Group Blog All Blog
|
กลับมาเกิดใหม่เป็นซูเปอร์โมเดล มั่วเฉินฮวน เขียน 11/9/2020 กลับมาเกิดใหม่เป็นซูเปอร์โมเดล Rebirth of a Supermodel (4 เล่มจบ) มั่วเฉินฮวน เขียน เมิ่งเหวิน แปล สำนักพิมพ์ Rose ในเครืออมรินทร์ 1,580 บาท 1,751 หน้า
*นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักระหว่างชายกับชาย
หลังปก
เขาตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กหนุ่มอ่อนแอที่คลั่งรักจนเสียสติ หลังจากรับรู้ถึงความรู้สึกสุดท้ายก่อนตายของเจ้าของร่างเดิม “หมิงอวี้” คนใหม่ก็ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องทำให้ผู้ชายเลว ๆ คนนั้นจำเขาไปจนตาย สิ่งที่จะทำให้ความต้องการของเขาเป็นจริงได้ คือการก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในวงการนายแบบของโลกใบนี้
ภายในห้องรับแขกที่เงียบสงบและงดงาม โคมไฟสีเหลืองนวลบนเพดานราวกับแสงอาทิตย์ยามสนธยา ดวงไฟสีอ่อนละมุนตาสาดส่องอยู่บนร่างของพวกเขาทั้งสอง ส่วนสูงที่ต่างกันสิบเซนติเมตรทำให้หมิงอวี้ราวกับเป็นเด็กน้อยถูกโอบกอดอยู่ในอ้อมแขนสีเจ๋อ เสมือนถูกผู้ชายคนนี้กอดรัดจนแทบจมหายไปทั้งตัว หลังจากกอดกันเพียงชั่วเวลาสั้น ๆ สีเจ๋อถามขึ้น “หลังขึ้นปีใหม่เธอก็อายุสิบแปดปีแล้วสินะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมิงอวี้ก็นิ่งไป จากนั้นก็ส่ายหน้าพลางว่า “หากจะนับตามอายุจริง ต้องรอให้ถึงวันเกิดผมตอนเดือนเมษายนก่อน จึงจะถือว่าอายุครบสิบแปดครับ” เมื่อได้ยินอย่างนี้ สีเจ๋อก็เลิกคิ้วข้างหนึ่งพลางกระเซ้า “งั้นตอนนี้เธอก็ยังเป็นหนูน้อยอยู่งั้นสิ” หนูน้อยหมิงอวี้ “...” ในคืนนั้นหนูน้อยผลักไสชายวัยกลางคนกลับบ้านตัวเองด้วยเหตุผลที่ฟังขึ้นว่า “ในห้องนี้มีเตียงเพียงหลังเดียว ไม่สะดวกจริง ๆ อีกอย่างผมอายุยังน้อย ยังไม่บรรลุนิติภาวะ จะให้ผู้ใหญ่หน้าตาเจ้าเล่ห์อย่างคุณค้างแรมบ้านผม ผมเป็นห่วงสวัสดิภาพของตัวเองครับ”
คุยกันหลังอ่าน
อ่านจบนานแล้วค่ะ จนจะลืมเนื้อเรื่องแล้ว โชคดีที่จดโน้ตไว้ ใช้เวลาอ่านนานเหมือนกัน สาเหตุที่ดองรีวิวเพราะโอขี้เกียจค่ะ ฮ่า ๆ ตัวรูปเล่มหนังสือมีข้อผิดพลาดค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการสะกดคำผิด คำตกหล่น หรือสำนวนภาษาที่อ่านแล้วไม่เคลียร์ ไม่อยู่ในรูปแบบที่คนปกติจะใช้หรือพูดกัน มีการใช้คำเชื่อมผิดความหมาย เห็นที่จดมาแล้วท้อ ไม่อยากรีวิวซะอย่างนั้น งานนี้ปกสวยแค่ไหนก็ไม่ช่วยนะ
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการได้รับโอกาสกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง ชื่อเรื่องก็บอกแล้วเนอะ ‘เกิดใหม่’ ตัวนายเอก หมิงอวี้ ชาติก่อนเป็นนายแบบ พยายามไต่เต้าใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดจนกระทั่งอยู่จุดสูงสุดของวงการอาชีพ แต่สุดท้ายกลับต้องตายตั้งแต่อายุยังไม่มากเพราะโรคร้าย จะเพราะสวรรค์เห็นใจหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาได้รับโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้งในฐานะ ‘หมิงอวี้’ ชื่อเดิม แต่เป็นตัวตนใหม่ ในโลกใหม่ หมิงอวี้คนนี้ก็เป็นนายแบบเช่นกัน แต่เขายังถือว่าเป็นหน้าใหม่ ความสามารถก็ยังไม่เข้าขั้น อายุยังน้อย ยังไม่ทันได้โด่งดังก็ตัดสินใจฆ่าตัวตายบูชาความรัก หมิงอวี้คนใหม่เลยขอใช้โอกาสที่ได้รับอีกครั้งนี้ พยายามไปสู่จุดสูงสุดในอาชีพอีกครั้ง พร้อมตั้งใจที่จะแก้แค้นให้เจ้าของร่างเดิมด้วย อธิบายเพิ่มเติม ในนิยายเรื่องนี้ โลกที่หมิงอวี้ตายไป กับโลกที่หมิงอวี้ได้รับโอกาสมามีชีวิตอีกครั้งเป็นคล้ายกับโลกคู่ขนานค่ะ เป็นคนละโลก รายละเอียดปลีกย่อยต่างกัน โลกที่หมิงอวี้ตายไปอารมณ์จะเหมือนโลกที่เราอยู่ในปัจจุบันนี้ค่ะ ส่วนโลกที่หมิงอวี้ได้รับโอกาสมามีชีวิตใหม่ คล้ายกับเป็นโลกสมมติในอุดมคติของผู้แต่ง จีนเป็นมหาอำนาจในทุกด้าน แน่นอนว่ารวมถึงวงการนายแบบด้วย ในเรื่องจะใช้ชื่อว่า ‘หัวเซี่ย’ ซึ่งเป็นชื่อเรียกประเทศจีนในสมัยโบราณแทน ในโลกใหม่นี้ หมิงอวี้หน้าตาคล้าย ๆ กับในโลกเดิม แต่เด็กกว่า เพิ่งอายุสิบกว่า ๆ ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ส่วนตำแหน่งนายแบบอันดับหนึ่งของโลกที่หมิงอวี้ตั้งใจพิชิตในปัจจุบันนั้นเป็นคนหัวเซี่ย และเขาคือสีเจ๋อ พระเอกของเรื่องนี้นั่นเอง จะเห็นว่าหมิงอวี้ได้สกิลเทพจากผู้เขียนมาตั้งแต่แรก เขาเคยอยู่ในจุดสูงสุดของวงการนายแบบอยู่แล้ว รู้ทักษะ รู้การวางตัว รู้วิธีว่าจะทำยังไงถึงจะทำให้ตนไปอยู่ในจุดนั้น ที่เหลือก็แค่เรื่องของระยะเวลาแค่นั้น
ส่วนพระเอก สีเจ๋อ นอกจากครองตำแหน่งนายแบบอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน ชนิดที่คนอื่นก็นึกภาพตอนเขาลงจากตำแหน่งนี้ไม่ออก สีเจ๋อยังเป็นดีไซเนอร์ด้วยค่ะ (มหาเทพอยู่ตรงนี้เจ้าค่ะ เร่เข้ามาดูกันเร้ว!) จริง ๆ แล้วสีเจ๋อสนใจงานด้านดีไซเนอร์มากกว่านายแบบ เป็นงานที่เขาทุ่มเทอย่างแท้จริง เพียงแค่ยังไม่มีใครโค่นเขาลงจากตำแหน่งนายแบบได้นั่นเอง สีเจ๋อเป็นคนขรึม ๆ มาดจะยิ่งใหญ่ตามประสาเทพ อารมณ์แบบ พระราชาอยู่ตรงนี้แล้วนะ คนจะกลัว ไม่ค่อยกล้าเข้าหา (และพี่ท่านก็มีความสามารถและเส้นสายมหาศาลจริง ๆ ใครอย่ามาแหยม!)
ส่วนหมิงอวี้ เขาเป็นคนรู้ว่าควรทำตัวยังไงกับใคร กับคนนี้นะ ควรทำตัวให้นอบน้อมน่าเอ็นดู กับคนนี้ไม่ควรเอาตัวเข้าแลก อะไรอย่างนี้ ฉลาดปนเจ้าเล่ห์ค่ะ กับสีเจ๋อ พระเอก แรกเริ่มหมิงอวี้สนใจสีเจ๋อในแง่ของตัวตน สนใจว่าเป็นคนยังไง ทำไมถึงครองตำแหน่งนายแบบอันดับหนึ่งของโลกอย่างยาวนาน เขาเก่งยังไงกัน สนใจในแง่ของคู่แข่งและคนที่ทำงานอยู่ในสายงานเดียวกัน เป็นความสนใจที่ปนกับความไม่ชอบหน้านิด ๆ ด้วย ก็คู่แข่งนี่นะ พอมีโอกาสได้รู้จักได้ใกล้ชิด ได้รู้จักตัวตนมากเข้าจึงเริ่มมีความรู้สึกดี ๆ เข้ามา รู้สึกว่าคนคนนี้เป็นมิตรและจริงใจกว่าที่คิด ต่อมาจึงกลายเป็นความสนิทสนม ไว้ใจ
ส่วนมุมมองของสีเจ๋อต่อหมิงอวี้ ตอนแรกเขามองหมิงอวี้เป็นคนแปลกหน้า แต่เริ่มสนใจนิด ๆ เพราะหมิงอวี้มีหน้าตาและบุคลิกในแบบที่สีเจ๋อมองหา ต่อมาเขาเริ่มมั่นใจว่าหมิงอวี้เป็นคนที่เขาตามหาจริง ๆ ในแง่ของแรงบันดาลใจในการทำงาน เป็นมิวส์ในฝันของดีไซเนอร์อย่างสีเจ๋อ จึงอยากทำงานกับหมิงอวี้ด้วย จากนั้น ความรู้สึกดี ๆ ที่อยากทำงานด้วยก็กลายเป็นความชอบขึ้นมา คราวนี้สีเจ๋อเลยเดินหน้าไม่ยั้ง รุกหนักเลย แต่เป็นรุกแบบกำลังน่ารักที่โอชอบ ตามให้รู้ว่าสนใจนะ เขาสำคัญต่อตนนะ แต่ไม่พยายามทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ตามแบบให้ระยะห่าง ให้เกียรติกัน
โอค่อนข้างชอบความสัมพันธ์พระนายในเรื่องนี้นะ น่ารักดี คู่นี้เขาไม่มีดราม่าในเรื่องความรัก รักแล้วก็รัก เชื่อใจกัน ไม่ให้ใครหรืออะไรมาสั่นคลอนความสัมพันธ์ แต่จุดที่ไม่ชอบก็มากพอสมควร โอขอลอกที่โอเคยเขียนถึงในเพจตอนอ่านถึงเล่มสองไป
“เป็นนิยายสายฟินจริง ๆ คือนายเอกอภิมหาซู พระเอกก็ดั่งมหาเทพ มีแต่คนรักคนชอบ ส่วนพวกที่เกลียดก็จะแพ้ภัยไปเอง เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเสพดราม่า อยากเสพความสบายใจในหมู่ผองผกาคนหน้าตาดี และ “เน้นความเทพทะยานฟ้าทะลุมิติ ห้ามหาความสมจริง สำนวนกลาง ๆ เป็นนิยายอีโมติคอนวัยรุ่น โทนการ์ตูน แทรกบทผู้เขียนในเรื่อง เล่ายืดเยื้อด้วย อันนี้คือข้อติติงเลย แต่ข้อที่โอชอบก็ตามข้างบนค่ะ โอชอบพระนาย ชอบที่พระเอกให้เกียรตินายเอกและเอาใจใส่มาก แสดงออกชัด ไม่งี่เง่า นายเอกก็วางตัวดี ดาวที่โอให้ตอนนี้คือ 3 ดาว รออ่านจบดาวอาจเปลี่ยนก็ได้”
ส่วนข้อที่ไม่ชอบ ภาพรวมคือต่อไปนี้ค่ะ
เล่าเรื่องช้า ชอบขยายความซ้ำซาก จริง ๆ โอว่าเรื่องนี้สองเล่มจบกำลังดีเลย พอมันยาวเลยยิ่งเห็นข้อบกพร่องเพิ่มขึ้น เล่มสามกับสี่นี่คะแนนโอก็ให้ลดลงเรื่อง ๆ ถ้ามีงอกเล่มถัด ๆ ไปอีกคะแนนคงไม่เหลือ ตัวละครไม่ค่อยลึกหรือมีมิตินัก แต่ก็ถือว่ามีความพยายามให้ตัวละครไม่แบนเกินไป ตัวละครมักจะมีปฏิกิริยาที่ค่อนข้างเกินพอดีเมื่อดูจากเหตุการณ์หรือผลเหตุการณ์ที่ผู้เขียนนำเสนอ จะติดไปทางการ์ตูนหน่อย ๆ อารมณ์เรื่องเป็นแบบวัยรุ่น มีการใช้อีโมติคอนแทรกในเนื้อเรื่อง มีความชาตินิยมสูง แบบ จีนดีที่สุด เอเชียนน่ะเป็นแบบนี้แหละ เรารักกันรวมพลังกันสู้ ตะวันตกน่ะถอยไป อเมริการึ เหอะ! ยิ่งเล่มสามกับสี่นี่หนักเลย เหมือนเขาพยายามดึงข้อดีมาข่มข้อเสียของอีกฝ่าย แถมหลายครั้งก็เป็นมุมมองของผู้เขียนฝ่ายเดียวด้วย พยายามให้อีกฝ่ายเป็นคนร้าย สร้างสถานการณ์ให้มีสงครามน้ำลายระหว่างแฟนคลับ แล้วมันไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง อะไรที่มากไปบางทีก็ทำให้เอือมได้เหมือนกันนะ เรื่องนี้เป็นสาเหตุหลักที่โอลดคะแนนด้วย
สรุปคือโอชอบความสัมพันธ์ระหว่างพระนายในเรื่อง แต่ด้วยความที่เรื่องมันยาวแบบสวนทางกับความน่าสนใจในการนำเสนอ ถึงพระนายจะน่ารักก็เอาเราไม่อยู่ค่ะ ยิ่งช่วงหลัง ความหลงภรรยาแบบหน้ามืดของท่านพระเอกผู้ยิ่งใหญ่ของเราเริ่มทำให้โอชักจะไม่ไหวเหมือนกัน โอชอบที่ผู้เขียนพยายามเล่าให้เห็นว่าแม้ตัวหมิงอวี้จะมีข้อได้เปรียบมาก ๆ อยู่ แต่เขาก็พยายามไม่น้อยเพื่อให้สำเร็จ ค่อย ๆ ไต่เต้าไปเรื่อย ๆ (ค่อย ๆ จริง ๆ ...พี่ไม่ต้องเขียนละเอียดขนาดนี้ก็ได้ ยิ่งเขียน ยิ่งยืด ยิ่งซ้ำซาก) อย่างไรก็ตาม หมิงอวี้ยังเป็นตัวเอกสุดแสนเทพที่ผู้เขียนอำนวยพร ทั้งหน้าตา ความสามารถ และนิสัย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกอย่างจะโน้มเอียงมาเข้าข้างเขาในท้ายที่สุดเสมอ ในเล่มสามหรือสี่นี่จะมีหนังที่หมิงอวี้เล่น น่าจะสี่มั้ง โอชอบเนื้อหาของหนังนั้นมากกว่าเนื้อหาในนิยายอีก ตอนนั้นโอหมดความสนใจในตัวนิยายไปเรียบร้อยแล้ว เหมือนผู้เขียนหมดมุกจะเล่า มันก็อะไรที่ซ้ำ ๆ เดิม ๆ วนไปมา โชว์ความเก่งความหวานพระนาย ส่วนตัวร้ายก็สิ้นฤทธิ์เพราะพลังความเก่งและดีงามของพระนายเช่นกัน ถ้าวัดโดยดูจากความยาวของเรื่อง โอว่าเรื่องนี้ดูไม่ค่อยมีอะไรเท่าไรนะ เป็นแนวเล่าเรื่องเรื่อย ๆ ให้เห็นขั้นตอนการพัฒนาทางสายอาชีพนายแบบของหมิงอวี้ นายเอก โดยจะเน้นไปทางปริมาณมากกว่าคุณภาพ คือจะเน้นอันดับเป็นตัวชี้วัด ตัวประกอบโผล่มาเพื่อชูนายเอก ตัวร้ายก็มีมาเพื่อให้นายเอกเด่น และพระเอกก็มาเพื่อให้เห็นว่านายเอกนั้นสุดยอด เออ สรุปแล้วทุกคนล้วนมีอยู่เพื่อนายเอก ไม่เชิงว่าแย่ไปเสียหมด แต่อย่างที่บอกไป ยิ่งยาว ยิ่งเห็นข้อบกพร่องเพิ่มขึ้น เขียนยาวนี่เหมือนทำกับดักเลย ถ้าดีก็ดีไป ได้อาหารโอชะ แต่เหยียบพลาดทีนี่เจ็บหนัก
(3.5+3+2.5+2)/4 = 2.75 ดาว
คำผิดกับสำนวนแปลก ๆ มา! เริ่ม! เล่ม 1
207 งานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ของเฟ่ยซือซินเชิญหมิงอวี้มาเป็นนายแบบหลัก เช่นนั้นก็ไม่ควรจ้างนางแบบนายแบบคนอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงดังกว่าหมิงอวี้ ซึ่งถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือกันมานานของหัวเซี่ย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแย่งซีน ข้ามหน้าข้ามตากัน แน่นอนว่าเรื่องแย่งซีน หมิงอวี้เคยทำมาแล้ว ทำให้เฉิงซู่เสียเปรียบแต่พูดไม่ออก จะว่าไป มันก็ส่งผลกระทบ (ทำได้เยี่ยมมาก) ‘จะว่าไป มันก็ส่งผลกระทบ (ทำได้เยี่ยมมาก)’ คืออะไรคะ เหมือนประโยคที่อยู่ ๆ ก็ผุดมาแบบไม่มีที่มาที่ไป โอเดาว่า อาจเป็น >> จะว่าไป มันก็ส่งผลในแบบที่ตนต้องการ (เยี่ยมไปเลย)
230 หมิงอวี้ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่ตนได้เจอสีเจ๋อที่ใต้อาคารหน้าคอนโดศิลปินบริษัทมิวส์ ความบังเอิญแบบนี้ก็เหมือนกับดาวหางพุ่งชนโลก ให้จ้าวรุ่ยมีไหวพริบฉลาดแกมโกง หลัวหรูไม่บังคับให้คนอื่นดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายรวมสิบชนิด ระดับสมองคงโง่พอ ๆ กับมั่วเฉินฮวน ความเป็นไปได้ต่ำมากแค่หนึ่งในล้าน แบบที่เรียกว่า “ปาฏิหาริย์” ที่ผ่านมาหมิงอวี้ไม่ใช่พวกหน้าใสไร้สมอง ย่อมไม่ซื่อบื้อถึงขั้นเชื่อว่าการเจอกันครั้งนี้เป็นเรื่องบังเอิญตามคำพูดของสีเจ๋อจริง ๆ หรอก แต่ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็โตกว่า...
ย่อหน้าสองอ่านแล้วงงมากค่ะ โอคิดว่าน่าจะเป็นงี้ >> ความบังเอิญแบบนี้ก็เหมือนกับการที่ดาวหางพุ่งชนโลก จ้าวรุ่ยมีไหวพริบฉลาดแกมโกง หรือหลัวหรูไม่บังคับให้คนอื่นดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายรวมสิบชนิด ถ้าเชื่อเรื่องพวกนี้ ระดับสมองคงโง่พอ ๆ กับมั่วเฉินฮวน ความเป็นไปได้ต่ำมากแค่หนึ่งในล้าน แบบที่เรียกว่า “ปาฏิหาริย์”
267 โครงศีรษะ >> โคลงศีรษะ
331 ทันใดนั้นลินดาก็ตระหนักว่า “เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ เฉาม่านไม่ใช่แค่นางแบบระดับท็อป แล้วหมิงอวี้อยู่อันดับสูงสุดได้ยังไง อย่าบอกนะว่าสีเจ๋อจะดันหมิงอวี้ให้มีสถานะสูงกว่าเฉาม่านอีกอย่างนั้นเหรอ” เหอเฉาม่านนางแบบหมายเลขหนึ่งบริษัทมิวส์ที่ติดชาร์ตสุดยอดนางแบบอันดับสองของโลกนะ บรรทัดสุดท้ายไม่ใช่ประโยคค่ะ ว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ >> นั่นคือเหอเฉาม่านนางแบบหมายเลขหนึ่งบริษัทมิวส์ที่ติดชาร์ตสุดยอดนางแบบอันดับสองของโลกนะ หรือ >> เหอเฉาม่านเป็นนางแบบหมายเลขหนึ่งบริษัทมิวส์ที่ติดชาร์ตสุดยอดนางแบบอันดับสองของโลกนะ
345 ผ่านไปนานกระทั่งตอนที่ติงปั๋วมาเคาะประตูยังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไรจู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำมีพลังดึงดูดดุจแม่เหล็กของเจ้าของห้องดังขึ้น
โอว่าในสถานการณ์นี้ เป็นอย่างนี้ดีกว่า >> ผ่านไปนานจนติงปั๋วมาเคาะประตู ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำ...
389 ใช่ว่าไม่มีผลร้าย แต่ก็ไม่ได้มีผลดี มันเป็นประโยคที่มีเนื้อความสนับสนุนกันค่ะ หมายถึง (การช่วยหลูเจินซีนั้น) มีผลร้าย ไม่เกิดผลดี >> ใช่ว่าไม่มีผลร้าย และก็ไม่ได้เกิดผลดี
392 ให้นายไปแสดง จากบทคนบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคมกลายเป็นเด็กเอ๋อข้างบ้าน >> ให้นายไปแสดง จากบทคนบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคมคงกลายเป็นเด็กเอ๋อข้างบ้าน
เล่ม 2
24 ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อใด และกำลังใช้เช็ดเลือดบนริมฝีปากล่างเขาอย่างแผ่วเบา เพราะอยู่ในระยะที่ใกล้กันมากเกินไป เหมือนหมิงอวี้สัมผัสได้ถึงไอร้อนของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน นิ้วของสีเจ๋อกำลังแตะไล้ริมฝีปากเขาอย่างแผ่วเบา ความร้อนจากปลายนิ้วส่งผ่านมายังริมฝีปากเขา ทำให้เขาสติหลุดลอยในทันใด
>> ใช้มือเช็ดเลือด หรือ >> เช็ดเลือด
70 ตู้รั่วประสบความสำเร็จเร็วที่สุด ตอนอายุสิบเอ็ดขวบ เธอสะดุดตาแมวมอง จึงถูกชวนให้มาถ่ายภาพแนวสตรีทของนิตยสารฉบับหนึ่ง และก้าวเข้าสู่เส้นทางนางแบบตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตู้รั่วกลายเป็นนางแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม ทรวดทรงองค์เอว และบุคลิก ล้วนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น แต่บนโลกนี้มีนางแบบเป็นพันเป็นหมื่นคน คนที่จะถูกบันทึกติดชาร์ตซูปเปอร์โมเดลระดับโลกได้ มีแค่ไม่กี่สิบคน เธอสามารถเป็นนางแบบที่ติดชาร์ตซูเปอร์โมเดลระดับโลกอันดับสามได้ ย้ายตำแหน่ง ‘แต่’ >> ตู้รั่วกลายเป็นนางแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปโฉม ทรวดทรงองค์เอว และบุคลิก ล้วนมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น บนโลกนี้มีนางแบบเป็นพันเป็นหมื่นคน แต่คนที่จะถูกบันทึกติดชาร์ตซูปเปอร์โมเดลระดับโลกได้ มีแค่ไม่กี่สิบคน เธอสามารถเป็นนางแบบที่ติดชาร์ตซูเปอร์โมเดลระดับโลกอันดับสามได้
134 พรีเซ็นต์เตอร์ >> พรีเซ็นเตอร์
190 สวีโหยงโหยงมีนิสัยร่าเริงสดใสเหนือกว่าที่หมิงอวี้จินตนาการไว้ ความไม่อินังขังขอบของเธอต่างจากตู้รั่วอย่างสิ้นเชิง แต่ออกแนว “แก๊งเพื่อนฝูงผู้เฮฮา แมน ๆ คุยกัน มานี่ ๆ เดี๋ยวพี่จะพาน้องไปดูของดี” อะไรทำนองนี้มากกว่า
โอคิดว่าข้างบนน่าจะเป็นสองแบบนี้ >> ความไม่อินังขังขอบของเธอเป็นคนละแบบกับตู้รั่ว ออกแนว “แก๊งเพื่อนฝูงผู้เฮฮา แมน ๆ คุยกัน มานี่ ๆ เดี๋ยวพี่จะพาน้องไปดูของดี” อะไรทำนองนี้มากกว่า หรือ >> ความไม่อินังขังขอบของเธอไม่ต่างจากตู้รั่ว แต่จะออกแนว “แก๊งเพื่อนฝูงผู้เฮฮา แมน ๆ คุยกัน มานี่ ๆ เดี๋ยวพี่จะพาน้องไปดูของดี” อะไรทำนองนี้มากกว่า
222 สวีโหยงโหยงบอกเขาผ่านทางโทรศัพท์ว่า หมิงอวี้คนนี้เป็นเด็กดี มีพรสวรรค์ นิสัยก็ดี ควรค่าแก่การคบหาเป็นเพื่อน แต่เมื่อคำพูดเหล่านั้นผ่านเข้าหูลั่วเฉิง กลับเปลี่ยนเป็นหมิงอวี้เป็นคนดี ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเล่นลูกไม้ โดยที่ตนไม่จำเป็นต้องจงใจแสร้งวางมาดสูงส่ง... วิเศษสุด ๆ ไปเลย! และหลังจากนั้น บังเอิญเจอกันอีกครั้ง! ลั่วเฉิงเพิ่งมาถึงห้องแต่งตัวของสวีโหยงโหยง ทางนั้นผู้ช่วยช่างแต่งหน้าของหมิงอวี้มาเอาคลีนซิ่ง ช่างแต่งหน้าคนนั้นเพิ่งอธิบายวิธีใช้อย่างละเอียดเสร็จ ลั่วเฉิงพลันเกิดไอเดีย คิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ตีซี้กับเด็กหนุ่ม สวรรค์เข้าข้างฉันจริง ๆ!
ตรง ‘บังเอิญเจอกันอีกครั้ง!’ นี่มันประหลาดโดดออกมามากเลยค่ะ ใช่อย่างนี้แน่เหรอคะ สามารถเป็น >> โชคเข้าข้างเขาอีกครั้ง! อย่างนี้ได้หรือเปล่าคะ มันมี ! ท้ายประโยค เหมือนต้องการเน้นอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็ทำให้เป็นประโยคที่อ่านได้ >> พวกเขาก็บังเอิญเจอกันอีกครั้ง! เพียงแต่ประโยคนี้จะขัด ๆ กับ ! ท้ายประโยค โอถึงไม่มั่นใจว่ามันใช่แน่เหรอ
>> สตูดิโอการ์เซียย่อมเป็นระเบียบ มีบรรยากาศกลมกลืนกัน เปี่ยมพลังความมีชีวิตชีวาโดดเด่นชัดเจนกว่า (เป็นการเทียบกันกับสตูดิโอในชาติก่อนของหมิงอวี้ ในแง่ที่การ์เซียดีกว่า) หรือ >> สตูดิโอการ์เซียนั้นเป็นระเบียบ มีบรรยากาศกลมกลืนกัน เปี่ยมพลังความมีชีวิตชีวาโดดเด่นชัดเจน (แสดงความแตกต่างระหว่างสองสตูดิโอ)
279 เพื่อตัดต่อทำทีเซอร์ของรายการ ทีมตัดต่อได้ตั้งฉายาให้หมิงอวี้ว่า “ราชาไร้พ่าย” อย่าดูถูกว่าฉายานี้สุดแสนจะเชย แต่ทีมงานรายการพยายามโปรโมตสภาพความเป็นราชันผู้ไร้พ่ายของหมิงอวี้อย่างสุดกำลัง พยายามจะสร้างจุดขายว่าเขาเป็น “ยอดฝีมือผู้เดียวดายยิ่งสูงยิ่งหนาว” ตัด ‘แต่’ ออก >> ทีมงานรายการพยายามโปรโมต...อย่างสุดกำลัง
338 เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหยาเฟยเฟยตอบกลับอย่างนิ่งสงบผ่อนคลาย “มันแหงอยู่แล้ว! ฉันรู้นานแล้วว่าหมิงเสี่ยวอวี้ของฉันก็มีส่วนร่วมในนิตยสารมิวส์ฉบับนี้ด้วย วางใจเถอะ ฉันเตรียมไว้พร้อมแล้ว แต่เสี่ยวหลิว พวกเธอมีตาแต่หามีแววไม่จริง ๆ นายแบบที่ได้ขึ้นปกคนนี้มีหรือจะเทียบหมิงเสี่ยวอวี้ของฉันได้ ควรเปลี่ยนให้หมิงเสี่ยวอวี้ของฉันขึ้นปกแทนด้วยเหอะ” เมื่อผู้ช่วยคนนั้นได้ยินก็ถึงกับอับจนคำพูด “...เธอรู้หรือเปล่านายแบบที่ขึ้นปกคนนี้เป็นใคร” เหยาเฟยเฟยผายมือยักไหล่ “ก็หลี่ไจ้เซิ่งซูเปอร์โมเดลเกาหลีไม่ใช่หรือไง ดูเหมือนว่าเขาจะติดชาร์ตอันดับสิบเอ็ดนี่” ผู้ช่วย “...” ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นถึงซูเปอร์โมเดลติดชาร์ตอันดับสิบเอ็ดของโลกแท้ ๆ แล้วไหงคุณพูดเหมือนเขาไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยแบบนั้นเล่า?! ผู้ช่วยเดินจากไปอย่างสิ้นไร้คำพูด เหยาเฟยเฟยใช้เวลาช่วงพักของตอนเช้าแกะพลาสติกแผ่นบางที่ห่อหุ้มนิตยสารออกด้วยความรู็สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง เตรียมจะเปิดนิตยสารดูอย่างเป็นทางการ แม้จะพูดว่าตัวเหยาเฟยเฟยไม่กล้าล่วงเกินหลี่ไจ้เซิ่งผู้นี้ แต่พวกเราตัดเรื่องความคิดอคติของเธอออกไปก่อน แล้วพูดอย่างยุติธรรมว่า “ผลงานการถ่ายแบบขึ้นปกครั้งนี้ของหลี่ไจ้เซิ่ง ถ่ายออกมาได้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
โอว่า ‘ไม่กล้าล่วงเกิน’ นี่ไม่เข้ากับบริบทนี้ จะบอกว่าเป็นแนวคำพูดประชด มันก็ออกมาทะแม่ง ๆ แปลก ๆ หรือเปล่าคะ จะสามารถเป็น >> ไม่แยแส ได้หรือเปล่าคะ
346 บ้าชะมัด! เรื่องแบบนี้มีการผลัดไปคราวหน้าได้ด้วยเหรอ?! ผัด (ก.) ขอเลื่อนเวลาไป เช่น ผัดวัน ผัดหนี้ >> ผัด
369 ลื่นหู >> รื่นหู รื่น (ว.) ชื่น, สบาย เช่น ฟังเสียงรื่นหู ดูทิวทัศน์รื่นตา เสียใจแต่แสร้งทำหน้ารื่น
399 แหม อยู่ในวงการแฟชั่นตัวสู้งสูงจังเลย >> ซู้งสูง
เล่ม 3
36 “ที่จริงคุณคงไม่ว่าระหว่างที่ผมอยู่เมืองเอช ฝีมือการทำอาหารของผมรุดหน้าไปไกลมาก...” >> ไม่รู้ว่า
44 สีเจ๋อกับฟางเหลียงซิว เซียวปี้ชิง พวกเขาไม่เหมือนกัน >> สีเจ๋อต่างจากฟางเหลียงซิวและเซียวปี้ชิง
83 ก่อนเดือนกันยายนจะมาเยือน หมิงอวี้รับปากว่าจะเดินแบบในงานแฟชั่นโชว์ของเฟ่ยซือซินครั้งนี้ไว้แต่แรกแล้ว และในขณะเดียวกัน เขาก็รับเดินแบบชุดฟินาเล่ในงานแฟชั่นโชว์ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนของเจียอี้ ซึ่งไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าเฉิงซู่เลยสักนิด
เนื้อความในบทถัดไปพูดถึงการที่เฉิงซู่ได้เป็นนายแบบเดินชุดฟินาเล่ในงานแฟชั่นโชว์ของเจียอี้ (เหมือนกันกับที่หมิงอวี้เดินแบบของซือซิน) เพราะฉะนั้นเนื้อความข้างบนนั้นผิด
>> ก่อนเดือนกันยายนจะมาเยือน หมิงอวี้รับปากว่าจะเดินแบบในงานแฟชั่นโชว์ของเฟ่ยซือซินครั้งนี้ไว้แต่แรกแล้ว ทั้งรับเดินแบบชุดฟินาเล่ในงานแฟชั่นโชว์ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ซึ่งไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าเฉิงซู่ที่เดินแบบชุดฟินาเล่ของเจียอี้เลยสักนิด
199-200 “บนโลกนี้ไม่ใช่ว่าสิ่งใดใช้เวลานาน แล้วสิ่งนั้นต้องโดดเด่นยอดเยี่ยมเสมอไป เป็นทฤษฎีตรงข้ามกับสิ่งที่ให้เด็กประถมเข้าใจ แบบนั้นอีกหมื่นปีก็ไม่มีทางตรวจจับคลื่นความโน้มถ่วงได้หรอก แต่ถ้าให้สุดยอดหัวกะทิผู้ล้ำเลิศไปศึกษาวิจัย พวกเขาก็จะค้นพบความหมายที่แท้จริงของวิทยาศาสตร์ เพราะเธอเป็นคนใส่ ฉันจึงมีแรงบันดาลใจที่ดีมากในการออกแบบ สามารถผลิตชุดสูทสุดยอดเยี่ยมชุดนี้ออกมาได้ และชุดนี้ก็มีแต่เธอเท่านั้นที่สามารถใส่มันออกมาได้สวยปานนี้ หมิงอวี้ เธอเป็นมิวส์อันดับหนึ่งไม่เป็นสองรองใครของฉัน”
ไม่รู้เรื่องเลยค่ะ คร่าว ๆ ที่พอจับใจความได้คือการที่สีเจ๋อพูดว่า การวัดคุณค่าของสิ่งของไม่ได้วัดจากระยะเวลาที่ทำ ตรงข้ามกับทฤษฎีที่คนทั่วไปเข้าใจ แต่พวก คลื่นความโน้มถ่วง? ความหมายแท้จริงของวิทยาศาสตร์? พวกนี้มันอะไรกัน
340 คุณภาพผลงานนี้จะต้องเป็นสุดยอดแฟนคลับทั้งหมดแน่ แต่เนื้อหานั้น... >> จะต้องเป็นที่สุดยอดของแฟนคลับทั้งหมดแน่ ความหมายคือ เป็นที่ 1 ค่ะ จากบริบท หมิงอวี้หากำลังคัดเลือกผลงานอันดับหนึ่งอยู่
423 แต่ในสายตาเฉินเสียง แต่เขากลับรู้สึกว่า... >> แต่ในสายตาเฉินเสียง เขากลับรู้สึกว่า...
เล่ม 4
112 ...ส่วนเรื่องที่เพราะเหตุใดผู้คนถึงเข้าใจว่า “น้องขาสวย” คนนี้เป็นผู้หญิงน่ะเหรอ แน่นอน เป็นเพราะว่าในบัญชีเวยปั๋วของเขาระบุว่าเป็นเพศหญิง ในเวลาเดียวกัน ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่สาวน้อยแบ๊ว ๆ แสนน่ารัก มีหรือเทพ Z จะสนใจทักไปคุยด้วยทุกวัน นอกจากเทพ Z เห็ดหอม และเทพสีด้วย เป็นเกย์หมดเลย ไหนเลยบนโลกนี้จะมีเกย์เยอะแยะเต็มไปหมด! คิดมากเกินไปแล้ว น้องขาสวยจะต้องเป็นหญิงสาวผู้อ่อนโยนไม่ผิดแน่!
‘นอกจากเทพ Z เห็ดหอม และเทพสีด้วย เป็นเกย์หมดเลย’
ประโยคนี้ไม่น่าใช่เลยค่ะ เพียงแต่โอไม่แน่ใจว่าความหมายที่ต้องการสื่อจริงคือแบบไหนกันแน่ อย่างนี้หรือเปล่า เดา >> เทพ Z จะเป็นเกย์เหมือนเห็ดหอมกับเทพสีได้ยังไง
113 แต่ตอบกลับน้องขาสวยคือ ถ้อยคำที่ลุ่มหลงจนขาดสติของเทพ Z... ตกคำว่า ‘ที่’ เพราะข้อความถัดไปเป็นถ้อยคำพร่ำพรรณนาของเทพ Z >> แต่ที่ตอบกลับน้องขาสวยคือ ถ้อยคำที่ลุ่มหลงจนขาดสติของเทพ Z...
มี e-book ด้วยค่ะ เล่ม 1
เล่ม 2
เล่ม 3
เล่ม 4
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณkatoy ขอบคุณสำหรับโหวตค่ะ
โดย: ออโอ วันที่: 29 กันยายน 2563 เวลา:9:53:34 น.
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
Friends Blog |