Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 

ร้านหนังสือในข้าวสาร ... ตอน Road trip 1 - Return of the dream

สวัสดีครับคุณผู้อ่านที่รักทุกท่าน ด้วยความยินดีที่ยังกินได้ นอนหลับ ครบ 32 และก็ยังมีชีวิตอยู่ ผ่านเข้าสู่ปีใหม่ 2558 หรือ 2015 ข้ามมาอีกปีนึง โดยที่ปีนี้ได้สัมผัสกับอากาศหนาวเย็นแตกต่างไปจากหลายปีหลังๆ เพราะปีนี้เลยเข้ากุมภาพันธ์แล้ว ก็ยังสัมผัสกับอากาศหนาวกันอยู่เลย

ห่างหายไปเป็นเดือนเหมือนกันครับ ที่ไม่ได้เข้ามาที่บล็อก เพราะปลายปีชีวิตยุ่งเหยิงและธุระติดพันเป็นเหตุ เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่เหนื่อยกว่าปกติ แต่ก็ยังไหวอยู่ครับ พร้อมกับร้านหนังสือเล็กๆบนสุดปลายถนนข้าวสารที่ก้าวผ่านปีที่ 5 ครึ่งมาแล้ว กำลังจะครบ 6 ปีในกลางปีอีกไม่กี่เดือน ก็ ... อยู่เป็นเพื่อนๆกันไปครับ กับนักท่องเที่ยวเหล่าแบ็คแพ็คเกอร์ที่แวะเวียนเข้ามาเที่ยวบ้านเราในช่วงปลายปี ไฮซีซัน

สำหรับคนเขียนเองนั้น ........

...........................

............

...

... 

สัญญาณขาด

...

(ผ่านไปอีกหลายเดือน)

......

...............

........................

สัญญาณขาดไปนานเหมือนกัน

เอ้อ สวัสดีอีกครั้งครับกับหน้าบล็อก ณ ปลายปี 58 เดือนตุลาคม ... ผมว่าห่างหายไปนานเหมือนกัน สำหรับการปฏิบัติตัวเป็น "นัก(ไม่)เขียนสมัครเล่น" ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งเศรษฐกิจไม่ดีที่ทำให้ลูกค้าฝรั่งนักท่องเที่ยวเข้าร้านน้อยลง จนไม่มีวัตถุดิบเรื่องราวของลูกค้าเหล่าแบคแพคเกอร์มากพอจะเขียนต่อเนื่องได้ทุกๆสัปดาห์ ทั้งงานราษฎร์ งานหลวง รวมทั้งอะไรๆ อีกหลายๆอย่าง ที่มนุษย์คนหนึ่งพึงจะประสพพบพาน จนความรู้สึกอยากเขียน อยากเล่า มันถูกกลืนหายไปกับสายลมและกาลเวลา

แต่ว่าตอนนี้ ไอ้มดแดงกลับมาแล้ว ... เอ้ย ... ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่า สถานการณ์รัดตัวหลายๆอย่าง จะค่อยๆคลี่คลายลง เมื่อเวลาผ่านไปๆ ทำให้ได้เกิดความรู้สึกอยากเขียน อยากเล่า กลับเข้ามาอีกครั้ง แม้ว่าอาจจะไม่ต่อเนื่องทุกสัปดาห์เหมือนกับปีที่แล้วช่วงก่อนหยุดไป แต่ก็คงจะสนองความอยากเล่า ความคันไม้คันมือ ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย ให้อ่านเล่นฆ่าเวลาได้บ้างเหมือนกัน

ร้านหนังสือ ปีที่ 6 กว่าๆ ณ เดือน 10 ปี 58 ปลายฝน-ต้นหนาว ในโมงยามที่ลูกค้าเข้าร้านไม่มากนัก แต่กลับอวลไปด้วยไอดินและกลิ่นฝน

"Rain ... rain ... rain ... everywhere." มีแต่ฝน ฝน ฝน ตกอยู่นั่นแหละ แย่ชะมัด ... ลูกค้ารุ่นป้า จากอังกฤษ ร่างเล็ก ผอม แต่ยังคล่องแคล่ว กล่าวขึ้นเหมือนบ่นกับฝนฟ้าที่ตกกระหน่ำ ไม่ลืมหูลืมตา ตอนค่ำสุดสัปดาห์ก่อน

"Do you think it is the good idea to go to Chiangmai this week? Is it rain?" คุณว่าดีไหม ถ้าฉันจะขึ้นเหนือไปเชียงใหม่สัปดาห์นี้ จะเจอฝนหรือเปล่า ... ลูกค้าป้าถามมานำร่อง

"I don't think it's hard rain in Chiangmai. As I read from newspaper, just now raining is on central & northeast only." ผมว่าไม่ค่อยมีฝนนะ ที่นั่น เท่าที่อ่านจากหนังสือพิมพ์ ช่วงนี้พายุเข้าทำฝนตกหนักภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคกลางเป็นส่วนใหญ่ ... ผมตอบ พร้อมกับคิดอยู่ในใจ (ไม่ค่อยมีฝนตกเหนือเขื่อน จะเอาน้ำที่ไหนให้เกษตรกรใช้ในหน้าแล้ง เฮ้อ)

"And in the south, Koh Samui?" แล้วทางใต้ล่ะ ที่เกาะสมุย ... ป้าถามอีก ประมาณว่าผมเป็นอธิบดีกรมอุตุฯ

"No, I am not recommend. If you have enough time, next month should be better for Koh Samui." เอ้อ อันนั้น ไม่แนะนำครับ ถ้าไปช่วงนี้อาจเจอฝนได้ ทางที่ดีผมว่าเลื่อนไปอีกสักเดือนน่าจะดีกว่า สำหรับเกาะสมุย ... ผมทำหน้าที่แทนท่านอธิบดีกรมฯ ตอบจากประสพการณ์ให้กับคุณป้าไป พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

"Everywhere is changing, when I see the bus. They always come down with Chinese Chinese Chinese." แล้วทุกที่ก็เปลี่ยนไป ไปไหนๆ ก็เจอแต่รถบัส รถบัส เดินลงมาเห็นเป็นกองทัพคนจีน คนจีน เต็มไปหมด ... คุณป้าทำหน้าเซ็งเป็ด 'รมณ์บ่จอย ขณะที่ผมยิ้มๆอยู่ในสีหน้า ... ( ในใจนึกถึงข่าววีรกรรมของนักท่องเที่ยวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ออกสื่อไปทั่วโลก ... ล่าสุดกับเด็กน้อยลูกมังกรที่หน้าห้าง Burberry ที่อังกฤษ Smiley แม้กระทั่งกับรูปปั้นสนมงามหยางกุ้ยเฟย ที่มณฑลซานซี ในบ้านของตัวเอง ... ก็ได้แต่นึกทอดถอนใจ SmileySmileySmiley แทนผู้ที่เกี่ยวข้อง )

หลังจากนั้นไม่นาน คุณป้าเริ่มทำหน้าจริงจัง และถามเสียงต่ำๆกลับมา "Do you have time? Are you free to talk now?" คุณว่างหรือเปล่า ฉันอยากคุยด้วยอีกหน่อย

"Yes, why not?" ว่างสิ ทำไมล่ะ ... ผมเงยหน้าขึ้นจากโน๊ตบุ๊ค เอียงคอมองพร้อมกับสบตาเธอ เลิกคิ้วและยิ้มมุมปาก คิดในใจ (สงสัยจะหนังชีวิต ท่าจะยาว)

"I don't know why now Thailand changes a lot. It's quite different from 30 years ago so much. Long time ago, I ever been here for work or something. People were still very nice and friendly. But now I feel very bad. People are not friendly. They not help to each other. Sometimes I saw they bike on the walkway during lots of people were walking around there. Looks like they think to themselves only. They don't care anybody else. Sometimes I saw they didn't respect to police. Do you think that's cause from your politic trouble?" คือฉันไม่รู้ว่าทำไมที่นี่ดูจะเปลี่ยนแปลงไปเยอะนะ ในสายตาฉันจากสัก 30 ปีก่อนตอนที่ฉันมาทำงาน มาเที่ยวที่นี่อยู่บ่อยๆ ผู้คนสมัยก่อนดูใจดีและก็เป็นมิตรมากๆ แต่ตอนนี้ดูแย่จริงๆเลย พวกเขาดูจะเห็นแก่ตัว ไม่ค่อยสนใจคนอื่นเท่าไหร่ อย่างบางทีฉันเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันโตขับแทรกขึ้นมาบนทางเดิน ทั้งๆที่คนเดินบนทางเดินก็เยอะอยู่แล้ว ดูค่อนข้างจะเห็นแก่ตัว ไม่ได้สนใจคนอื่นเลย บางทีก็บู๊กันกับตำรวจด้วย คุณว่าที่ฉันคิดเนี่ยจริงไหม มันเป็นเพราะการเมืองหรือเปล่า ... คุณป้าเธอถามยาว ยิงเป็นชุดใหญ่ ดูอัดอั้นมานาน

"Hmm, 30 years ago I was still too young. But along last 10 years, I can say that we face long ... long time politic trouble. May be now everything changes. They just fight for themselves and don't care others. In the newspaper, sometimes they called "Thailand's lost decade"." ก็ ... 30 ปีก่อนนั่น ผมยังเด็กอยู่นะ เป็นยังไงผมไม่รู้หรอก  แต่ผมบอกได้ว่าช่วง 10 ปีมานี้ เราเจอปัญหาการเมืองมาตลอด บางทีทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไป พวกเขาอาจจะสู้เพื่อตัวเอง เพื่อพวกพ้อง เพื่อความเชื่อของตัว ก็เลยอาจจะไม่ได้นึกถึงคนอื่นเท่าไหร่ ในหนังสือพิมพ์บางทีเขาใช้คำว่า ทศวรรษที่สูญหายของเรา ... ผมเม้มปาก ก่อนตอบอย่างระมัดระวัง ปกติจะไม่คุยเรื่องการเมืองกับลูกค้ามากนัก เพราะผมว่ามันเป็นความเห็นส่วนตัวที่แตกต่างกัน บางทีอาจจะแย้งกันได้ ขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะสาวไส้ให้กากิน ... การเมืองบ้านเรามันอาจดูสนุก เหมือนกับตอนอ่านสามก๊กรอบที่ 4 แต่ในบางมุม ผมว่ามันน่าเศร้านะ ที่คนของเรามันมีมุมที่แย่ขนาดนั้น

"So are you ok with your prime minister? Do you prefer democracy or not?" แล้ว ถ้างั้นคุณโอเคกับนายกฯของคุณไหม คุณอยากได้ประชาธิปไตยหรือเปล่า ... คุณป้าส่งคำถามแทนไมค์ยื่นมากระแทกหน้าผมอย่างแรง

"I read from many newspapers, some people cannot accept. But in the same time, lots of them also don't care about coup or selection. It's depend on each opinion. But I can say the truth that many politicians make lots of corruption. They take our money to their family, to their group. We pay tax, but they take them shameless. So if Mr. PM still fight with corruption, coup or selection is no matter. Who cares?" อืมมมม ... ก็นะ เท่าที่อ่านจากหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ บางส่วนก็ไม่ยอมรับนะ แต่ในขณะเดียวกัน หลายๆส่วนก็ไม่สนใจหรอกว่าเขาจะมายังไง มันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวมากกว่าน่ะ แต่ผมว่าผมบอกข้อเท็จจริงได้อย่างนึง เท่าที่อ่านจากหนังสือพิมพ์หลายๆฉบับ (ปกติ ผมไม่อ่านฉบับเดียวนะ) นั่นคือคอรัปชันมันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ คือมีกระจายมากมายไปหมด และมูลค่าความเสียหายก็เพิ่มมากขึ้นมากๆด้วย และส่วนใหญ่ก็มีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยทั้งนั้น ทั้งตัวเองที่เข้าไปได้รับผลประโยชน์ รวมทั้งครอบครัว ญาติพี่น้อง คนรู้จัก ผู้มีบุญคุณ เรียกว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ผลประโชน์ต่างตอบแทนกันเยอะแยะ ... ในขณะที่เราจ่ายภาษีเต็มจำนวน แต่มีนักการเมืองกลุ่มนึงที่เอาการเมืองบังหน้า แล้วก็มายักยอกเอาภาษีที่เราจ่ายนั้นไปเข้ากระเป๋าตัวเองอย่างหน้าไม่อาย แทนที่จะเอาไปทำอะไรๆให้กับคนส่วนรวม ฉะนั้นถ้าหากว่าเขาเข้ามาต่อสู้กับคอรัปชันที่หนักข้อขึ้นทุกวันแล้วละก็ จะมาโดยเลือกตั้งหรือไม่เลือกตั้ง หลายๆคนก็คงไม่สนหรอก ... ผมเล่าไปก็ถอนหายใจอยู่ลึกๆ

"You are correct, like us in England. For me, I love Margaret Thatcher. She always works for people and she is very good." คุณก็พูดถูก เหมือนกับพวกเราที่อังกฤษเลย สำหรับฉันนะ ฉันศรัทธามากาแรต แทธเชอร์มากเลย หล่อนทำงานให้กับทุกคน เป็นคนดีมาก ... คุณป้าว่า หางเสียงยกย่องอดีตนายกหญิงเหล็กแห่งอังกฤษอย่างภาคภูมิ

"Did she had any trouble with corruption?" เธอเคยมีข่าวคอรัปชันไหม ... ผมยิ้มตอบ สตรีเหล็กคนนั้นเป็นนายกหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่ไม่ธรรมดา

"No, not even one about corruption. We respect her a lot." ไม่นะ ไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการคอรัปชันของเธอเลยสักครั้งนึง ... คุณป้าขมวดคิ้ว ส่ายหน้าอย่างยิ้ม

"That's perfect. You are very lucky. England is very lucky." นั่นมันเจ๋งสุด พวกคุณโชคดีมากๆที่ได้ผู้นำที่ดเยี่ยมยอดขนาดนั้น ... ผมยิ้มและชูหัวแม่โป้งยกให้

"Now we feel tired with our politician, we have just only the old man with silly talk. We new the young blood replace to those one." ... ไม่หรอก ตอนนี้พวกเราก็เบื่อพวกนักการเมืองเหมือนพวกคุณนั่นแหละ มองไปทางไหนก็มีแต่หัวหงอกพูดจางี่เง่าเต่าถุย หวังว่าจะมีสายเลือดใหม่เข้ามา ทำให้การเมืองบ้านเราดีขึ้นบ้าง ... ป้าส่ายหัวปลงสังเวชกับนักการเมืองของตัวเอง แบบที่คงไม่ต่างจากเมืองไทยเวลานี้

"That's correct. Ours also only old man with fully case of corruption in. We may have to wait until they all died." นั่นน่ะ ถูกต้องเลย ของเราก็เหมือนกัน มีแต่นักการเมืองรุ่นลายคราม ที่ล้วนแต่มีปัญหาพัวพันกับการคอรัปชันแทบทั้งนั้น สงสัยว่าพวกเราคงต้องรอให้พวก (#@$&) ตายหมดเสียก่อน ... เอ้อ ในวงเล็บนั่นเติมเองเลยนะครับ เอาที่คนอ่านท่านสบายใจเลยละกัน

ป้าคนนีี้เข้ามาที่ร้านหลายรอบอยู่เหมือนกัน ทั้งเอาหนังสือมาแลกไปและทั้งเอามาขายให้ที่ร้าน จำได้ว่ามีทั้งโลนลีแพลนเน็ทดิสโคเวอร์ไทยแลนด์ภาษาฝรั่งเศส / รุทตาร์ทกัมพูชา-ลาว ปี 2015 / โลนลีแพลนเน็ทเซาท์อีสต์เอเชียออนชูสตริงเวอร์ชันภาษาเยอรมัน จนกระทั่งโลนลีแพลนเน็ทเวียตนามปีล่าสุด จำได้ว่ารอบสุดท้ายที่เข้ามานั้น เธอเล็งจันทารามภาษาดัชท์เอาไว้ หมายว่าจะเอาไปให้เพื่อนที่ป่วยอยู่ได้อ่านเล่น โดยเข้าใจผิดว่าเป็นภาษาเยอรมัน แต่พอผมบอกให้ตรวจดูสภาพหนังสือก่อน เพราะเล่มนั้นเป็นเล่มมือสองที่ผมแลกไว้ได้กว่า 2 ปีก่อน เธอจึงเปิดพลิกดูและพบว่ามันไม่ใช่ภาษาเยอรมันที่เธอต้องการ

"My friend must disappoint this because I told her about "Shantaram" in Deutsch. Anyway this "The theory of everything" from Stephen Hawking should be ok." เพื่อนฉันคงต้องเสียใจแน่ๆเลย เพราะตอนแรกฉันบอกเธอไปว่าจะเอาจันทาราม-ภาษาเยอรมันเล่มนั้นไปให้เธออ่าน (แต่มันไม่ใช่ภาษาเยอรมัน) แต่ไม่เป็นไร หนังสือของสตีเฟน ฮอว์กิ้ง เล่มนี้ก็น่าจะโอเคอยู่ ... คุณป้าบอก พร้อมกับยักไหล่ยิ้มๆ ขณะที่ผมเองก็เก็บหนังสือ 2 เล่มของเธอลงในลิ้นชัก สภาพหนังสือค่อนข้างดีแสดงว่าเธอเป็นคนรักหนังสือคนหนึ่ง

"Have a nice trip & enjoy your book." ขอให้สนุกกับการเดินทาง และก็อ่านหนังสือให้สนุกนะครับ ... ผมอวยพรให้ลูกค้ารุ่นลายคราม หลังจากที่เธอบอกว่าเธอจะขึ้นเชียงใหม่สัปดาห์หน้า ผมเห็นข่าวแล้ว อากาศที่นั่นเริ่มหนาว บางดอยเริ่มมีหมอกขาวพร้อมกับอุณหภูมิลดต่ำลงถึงเลขหลักเดียว ... อย่างที่เคยเห็น เคยสัมผัสเมื่อปลายปีก่อน ...

..............................

ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับบางลำพู ... กับถนนข้าวสาร ถนนสายที่บางคนบอกว่าเป็นถนนสายความฝันที่ยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด ปีนี้หลายอย่างเปลี่ยนไป ... ร้านน่ารัก Tropical ice cream ห้องเล็กๆที่เคยเอ่ยถึง และเคยหมายมั่นว่าจะเข้าไปเป็นลูกค้าสักครั้งหนึ่งก็เลิกไปแล้ว กลายเป็นโต๊ะทัวร์ดำน้ำแทน หลังจากเล่นขายไอติมอยู่สัก 2 ปี ... ร้านอาหารตรงหัวมุมสี่แยกบางลำพู ตรงข้ามธนาคารไทยพาณิชย์ ที่เคยเปิดขายอาหารอยู่พักใหญ่ ก็เลิกกิจการละลายเงินไป ปล่อยให้แฟรนไชส์บะหมี่เจ้าใหญ่ที่ทุนหนากว่าในนาม "Hongkong Noodle" เข้ามาเรียกเงินลูกค้าแทน จากแบรนด์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ดูแล้วสามารถดึงดูดลูกค้าต่างชาติได้เยอะอยู่ ตอนเปิดร้านใหม่ๆ ผมเองเดินผ่านตู้ติ่มซำ พร้อมกับสายตาเหลือบมองราคาซาลาเปาลูกละ 40 บาทในตู้ ก่อนจะมองทะลุประตูกระจกเข้าไปยังลูกค้านักท่องเที่ยวต่างชาติที่ดูจะเข้ากันได้ดี ... แม้กระทั่งในถนนข้าวสารเอง หลายๆร้านก็เปลี่ยนแปลงไป ร้านหนังสือเก่าแก่ "ชามาน" ปิดตัวลง หลังจากลดขนาดร้านเหลือเพียงครึ่งห้อง แบ่งที่ให้กับร้านขายเสื้ออยู่พักใหญ่ (เห็นว่าย้ายไปอยู่หน้ายูนิเวอร์สอินน์ ถัดๆกันกับร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดย่างตรงข้ามสหกรณ์บางลำพู) ... "True coffee" ก็ขยับสถานที่จากซอยเดิมใกล้ๆร้านอาหารต้มยำกุ้ง เยื้องสถานีตำรวจ เข้าไปสู่ใจกลางถนนข้าวสารตรง "Sunset street"

..............................

ใช่ครับ ปลายปีที่แล้ว โรงเรียนของเด็กๆหยุดยาวตั้งแต่คริสต์มาส ประกอบกับวันหยุดจากงานประจำของคนเขียนเอง เป็นโอกาสพิเศษที่มาบรรจบกันโดยไม่ได้นัดหมาย พาให้ความคิดเตลิดเปิดเปิงตั้งแต่คืนคริสต์มาสอีฟ

"ทำอะไรดี หยุดยาวสิบกว่าวัน อากาศดีอย่างนี้ ช่างเหมาะกับการเดินทางเหลือเกิน ละอองหมอกเย็นฉ่ำ สีเขียวของคลอโรฟิลจากต้นไม้ใหญ่น้อยรอคอยอยู่แค่ชั่วเหยียบคันเร่ง ไปไหนดี ไปไหนดี 24 ธันวาแล้ว จะไปไหน ที่พักไม่ได้จองไว้เลย แผนการเดินทางไม่มีในหัว จะหาที่นอนได้ยังไงจนป่านนี้แล้ว เพิ่งมาคิดจะไปเที่ยว ไปแย่งกันกิน แย่งกันเที่ยวกับคนไม่รู้เป็นหมื่น เป็นแสน ไปแย่งกันรถติด หรือจะนอนเกาสะดืออยู่บ้านดี" เสียงลึกลับถกเถียงกันก้องอยู่ในหัว จากที่เคยเดินทางพร้อมกับแผนการเดินทางชัดเจน จองโรงแรมที่พักล่วงหน้า ชำระเงิน-โอนเงินเรียบร้อย ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องวัดดวง หรือเสี่ยงอะไรใดๆทั้งสิ้น แค่ไปตามแผนที่วางไว้ล่วงหน้าเท่านั้น ไม่ว่าจะไหนต่อไหนมาบ้าง ไม่มากก็น้อย แต่ก็มีการวางแผน ศึกษาเส้นทางไว้ล่วงหน้า จองที่พักไว้ไม่น้อยกว่า 3-4 เดือน หรือบางทีอาจถึงขั้นข้ามปีกัน

"ไปได้สิ อุตส่าห์ขายหนังสือท่องเที่ยว มีลูกค้าเป็นแบ็คแพ็คเกอร์มาตั้งครึ่งทศวรรษแล้ว ฝรั่งมันมีแค่เป้ใบเดียว ตะลอนๆไปได้ทั่วโลก แล้วทำไมเราจะไปไม่ได้ล่ะ กับแค่ผู้ใหญ่ 2 เด็ก 2 รวม 4 คน 8 ขา แถมให้ว่ามีอีก 4 ล้อ เป็นเพื่อนร่วมทาง ล้อหมุนไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก ค่ำไหน ก็หาที่นอนแถวนั้น คงจะไม่ต้องพักโรงแรมหรูหลายๆดาวละมั้ง มันคงจะไม่ไปเจอโรงแรมผีสิงเอาง่ายๆหรอก" ใจอยากไปส่งเสียงอึงอล ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอก 

"เรื่องงบประมาณไม่น่าจะใช่ปัญหา ตัดไปได้ ... เรื่องเวลา ก็เต็มที่เลย 10 กว่าวัน เอาที่สบายใจละกัน ... เรื่องเส้นทาง จะเท่าไหร่กัน ก็ในเมื่อมีแรง ขับรถได้ก็ไปเรื่อยๆ ค่ำไหน-นอนนั่น อยากแวะไหนก็แวะ หลงบ้างก็จะเป็นไรไป ไม่มีคำว่าช้า คำว่าสาย เพราะไม่มีแผนไง ถูกใจที่ไหน จะอยู่นานๆก็แล้วแต่ชอบ ... สภาพของเพื่อนคู่หู 4 ล้อก็ไม่มีปัญหา ถึงแม้จะเป็นทริปทางไกลก็ไม่หวั่น เพิ่งออกมาดูโลกยังไม่ถึงแสนกิโลเมตรเลย เหลือก็แค่ใจของคนขับกับคนนั่งเท่านั้นเอง" สมองสั่ง นวดไปเรื่อย ตะล่อมไปเรื่อย พร้อมกับรอยยิ้มบางๆมุมปาก และตาเป็นประกายประมาณว่า "รู้นะ คิดอะไรอยู่"

จนกระทั่งในท้ายที่สุด Special Road Trip แบบ No plan ก็เกิดขึ้น ณ คืนคริสต์มาสอีฟ ของปี 2014 ที่ผ่านมานั่นเอง เป็นการเปิดมุมมองใหม่ของการเดินทาง ที่เปลี่ยนไปจากแบบแผนเดิมๆ ของครอบครัวเล็กๆ 4 คน 8 ขา กับ 4 ล้อหมุนๆ ที่จะมาเขียนให้อ่านกันเล่นๆ ...

ภาพนี้เก็บไว้ ก่อนล้อหมุน วันเกิดเหตุ

ว่าแต่ จะไปไหนกันดีล่ะ ยังไม่ได้คิดเลย ...

แค่ตัดสินใจว่า จะไปหรือไม่ไป แบบไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้า ฉุกละหุกเก็บกระเป๋าคืนนี้ พรุ่งนี้เช้าก็เผ่น (อย่างกับหนีไฟไหม้) ก็ทำเอาหัวใจเต้นแรงขึ้นกว่าปกติ อย่างที่ไม่ค่อยได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

แล้วเลือกปลายทาง จะออกหัว-ออกก้อย หรือจะกร่อยเป็นน้ำบาดาล เดี๋ยวมาว่ากัน ตอนหน้าครับ

SmileySmileySmiley

เจตตจัน
02-2820358
085-8035412
087-0719858
jettajan227@yahoo.com




 

Create Date : 07 ธันวาคม 2557
3 comments
Last Update : 10 ตุลาคม 2558 2:30:55 น.
Counter : 836 Pageviews.

 

ยังติดตามอยู่ห่างๆค่า

 

โดย: น้ำ IP: 124.121.203.10 10 ตุลาคม 2558 13:18:06 น.  

 

ดีใจที่มี "ใครบางคน" ทักมา และขอบคุณครับ ที่ยังจำกันได้

 

โดย: jettajan (jettajan ) 11 ตุลาคม 2558 21:39:24 น.  

 

อ่านสนุกดีค่ะ มาเจอเพราะคีย์เวิร์ดหาข้อมูลหนังสือบางเล่ม เลยอ่านแต่ละเรื่องไปเพลินๆ ค่ะ ว่างๆ ถ้ามีโอกาสผ่านไปข้าวสารจะแวะไปทักทายไปอุดหนุนหนังสือค่ะ

 

โดย: Mrs. H IP: 58.8.226.67 14 กรกฎาคม 2560 16:40:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


jettajan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add jettajan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.