โจรสลัด เกาะพิศดาร และเรืออาถรรพ์
ณ ที่อันไกลโพ้นห่างไกลความเจริญ มีเกาะอยู่เกาะหนึ่งตั้งอยู่กลางทะเล ทะเลย่านนี้ไม่ค่อยที่จะสงบราวกับว่าเกาะแห่งนี้มันมีอาถรรพ์แต่ครั้งโบราณกาล คนบนเกาะไม่ค่อยได้จดบันทึกอะไรเป็นเรื่องเป็นราว หากใครพูดถึงประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ของเกาะแห่งนี้หรือวิชาความรู้ต่างๆ กับคนบนเกาะ เรื่องราวจะได้กลับมามักเป็นเรื่องบอกเล่า งมงาย หรือไม่ก็อิงไสยศาสตร์
พูดถึงเกาะแห่งนี้แล้วมันก็มีอะไรดีๆ อยู่หลายอย่าง ทรัพยากรอันมากมายคณานับจนใครๆ ก็อยากจะเข้ามาครอบครองและยึดเป็นของตัวเอง พวกเรือโจรสลัดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาปล้นสดมลำแล้วลำเล่าทุกยุคทุกสมัย บางคนบนเกาะที่ทำงานอย่างยากลำเค็ญก็ไร้ทางต่อสู้ หลายคนพอใจที่มีโจรเข้ามาปกครอง เขาว่ายังดีกว่าที่อยู่กันโดยไม่มีใครปกครอง...
เมื่อโจรสลัดยกพลขึ้นบกบนเกาะแห่งนี้ พวกเขาก็จะบอกกับเหล่าชาวบ้านว่าเขาเป็นคนดีมีความรู้ จะเข้ามาช่วยทำให้เกาะดีขึ้น ชาวบ้านต่างก็ยินดีแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าพวกนี้คือโจร แต่คนส่วนใหญ่บนเกาะเป็นคนประเภทที่ว่าไม่ชอบยุ่งกับเรื่องที่จะก่อปัญหากับตัวพวกเขา.. อยู่ไปวันๆ ของเราดีกว่า บางคนกลัวเกิดเรื่องร้ายๆ กับครอบครัวเขาก็เลยไม่อยากมีปัญหากับเหล่าโจรพวกนี้
จริงๆ แล้วการเข้าถึงเกาะนี้ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ พวกโจรต่างๆ จะต้องว่าจ้างเรือลำใหญ่ที่พิสดารลำหนึ่งเพื่อข้ามทะเลที่โหดร้าย คลื่นลมที่รุนแรงและพายุเหล่านี้คอยทำให้เกาะแห่งนี้ขาดความเจริญ บ้างก็ว่าเพราะคนบนเกาะไม่มีความกระตืนรือร้นเพียงพอและไม่มีความสามัคคีกันจึงทำให้ไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้...
เกาะแห่งนี้ยังมีเรื่องลึกลับอีกเรื่องที่เหล่าคนต่างถิ่นที่จะเข้ามาปกครองประเทศไม่สามารถอยู่บนเกาะนี้อย่างถาวรได้คือพวกเขาจะอยู่บนเกาะนี้ได้เพียง 4 ปีเท่านั้น เมื่อครบ 4 ปีเรือที่พวกเขาใช้ข้ามคลื่นลมมหาศาลจะแล่นกลับไปเองและพวกเขาจะกลายเป็นชาวเกาะธรรมดาๆ ราวกับมีคำสาปอะไรบางอย่าง พวกโจรร้ายที่เข้ามาครองเกาะจึงรีบกอบโกยขุดทองและทรัพย์สมบัติต่างๆ ที่เกาะนี้มีแล้วขนลงเรือรอเวลาเรือออก ซึ่งด้วยความรีบร้อนในการกอบโกยเหล่านี้ทำให้ชาวบ้านซึ่งแรกๆ จะไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มันคือโจร เริ่มเห็นคราบโจรของพวกมันชัดเจนขึ้นและบางทีก็จะไล่พวกโจรจนต้องหนีลงเรือกลับไปก่อนกำหนดเวลา 4 ปี
กลับมาเรื่องเรือพิสดารที่เหล่าโจรจะใช้ข้ามไปครอบครองเกาะนี้กันต่อ เรือลำนี้เป็นเรือใหญ่ที่จะใช้ข้ามพายุและคลื่นลมอันพิสดารโหดร้าย จะต้องมีคนอยู่ในเรือประมาณ 250 คนเป็นอย่างต่ำ มิฉะนั้นเรือลำนี้จะล่ม ไม่สามารถข้ามไปยังเกาะแห่งนี้ได้
เหล่าโจรสลัดซึ่งมิได้มีกำลังพลมากมายมักจะต้องรวบรวมเป็นพันธมิตรกับเหล่าโจรแก๊งเล็กแก๊งน้อยเพื่อให้มีจำนวนตัวเลขมากกว่า 250... ยิ่งตัวเลขมากเรือก็จะยิ่งมีเสถียรภาพฝ่าคลื่นลมเข้าไปยึดเกาะที่อุดมสมบูรณ์แห่งนี้ได้
อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มนักบุญจำแลงที่คอยบอกคนบนเกาะว่าพวกเขาสามารถเข้าไปช่วยกอบกู้เกาะแห่งนี้ให้เจริญรุ่งเรืองและไม่ต้องถูกปกครองด้วยโจรอีกต่อไป... นักบุญจำแลงกลุ่มนี้เคยข้ามเรือพิศดารเข้ามาปกครองคนบนเกาะนี้ได้หลายหนในอดีต แต่ใต้ชุดนักบุญที่ใส่อยู่มันก็ไม่ได้ต่างจากโจรนัก... นักบุญจำแลงเหล่านี้ย่อมเป็นอริกับเหล่าโจรสลัด เนื่องเพราะต่างก็อยากขึ้นเรือพิสดารไปกอบโกยทรัพย์สมบัติบนเกาะอาถรรพ์แห่งนี้
ในครั้งสุดท้ายนี้กลุ่มโจรสลัดบุกขึ้นเกาะนี้ได้ถึง 2 ครั้งแต่ต้องรีบหนีลงเรือกลับมาเนื่องด้วยเหล่าชาวเกาะต่างทนกับพฤติกรรมของพวกมันไม่ได้ บางคนรีบขนเงินทองลงเรือพิสดารนี้เพื่อข้ามกลับมายังฝั่ง
กลุ่มนักบุญจำแลงจึงอาศัยจังหวะที่โจรเพลี้ยงพล้ำรีบขึ้นเรือยักษ์ลำนั้น แต่ด้วยจำนวนของกลุ่มนักบุญจำแลงที่มีน้อยเกินไปจึงไม่สามารถทำให้เรือพิสดารลำนี้ข้ามไปยังเกาะได้ พวกเขาจึงไปดึงเหล่าโจรร้ายก๊วนเล็กก๊วนน้อย บ้างก็โจรสมุนของกลุ่มโจรใหญ่ให้มาร่วมอยู่บนเรือลำเดียวกันนี้เพื่อให้เรือสามารถข้ามไปยังเกาะแห่งนั้นได้
ชาวบ้านบนเกาะเมื่อได้เห็นภาพอันอุจาดตาเหล่านี้ถึงกับแหงนหน้ามองฟ้า.. โอ้ นักบุญกลุ่มใหญ่กับพวกโจรมันรวมกันได้ แสดงว่านักบุญมันคงเป็นโจรในชุดนักบุญเป็นแน่แท้...
แล้วทำไมพวกเราบนเกาะต้องทนกับพวกระยำเหล่านี้ด้วยนะ