พ.ศ. 2562 : ครบรอบ 10 การแยกประเทศ ไทยเหนือและไทยใต้
หัวข้อข่าว
ครบรอบ 10 ปีการแยกประเทศ
สถานการณ์ชายแดนที่กำแพงกรุงเทพฯ เหนือและใต้ยังตึงเครียด
ไทยเหนือขอเปิดน่านน้ำตะวันตกออกสู่มหาสมุทรอินเดีย
ข้อพิพาทเรื่องเกาะกูดและจังหวัดตราดยังหาข้อยุติไม่ได้หลังผ่านไป10ปี


พ.ย. 2551 สถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่จุดทางตัน สถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก สถานการณ์แห่งการไม่ยอมกัน หรือยอมหักไม่ยอมงอ ฯลฯ

ไม่ได้เข้ามาเขียนใน bloggang นี้นานแล้วนะครับ เรียกได้ว่าแทบจะเลิกเขียนไปเลยอันด้วยภาระต่างๆ ในชีวิต บวกกับความขี้เกียจ หรืออาจจะจริงอย่างที่เขาว่ากันว่า คนไทยอ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด

บ้านเมืองเราตอนนี้เกิดภาวะปัญหาที่ยากจะหาทางแก้ไข ความขัดแย้งเข้าขั้นรุนแรง ตัวกฎหมายไม่สามารถนำขึ้นมาใช้ได้ ถึงจะถูกประกาศใช้ก็มีคนพยายามหาช่องทางในการหลีกเลี่ยง ฝ่าฝืน ซื้อเวลา ซื้อตัวผู้คุมกฎหมาย ใช้อำนาจกดดันผู้อยู่ในอำนาจ ใช้มวลชนสร้างอำนาจต่อรอง ใช้สื่อครอบความคิดคน หรือเป็นผู้เขียนและแก้กฎหมายกันเอง ฯลฯ

ต้องขอออกตัวก่อนนะครับว่าผมไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดและพยายามมองอย่างเป็นกลางที่สุดเท่าที่จะเป็นได้


ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเกิดขึ้นจากหลายๆ สาเหตุ ซึ่งตามทัศนะส่วนตัวของผมแล้วนั้น ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจาก
- ความล้มเหลวของความซื่อตรงในใจคนไทย
- ความไม่เชื่อใจกัน
- ความไม่เชื่อใจในกฎ
- และความไม่เชื่อใจในผู้ถือกฎและผู้ออกกฎ


แต่เด็กแต่เล็กสิ่งที่เราๆ ได้ยินจากผู้หลักผู้ใหญ่ที่สั่งสอนเราก็คือ
1. นักการเมืองโกงกิน ข้าราชการโกงกิน
2. คนอื่นทำเลวได้ เราก็ทำเลวได้
3. ขับรถชนอย่าเพิ่งยอมรับผิดง่ายๆ หรือชนแล้วหนีจะสบายกว่านะ
4. ตำรวจชอบไถเงิน ชอบตั้งด่านเก็บเงิน
5. ทำอะไรฝืนผู้มีอำนาจอาจถูกคุกคามหรือติดคุก
6. ทำงานกับราชการต้องมีใต้โต๊ะ
7. นักการเมืองโกงบ้างแต่ทำให้ประเทศเดินหน้า ดีกว่าเป็นคนดีแต่เศรษฐกิจไม่ดี
8. นักการเมืองโกงกิน แต่มีการลงทุนจากต่างชาติทำให้คนไทยมีงานทำ แต่ไม่เคยคิดถึงการกอบโกยทรัพยากรหรือประโยชน์ซ่อนเร้นอื่นๆ นอกจากการขอให้มีกินไปวันๆ
9. นึกถึงแต่ตัวเองก่อน บ้านเมืองไว้ทีหลัง เอาตัวให้รอดก่อน ไม่มีใครจะมาช่วยเราหรอก


ทั้งหลายทั้งปวงมันก็ยิ่งทำให้ระบบมันเหลวแหลก นักการเมืองก็ยิ่งโกงกินเพราะบ้านเราในอดีตไม่เคยมีนักการเมืองติดคุก มีแต่รวยเอาๆ อย่างรวดเร็ว เงินทองไหลมาเทมา โง่ๆ ก็ได้บริหารประเทศ ได้เสนอโปรเจคกินเปอร์เซ็น สร้างเครือข่าย ใครมีฐานเสียงฐานอำนาจในต่างจังหวัดก็มีบารมีเรียกร้องเก้าอี้บริหารราชการเก็บส่วยเก็บค่าผ่านค่าเซ็นสัญญา เก็บก็เก็บเป็นเงินสดนะครับ ดอลล่าบ้าง เงินบาทบ้าง 20 30% ของค่าก่อสร้าง ต่างๆ นาๆ เงินสดเก็บไว้เต็มบ้าน นักการเมืองบางคนตายไปแล้วเงินยังใช้ไม่หมดเก็บไว้เต็มห้องเก็บของก็มี

ประชาชนก็เลยหมดศรัทธา ชนชั้นกลางยอมรับความเหลวแหลกนี้ไม่ได้ ก่อตั้งกลุ่มชนขึ้นมาคานอำนาจ แต่ด้วยประชาธิปไตยอันเหลวแหลก ระบบยุติธรรมอันล้าหลังและอยู่ใต้อำนาจของนักการเมือง กระบวนการยุติธรรมก็ล่าช้าและเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจ คนรู้จักกันย่อมมีความรักกัน ความชั่วก็เลยถูกละเลย ซึ่งด้วยการละเลยความยุติธรรมเหล่านี้ก็ยิ่งทำให้บ้านเมืองมีแต่ชิปหาย คนไทยเราพื้นฐานถ้าโกงได้ก็มักจะโกงอยู่แล้วนะครับ ตั้งแต่เด็กแต่เล็กก็โกงข้อสอบกันในห้อง คนเรียนตั้งใจบางคนยังได้คะแนนไม่เท่าพวกซื้อคะแนนเลย คนดีบางคนจบออกมาก็ไม่มีอันจะกิน แต่คนที่มีนามสกุลใหญ่แม้จะโง่แต่ก็ได้ดิบได้ดีมาเยอะแยะไป

แต่ปัญหามันซับซ้อนเกินเยียวยา สุดท้ายแล้ววงจรอุบาทมันก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากประเทศไทยเราได้ มันเป็นเหมือนเนื้อร้ายหรือพิษที่อยู่ในลำไส้ของคนป่วย แม้จะพยายามล้างพิษแล้ว แก้กฎหมายแล้ว แต่พิษก็จะกลับมาสะสมในร่างกายเราอีก

บางคนก็คิดว่า ปล่อยไปตามกฎหมายเถิด แล้วยังไงละครับ ไอ้รัฐมนตรีที่มันโกงพอถูกศาลสั่งว่าผิด มันก็ยังย้ายกระทรวงกันได้แถมยังบอกว่า มันเรื่องของกระทรวงเก่า ตำแหน่งเก่า.. ประชาชนก็หมดศรัทธาในระบอบสิครับ เลือกตั้งก็ได้พวกเดิมๆ เข้ามา พวกที่ไม่ได้มีอำนาจพอได้อยู่ในอำนาจก็เป็นเหมือนกันหมด ส่วนหนึ่งก็เพราะมีคนคอยอยากจะให้ด้วยละครับ รวมๆ กันไป พื้นฐานของประเทศและคนในประเทศมันคิดกันไปแบบนั้นเกือบทั้งหมด

สุดท้ายแล้วความแตกแยกของความคิดอาจแบ่งประเทศไทยออกเป็นสองส่วน เหมือนที่บางประเทศแยกกันด้วยระบอบการปกครอง บางประเทศแยกกันด้วยเชื้อชาติ บางประเทศแยกกันด้วยศาสนาและความเชื่อ
และประเทศไทยก็อาจจะมี ไทยเหนือ และไทยใต้ ก็เป็นได้....

ยังมีหวังในประเทศสยามแห่งนี้กันบ้างไหน?



Create Date : 28 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2551 10:37:26 น.
Counter : 2046 Pageviews.

13 comments
  
ไม่เคยคิดว่าจะเป็นแบบนั้น

ยังไงคนไทยก็รักกัน
โดย: LooKPat วันที่: 28 พฤศจิกายน 2551 เวลา:11:13:47 น.
  
ยังมีหวังในประเทศสยามแห่งนี้กันบ้างไหน?

ก็อยู่แบบไม่หวังมากไงครับ

เหมือนบอลไทย อย่าไปหวังมาก

เอาแต่แชมป์ซีเกมส์พอ พอเพียงๆ
โดย: เสี่ยเอง IP: 114.128.31.248 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:04:23 น.
  
2552 หรือ 2562 ค่ะเนี่ย งง

แต่เชื่อค่ะว่ายังไงประเทศไทยต้องไม่แบ่งแยกกันแน่นอน

ขวานไทยถ้าไม่มีด้ามจะเป็นไปได้ยังไงละค่ะ

รักษาสุขภาพมีความสุขมาก ๆ นะค่ะ
โดย: ความเจ็บปวด วันที่: 1 ธันวาคม 2551 เวลา:22:29:15 น.
  
ความหวังยังมีเสมอจ๊ะ
...แต่ตั้งเวลาไว้นานๆหน่อย

อาจจะฟื้นตัวตอนรุ่นเหลนเน๊าะ
โดย: เป๋อน้อย วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:11:32:09 น.
  
เฮีย biggg ของหนูกลับมาแล้วววว
กรี๊ดด ดีใจ ดีใจจจจ
ไม่ได้อ่านเรื่องกินเจ อ่านเรื่องนี้ก็ยังดี
แต่เฮ้อ ขำไม่ออก
เรื่องความไม่เชื่อใจมัระบาดเป็นความระแวงกันและกันไปแล้ว
ตอนนี้เบื่อ conspiracy theory อีกอย่าง
(อ้าว ไทยคำอังกฤษคำอีกแล้ว)
มันจะอะไรกันนักกันหนาคะ

คิดถึงโฆษณา orange สมัยก่อน
ฟังกันมากขึ้น คุยกันมากขึ้น
จะได้ลด ๆ อคติต่อกันได้บ้าง
โดย: มลก. IP: 58.8.88.204 วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:13:51:42 น.
  
เห็นด้วยอย่างแรงค่ะ....ไม่อยากนึกถึงภาพตอนแบ่งแยกไทยเหนือ ไทยใต้เลย...เฮ้อ!!!
โดย: ลุกศิทษ์อาจารย์biggg IP: 124.121.180.51 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:10:04:59 น.
  
เฮ้ออออ....
โดย: เจ้าหมีเน่า วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:17:51:52 น.
  
ประเวศ วะสี :เปลี่ยนวิถีคิดฉับพลัน สงบเย็นฉับพลัน

(พุธ ที่ 3 ธันวาคม 251) คงเห็นทั่วกันแล้วว่า การคิดแบบเดิมๆ ออกจากสภาวะวิกฤตไม่ได้คือ การคิดแบบใครแพ้ใครชนะ ใครผิดใครถูก หรือแม้แต่การตัดสินโดยศาล ซึ่งอาจจะตัดสินได้แต่คลายความขัดแย้งไม่ได้ รัฐบาลจะปราบพธม.ก็ไม่ได้ พธม. จะเอาชนะรัฐบาลก็ไม่ได้

กองทัพจะทำรัฐประหารก็ไม่ได้ ทำน่ะทำได้แต่สลายความขัดแย้งไม่ได้ เพราะ นปก. ก็ทำแบบ พธม. ได้ จะเปลี่ยนขั้วทางการเมืองก็แก้ความขัดแย้งไม่ได้ ฯลฯ

นั่นคือการคิดแบบเดิม ๆ ถ้าคิดแบบเดิมๆ แล้วไม่มีทางออกหรือกลับรุนแรงมากขึ้น คงจะต้องการวิถีคิดใหม่ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า "เราต้องการวิถีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง ถ้ามนุษยชาติจะอยู่รอดได้" (We Shall need a radically new manner of thinking, if mankind is to survive)

ตัวอย่างวิถีคิดใหม่โดยสิ้นเชิง

๑. คิดเสียสละแทนที่จะคิดชนะ ถ้าทุกฝ่ายคิดเสียสละ เช่น สมชายเสียสละ พธม.เสียสละ ทักษิณเสียสละ ทุกฝ่ายคิดเสียสละแทนที่คิดเอาชนะจะเกิดความสงบเย็นทันที การเสียสละเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ คนที่จิตใหญ่เท่านั้นจะทำได้ การเสียสละจะเปิดพื้นที่ในหัวใจ เมื่อเปิดพื้นที่ในหัวใจอะไรที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปได้ การคิดเอาชนะเป็นการปิดพื้นที่ในหัวใจ

๒.คิดรวมกันแทนที่จะคิดแยกกัน ตัวอะมีบ้าซึ่งเป็นสัตว์เซลล์เดียว ยามปรกติมันจะแยกๆ กันอยู่ แต่ยามวิกฤตมันจะรวมตัวกันเป็นกระจุกเพื่อช่วยกันฝ่าวิกฤต เราเป็นคนอย่าให้แพ้อะมีบ้า ยามวิกฤตเราต้องรวมตัวกันเพื่อฝ่าวิกฤตให้ได้ แทนที่จะคิดเชิงขั้วตรงข้าม เช่น พปช. กับ ปชป. ร่วมกันได้ไหมถ้า พปช. ปชป. พธม. นปก. หรือเราทั้งหมดร่วมกัน บ้านเมือง่จะมีทางออกอย่างอัศจรรย์

นี่เป็นการเปลี่ยนมุมมองและวิถีคิดโดยสิ้นเชิง แทนที่จะมองฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรู แท้ที่จริงเราล้วนเป็นเพื่อนมนุษย์เป็นเพื่อนคนไทยด้วยกัน อาจมีผิดบ้างถูกบ้าง ชอบใจบ้างไม่ชอบใจบ้าง แต่สิ่งที่ใหญ่กว่าคือ ความเป็นเพื่อนมนุษย์ ความรักในเพื่อนมนุษย์

พระพุทธองค์ไม่ทรงเกลียดหรือโกรธมนุษย์ที่มีกิเลส ไม่ทรงเกลียดหรือโกรธองคุลีมาล ทรงสอนว่าเมตตาเป็นเครื่องค้ำจุนโลก เราป็นคนต้องมีเมตตาในหัวใจ เราจะใช้แต่เหตุผลเท่านั้นไม่พอ เพราะเหตุผลมักนำเราไปสู่การการแยกข้างแยกขั้วและความขัดแย้ง ความเมตตาจะเปิดพื้นที่ในหัวใจไปสู่การร่วมกันและการเยียวยา

๓.คิดเยียวยาแทนที่จะหาใครผิดใครถูก ผมเป็นประธานคณะกรรมการกองทุนสมานฉันท์แห่งชาติ เพื่อการเยียวยาผู้ที่ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์รุนแรงในจังหวัดชายแดน ภาคใต้ เราเยียวยาโดยไม่เลือกข้าง ไม่ถามหาเหตุผล ไม่สนใจคามถูกผิด เยียวด้วยหัวใจมนุษย์ลูกเดียว พบว่าแนวคิดและการปฏิบัติเชิงเยียวยานั้นให้พลังแห่งการฟื้นฟูมาก

ที่เมืองซินซินาติ สหรัฐอเมริกา หลายปีมาแล้วตำรวจคนขาวไปตีคนดำแล้วเรื่องบานปลายกลายเป็นความขัดแย้ง ระหว่างคนขาวกับคนดำ เมื่อเรื่องมาถึงศาลผู้พิพากษากล่าวว่า "ผมตัดสินอย่างใด ๆ" พวกคุณก็ไม่หายขัดแย้งกัน คุณไปใช้ "กระบวนการ" คลายความขัดแย้ง ความยุติธรรมไม่ได้มีแต่การตัดสินลงโทษ แต่มีความยุติธรรมเชิงเยียวยา (Restorative Justice) อีกด้วยการลงโทษโดยใช้อำนาจบางทีก็คลายความขัดแย้งไม่ได้

เวลานี้คนไทยแตกแยกกันอย่างรุนแรงเพราะวิธีคิดแบบแยกข้างแยกขั้ว เราจะต้องออกจากสภาพอย่างนี้ไปสู่การเยียวยาซึ่งกันและกัน ไปสู่ความเมตตา ไปสู่การรวมตัว ไปสู่การเสียสละ ด้วยวิถีคิดใหม่

๔.วิถีคิดใหม่เชิงพุทธและวิทยาศาสตร์ใหม่ วิถีคิดเก่าคือวิถีคิดเชิงอำนาจ แบบแยกข้างแยกขั้ว แบบเอาชนะคะคาน ชาวตะวันตกวิถีคิดแบบแยกข้างแยกขั้วมากกว่าชาวตะวันออก วิทยาศาสตร์เก่าก็มองธรรมชาติแบบสรรพสิ่งแบบตายตัว ซึ่งนำไปสู่การแยกส่วน สุดโต่ง และรุนแรง อารยธรรมวัตถุนิยมบริโภคนิยมเงินนิยมได้พาไปสู่การคิดเชิงอำนาจและความแตก แยกมากขึ้น

วิถีคิดแบบพุทธไม่มองแบบตายตัว (นิจจัง) แต่มองเล่าสรรพสิ่งเป็นอนิจจังคือเชื่อมโยง เคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงตามเหตุปัจจัย ไม่แยกข้างขั้วเข้าไปสู่สภาวะสุดโต่ง คำว่า "ส่วนสุด" หรืออันตา เป็นคำที่น่ารังเกียจในพุทธวิถี ดังพระพุทธดำรัสว่า "ตถาตคไม่เข้าใกล้ส่วนสุดทั้งสอง ตถาคตจะสอนทางสายกลาง วิทยาศาสตร์ใหม่ได้ค้นพบความเป็นจริงที่พระพุทธเจ้า ค้นพบมากว่า ๒๕๐๐ ปี ว่าสรรพสิ่งล้วนชื่อมโยงและเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไม่มีตัวตนที่คงที่

เราถล้ำเข้าไปสู่วิถีคิดแบบตายตัวแยกส่วนมากขึ้นเรื่อยๆ จนวิกฤตไม่มีทางออก วิถีคิดแบบนี้นำไปสู่ความบีบคั้น แตกแยก รุนแรง องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางการเมืองราชการ การศึกษา ธุรกิจ และศาสนา ล้วนอยู่บนฐานวิถีคิดแบบเก่าจึงนำไปสู่ความบีบคั้น แตกแยก รุนแรง ถึงเวลาที่คนไทยจะทำความเข้าใจวิถีคิดแบบทางสายกลาง และวิทยาศาสตร์ใหม่ อย่างจริงจังเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน (transformation) ใน ๓ ระดับ คือ ระดับตัวบุคคล ระดังองค์กร และระดับสังคม เราจึงจะพ้นวิกฤต

๕. ออกจากภพภูมิเก่าไปสู่ภพภูมิใหม่

วิกฤตเศรษฐกิจโลกขณะนี้ควรจะเป็นโอกาสให้คนไทยมีวิถีคิดใหม่ ถ้าเราตามเขาไปเรื่อยๆ เราก็จะวิกฤตจนตกเป็นทาส ความจริงประเทศไทยมีเศรษฐกิจจริงที่แข็งแรง เพราะเราผลิตอาหารได้เหลือกินทำอย่างไร ๆ เขาก็ไม่อดตายถ้าเราอยู่กับฐานความจริง วิกฤตเศรษฐกิจโลกเกิดจากเศรษฐกิจ มายาคติในเรื่องเงิน

ถ้าเราอยู่ในมายาคติกับเราด้วยเราจะถูกเขาปล้นไปหมดจนตกเป็นทาส คนไทย ต้องรักกัน รวมตัวกัน พัฒนาจากฐานความจริงด้วยปัญญา เราสามารถสร้างสังคมที่มีความเป็นธรรมที่คน ไทยทุกคนเป็นพลเมืองชั้น ๑ คือมีศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความเป็นคนเท่าเทียมกัน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาที่เกิดความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ ทางสังคม และทางกฎหมาย ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงการใช้ทรัพยากรอย่างเป็นธรรม

วิถีคิดใหม่จะนำเราไปสู่สังคมใหม่ สังคมที่เป็นอารยะประชาธิปไตยที่คนไทยทุกคนมีศักดิ์ศรีและคุณค่าแห่งความ เป็นคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่มีใครเป็นพลเมืองชั้น ๒ ต่อเมื่อคนไทยทุกคนเป็นพลเมืองชั้น ๑ สังคมไทยจึงจะลงตัว เกิดศานติสุข จนอาจบรรลุยุคศรีอาริยะได้

คนไทยต้องมีความฝันอันใหญ่ร่วมกัน ว่าคนไทยพ้นทุกข์ร่วมกันได้ เราสามารถสร้างสังคมไทยที่มีความร่มเย็นเป็นสุขได้ ถ้าเราออกจากวิถีคิดเก่า ๆ ไปสู่พุทธวิถีแห่งทางสายกลางและวิทยาศาสตร์ใหม่

บทความจากเวป //www.bangkokbiznews.com ครับ ขอขอบคุณบทความจาก นพ.ประเวศ วะสี
โดย: ิbiggg IP: 58.64.105.111 วันที่: 3 ธันวาคม 2551 เวลา:21:58:41 น.
  
ถ้ามันจะต้องเกิดก็ต้องยอมรับค่ะว่าความแตกต่าง
มันช่างทำให้เราแบ่งแยกและอยู่กันแบ่งข้างได้

เราไม่อยากล่ะค่ะ เพราะยังไงก็เชื่อว่าการรวมอยู่ด้วยกัน
มันต้องดีกว่าแน่นอนค่ะ
โดย: JewNid วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:13:47:49 น.
  
แยกเป็น 4 ประเทศเลย ไทยเหนือ,ไทยอีสาน,ไทยใต้และไทยกลาง ตลกมากเลย ตีกันตลอดนี้แหละสังคมคนรวยกับคนจน คนรวยดูถูกคนจน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปได้แยกแน่นอนเลย
โดย: คนไทย IP: 125.27.81.50 วันที่: 13 เมษายน 2552 เวลา:20:09:18 น.
  
ผมว่ามีโอกาสแยกได้แน่...

ถ้าสังคมมีสองมาตรฐาน ไร้ความยุติธรรม

แบบทุกวันนี้
โดย: phurisak IP: 180.180.160.139 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:15:57 น.
  
อาจจะเป็นไปได้นะครับ ยุคเงินตราไร้ความหมาย ข้าวปลาจะหายาก ต้องสั่งจากต่างประเทศ ชาวนาจะอยู่รอด การค้าต่างๆ หยุดลง ย่านผักผลไม้ต่างๆ ภาคเหนือจะได้เปรียบ โอ๊ยย ไม่อยากจะคิด หากทางภาคเหนือกั้นน้ำ ทั้ง ปิง วัง ยม น่าน อีก อดน้ำแน่ๆ แม่น้ำโขง ทาง จีนก็ กั้นไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือ แม่น้ำใหญ่ๆ สี่สายเท่านั้น ถ้าแม่น้ำสี่สายนี้ไม่ไหล ภาคกลางก็น้ำนาไม่ได้ เฮ้ออ ผลไม่ยอมยุบสภา คืนอำนาจ ให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ แค่เรื่องแค่นี้
กลับกลายเป็น เรื่อง ที่ใหญ่โต ฆ่าคนตายถึง พันคนหมื่นคน เขาก็คือมนุษย์
เฉกเช่นกัน คุณนายก ลืมคำพูดของคุณ แล้วหรอ ตอนที่เป็นฝ่ายค้านของ คุณนายกสมชาย หวังว่า เรื่องแยกประเทศจะไม่เกิด หากเกิด แม่น้ำทั้งสี่สายใหญ่ หยุดไหล อย่างแน่นอน
โดย: ชลบท IP: 118.172.68.218 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:13:50 น.
  
อาจจะเป็นไปได้นะครับ ยุคเงินตราไร้ความหมาย ข้าวปลาจะหายาก ต้องสั่งจากต่างประเทศ ชาวนาจะอยู่รอด การค้าต่างๆ หยุดลง ย่านผักผลไม้ต่างๆ ภาคเหนือจะได้เปรียบ โอ๊ยย ไม่อยากจะคิด หากทางภาคเหนือกั้นน้ำ ทั้ง ปิง วัง ยม น่าน อีก อดน้ำแน่ๆ แม่น้ำโขง ทาง จีนก็ กั้นไปจนหมดแล้ว ตอนนี้ก็เหลือ แม่น้ำใหญ่ๆ สี่สายเท่านั้น ถ้าแม่น้ำสี่สายนี้ไม่ไหล ภาคกลางก็น้ำนาไม่ได้ เฮ้ออ ผลไม่ยอมยุบสภา คืนอำนาจ ให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ แค่เรื่องแค่นี้
กลับกลายเป็น เรื่อง ที่ใหญ่โต ฆ่าคนตายถึง พันคนหมื่นคน เขาก็คือมนุษย์
เฉกเช่นกัน คุณนายก ลืมคำพูดของคุณ แล้วหรอ ตอนที่เป็นฝ่ายค้านของ คุณนายกสมชาย หวังว่า เรื่องแยกประเทศจะไม่เกิด หากเกิด แม่น้ำทั้งสี่สายใหญ่ หยุดไหล อย่างแน่นอน
โดย: ชลบท IP: 118.172.68.218 วันที่: 17 พฤษภาคม 2553 เวลา:19:13:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biggg
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



my everyday life on EARTH

New Comments
พฤศจิกายน 2551

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
29
30
 
 
All Blog