สวัสดีปีใหม่ไทยๆ นะครับ นี่ก็วันที่ 14 เมษาแล้ว คงจะไม่ช้าเกินไปที่จะทักทายกันประมาณนี้.. อากาศที่เมืองหลวงของเราก็ร้อนดุเดือดดีจริงๆ นะครับ แต่เช้านี้ก็มีฝนพรำลงมาให้มันชุ่มฉ่ำใจกันบ้าง บรรยากาศเลยไม่ร้อนระอุเท่าไหร่นัก..
สงกรานต์นี้ไปเล่นสงครามสาดน้ำกันที่ไหนบ้างครับพี่น้อง.. ตัวผมก็ไปเหนือมาครับ ไปอำเภอปาย และเชียงใหม่.. ก็สนุกดีครับ ได้ไปเล่นน้ำ ตักน้ำแสนสะอาดจากคูเมืองเชียงใหม่ สาดใส่รถและมอเตอร์ไซค์ที่ไม่มีทางสู้.. บางคนไม่รู้ว่าวันนั้น (วันที่ 11) เขาเล่นน้ำกันแล้ว ก็หลงขี่รถผ่านมาในเส้นทางนั้น ก็ซวยน่ะสิครับ..
จริงๆ แล้วผมมักจะประณามการเล่นน้ำแบบสาดใส่มอเตอร์ไซค์นะว่ามันอันตราย แต่พอไปอยู่ในบริเวณนั้นมันก็เลยลืมไป หลงไปตามกระแส.. ส่วนน้ำที่ตักจากคูเมืองก็คือน้ำที่เราสาดแล้วไหลลงท่อระบายน้ำกลับสู่คูเมืองอีกครั้ง.. แสนจะดีรีไซเคิล.. คันตัว ตาแดง หรือเป็นอะไรอื่นๆ ก็ช่วยไม่ได้นะครับ ก็ท่านผู้ว่าฯเชียงใหม่เขาเคยออกมาบอกว่า มันสะอาดและใช้เล่นน้ำได้ไม่เป็นอันตราย (ฮา)
พูดถึงอำเภอปาย ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้วนะครับที่ผมได้มาเยือนเมืองเล็กๆ เมืองนี้.. การเดินทางนั้นก็แสนจะไม่ง่าย คือต้องผ่านหุบเขาหลายลูก ผ่านทางโค้งไม่รู้กี่ร้อยโค้งจากเชียงใหม่กว่าจะถึงปายได้.. คราวนี้ลองใช้บริการของรถบัส สนนราคาคนละ 72 บาทกับสภาพรถที่สมราคา คือที่นั่งจะพอดีๆ ทรมานกันไป 4 ชม. กว่าจะถึงปายได้ ก็สนุกไปอีกแบบครับ เคยแต่สบายๆ เดี๋ยวจะเคยตัวไป...
ช่วงนี้ปัญหาไฟป่าก็มีเกิดขึ้นในหลายๆ ที่นะครับ โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ไปนี่ เพราะฉะนั้นตามเส้นทางที่เราผ่านก็จะมีร่องรอยไฟป่าให้เห็น และในบางจุดก็เจอไฟป่ากำลังเผาต้นไม้ริมถนนอยู่จนคนนั่งต้องรีบปิดหน้าต่างกันชุลมุน.. ในวันที่เราไป (วันที่ 9 เมษา) นอกจากจะต้องปิดหน้าต่างกันไฟป่ากันแล้ว ยังต้องปิดหน้าต่างกันเด็กที่ตั้งด่านสาดน้ำใส่รถเป็นระยะๆ.. เล่นกันเร็วดีแฮะทางเหนือนี่ เผลอก็มีเปียกกันไปตามระเบียบ..
คงจะพอทราบถึงลักษณะของเมืองปายพอควรกันแล้วนะครับ ปายนี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่ดังในหมู่นักท่องเที่ยวประเภท backpacker และเป็นเมืองเล็กๆ บนเส้นทางจากเชียงใหม่ไปแม่ฮ่องสอน.. ในเมืองมีร้านรวงน่ารักๆ เก๋ไก๋อยู่หลายร้าน ภูมิประเทศมีแม่น้ำปายไหลผ่าน แม้เราจะรู้สึกว่า มันน่าจะเรียกว่าลำธารมากกว่าแม่น้ำก็ตามที.. อากาศในช่วงนี้ ตอนเช้าและค่ำก็ยังเย็นสบายดีอยู่ ดึกๆ นอนไปยังนึกว่าเปิดแอร์.. แต่ในอากาศเราจะรู้สึกได้ถึงกลิ่นไหม้ของไฟป่าที่เจือจางอยู่...
ปาย ยามเช้า
ในยามเช้าของปายจึงอึมครึมไปด้วยหมอกและควันจากไฟป่า ผสมปนเปกันไป.. อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปายเป็นเมืองที่เข้าถึงได้ไม่ง่ายนัก เมืองนี้ก็ยังดูสดใสและดูสดชื่นกว่าอีกหลายๆ จุดในประเทศที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า
แม่น้ำปาย ที่ตื้นจนเหมือนลำธารมากกว่าแม่น้ำ
ว่างๆ ก็ลองไปเที่ยวเมืองปายกันดูนะครับ อาจจะหลงใหลในเสน่ห์ของเมืองนี้ อย่างที่ผมหลงเสน่ห์เข้าให้ในบางเวลา.. แนะนำให้ไปช่วงปลายตุลาฯ ช่วงทุ่งดอกบัวตองบานสะพรั่ง....
ปล. นึกถึงตัวเองตอนเป็นเด็กบ้านนอกตัวมอมๆ วันที่เก้าก็เล่นน้ำแล้วเหมือนกัน
ฮา