un'estate italiana : Day 5 Firenze

จันทร์ที่ 13 เมษายนเราตื่นเช้ามากินขนมปัง+กาแฟเหมือนเดิมที่โรงแรม ก่อนเช็คเอ๊าท์และอำลาป้าบรูน่าแห่งHotel Bruna เรานัดแนะน้องทั้ง 2ให้มาเจอที่หน้าร้านขายของที่ระลึกของคนจีนข้างๆ ที่พัก ซึ่งผมซื้อพวกของที่ระลึก3-4 ชิ้นจากร้านนี้ เมื่อพลพรรคมารวมตัวกันเราก็ลากกระเป๋าสู่สถานีแตมินี่แวะซื้อของที่ซุปเปอร์เจ้าประจำและมองหาชานชาลาที่รถไฟเราที่จะเดินทางไปฟลอเร้นส์จอด


ขนมที่ชาวอิตาเลี่ยนนิยมซื้อกิน 

ตั๋วรถไฟที่เราจองผ่านเวปจากเมืองไทยเป็นกระดาษ A4 แต่ด้วยความที่อ่านเรื่องพวกการต้องValidate ตั๋วต่างๆ มาเยอะเลยไม่แน่ใจว่าต้องทำการนี้ด้วยไม๊ก็ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ความว่าขึ้นได้เลยตั๋วแบบนี้


รถไฟ Trenitalia ที่เราใช้เดินทางไปฟลอเร้นส์

ที่สถานีเราเจอกลุ่มคนไทยที่จะเดินทางไปฟลอเร้นส์เช่นกัน (ตลอดทริปจะเจอกลุ่มคนไทยมาเที่ยวอิตาลีพอควรนะครับ) รถไฟเราออกตอนเวลา 10.35 มุ่งหน้าสู่ Firenze เมื่อใกล้เวลารถไฟก็มาเทียบชานชาลาสภาพรถไฟสะอาดสวยงาม ตั๋วระบุตู้และที่นั่งไว้อย่างชัดเจนเมื่อได้เวลารถก็ออกเดินทางสู่ฟลอเร้นซ์ตรงเวลา วิวทิวทัศน์ตลอดเส้นทางจะเป็นทุ่งหญ้าและสวนของชาวบ้านสลับกับภูเขาและหมู่บ้านต่างๆ เมืองที่ผ่านมีชื่อเหมือนทีมบอลที่เราเคยดูมาตลอด เรานั่งเล่น ดูวิว หลับบ้างผ่านไป ชม.กว่าก็ไปมาถึงเมืองฟลอเร้นซ์ประมาณ 12.05

เมื่อมาถึงสถานี Firenze S.M.N ซึ่งย่อมาจากชื่อของโบสถ์ข้างๆSanta Maria Novella สภาพสถานีคึกคักไปด้วยผู้คน(แต่ไม่ใหญ่เท่าที่โรม) ทีมงานเราก็เปิด google map หาโรงแรม Arianna Hotel ของเราซึ่งลากกระเป๋ามาไม่ไกลจากสถานีเท่าไหร่ ความกลัวแรกคือกลัวว่ามันจะเลวร้ายแบบโรงแรม EuroRoom ที่โรม แต่พอมาถึงก็ใช้ได้ทีเดียว คือเป็นโรงแรมเล็กๆ แบบครอบครัวข้อเสียสำหรับโรงแรมนี้คือ (1) ไม่มีลิฟท์เราต้องแบบกระเป๋าขึ้น3ชั้น (2) Wifi มันมีเฉพาะที่ล๊อบบี้และหน้าห้องนอนแถมในห้องนอนสัญญาณ3G ยังทะลวงเข้าไปไม่ได้อีก (เอาเข้าไป)

*หมายเหตุ1: เวลาเข้าพักโรงแรมแต่ละเมืองจะมีภาษีที่เราต้องจ่าย โดยในแต่ละเมืองจะแปรผันตามระดับความหรูหราของโรงแรมและระยะเวลาในการพักของเราซึ่งคิดต่อหัวต่อคืน


เมืองนี้เหมาะกับการขี่จักรยาน บอกเลย (แต่ไม่ได้ขี่)

เมื่อเราจัดแจงเก็บกระเป๋ารวมไว้ในห้องนึงเนื่องจากอีกห้องยังทำความสะอาดไม่เสร็จแล้วจึงลงมากินอาหารที่หิ้วมาจากโรมที่ห้องอาหารในโรงแรมด้านล่าง เมื่ออิ่มพร้อมแล้วเราจึงเริ่มออกเดินท่องเที่ยวเมืองฟลอเร้นซ์กันแผนการท่องเที่ยวที่เรากำหนดกันไว้คือ มิกกี้จะดูที่โรม ด้วงดูที่ฟลอเร้นซ์ผึ้งดูที่แผนท่องเที่ยวในเวนิส ส่วนผมก็ดูที่มิลาน ดังนั้นคิวเมืองฟลอเร้นซ์นี้ด้วงคาซซาโนว่าเป็นผู้วางโปรแกรม


อากาศในวันที่เราไปถึงอุ่นกว่าตอนอยู่โรมเดินไปซักพักก็ต้องถอดเสื้อใส่เป้แบกกันไป เราเดินจากที่พักมาไม่นานก็เจอ Piazza del Mercato Centrale ที่มีแผงขายของคล้ายๆ ตลาดนัดจตุจักร ส่วนใหญ่เป็นกระเป๋าเครื่องหนัง เสื้อผ้า และพวกของหัตถกรรม รวมไปถึงแผงขายเสื้อฟุตบอลปลอม (ก๊อปเกรด C)คุณภาพการลอกเลียนต่ำชั้นเทียบเมืองไทยไม่ได้แม้แต่น้อย 555 เมื่อเข้ามาภายในตลาด Mercato Centrale ตรงกลางPiazza ก็มีขายผลไม้ ผักสด ร้านขายไวน์ ขายของที่ระลึก ช๊อกโกแลต แฮมนมเนย อาหารสด อาหารแห้ง แทรกด้วยร้านอาหารและร้านกาแฟเราเดินวนดูบรรยากาศตลาดของบ้านเมืองเขาที่สะอาดสดใสและสุดท้ายผมและผึ้งจึงแวะจิบกาแฟส่วนด้วงและมิกกี้ลองซุบ หลังจากนั้นเราจึงพบว่าบริเวณชั้น2ของตลาดเป็นร้านอาหารเก๋ๆเปิดในลักษณะแบบเปิดโล่งมีร้านหลายๆ ร้านบริเวณกึ่งกลางเป็นร้านขายของของทีมฟิออเรนติน่า ม่วงมหากาฬ ทีมประจำเมืองนี้ บริเวณชั้น2นี้ยังมีโรงเรียนสอนทำอาหารอยู่ด้วยเราจึงนัดหมายกันว่าเย็นนี้เราจะมาลองกินกันที่นี่อีกครั้ง


สภาพภายในตลาด


ร้านขายของที่ระลึกของฟลอเร้นส์ (เทียบไม่ได้กับ megastore ของ Milan)

เราเดินมาอีกไม่ไกลก็มาถึง Piazza di San Lorenzo ซึ่งมี Laurentian Medici Library ของตระกูล Mediciซึ่งเป็นหอสมุดโบราณที่มีเอกสารตำราต้นฉบับแบบคัดลายมืออยู่มากกว่า 11,000ฉบับเราลองโผล่เข้าไปเดินเล่นในอาคารในจุดที่ไม่เสียค่าเข้าชมซึ่งเป็นโถงทางเดินล้อมรอบสวนคอร์ทกลางบรรยากาศสวยงามซึ่งการวางผังและออกแบบสถาปัตยกรรมแบบสไตล์ Mannerism โดย Michelangelo คนดัง

*หมายเหตุ2: การจัดผังเมืองในอิตาลีมักจะมี Piazza หรือPlaza ที่เป็นพื้นที่ว่างลานโล่งไว้ทำกิจกรรมของชุมชมซึ่งดีมากทีเดียว


ภายใน Laurentian Medici Library ที่เป็นคอร์ทกลาง มีต้นส้มอยู่กลางสวน


ออกจากจัตุรัส Piazza di San Lorenzo เราเดินต่อไปจนถึงที่หมายแรกตามโปรแกรมคือPiazza del Duomo ศูนย์กลางทางศาสนาแห่งยุคกลางในเมืองฟลอเร้นส์ เพื่อชมความงามแบบอลังการของมหาวิหาร Cattedrale di Santa Maria del Fiore ที่เชื่อว่าใครเห็นต้องตะลึงในความสวยงามอลังการณ บริเวณนี้ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่ยอดฮิตที่หนึ่งของฟลอเร้นส์ดังนั้นเราจะเจอนักท่องเที่ยวมากมายและมีสิทธิเจอเพื่อนชาวไทยได้ไม่ยาก



มหาวิหาร Cattedrale di Santa Maria หน้า Duomo


ความละเอียดของผนังด้านนอก Cattedrale di Santa Maria

ภายในโบสถ์ Cattedrale di Santa Maria del Fiore ยิ่งใหญ่และสวยงามด้านบนมีภาพจิตรกรรมปูนเปียก (Fresco) ที่สวยงามที่วาดในศตวรรษที่ 16 ซึ่งถือเป็นภาพที่มีขนาดใหญ่ที่สุด (3600 ตารางเมตร) โดมที่ใหญ่ที่สุดในโบสถ์นี้ถือเป็นการก่อสร้างโดมแบบก่ออิฐที่ใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างกันมาน้ำหนักประมาณ 25,000ตัน



โดมที่มีภาพปูนเปียก (Fresco) ขนาดใหญ่

ภายใน Cattedrale di Santa Maria


เราชื่นชมทั้งภายในภายนอกอยู่พักใหญ่จึงออกเดินทางไปตามท้องถนน2 ข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของตลอดทางที่ตกแต่งอย่างสวยงามทั้งแบรนด์ดังและแบรนด์ท้องถิ่นจนมาถึงอีกจตุรัสนึงคือ Piazza della Signoria ซึ่งอยู่ด้านหน้าของ Palazzo Vecchio (หรือเรียกว่า Palazzo della Signoria) ที่แปลว่าปราสาทเก่าสร้างในศตวรรษที่ 14 และเป็นศาลากลางของเมืองฟลอเร้นส์ตัวอาคารขนาดมหึมาสไตล์ Romanesque ที่มีลักษณะแบบปราสาท+ป้อมค่ายและถือเป็นหนึ่งในศาลากลางที่สวยงามของแคว้นTuscany


Piazza หน้า Palazzo Vecchio

ในบริเวณหน้า Palazzo Vecchio จะมีประติมากรรมตั้งอยู่หลายตัวที่สวยงาม น้ำพุแห่งเนปจูน (TheFountain of Nepture) และที่สวยงามอีกมากมาย รวมไปถึงประติมากรรมจำลอง“เดวิด” ของ Michelangelo และประติมากรรมจำลองของศิลปินดังๆอย่างของ Donatello เราเดินถ่ายรูปอาคาร ลานกว้างผู้คนที่ขวักไขว่ กลุ่มนักท่องเที่ยวมากมายและนั่งพักชาร์จพลังขาที่เริ่มอ่อนแรงเต็มทน


น้ำพุแห่งเนปจูน(TheFountain of Nepture)


David จำลอง



ภายใน Palazzo Vecchio เป็นคอร์ทที่มีน้ำพุ Putto with Dolphin น้ำพุที่จำลองจากงานของ Verrocchio


ล้าจัด ก็นั่งมันกลาง Piazza เลย


เป้าหมายสุดท้ายประจำวันนี้คือการไปจัตุรัสสุดท้ายที่อยู่บนยอดเขาที่มองเห็นวิวเมืองฟลอเร้นส์ที่สวยงามเราเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยต่างๆ จนทะลุจนมาถึงแม่น้ำและข้ามสะพาน Ponte alle Grazie และค่อยๆ ไต่ขึ้นเนินเขาไปจนถึง Piazzale Michelangelo ซึ่งเรียกได้ว่าเหนื่อยกันเลยทีเดียว


Ponte alle Grazie ข้ามแม่น้ำ Arno


ที่จัตุรัส Piazzale Michelangelo นี้สร้างในยุคปี 1869ซึ่งเป็นช่วงที่ฟลอเร้นส์เป็นเมืองหลวงของอิตาลี โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ด้านทิศใต้ของแม่น้ำ Arno และตั้งชื่อตามประติมากรเอกคือMichelangelo และมีรูปหล่อทองแดง David จำลองขนาดใหญ่ที่ลานกว้าง 




แต่ไฮไลท์ของจัตุรัสนี้น่าจะเป็นวิวพาโนราม่าที่มองเห็นเมืองฟลอเร้นส์ทั้งหมดเราพักเหนื่อยกันบนเนินที่อยู่พักใหญ่ ซึมซับบรรยากาศที่สวยงามวิวทิวทัศน์ที่ยิ่งใหญ่และโรแมนติกของเมืองและแม่น้ำที่ไหลผ่านลมหนาวที่พัดเข้ามาช่วยลดความร้อนในร่างกายที่เหนื่อยล้า


ถ่ายรูปจนพอใจและเริ่มคิดหาหนทางกลับโรงแรมการเดินเท้ากลับดูจะเป็นอะไรที่ทรมานมากสำหรับพวกเราทั้ง 4 แล้ว ดีที่มีรถเมล์วิ่งกลับสถานีS.M.N .ใกล้ที่พักเราจึงโดดขึ้นรถเมล์และกลับไปทานอาหารที่ตลาด Mercato Centrale ซึ่งตอนนี้บรรดาเต็นท์ขายของรอบตลาดเก็บหมดเกลี้ยงแล้ว บรรยากาศโดยรอบดูสงบเงียบและตัวตลาดก็ปิดไปแล้วด้วยเราเดินสำรวจโดยรอบและพบทางขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของตลาดที่เป็นร้านอาหารเราจึงได้ขึ้นไปพักเหนื่อยและกินอาหารเย็นเป็นมื้อสุดท้ายของวัน (ราคาอาหารของ Mercato Centrale นี้ไม่เบาทีเดียว)

จบวันแรกที่ฟลอเร้นส์อย่างเมื้อยล้าแต่ประทับใจความงามของเมืองความอยากพักผ่อนจากความเมื่อยล้าด้วยการแช่น้ำอุ่นมาสะดุดตอนน้ำอุ่นมันไม่อุ่นในตอนท้าย55 รวมไปถึงรูเสียบปลั๊กไฟสไตล์อิตาลีที่ช่องเสียบไม่พอดีกับปลั๊กของเรา... นอนดีกว่า

*หมายเหตุ3: ที่ฟลอเร้นส์นี้คนขี่จักรยานกันมากมายน่าจะเป็นการท่องเที่ยวเมืองที่เหมาะสมมากทีเดียวเพราะแต่ละที่เป็นแบบซอยย่อยที่ไม่ไกลจนเกินไป(แต่เดินแล้วเหนื่อยมาก) 





Create Date : 27 พฤษภาคม 2558
Last Update : 8 มิถุนายน 2558 22:31:01 น.
Counter : 1345 Pageviews.

3 comments
  
เป็นเมืองที่สวยงามน่าจดจำมากค่า Firenze
โดย: Beebee IP: 94.23.252.21 วันที่: 27 พฤษภาคม 2558 เวลา:23:08:03 น.
  
ชื่อสถานที่อ่านๆไปนึกถึงรีสอร์ท เมืองไทย haha แต่ความงามคนละเรื่อง
โดย: เสี่ยเทริ์นโปร IP: 171.4.139.110 วันที่: 27 พฤษภาคม 2558 เวลา:23:29:39 น.
  
ทางขึ้นแค่ 850 เมตร แต่เหมือน 10 กิโล
โดย: DeRossi IP: 114.109.240.107 วันที่: 1 มิถุนายน 2558 เวลา:21:56:09 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biggg
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



my everyday life on EARTH

New Comments
พฤษภาคม 2558

 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
22
23
25
26
28
29
31
 
 
27 พฤษภาคม 2558
All Blog