ยินดีต้อนรับเข้าสู่ฤดูร้อนนะครับ.. ปีนี้มาช้าไปหน่อยแต่คาดว่าคงไม่ทำให้พี่น้องผิดหวังแน่ๆ เหงื่อเริ่มไหลอีกครั้ง
ไม่ได้เขียนอะไรมานานเลยครับสำหรับบล๊อกนี้ ฮ่า.. จะเป็นไรไปละ
ช่วงนี้ได้เจอกับเทศกาลภาพถ่ายครับ จัดขึ้นตามสถาบันการศึกษา ซึ่งที่ผมเจอมานี่ก็เป็นสถาบันแถวย่านกล้วยน้ำไท.. จริงๆ ก็เห็นอยู่ทุกปีแหละนะครับ ไม่แน่ใจว่าเคยเขียนถึงเรื่องนี้ไปแล้วรึยัง
มันคือการรับปริญญาและซ้อมรับปริญญาครับ กิจกรรมที่ทุกหมู่เหล่าของนักศึกษาอยากให้เกิดขึ้นซักหนในชีวิต และกิจกรรมที่บัณฑิตจะได้รับกระดาษประกาศเกียรติคุณสักครั้งหนึ่ง... เข้าใจว่าพวกเราก็คงเคยผ่านเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปกันเยอะแล้วคงไม่ต้องบรรยายอะไรมากมายนักหนา
คงจำกันได้ว่าเวลาเรียนหนังสือเนี่ย มันช่างน่าเบื่อเหลือแสน อาจารย์รึก็ชอบเช็คชื่อ เดี๋ยวสาย เดี๋ยวขาด เบื่อจัง อยากให้จบคลาสเร็วๆ จะได้ไปเที่ยวเล่น เวลาจะสอบค่อยมาอ่านหนังสือ.. (สรุปแล้วมาเรียนหนังสือหรือมาเช็คชื่อกันฟะ).. ผิดกับตอนมารับปริญญาเป็นไหนๆ เขานัดให้มากี่โมงก็มาตรงเวลา แถมยังตื่นก่อนอีกหลายชั่วโมงมาแต่งหน้าทำผม หลายคนในความจริงก็น่ารักอยู่แล้วนะครับแต่ไม่รู้วันนี้มันมีอาถรรพ์อะไรทำให้ต้องแต่งหน้ากันซะจนจำไม่ได้ว่าเป็นใคร หรือช่างกล้องมันบอกว่าแต่งหน้าจัดๆ แล้วจะถ่ายรูปขึ้นก็ไม่รู้
หลายคนก็ต้องจ้างช่างถ่ายภาพมาช่วยถ่ายให้สวยงามนะครับ ในวันนี้จะต้องมีถ่ายกันเป็นร้อยเป็นพันรูป สมัยก่อนก็ซัดกันคนละสิบม้วนฟิล์ม (เดี๋ยวนี้น่าจะหลายกิ๊ก Gigabyte).. วันนี้เจอช่างภาพหิ้วกล้องที่มีเลนส์ยาวขนาดลำแขนเหมือนเอาไว้ถ่ายกีฬาหรือถ่ายภาพนกบนยอดไม้.. เจออีกคนมีตากล้องสองคน ถ่ายคนเดียวแต่ได้สองมุม สงสัยกะเอาไปทำภาพ 3 มิติแบบหนัง The Matrix …. มันต้องยิ่งใหญ่ขนาดนั้นกันเลยจริงหรือนี่ โอ้วซ้อมรับปริญญา...
จำได้ว่าเคยได้ดูอัลบั้มภาพรับปริญญาของคนอื่นมุมมองก็ซ้ำๆ ครับ ถ้าไม่ใช่ของเพื่อนหรือคนสนิทก็ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่.. แต่เดี๋ยวนี้ช่างกล้องเขาก็คงพยายามสร้างสรรค์มุมมองใหม่ๆ .. เอ๊า ช่วยยิ้มแบบมีความสุขหน่อยครับ ลองหันหน้าเข้าหากัน เอาแก้มแนบกันครับ เอียงหัวนิดนึงครับ อย่างนั้นแหละครับ ยิ้มค้างไว้ครับ นึกถึงหน้าแพนเค้กไว้ครับ กระโดดครับ ทำท่าดีใจเหมือนประเทศกำลังเจริญครับ เป็นต้น
จริงๆ ผมว่านะ ให้ประหยัดนี่ไม่ต้องเข้าพิธีรับปริญญาจะดีกว่า เหนื่อยด้วยครับ แค่ไปเช่าชุดครุยแล้วมาแค่งานซ้อมรับ เช่นมหาลัยผมมันจะจัดที่มหาลัยเอง มุมให้ถ่ายรูปมีเยอะแยะ ได้เจอเพื่อนฝูง คนก็ไม่เยอะเท่าตอนรับจริง เพราะจริงๆ แล้วยังไงเขาก็ต้องส่งใบปริญญาไปให้ที่บ้านอยู่แล้ว.. อีกอย่างก็คือเราก็ทำงานได้โดยที่ไม่มีปริญญาบัตร.. เพราะที่ทำงานเขาดูแค่ใบคะแนน Transcript และดูตัวเราเป็นหลัก บางสาขาอาชีพก็ดูพวก Portfolio
หลักๆ คือเราอยากใส่ชุดครุยถ่ายรูปกับเพื่อนและญาติ มากกว่าถ่ายตอนยื่นมือรับปริญญารึเปล่านะครับ หรือมีรูปนี้แขวนไว้ข้างฝาก็เท่ไปอีกแบบ พอดีรูปยื่นมือรับปริญญาของผมมันไม่ค่อยเท่ 555 แสงแพลชก็แรงไป หน้าตาก็เกร็งๆ คอก็ย่นนิดนึง ไม่สง่างามเหมือนตั้งท่าแอ๊กให้ช่างภาพเลนส์ยาวเท่าลำแขนถ่าย ...
แต่อย่าไปให้มันช่วยครีเอทท่าทางมากนะครับ เดี๋ยวจะไม่เป็นตัวของตัวเองครับ