ค่ำคืนวันจันทร์ในกทม. ที่ฝนตกพรำมาทั้งวัน เปียกปอนราวกับว่าทุกอย่างดูต้องหยุดนิ่งให้กับฝนพรำแบบนี้
พูดถึงสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ มีหลายสิ่งที่เรามองไม่เห็นแต่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องจักร เช่น คลื่นเสียง คลื่นวิทยุ สัญญาณดาวเทียม คลื่นมือถือ ฯลฯ
และก็มีสิ่งที่มองไม่เห็นที่ต้องใช้จิตใจสัมผัสอย่างเดียวและวัดเป็นค่าต่างๆ ได้ยาก (แต่มักมองว่ามันมีอยู่จริง) ก็คือพวก ความเหงา พระเจ้า ปรัชญาคำสอน ความดีงาม สวรรค์ นรก... และสิ่งที่ทุกคนต้องมีกันคือ
ความสัมพันธ์ และความรักแต่ไหนแต่ไรเรามักจะถูกสั่งสอนด้วยนิทานพื้นบ้าน พวกเจ้าหญิงเจ้าชาย รักกันอยู่กันจนแก่เฒ่า จนอาจจะทำให้มองว่า ความสัมพันธ์และความรักที่ดี จะอยู่ยงคงกระพันธ์ ไม่ดับสลายไปจากโลก.... ซึ่งในความเป็นจริงของสังคมโลกแล้ว ไม่เป็นเช่นนั้น
ตามสถิติแล้วคนแต่งงานแล้วหย่า มีความเป็นไปได้มากกว่าครึ่งทีเดียว นั่นแสดงให้เห็นว่า มันยากยิ่งกว่าทำข้อสอบถูกผิดอีก เปอร์เซ็นความผิดพลาด มีมากกว่าการรอด ถ้าเรายึดสถิตินี้เป็นหลักเกณฑ์ในการลงเอยของความรัก.. แสดงว่าความรักมันมีอายุงานสั้นมาก...
หรือความรักของหนุ่มสาวเป็นเพียงน้ำ ที่สามารถระเหยเป็นไอได้ เมื่อปล่อยทิ้งไว้ซักพักหนึ่งปัจจัยหลักของสิ่งเหล่านี้น่าจะเป็นสันดานของมนุษย์โลกที่เปลี่ยนเปลงไปตามกาลเวลา.. เหมือนเทรนด์ของแฟชั่นที่เปลี่ยนไปตามยุคสมัย เหมือนของที่เคยชอบเคยรัก ได้ครอบครองซักพักก็เริ่มเบื่อหน่าย.. จับไปวางไว้บนหิ้ง...
แต่สิ่งที่มองไม่เห็นเหล่านี้ มันคงเป็นสิ่งที่ทำให้สังคมมนุษย์ดำเนินต่อไปได้อย่างไม่วุ่นวาย.. ลองคิดดูว่าถ้าเกิดเขาบอกกันว่า การแต่งงานเป็นเรื่องไม่ดี ความรักเป็นเรื่องไม่ยั่งยืน คนเราจะจริงใจต่อกันรึเปล่า คนจะซื่อสัตย์ต่อกันอีกไม๊ และโลกจะเหลวแหลกไปมากแค่ไหน ถ้าคนยึดมั่นไปกับกฎแห่งการเปลี่ยนแปลงและไม่จริงจังต่อความรักที่มีให้กัน
เขียนไปเขียนมา เกรงจะทำให้โลกนี้วุ่นวายกันเข้าไปใหญ่..
เอาเป็นว่า มันไม่มีอะไรตายตัวหรอก (แล้วพูดมาซะมากมายทำ...อะไรวะ)...
ความรักมันเกิดขึ้นได้ทุกเวลาและสถานที่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ามันจะเป็นรักที่แท้จริงหรือเป็นแค่อารมณ์ตื่นเต้นในการได้รู้จักกัน ความหลงไหลในภาพภายนอก หรือเป็นความรู้สึกที่ดีที่มีให้กัน...
อย่าลืมรักกันนะครับชาวไทย...
ปล่อยบล๊อกน่าเบื่อออกไปอีกแล้วสิเรา...
อ่านแล้วไม่รู้จะตอบไรดี