โควิด 19... ครั้งแรก
ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่คิดว่า ชีวิตทั้งเราและแฟนจะต้องมาพบเจอกับโรคระบาด
ระดับโลกแบบนี้ และมันก็จะมีช่วงที่เกิดแทบจะทุกๆ 100 ปี และหลังจากผ่าน
ช่วงโรคระบาดครั้งใหญ่ทุกครั้ง สิ่งที่มักจะตามมาก็คือ สงครามโลก
มันเป็นแบบนี้เสมอ เราคงได้แค่คาดหวังว่า มันจะไม่เกิดขึ้น

ช่วงปลายปี 2019 เรากับแฟนและรุ่นน้องและแฟนรุ่นน้องก็ไปทานข้าวด้วยกัน
4 คน ตามปกติ ก็ถกกันเรื่องคลิปหลุด ภาพหลุดต่างๆ ที่หลุดมาจากประเทศต้นทาง
ตอนแรกก็คิดว่าเป็น fake news ยังไม่ค่อยเชื่อ เพราะว่า มันดูร้ายแรงเกินไป
แต่พอมีการแก้ต่างโดยอ้างชื่อหนังว่าเป็นฉากในหนัง แน่นอน เราไปหาหนังมาดู
มันไม่มีฉากพวกนั้นอยู่เลยแม้แต่ฉากเดียว เราก็ค้นหาไปจนกระทั่งเจอทวิตเตอร์
ของนักข่าวที่อยู่ใกล้ๆ เมืองที่เกิดเหตุ เค้าถ่ายคลิปมาให้ดู เป็นการแอบถ่าย
และคลิปไม่ถูกลบ และเห็นภาพภายในต่างๆ ชัดเจน เหตุการณ์ที่บอกว่า
fake news ดันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงเอาซะอย่างนั้น

ความรู้สึกในตอนนั้นที่คุยกับแฟนคือ มันมีความน่ากลัวอยู่ที่ "เราไม่รู้จักมันเลย"
ไวรัสตัวนี้มีการแสดงอาการยังไง? ส่งผลกระทบอะไรกับร่างกายบ้าง?
เราก็พยายามติดตามข่าวสารจากนักข่าว จนนักข่าวแชร์ข้อมูลจากนักระบาดวิทยา
เราก็หันไปตามข้อมูลจาก ศ.นักระบาดวิทยาต่างชาติแทน และหลังจากนั้น
ก็ตามข้อมูลจาก ศ.ต่างชาติหลายคน หลายๆ ด้าน อ่านทั้งบทความวิเคราะห์
และข้อมูลเอกสารอ้างอิงต่างๆ รวมถึงงานวิจัยทั้งหมดที่ออกมาหลังจากนั้น

บอกตรงๆ ช่วงนั้นแม่เราปักใจเชื่อว่าทุกเรื่องมันเป็น fake news ในขณะที่
แฟนเรากับเราเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างเป็นอย่างดี เราทะเลาะกับแม่
ส่วนพ่อ เพื่อนเป็น ศ. อยู่ต่างประเทศหลายคน พ่อเค้ามีแหล่งข้อมูลของเค้า
พ่อก็บอกว่า กับแม่ให้เค้าค่อยๆ รับรู้ไป แม่เราปักใจไม่เชื่อไปแล้ว

เราทำได้แค่ be prepared คือ เตรียมพร้อมทุกอย่างก่อนที่คนอื่นจะขยับ
เรากับแฟนไปซื้อหน้ากากอนามัยเตรียมให้พ่อแม่ ซื้อเครื่องวัดไข้ดิจิตอล
2 เครื่อง ตอนนั้นราคายังไม่ขึ้น ซื้อได้ราคาถูกมากๆ ซื้อแอลกอฮอล์
ซื้อขวดแก้วสำหรับใส่เจลแอลกอฮอล์ และซื้อเจลแอลกอฮอล์ถังหลายลิตร
เราได้มาในราคาขายปกติ ทุกอย่าง ซื้อมาเพียงพอกับทั้งเราแฟนและพ่อแม่
ซื้อโฟมล้างมือได้มาในราคาครึ่งเดียว เตรียมไว้หมดทุกอย่างก่อนถึงเดือน
กุมภา 2020 ซึ่งหลังจากนั้นทุกคนทั่วโลกเริ่มยอมรับถึงสถานการณ์ที่
เกิดขึ้นแล้ว และการกักตุนทุกอย่างเริ่มขึ้นหลังจากช่วงนั้นพอดี

จริงๆ ในระหว่างนั้น แฟนเราก็มีงานที่ กทม พอดี ก็บินไป บินกลับ
บนเครื่องก็พบเจอกับนักท่องเที่ยวชาวจีนอยู่บ้าง รวมทั้งบริเวณที่
รอเครื่องด้วย ระหว่างที่นั่งรอเครื่องแฟนเราทำหน้ากากหาย
พอขึ้นเครื่องก็เลยไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย ตอนนั้นคนยังไม่ตื่นตัว
แต่เราก็อ่านเรื่องระยะเวลาที่ต้องกักตัวเองจากคำแนะนำของ ศ.
ต่างชาติแล้วทั้งหมด พอแฟนกลับมาช่วงกลางมกรา ก็เลยตกลงกัน
ว่าโอเค เราจะกักตัว ถ้าเผื่อแฟนติดเชื้อขึ้นมา จะได้ไม่ลามไปที่คนอื่น

ในตอนนั้นระยะเวลาที่ให้กักตัวคือ 14 วัน แต่จากที่เราหาข้อมูลมา
คือคนที่ไม่แสดงอาการแพร่เชื้อได้ 21 วัน ก็คงต้องกักตัวเผื่อที่จะ
ไม่แสดงอาการไปเลย ก่อนแฟนกลับมาเราก็หาซื้อผักและเนื้อ
นม ไข่ เตรียมไว้สำหรับทำอาหาร 20 วัน ระหว่างที่อยู่ที่ กทม
แฟนเราก็ไม่ค่อยมีอาการอะไรมาก แค่ปวดหัวเนื่องจากเครียดกับงาน
แต่พอบินกลับมาวันแรก ก็ดูซึมๆ เพลียๆ อารมณ์ไม่ดีทั้งวันเลย
วันถัดมาก็มีไข้ ตอนนั้นก็หวั่นๆ ว่าอาจจะติดเชื้อระหว่างเดินทาง
แฟนเรานอนซม เราได้แค่ทำอาหาร เช็ดตัว คอยดูแลแฟนทุกอย่าง
หลังจากนั้นก็เดี้ยงคู่ 55555555 เราเองก็ไข้ขึ้น แต่ก็ต้องดูแลแฟน

แฟนเราปกติแล้วเวลาป่วยจะนอนซมแค่ 1-2 วัน หลังจากนั้นก็จะดี
แต่ครั้งนี้ผ่านไป 4 วันแล้วยังไม่ค่อยดีขึ้นเลย แล้วแฟนก็เริ่มไอ
เจ็บคอ อาการก็เริ่มออก แต่เพราะทั้งเราและแฟน "ไม่เข้าข่าย" ผู้ป่วย
ตามเกณฑ์ที่รัฐบาลตั้งไว้ เลยไม่ได้ไปตรวจหาเชื้อกันทั้งคู่
เรามีไข้แค่วันแรกวันเดียว หลังจากนั้นเราก็ไม่มีอาการใดๆ อีก
เราเลยสามารถดูแลแฟนเราได้ตลอดระยะเวลา 20 กว่าวัน
แฟนเราฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ไปแล้ว จึงไม่น่าจะติดไข้หวัดใหญ่
สำหรับปีนั้นได้เลย

พอพ้นระยะกักตัวเองแล้วก็ถึงออกมาทานอาหารข้างนอกบ้าน
แฟนอาการดีขึ้นหลังจากผ่านสัปดาห์แรกไป เราก็ถือว่า
เราก็รับผิดชอบต่อสังคมมากพอแล้ว 20 กว่าวันอยู่แต่บ้าน
แฟนเราก็อาการดีขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังไอจามเพราะฝุ่นอยู่ดี

วันแรกที่ออกกักตัวกันเอง ตอนเย็นก็พากันไปนั่งกินติ่มซำ
แต่เนื่องจากแฟนเราจามเพราะฝุ่นรัวมาก โต๊ะข้างๆ
หันขวับมามอง สายตาคือ แลดูจะหวาดกลัวแบบแปลกๆ
กินไป หันหน้ามามองไป ดูเค้าหวาดระแวงเรากับแฟนมาก
555555555555555555555555555555555555555

สถานการณ์ในครอบครัวเราหลังจากนั้นก็ดีขึ้น แม่รู้สึกผิดมาก
ที่แม่ไม่เชื่อเราตั้งแต่แรก เราก็บอกว่า มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะทุกคนก็ไม่เคยเจอกับมันมาก่อน ส่วนคนที่เคยเจอ
ก็น่าจะตายไปกันหมดแล้ว ความโชคดีของแม่เราก็คือ
วันที่แม่ต้องมารับยาต้านมะเร็ง เป็นวันเดียวกับที่ประกาศ
ห้ามเดินทางข้ามจังหวัดมีผลเย็นนั้น 5555555555555
แม่มารับยา พร้อมกับขนของที่เราเตรียมไว้ทั้งหมดกลับไปด้วย

ช่วงที่งดเดินทาง ทั้งเราและแฟนเจอกันน้อยมากกกกกก
ถึงขั้นงอนแฟนมาก แต่เราเข้าใจว่าเราต้องห่างกัน เพราะอะไร
แฟนเราตอนแรกจะมาหาเราทุกสัปดาห์ แต่ก็ทำไม่ได้
ห่วงแม่ที่บ้านด้วย ก็เลยมาหาเราทุกๆ 2 สัปดาห์ก็เจอกันวันนึง
ระยะเวลาที่เหลือก็แค่โทรคุยกันแทน คิดถึงแฟนมากๆ
แต่ก็อดทนจนผ่านช่วงเวลานั้นมาได้แล้ว ขอบคุณแฟนที่เข้าใจเรา
ขอบคุณที่เค้าจับมือเราผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน

จากสถานการณ์ครั้งนี้ เราต้องขอบคุณที่แฟนเราเชื่อใจเรา
มั่นใจในข้อมูลที่เราหามา ซึ่งมันเป็นจริงทุกอย่างทั้งหมดเลย
ข้อมูลทั้งหมดที่เรารับรู้มา กว่าเมืองไทยจะออกมาพูดกัน
ก็ผ่านไปกว่า 3 เดือนแล้ว เรามีแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้หลายแหล่ง
และทุกวันนี้ก็ยังคงติดตามอยู่เป็นครั้งคราว เพื่อไม่ให้ข้อมูลล่าช้า
และสามารถทำความเข้าใจเกี่ยวกับไวรัสและวัคซีนได้ก่อนคนอื่น



Create Date : 01 มีนาคม 2564
Last Update : 1 มีนาคม 2564 3:24:46 น.
Counter : 517 Pageviews.

4 comments
  

อรุณสวัสดิ์ครับน้องเหม่ง

ตอนแรกที่รู้ว่ามีโควิด
ยังคิดว่ามันเหมือนโรคซาร์ส อีโบล่า
คือร้ายแรงแค่ประมาณนั้น
3-4 เดือนคงจะเรียบร้อย
ไม่น่ากลัว
ไม่น่าเชื่อนะครับว่ามันจะยาวเป็นปีแบบนี้
พี่ก๋าต้องปิดร้านเลย

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มีนาคม 2564 เวลา:5:58:10 น.
  
ป้องกันไว้ดีกว่าครับ... วันก่อนก็เดือนกว่ามาแล้ว ไปตลาดลงจากรถ
เดินไปเกือบสองร้อยเมตร อ้าวถึงที่แล้วลืมหน้ากาก คงเข้าตลาดไม่ได้
เลยแก้ปัญหา นำผ้าเช็ดหน้ามาคาดปิดจมูกใช้ผูกมัดที่ท้ายทอยแทน

...
โควิดมาคงทำความเดือดร้อนด้านเศรษฐกิจทั่วไป... ในหนังของฟอกซ์
หลายเรื่อง มีัการใส่หน้ากากให้เห็น แสดงว่าถ่ายทำใหม่

ไม่ได้อัพบล๊อกนานแล้วเหรอครับ ไม่เห็นมาพักใหญ่แล้วครับ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 1 มีนาคม 2564 เวลา:6:42:39 น.
  
แวะมาคุยกับคุณเหม่งค่ะ
พอศอนี้ยังมีคนไม่เชื่อเรื่องโควิดอีกเหรอคะเนี่ย
เหมือนพวกฝรั่งเมืองนอกเลยค่ะ
ขนาดคนเสียชีวิตมากมายแล้ว
ก็ยังมีคนไม่ยอมรับมาตรการป้องกันโควิดกันอีกจ้า

โดย: หอมกร วันที่: 1 มีนาคม 2564 เวลา:9:18:39 น.
  
โควิดครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตใครหลายคนเลย
รวมทั้งพี่ก๋าด้วยครับ
วงการท่องเที่ยวเชียงใหม่ตายสนิท
คนตกงานมหาศาล
เดือดร้อนกันสุดๆ
การช่วยเหลือจากภาครัฐก็มาไม่ถึง

เฮ้อ --- เหนื่อยจริงๆครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มีนาคม 2564 เวลา:22:08:16 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Princezz Matcha Latte
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



มะมะมะเหม่ง เองงับ!!! ทุกวันนี้ไม่เดิน เพราะกลิ้งได้
^_^
มีนาคม 2564

 
5
8
10
12
13
15
18
19
24
25
26
27
28
29
31
 
 
All Blog