาดเกิน 3 กะรัตไปเยอะ เอาจริงๆ ตอนคุยกับร้านขอไม่
เกิน 3 กะรัต ไม่งั้นมันจะใหญ่เกินนิ้วเราไป แต่ร้านไม่มี มีแต่พลอยเม็ดใหญ่
ก็เลยได้เม็ดที่ขนาดกลางๆ ของร้านมาแทน

ทั้งนี้ทั้งนั้น เราหาข้อมูลพลอยมาเยอะพอสมควร คือ พลอยชนิดนี้มีตำหนิ
ธรรมชาติคืออะไรยังไง เราก็ศึกษามาแล้ว แล้วสีไหนราคาถูก สีไหนแพง
มันมีราคามาตรฐานอยู่ สี ขนาด ความใส ทุกอย่างมีผลต่อราคาทั้งหมด
โชคดีอีกอย่างที่พลอยชนิดนี้ เผา-ไม่เผา ไม่มีผลต่อราคาเลย เราก็เลยเลือก
ตอนได้รับพลอยมา ก็บอกแฟนส่องไฟดูหน่อย ว่ามีตำหนิตามธรรมชาติไหม
พอส่องไฟ ส่องแหวนสำหรับส่องเพชรพลอยดู คือ มี อย่างน้อยก็มั่นใจว่า
ถูกชนิด

พอได้พลอยมาครบ เราก็ถึงเริ่มโทรคุยกับน้องที่มาทำแหวนให้เรา
ไม่รู้ว่าโชคช่วยหรืออะไรนะ แต่น้องน่ารักมาก แล้วน้องก็ทำเป็นงานอดิเรก
บ้านน้องเป็นร้านขายแหวนเพชรพลอย มีช่างประจำร้านอยู่แล้ว
พอนัดเจอกันวันแรกก็เอาพลอยไปให้น้องดู ละก็วัดไซส์แหวนไป
น้องก็ให้ช่างตีราคาให้ ซึ่งเรากับแฟนก็โอเคกับราคามากๆ 2 วงยุที่ 5 หมื่น
รวมเพชรประดับแล้ว ก็เลยส่งพลอยให้น้องรับไปทำต่อ น้องบอกว่า
ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนนะพี่ 2 วง เร่งกว่านี้ไม่ได้แล้วนะ เราก็โอเค เต็มที่
เพราะวันแต่งงานยังไม่รู้ สู่ขอก็ยัง 555555

แล้วคุณน้องก็เป็นเสมือนที่ปรึกษางานแต่งไปในตัว เพราะน้องแนะนำสถานที่
ช่างแต่งหน้า แบบชุด งบแต่งงาน ซึ่งแฟนฟังแล้วพอใจมาก เลยตัดสินใจไว
ตั้งเป้าไว้ว่า จะจัดงานแต่งที่เดียวกับน้อง ตัดปัญหาเรื่องออแกนไนซ์กินเงินเกิน
แล้วแขกไม่ได้กินอาหารอร่อยๆ สุดท้ายก็เลยเลือกจัดงานในภัตตาคาร
อาหารจีน ที่มีบริการจัดงานแต่งงานด้วยเลย จริงๆ พ่อแฟนอยากได้โต๊ะจีน
ของนครปฐม เป็นเจ้าดังเลย ถ้าเราจำไม่ผิด อันนี้เราเคยถามเจ้าของหอพักแล้ว
เขาว่า ตอนไปจอง เขาบอกคิวเต็ม ต้องจองล่วงหน้าเป็นปีเลย เขาก็แนะนำ
โต๊ะจีนของนครสวรรค์มาให้ เป็นของเด็กในหออีกคนที่มาเรียนต่อ ป.เอก ที่นี่
แต่เห็นว่า ถ้าโต๊ะน้อยเค้าก็ไม่คุ้มมา ถ้าจ้างเค้ามาก็ต้องจ่ายค่าเดินทางด้วย
แฟนเราก็แบบ กลัวงบบานไม่จบ ก็เลยตัดปัญหาไปเลย สถานที่ไม่ต้องหาละ
แอลกอฮอล์ไม่มี ทั้งหมดนี่เป็นรายละเอียดคร่าวๆ ที่คุยกันกับแฟน

จนกระทั่งเลยวันที่คุยสู่ขอไปแล้ว ปัญหาต่อมา แต่งวันไหน? แต่งเมื่อไหร่?
เรียกได้ว่า เป็นมหากาพย์กันเลย เพราะแม่แฟนก็มีตำราที่ใช้ของแม่
ส่วนครอบครัวเรา ก็ดันมีตำราโหรของตระกูล ซึ่งมีวิธีคำนวณไม่เหมือนคนอื่น
แม่ก็ขอลุงคำนวณให้ เพราะลุงหาฤกษ์เป็น ก็ให้ฤกษ์แต่งมาอยู่ 5 วัน
ระหว่างนั้นเราก็เริ่มคุยกับผู้จัดการใหญ่ของภัตตาคาร คอนแท็กมาจากน้อง
ก็คุยรายละเอียดคร่าวๆ เพราะยังไงสถานที่เรากับแฟน final ไปแล้วว่าที่นี่
หลังจากแม่แฟนเอาตำรามาก็ให้แฟนเปิดเทียบดูว่า ฤกษ์ดีกับราศีแฟน
ตรงวันไหนก็เอาวันนั้น ก็เลยได้วันมา ก็ตกลงจองกับผู้จัดการไปเลย

หลังจากได้วันแต่งงาน สิ่งสำคัญสำหรับงานแต่ง คือ อะไรที่ต้องแย่งกับคนอื่น
เราต้องไปคุยให้จบก่อนตั้งแต่เริ่ม ไม่งั้นจะมีปัญหาทีหลัง ซึ่งก่อนหน้านี้
เราคุยกับน้องที่ทำแหวนให้ตลอด น้องแนะนำ เจ้าของหอแนะนำอะไรมา
เราก็เอาตัวเลือกทั้งหมดมาคัดเลือก แล้วตัดตัวเลือกออกไปก่อนเรียบร้อยแล้ว
ต่อจากร้านอาหาร ก็เริ่มคุยกับช่างภาพ ก็ตกลงได้ในวันงานช่างว่างทั้งทีม
จ้างทั้งภาพและวีดิโอเลย เพราะแฟนอยากได้ภาพสวยๆ เก็บความทรงจำไว้
อยากมีไว้ให้ลูกๆ(ถ้ามี) มาดูย้อนหลังเอาได้ พอช่างภาพได้แล้ว
ต่อไปก็เป็นช่างแต่งหน้า ซึ่งแย่งกันแน่นอน เพราะแต่งปลายปี ฤกษ์แต่ง
ของคนส่วนใหญ่ สุดท้ายก็ได้ช่างแต่งหน้าที่แพลนไว้อีกครั้ง ต่อไปก็ชุด
หาร้านเช่าชุดดูแล้ว ไม่ถูกใจเลยซักร้าน ก็ดันไปถูกใจอยู่ร้านนึงพอดิบพอดี
กับที่เป็นร้านเจ้าของหอพักแนะนำมาให้ตัดชุดที่ร้านนี้ คุยไปคุยมาก็โอเค
สรุปคือ ตัดซื้อทั้งหมด 3 ชุด เรา 2 ชุด ชุดยกน้ำชา+งานเลี้ยง แฟน 1 ชุด
เปลี่ยนเนคไทเอา เราส่งแบบชุดเป็น minimal ทั้งหมดให้ร้าน เน้นใช้งานต่อ
ทั้งสองชุดสามารถเอาไปใส่งานอื่นๆ ต่อได้อีก ไม่ได้ทิ้งแน่นอน

แล้วพอได้ทุกอย่างที่สำคัญครบ แฟนก็บอกว่า เออ ช่างแต่งหน้าพ่อแม่ต้องมีนะ
เราก็ โอเค เราเล็งไว้ละเจ้านึง ก็ติดต่อวางมัดจำต่ออีกเจ้า เค้าว่างพอดี
เรียบร้อยหมดทุกอย่างที่ต้องแย่ง หลังจากวัดและเตรียมตัดชุดวางมัดจำแล้ว
ก็เป็นรองเท้าเจ้าสาวลำดับต่อไป อันนี้ไม่ได้แย่งกับใคร แต่เราคงโชคดีด้วยนะ
ที่ทุกคนที่เราตั้งใจคัดเลือกมา เค้านิสัยดี และน่ารักกับคู่ของเรากันทุกคนเลย
พี่ช่างตัดชุดเค้าก็บอกว่า ถ้าจะซื้อรองเท้า ส่งแบบมาให้พี่ดูดีไซน์ก่อนได้นะคับ
เดี๋ยวพี่ช่วยเลือกสีให้แมชกับชุด คือ แฟนประทับใจไปอีก ดีสุดอะไรสุด
แถมชุดถ่ายรูปพรีเวดดิ้งอ่ะ พี่เค้าก็บอกว่า พี่จะตัดชุดให้ก่อน 2 ชุดนะ
ชุดเจ้าบ่าว กับชุดยกน้ำชาเจ้าสาว น้องไม่ต้องไปหาเช่าชุดถ่ายพรีเวดนะ
น้องเอาสองชุดนี้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งได้เลย เรากับแฟนก็รู้สึกดีมากเลย
เค้าแนะนำดีมากๆ ถึงจะเป็นร้านชุดแต่งงาน แต่พี่เค้าก็ประสบการณ์เยอะ
ผ่านงานมาเยอะมากๆ แนะนำดีมากเลย ช่วยเราลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นลงอีก

ส่วนเรื่องพรีเวดดิ้ง เราก็ติดต่อช่างภาพแล้ว แต่เค้าไม่ค่อยว่าง อยู่ดีๆ
เค้าก็ตอบเรา ส่งตารางงานมาให้เรา ส่งคอนแท็กให้เราติดต่อผ่านไลน์
สรุปมารู้จากช่างตัดชุดว่า พี่เค้าเป็นคนโทรคุยแทนให้เรา เราก็เลยได้
วันถ่ายพรีเวดดิ้ง แล้วช่างภาพ กับช่างแต่งหน้าว่างตรงกันพอดีเลย
ก็เลยโชคดีไป ถือว่า ได้กลุ่มคนน่ารักๆ มาร่วมทำงานให้กับเรา
เราก็ดีใจมากแล้ว

หลังจากนั้นก็มีนัดจ่ายมัดจำกับผู้จัดการร้านอาหาร เค้าก็บอกรายละเอียด
ตัวงาน กับตีค่าใช้จ่ายคร่าวๆ มาให้คู่ของเรา แฟนเลือกชุดโต๊ะจีนที่แพงสุด
ของร้าน แต่ขอเปลี่ยนเมนูไฮไลท์เป็นอย่างอื่น ซึ่งทางร้านก็โอเค ยินดีเปลี่ยน
แต่ก็ขอเชียร์ไฮไลท์เดิมของร้านอยู่นะ ที่ขอเปลี่ยนเพราะพ่อแม่แฟน
ไม่อยากกิน ก็เลยลองดูว่าเราจะดีลกับร้านได้ไหม ก็คือ เราดีลได้หมด
ละก่อนหน้านั้นเราบ่นว่า เราไปลองทางอาหารที่ร้านแล้ว ข้าวแข็งมาก
เหมือนใช้ข้าวคุณภาพต่ำมาทำ(จริงๆ ข้าวมันหุงไม่สุก แต่เอามาเสิร์ฟ)
เราก็ไม่อยากโทษคนครัวร้านอาหารว่าหุงข้าวไม่สุก เลยไปโทษข้าวแทน
แล้ววันที่คุยกันนั้นผู้จัดการก็สั่งอาหารมาเลี้ยงเรากับแฟน แล้วก็มีจาน
ที่ไม่มีในเมนูอาหารมาเสิร์ฟ ก็เล่าประวัติรายละเอียดของเมนูอาหารให้ฟัง
เราก็แบบ เห้ยยย ประทับใจมาก แล้วรสชาติคือดีมากเลย ขนาดดูไม่มีอะไร
แต่รสชาติคือสุดยอดมาก เป็นผักกาดขาวผัดกับกระเพาะปลา แค่นั้นเลย
แล้วจากวันนั้นอ่ะ พ่อแม่แฟนกับแฟนก็ติดใจเมนูนี้กัน แฟนถึงขั้นแบบ
ขอเอามาแทรกหรือเปลี่ยนในเมนูในลิสได้ไหม 55555555555555555
เพราะชอบและโดนใจมากๆ จริงๆ แต่รสมันจะอ่อนๆ ผู้ใหญ่ชอบเลยแหละ
พอเล่าให้น้องที่ทำแหวนฟัง น้องงอนผู้จัดการไปยกใหญ่ เพราะคู่น้อง
ผู้จัดการไม่ได้เลี้ยงข้าวเลย ตลกคำพูดต่อมาของน้องคือ หรือหนูต่อเค้าเยอะไป
55555555555555555555

แล้วก็มาถึงรองเท้าบ่าวสาว เราก็ไม่ชอบรองเท้าปลายแหลมๆ ที่ร้านทั่วไปมี
แล้วก็ไม่ชอบส้นสูง คือใส่ได้ไม่เกิน 2 นิ้วแน่ๆ ถามแบบกับร้านที่สั่งตัดทั้งหมด
หลายร้านก็ชาร์จกันสุดฤทธิ์ แถมพูดจาประมาณว่า จะเอาไม่เอา ไม่เอาก็ไปซะ
เราก็เลย เอิ่ม ขนาดแค่พนักงานที่ตอบไลน์ยังพูดจาไม่เข้าหูแบบนี้ สั่งตัด
ก็คงไม่ได้เรื่องอะไรอ่ะ สุดท้ายพอตัดใจไปลองคุยกับร้าน SIRENA
เพราะรองเท้าเจ้านี้ราคาแรงสุดเท่าที่ดู แต่เป็นรองเท้าเจ้าสาวโดยเฉพาะเลย
ละเค้าก็รับตัดด้วย แล้วแบบที่เราชอบก็เป็นของร้านนี้ เป็นร้านที่พนักงาน
มี service mind เต็ม 100 เลย ได้ใจเราเต็มๆ ตั้งแต่พนักงานตอบไลน์แล้ว
พอโทรคุยกับแผนกที่ตัดรองเท้าก็ชี้แจงรายละเอียดอะไรดีมากๆ เลย
พอแฟนแวะไปที่โรงงาน ไม่แน่ใจว่าเจอกับเจ้าของหรือผู้จัดการร้าน
เค้าก็เอารองเท้าทั้งหมดที่มีมาให้แฟนถ่ายส่งให้เราดู พูดคุยกับเขาพักใหญ่
แฟนก็ประทับใจกับร้านรองเท้าร้านนี้ไปเต็มๆ โดนตกด้วย service mind
ก็จะไปตัดรองเท้ากับร้านนี้แหละ ใช้เวลาประมาณ 1 เดือนในการตัด
ยังไงก็ทันอยู่ละ แล้วตัดเสร็จเค้าก็จะส่งมาให้ที่บ้านแฟนเลย ไม่เสียค่าใช้จ่าย
พวกรองเท้าเจ้าสาวแบรนด์เนมต่างประเทศมีเยอะแยะนะ แต่เราไม่ถูกใจ
ดันมาถูกใจทรงรองเท้าของร้านนี้ ก็ถือว่า ได้ร้านรองเท้าดีๆ ในชีวิตอีก 1
ส่วนวันที่ตั้งใจจะไปตัดรองเท้าก็อีกไม่นานนี่แหละ กำลังจะเดินทางไป
ส่วนสีและแบบอื่นๆ เราคุยปรึกษากับช่างตัดชุดแล้วแหละ

หลังจากนั้น แหวนที่สั่งทำไป ได้พอดี! แหวนจากที่มีแค่เม็ดพลอย 2 เม็ด
กับแบบแหวนที่ไปหาเอาตามออนไลน์ แล้วออกมาอยู่ตรงหน้าเราอ่ะ
แหวนสวยมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

พลอยใส ไร้ตำหนิ คัตแบบพิเศษ ไม่ใช่รูปแบบคัตติ้งปกติที่ขายกันทั่วไป
แล้วมารู้จากน้องว่า ช่างที่ทำแหวนให้เรา เป็นช่างที่ได้รางวัลระดับโลก
แล้วปีๆ นึง เค้ารับทำแหวนเต็มที่ปีละแค่ 12 วงเท่านั้นเอง เป็นงานประณีต
แล้วพลอยของเรา มันใสมาก แสงไม่ทะลุเลย สู้เพชรน้ำดีได้สบายๆ
ตอนที่คุยกับน้อง ก็ขอเพชรน้ำไม่ต้องดีมากก็ได้ ไม่ซีเรียส ขอพลอยเด่นพอ
แต่น้องก็บอก มันทำไม่ได้นะพี่ เพราะพลอยของพี่มันน้ำดีมาก สะอาด ใสสวย
ไม่มีตำหนิ ไม่มีอะไรเจือปนในเนื้อพลอย แล้วสู้ไฟแข่งกับเพชรอีก
หนูไม่สามารถใช้เพชรประดับทั่วไปมาทำให้พี่ได้เลย เพชรจะหมอง
หนูเลยต้องคัดเพชรประดับมาให้พี่อีก ไม่ใช่เพชรหลุดนะ ซื้อมาคัดให้เองเลย

เรียกได้ว่า การเตรียมงานแต่งของเรา มีแต่เรื่องที่น่าประทับใจทั้งหมดเลย
เดี๋ยวหลังแต่งจะมาเขียนอีกที ว่า ทั้งหมดที่เลือกมา คือ ร้านไหนบ้าง
เจ้าไหนบ้าง เผื่อจะเป็นตัวเลือกให้ใครหลายๆ คนที่จะแต่งงานในเชียงใหม่
ที่ไม่จัดงานที่บ้านเกิดก็มีเหตุผลอยู่ คือ อาหาร กับสถานที่ มันไม่ได้เลย
อาหารอ่ะ โต๊ะจีนเจ้าดังประจำจังหวัดรุ่นที่บริหารอยู่ปัจจุบันเป็นเพื่อนของญาติ
อร่อยมากแหละ แต่แขกมาจาก กทม หลายคน ทำให้ไม่สะดวกไปจัดบ้าน
ออแกนไนซ์ เราเข็ดจากงานของพี่ชาย ที่คิดแพงจนกระเป๋าฉีก อะไรเราไม่เอา
เค้าบังคับเราต้องรับทั้งหมด ขอเพิ่มเงินกลางงานอย่างบ่อย งบบานเบอะ
อาหารให้เท่าแมวดม แขกอาหารไม่พอกินอ่ะ วุ่นวายไม่จบ

หลายๆ อย่างที่พอทำได้เราก็เลือกทำเองทั้งหมด อย่างของชำร่วย ก็ทำเอง
เพราะตั้งใจจะแจกเหล้าบ๊วยขวด 30 ml เล็กๆ มีกล่องใส่สวยๆ น่ารักๆ เลย
ของรับไหว้ กว่าจะ final คือ ของที่ซื้อมาเตรียมก่อนใช้ไม่ได้เลยนะ
ตอนแรกจะให้แก้วน้ำ 2 ชั้น สุดท้ายก็ไม่ได้ให้ เพราะไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ
สุดท้ายก็เลยถามแม่ แม่บอกขอของใช้ คนแก่จะได้เอาไปใช้ต่อได้นะ
เพื่อนๆ ก็แนะนำชุดชา ชุดกาแฟ ซื้อๆ ให้ๆ จะได้จบๆ ชุดละ 50-100 บาท
เราก็มาคิดแบบ เห้ย มันไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรอ เขาอุตส่าเดินทางมานะ
สุดท้ายก็เลยเลือกเป็นผ้าแพรเทียมรุ่นที่ดีที่สุด ส่วนผ้าแพรแท้ให้พ่อแม่
แล้วก็มาโชคดีกับที่ shopping platform มีลดราคา 50% 300 บาทช่วงนึง
เราคือ โชคดีที่มีคนเอาผ้าแพรใส่ตะกร้าตามไลฟ์ไว้ เราเลยได้ใช้โค้ดด้วย
ก็ซื้อจนครบทุกผืน ประหยัดเงินไป 3-4 พันบาทได้ เพราะซื้อหลายอย่าง
เรียกว่าประหยัดเงินไปหลายพันบาท แล้วได้ของเตรียมงานแต่งจนครบเลย
ผ้าห่อสินสอด เบาะรองนั่งเอย คืองานราบรื่นยันตอนซื้อของมาเตรียมไว้อ่ะ
สติกเกอร์แปะของชำร่วย สัญลักษณ์งาน เราออกแบบเองทั้งหมดเลย
ไม่มีจ้าง ทำหลายๆ แบบ ละให้แฟนเลือก เค้าก็ชอบมาก ละทุกคนก็ชมว่าสวย
สัญลักษณ์งานเราก็สั่งทำตราปั้ม สั่งทำเข็มกลัดเอามาติดกระเป๋า
คือญาติๆ เราก็ซื้อถุงกระดาษมาใส่กล่องของรับไหว้ให้ ส่วนพ่อแม่
เรานั่งเย็บกระเป๋ามาใส่กล่องเองทั้งหมด เรียกว่า ทำของเฉพาะให้เลย

ไม่รุ้จะเรียกว่าโชคช่วยหรืออะไร แค่คนที่จ้าง คนที่ให้คำแนะนำก็น่ารักมากแล้ว
มาเจอช่วงลดราคาซ้ำอีก ไม่รู้ว่าชีวิตจะโชคดีอะไรแบบนี้ เราแค่คิดว่า
ถ้ามันใกล้ๆ แต่งงานอ่ะ ร้านจะต้องขึ้นราคา แล้วคนจะต้องมาแย่งซื้อของกัน
ของมันจะหมด ร้านก็ไม่มีขาย ถ้าคนแย่งซื้อกันเยอะๆ สินค้าก็จะตกหล่น
ถ้าจะเกิดปัญหาก็ให้มันเกิดตอนนี้แหละ แล้วถามว่าเกิดปัญหาระหว่างซื้อไหม
มีนะ ขนส่งทำพัสดุสูญหาย เราต้องสั่งของใหม่ เถียงกับขนส่ง 2 สัปดาห์
สุดท้ายจำนนต่อหลักฐานว่าทำพัสดุหายจริงๆ ขนส่งต้องชดใช้เงินให้เรา
ส่วนขวดแก้วที่สั่งมาเป็นของชำร่วยอ่ะ ขวดแตกระหว่างขนส่ง แต่แค่ 1 ใบ
เลยไม่ถือว่าเป็นปัญหา เพราะร้านควบคุมขนส่งไม่ได้ เค้าห่อมาดีแหละ
แต่ขนส่งเค้าก็ส่งในแบบของเค้า ร้านคุมไม่ได้จริงๆ ก็เข้าใจร้านนะ ไม่อะไรเลย

แฟนก็บอกว่า เราบริหารจัดการงานแต่งได้ดีมาก จังหวะเวลาคือ ได้ทุกอย่าง
แล้วแฟนก็มั่นใจว่า ตัวงานจะออกมาเรียบร้อยมากๆ แน่นอน เพราะไม่มี
ความรู้สึกที่บอกว่า งานมันจะติดขัด จะมีปัญหา ไม่มีความรู้สึกแบบนั้น
เหมือนตอนที่บริษัทจัดสัมมนา มีแต่ปัญหาเต็มไปหมด มีแต่ความไม่พร้อม
แฟนก็บอกว่า เค้าไม่สามารถบริหารจัดการ ไม่มีคอนเน็กชั่นเยอะเท่าเรา
เค้าขอจ่ายเงินอย่างเดียว ส่วนที่เหลือในตัวงาน ให้เรารับผิดชอบเองทั้งหมด
เราก็เลือกไป บอกแฟนไป ก็รายงานทุกเรื่องทั้งหมด มีไอเดียไรก็ถามแฟน
แฟนก็มีดุบางที หลังๆ ก็ไม่บ่นแล้ว เพราะทั้งหมดที่เราเลือกมาประทับใจหมด
มีดุเราเฉพาะตอนที่เราไม่แน่นอนกับของที่เลือก จนตอนหลังก็เลือกแล้ว
เลือกเลย ไม่มีเลือกต่ออีกละ

แฟนให้ตัวเลขงบมาแล้วให้บริหารจัดการให้อยู่ในงบ ทั้งหมดทั้งมวล
ก็ไม่ได้เกินงบ ละเราก็ทำบัญชีออนไลน์ ส่ง link ให้แฟนเข้าไปตรวจสอบ
ได้ทั้งหมด ก็เห็นความเคลื่อนไหวของรายจ่ายทั้งหมดในงาน
อัพเดทเรื่อยๆ ทุกช่วงที่มีการซื้อของ หรือมีรายจ่ายเกี่ยวกับตัวงาน
แฟนก็รู้สึกโล่งใจ สบายใจ

ละก็จะมีปัญหาก็แค่กับป๊าม๊า พ่อแม่แท้ๆ ของแฟนนี่แหละ
พยายามเอาเงินมาให้ คือ อยากมีส่วนร่วม แต่ก็ต้องเข้าใจนะ
ว่าเจ้าภาพเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงแฟนมา ไม่ใช่ป๊าม๊า แฟนตั้งใจจะไม่บอก
จนกว่าจะใกล้วันงานด้วยซ้ำ แต่พ่อแฟนไป กทม แล้วไปบอกป๊าม๊า
ทะเลาะกันใหญ่โต จนคนในบริษัทรู้กันหมดว่าแฟนกับเราจะแต่งงาน
คือ ป๊าแฟน ชอบงานอลัง หลักสิบล้าน ส่วนพ่อแฟน เขาคนสบายๆ
กำชับเราว่า ของานไม่ใหญ่นะ เอางานเล็กๆ เชิญแต่ญาติผู้ใหญ่พอละ
ก็เลยเป็นเรื่องขึ้นมาเพราะ 2 พ่อ ความต้องการไม่ตรงกัน แต่ทั้งนี้
เจ้าภาพคือพ่อ ไม่ใช่ป๊า พ่อก็มีสิทธิขาดมากกว่า สำหรับเรื่องตัวงาน
แล้วพ่อก็รับปากแล้วว่า ถ้าจะให้งานเล็กก็ต้องงานเล็กนะ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ
จนทะเลาะกับป๊าแฟนนั่นแหละ ถึงรู้ว่า หมายถึงยังไง พ่อไปรับหน้าให้แทนคู่เรา

แล้วก่อนแฟนกลับ ม๊าก็บอกอยากมีส่วนร่วม จะให้ช่วยอะไรก็บอกนะ
แฟนบอก ถ้าให้เงินมาแล้วมายุ่งวุ่นวายกับตัวงาน ไม่ต้อง ผมมีของผมแล้ว
แล้วมันพอดี ผมรับไว้แค่น้ำใจก็พอแล้วคับ แล้วก็ยังไม่วายจะมาวุ่นวายต่อ
บอกจะมาบรีพงานกับทางร้าน เรากับแฟนก็แบบ เห้ยยยยยยยยยยยยยย
อิหยังอ่ะ เรากับแฟนคุยกับร้านไปหมดแล้ว มันจบแล้ว ลำดับพิธี
เอาตามที่พ่อแฟนสะดวก ไม่ใช่เอาตามที่ป๊าม๊าอยากให้เป็น 55555555
เรียกว่า คนที่เจอความวุ่นวายหลังสู่ขอ เป็นแฟนละ ไม่ใช่เรา ไปจัดการเอง
เรากับแฟน ตกลงกันแล้ว จัดการครอบครัวใครครอบครัวมัน เราจัดการได้
เหลือแต่แฟนนี่แหละ 555555555555555555555555555555555555

ว่าจะเขียนเรื่องพี่คนกลางต่อ ยุ่งจนไม่ได้แวะมาเขียนเล่าอะไรเลย
ก็ขออัพเดทเรื่องแต่งงานก่อนละกัน ชุดก็กำลังตัดอยู่ รองเท้าก็จะตามมา
และหลายๆ อย่างก็อยู่ระหว่างทำ ก็เลยจะวุ่นวายแล้วก็ยุ่งมากๆ
ออกแบบเป็นงานติสแตก ไม่มีอารมณ์ศิลทำไม่ได้เลยนะ 5555555
ละนึกไงไม่รู้ จะทำ animation แนะนำบ่าวสาวเองด้วย ให้มันได้อย่างนี้
พูดเล่นๆ แฟนดันซื้อโปรแกรมมาจริง ก็ต้องรับผิดชอบละสิทีนี้ 5555555
แถมนี่ก็ยังจะอยากร้องเพลงเซอไพร์สเจ้าบ่าวในงานด้วยนะ
ต้องซ้อมร้องเพลงด้วย เอาให้สุด ครั้งเดียวในชีวิต 555555555555



Create Date : 13 กันยายน 2566
Last Update : 13 กันยายน 2566 18:58:57 น.
Counter : 362 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณกะว่าก๋า, คุณนายแว่นขยันเที่ยว

  
งานแต่งงานเป็นการทำเพื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
แต่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็ต้องมีความสุขด้วย
พี่ก๋านั่งอ่านไดอารี่ของน้องเหม่ง
ดูแล้วงก็มีปัญหาเหมือนกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวทุกคู่ครับ 555
คือผู้ใหญ่อยากได้อย่างนึง
เจ้าบ่าวเจ้าสาวอยากได้อย่างนึง
แต่เดี๋ยวก็จะหาจุดที่อยู่ตรงกลางของความรู้สึกได้ครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กันยายน 2566 เวลา:20:35:57 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับน้องเหม่ง

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กันยายน 2566 เวลา:4:58:34 น.
  
พี่ก๋าพูดคุยกับผู้ใหญ่ตรงๆเลยครับ
ว่าอยากจัดงานแบบนี้
จัดงานเล็กๆ เชิญแขก 100 คน
ตอนแรกก็อยากจัด 2 ครั้งคนละที่
พี่ก๋าก็ไม่เอาครับ ก็พูดคุยกับผู้ใหญ่ด้วยเหตุผล
เค้าก็ยอมล่ะครับ เพราะมันเป็นงานของเราสองคนนี่นา 555

พี่ก๋ามีคนรู้จักเป็นมะเร็งเยอะมากเลยครับ
ญาติมาดามก็เป็นมะเร็งหลายคน
ลูกน้องพี่ก๋าสองสามคนก็เป็นจนเสียชีวิต

มีคนนึงเเป็นเอดส์ติดจากสามี
สามีตายแต่เธอกับลูกยังอยู่
นี่ก็ 30 ปีแล้วยังแข็งแรงกันทั้งคู่เลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กันยายน 2566 เวลา:13:39:31 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กันยายน 2566 เวลา:5:23:56 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
กันยายน 2566

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
All Blog