27 สิงหาคม 1993สิงหาคม 2536 -- ช่วงปิดเทอมก่อนเข้าสู่ปีสุดท้ายของการเรียนมัธยมของผมในโรงเรียนย่านเอกมัย ในช่วงเดือนสิงหาของปีนั้นเป็นช่วงปิดเทอมของผมและเพื่อนๆ ร่วมรุ่นซึ่งจะไม่ตรงกับช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อนของโรงเรียนมัธยมไทยทั่วไป
... เวลาผ่านไปแล้ว 15ปีหรือนี่....
กทม.ในปีนั้นยังไม่มีรถไฟฟ้า BTS วิ่งบนถนนสุขุมวิท บ่ายวันที่27 ผมและเพื่อนๆ นัดเจอกันที่บ้านเพื่อเตรียมออกเดินทางสู่สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติกลางเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมชมคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น
ใช่แล้วครับ
Michael Jackson Dangerous World Tour Live in Bangkokหลายคนที่ได้ไปดูก่อนแล้วในรอบแรกในวันที่ 24 สิงหาคมถือว่าโชคดีมากเพราะรอบที่พวกเราจะไปดูนั้นเป็นรอบที่ 2 ซึ่งจริงๆ แล้วถูกเลื่อนมา2รอบ โดยครั้งแรกเลื่อนจาก 25 มา 26 และสุดท้ายที่ 27 ซึ่งเท่าที่จำได้จะมีข่าวว่าไมเคิลมีปัญหาสุขภาพ มีอาการขาดน้ำ รวมไปถึงปัญหาจากกรณีคดีความล่วงละเมิดทางเพศกับเด็ก... ช่วงนั้นข่าวทางหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับราชาเพลงป๊อปค่อนข้างมากทีเดียว ยังจำได้ว่าเราได้ไปในวันแสดงจริงและต้องผิดหวังเมื่อคอนเสิร์ตถูกเลื่อนออกไป
บ่ายวันนั้น ศุกร์ที่ 27 ส.ค. พายุฝนกระหน่ำกรุงเทพ สุขุมวิทถนนเส้นหลักของพวกผมซึ่งอยู่กันแถวเอกมัยติดเป็นอัมพาทไปโดยปริยาย เย็นวันศุกร์สิ้นเดือน+ฝนตกหนัก... น้ำท่วม.... ข้ออ้างคลาสสิกสำหรับรถติดหนักของกรุงเทพมหานคร
พวกเราในตอนนั้นรู้สึกจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ซึ่งในกลุ่มผมจะเหลือผมและเพื่อนสนิทกันอยู่ 4 คน ออกเดินเท้าจากปากซอยเอกมัยสู่ย่านปทุมวันและสนามศุภชลาศัย ถือเป็นการเดินที่ไกลที่สุดสำหรับพวกเราในกรุงเทพฯ
จำไม่ได้ชัดละครับว่าเราเดินกันนานแค่ไหน จริงๆ มันก็ไม่ได้ไกลมากมายนัก ก็แค่จากสถานี BTS เอกมัยในยุคปัจจุบันไปถึงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ นั่งรถไฟฟ้าก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเห็นจะได้ แต่เดินกันก็คนซัก ชั่วโมงกว่าๆ – 2 ชั่วโมง... ซึ่งก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดในตอนนั้น เราก็ค่อยๆ เดินกันไป ถือเป็นความทรงจำที่ดีทีเดียวครับ ทำให้คอนเสิร์ตครั้งนั้นมีอะไรน่าจดจำกว่าครั้งไหนๆ
ในที่สุดหลังจากการเดินอันยาวนาน เราก็มาถึงสนามศุภฯ ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนตอนใกล้เวลาเริ่มคอนเสิร์ต เราผ่านกระบวนการตรวจบัตรต่างๆ จนได้เข้าสู่สนาม บัตรของเราเป็นแบบยืนอยู่บนสนามหญ้า..
สภาพสนามศุภหลังพายุฝนกระหน่ำแปรสภาพเป็นปลักโคลนชั้นดี รองเท้าแต่ละคนดูไม่จืด ยิ่งพวกเราที่ใส่รองเท้าแตะเพื่อลุยน้ำเดินกันมายิ่งเละ ตอนนั้นได้แต่ทำใจครับ
ในระหว่างที่พวกเรา กลุ่มแฟนเพลงที่จ่ายน้อยกว่ายืนอยู่หลังแผงเหล็กกั้นครึ่งสนาม ด้านติดเวทีจะเป็นกลุ่มที่จ่ายแพงสุด แต่ก็ด้วยลักษณะแบบไทยๆ ละครับ (รู้สึกจะเห็นหลายคอนเสิร์ต) มันอาศัยแรงคนมากๆ ดันจนรั้วที่กั้นแบ่งคนจ่ายแพงกับคนจ่ายถูกล้มลงตอนคอนเสิร์ตจะเริ่มไม่กี่นาที คนคุมก็เอาไม่อยู่ครับ (ลองนึกภาพเวลาพวกม๊อบมันพังประตูเข้าสถานที่สำคัญๆ ดูนะ) พวกผมก็เลยได้อานิสงส์ผลบุญได้บุกเข้าใกล้เวทีมากกว่าที่จ่าย 55 สงสารแต่คนจ่ายแพง ซึ่งในจังหวะการผลักกันนั้นรองเท้าแตะของผมก็หลุดติดพื้นโคลนไปแล้ว ตอนนี้เหลือแต่เท้าเปล่าๆ บนพื้นเละๆ เท่านั้น
ไม่นานไมเคิลก็เปิดตัวด้วยระเบิดพลุจากพื้นเวทีและเขาก็กระโดดลอยตัวขึ้นมาสู่กลางเวทีพร้อมเสียงกรี๊ดสนั่นหวั่นไหว และคอนเสิร์ตก็เริ่มต้นด้วยเพลง Jam จากอัลบั้ม Dangerous ซึ่งแต่ละเพลงที่นำมาแสดงก็เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงที่เข้าชมในคอนเสิร์ตในครั้งนั้นเป็นอย่างดี...
ผมยังจำชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ๆ ผมได้ถนัดว่าเขาคอยตะโกนคำว่า วู้ว ไมเคิล ไอเลิฟยู ซ้ำไปซ้ำมา พวกเรายังหันมานินทากัน
หลังคอนเสิร์ตจบผู้คนเริ่มสลายตัว ปลักโคลนเต็มไปด้วยขยะและรองเท้า เด็กจากที่ไหนก็ไม่รู้มาเดินเก็บรองเท้าต่างๆ ซึ่งผมก็ไปตามหารองเท้าของตัวเอง (หรืออาจเป็นรองเท้าแตะที่หน้าตาเหมือนของผมเอง) และต้องไปแย่งมาจากเด็กพวกนั้นด้วย
เพื่อนสนิทท่านหนึ่งสารภาพหลังคอนเสิร์ตในรถแท็กซี่ขณะกลับบ้านว่า เขาเคยอธิฐานว่าขอให้ Michael Jackson มาแสดงคอนเสิร์ตในประเทศไทย ซึ่งตอนหลังๆ นี้เขาก็เลิกใส่ใจในตัวราชาเพลงป๊อปคนนี้ไปเหมือนกับหลายๆ คนที่เสื่อมศรัทธาในตัวนักร้องคนนี้จากเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเขา
แต่เมื่อเช้าวันนี้ตอน 7 โมงกว่าๆ เพื่อนสนิทของผมก็ได้โทรมาหาเพื่อให้ผมได้ระลึกถึงเหตุการณ์ที่พวกเราเคยร่วมชะตากรรมในคอนเสิร์ตอันยิ่งใหญ่ในครั้งนั้นเมื่อ 15 ปีก่อน
หลับสบายและหมดความทุกข์โศกนะครับ....... Rest in Peace, Michael Jackson
เวลามันผ่านไปไวนิ
เป็นนักร้องเพลงสากลไม่กี่คนที่ผมมีซีดี
แท้ๆอยู่1แผ่น ที่ซื้อในยุคที่ราคาซีดียัง
แพงโข