1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31
ว่าง หลุดโลก... ได้ฝันเรื่อยเปื่อยกะเค้ามั่ง
เพิ่งจะยุ่งมาตลอดทั้งอาทิตย์แท้ๆ พอพ่อกลับมาจากเมืองไทย ก้อเกิดอาการหายยุ่งซะงั้นล่ะ ทุกอย่างหยุดชะงักกึก... เด็กที่รอคอยว่างๆมา 3 วันแล้วโดยประมาณ... ไม่รู้ยังไง ลูกค้าไม่เข้ามากินแบบแห่แหนเลย แต่โชคยังดีที่ไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพราะว่า เอ่อ...มีเด็กที่รอคอยอยู่คนเดียวหน้าร้าน ... พนักงานอีกคน No Show... คือโทรไปตามมาตั้งกะคืนก่อนแล้วแต่มีแค่เครื่องตอบรับอัตโนมัติ เราก้อฝากข้อความไว้ บ่ายๆวันต่อมาก้อติดต่อไม่ได้เลย แล้วมันก้อไม่มีใครว่างมาทำงานคู่กะเด็กที่รอคอยเลย หรือมันกลัวกันก้อไม่รู้ เพราะต้องทำกับเรา 2 ต่อ 2 ...ยกเว้นน้อง ก. ซึ่งออกแนวหน้ากับเรามานับครั้งไม่ถ้วน แล้วเด๋วจะเล่าให้ฟังว่า เกิดอะไรขึ้นกับน้อง ก. เมื่อครั้งกาลนานมาแล้ว เมื่อวันพุธ ก้อเลยเป็นอันว่า ... อยู่คนเดียว .... ปกติก้อเคยอยู่คนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่เคยหรอก.... ตอนไปทำงานร้านที่อื่น ปัญหาคือ ในบรรดา 10 ร้าน ตั้งแต่ที่เคยทำมานั้นจะเป็นร้านที่มีประมาณ 70 ที่นั่งโดยเฉลี่ย ส่วนร้านที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา จำไม่ได้ว่ากี่ที่นั่งแต่คงเป็นร้อย... ไม่มีเทคโฮมหรอกค่ะเพราะมันเป็นร้านหน้าคาสิโน ใครมากินก้อ ถก...ตรูด ไปเล่นกันต่อ หรือไม่งั้น ก้อแค่มาเดทกันกะแฟนเอาหรู เพราะร้านแถวนั้นมันแพงสะบัด ... พนักงานแต่ละคนมีโซนที่ต้องดูแลเป็นของตัวเอง เด็กที่รอคอยอาจจะโดนหนักกว่าคนอื่นเค้าหน่อยตรงที่ คนอื่นดูกันแค่ประมาณ ไม่เกินสิบโต๊ะ ....ตีซะว่า พนักงานหนึ่งคนดูแลลูกค้าราวๆไม่เกิน 20 และจะมีคนมาเปิดไวน์ให้ด้วย เพราะโดยมากจะมีแต่เด็กผู้หญิงทำ ซึ่งมักจะเปิดไวน์กันไม่คล่อง เด็กที่รอคอยเป็นที่รักของเจ้านาย จึงโดนเข้าไป 50 คน ... แค่นี้น่ะยังดีนะ วันไหนเจอทัวร์มาลงแบบกรุ๊ปละ 30 คน 60 คนเนี่ย โห... จะแทบกระอักเลือดเอา เพราะทัวร์มันจะเร็วมาก มาไวไปไว ต้องเอาลงให้ได้ทันเวลา แล้วพลาดไม่ได้เลยซักอย่าง เครื่องดื่มมา ของว่างมา ข้าวมา กับมา และสุดท้าย ผลไม้ต้องมา ... แรกๆก้อทำไม่ทันหรอกไอ้ทัวร์เนี่ย เหนื่อยบรรลัย แถมโดน ผจก ด่าอีก (แต่เจ้านายไม่ด่าค่ะ เจ้านายร๊ากกกกกกก ... เพราะมันดูออกว่า มันพึ่งพาเราได้แค่ไหน เหอะ! ) ไอ้ที่เลวก้อคือ ทัวร์โดยมากจะมาราวๆ 5โมงครึ่งหรือหกโมง แล้วก้อจะกินเสร็จประมาณไม่เกิน 1 ช.ม จากนั้น ... แล้วคิดดูสิ ทุ่มนึงเนี่ย ยัง Prime Time อยู่เลย ใครๆก้อเริ่มออกมากินข้าว ใครล่ะต้องรีบเซ็ทโต๊ะรับลูกค้าโซนนั้นต่อ..... ก้อ กรู .... แถมยังต้องเปิดไวน์เองอีก ยังดีที่ไม่ต้องโดดเข้าไปทำค๊อกเทลเอง ไม่งั้นจะด่าให้ ...ค่าแรงที่ให้เนี่ยแมร่งคุ้มอิ๊บอ๋ายเลยไอ้ha' เอ๊ย....... อุย! ขอประทานโทษค่ะ อินไปหน่อย แต่มันแค้นใจจริงๆแถมยังต้องใช้ระบบ touch screen เวลาจะสั่งของเข้าไปในครัวอีกตะหาก เวลาจะกดเนี่ยทรมานแสนสาหัสจนจะตบไอ้คอมฯนั่นพังหลายทีแล้ว ... ดีแต่ว่าร้านนั้นทิปมันดีก้อเลยทนทำอยู่พักนึง ................... เอ๊ะ.......................... เมื่อตะกี้เราคุยกันอยู่ เรื่องอะไรนะ อ๋อๆๆ! เรื่องอยู่คนเดียวที่ร้านเมื่อวันพุธ! โทษทีค่ะ โทษที คนมีอดีต มักจะมีเรื่องเล่าแยะไปหน่อย สรุปว่าวันนั้นก้อผ่านพ้นไปด้วยดีแหละ เพราะว่าลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ช.มละโต๊ะสองโต๊ะเอง แต่ก้อมีเทคโฮมเข้ามาพอสมควร แต่แค่นั้นก้อทรมานแล้วนะเพราะว่าร้านมันใหญ่ ระหว่างครัวกับด้านหน้าร้านมันก้อไกลกัน เด็กที่รอคอยวางแผนเอาไว้เลยว่า จัดลูกค้ามานั่งกระจุกๆกันด้านหน้า ไม่เอาไปด้านนอกฝั่งพู้นนนน.... เดินไม่ไหวฮ่ะ เครื่องดื่มก้อต้องทำเอง ไวน์ต้องเปิดเอง อาหารต้องรับออร์เดอร์เอง วิ่งเสิร์ฟเอง รับโทรศัพท์เอง ... อะไรก้อกรูทำเอง ... ชาติที่แล้วทำบุญอะไรเนี่ย อานิสงส์มาบังเกิดในชาตินี้ยังกะเจ้าแม่พันมือไปได้! ถ้าร้านมันเล็กกระทัดรัด ราวๆ 50 ที่นั่ง 70ที่นั่ง จะไม่บ่นเลยให้ตาย... แต่แล้ว พระเจ้าก้อเมตตานะ ... พ่อกลับมาจากเมืองไทยไฟล์ทคืนนั้นเลย มาถึงก้อมาช่วยเอาโทรศัพท์ไป แต่มันไม่มีโทรเข้ามาแล้ว ... เพราะว่า .... หมดเวลาทำการแล้วสำหรับคืนนั้น(ฮ่วย!! ) น้อง ก. ก้อมาเหมือนกัน มาช่วย ... ดู เพราะเพิ่งเลิกเรียนมา และเมื่อมาถึง ทุกสิ่งทุกอย่างก้อจบสิ้นไปแล้วไว้อาลัยให้เด็กที่รอคอย 1 นาที ด้วยค่ะ ... อาเมน! @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ เล่าเรื่องอดีตของ น้อง ก. ก่อนที่จะมาเป็นมือขวาของเด็กที่รอคอยหน่อยนึง... คือว่าเมื่อแรกเริ่มนั้น น้อง ก. เค้าอยู่ของเค้าที่อื่น ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกะเด็กที่รอคอยหรอก แต่แม่เค้าเป็นเพื่อนของเพื่อนแม่เด็กที่รอคอยอีกที (งงมะ) พอน้อง ก. ได้มาเรียนต่อที่นี่ ก้อไปอยู่กะโฮมสเตย์อยู่พักนึง เกิดมาเธอก้อไม่เคยทำงานบริการเหมือนกัน เห็นว่าเคยทำงานพิเศษร้านโชว์ห่วยฝรั่งอยู่พักนึง แล้วก้อมองๆหางานอื่น แล้วยังไงไม่รู้ เพื่อนของแม่เด็กที่รอคอยก้อแนะนำให้ลองขึ้นเขามาหาร้านเด็กที่รอคอยเพื่อสมัครงานดู เธอก้อเลยมา ประจวบกับตอนนั้นเราอยากได้เด็กไทยไว้ซักคนพอดี ก้อเลยรับไว้ โดยวันศุกร์เสาร์ น้อง ก. ต้องค้างบ้านเด็กที่รอคอยเพราะรถเมล์เที่ยวสุดท้ายมันหมดแค่สี่ทุ่มครึ่ง ก้อไม่เคยเจอกันหรอกช่วงนั้น เพราะเด็กที่รอคอยยังอยู่ที่เมืองไทยอยู่เลย กลับมาอีกที ก้อเจอน้อง ก. ปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ที่ประตูโรงรถมารับหน้า รับกระเป๋าเดินทางคืนวันที่เด็กที่รอคอยกลับมาจากเมืองไทย รู้สึกว่าจะคุยกันได้ไม่กี่คำ เพราะใจจริงแล้วเด็กที่รอคอยเป็นคนไม่ค่อยได้ให้ความสนิทสนมกับใครเท่าไหร่ ยกเว้นเวลาเข้าสังคม แต่ถ้าเป็นเหตุการณ์แบบนี้ก้อเพียงแค่พูดตามปกติ แต่น้อง ก. พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะรู้จัก และให้เด็กที่รอคอยรู้จัก ...พูดง่ายๆ มันประจบทุกวิถีทางนั่นแหละ แรกๆก้อไม่ค่อยได้ชอบเด็กคนนี้เท่าไหร่ แต่โชคดีว่าน้อง ก. มันยัง adapt ได้ไว รู้ว่าเราไม่ชอบผู้หญิงสะตอเบอร์รี่ ก้อไม่ทำ แต่จะพยายามอยู่ใกล้ๆ ทำนู่นทำนี่ให้ แต่ตอนนั้นกึ่งๆรำคาญเหมือนกันนะ ก้อเลย เออออไปตามเรื่อง อยากทำอะไรก้อทำไปเหอะ จะได้จบๆเรื่องไป (แล้วจะไปไหนก้อไปเหอะไป๊...! ) ก้อจะประมาณนั้น ตอนหลังนี่เอง เมื่อซักหนึ่งปีมาแล้ว น้อง ก. ก้อมาไถ่ถามขอเช่าห้องอยู่ในบ้านเด็กที่รอคอยเพราะว่าไม่ค่อยจะถูกกับเจ้าของบ้านโฮมสเตย์ซะแหล่ว... ทางเราก้อไม่มีปัญหา จึงตอบตกลง แล้วหลังจากนั้น น้อง ก. ก้อได้รับรู้ไปเองว่า นรกมีจริง เพราะมีเด็กที่รอคอย กร๊ากกกกกก!!! ว่าไปแล้วมันก้อมีน้ำอดน้ำทนดีเหมือนกัน พยาย๊าม...พยายามเอาใจเราสารพัด ทุกวันนี้ก้อยังเป็นอยู่ แต่เป็นไปในแบบธรรมชาติมากกว่าแต่ก่อน คือดูไม่น่ารำคาญ และไม่ fake ถ้าจะกินข้าวกัน น้อง ก. ก้อตักข้าวให้เด็กที่รอคอยไว้รอท่า หาน้ำมาให้ อยากจะให้ไปทำอะไรให้ก้อไม่มีเกี่ยงงอน แค่ "น้อง ก." คำเดียว ... เอาอยู่ เหตุก้ออาจจะเพราะว่า น้อง ก. ก้อเป็นลูกคนเดียวเหมือนกัน เกิดมาไม่เคยมีพี่ แต่ว่าญาติรุ่นๆเดียวกันของเค้าที่เมืองไทยก้อเยอะ ส่วนเด็กที่รอคอย เกิดมาเป็นลูกคนเดียว หลานคนแรกของบ้าน(ตอนนั้นเป็นหลานตาหลานยายคนเดียวเลยด้วย) แถวบ้านไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันเท่าไหร่ น้อง ก. คงจะชินกับการเผื่อแผ่เอาใจคนรอบข้างเพราะมีเพื่อน มีพี่มีน้อง แต่เด็กที่รอคอยไม่เคยมีใคร อยู่ตัวคนเดียวมาตลอด นรก จึงตกไปอยู่กะน้อง ก. ด้วยประการฉะนี้! เวลาเด็กที่รอคอยเอาแต่ใจตัวเองล่ะก้อ อย่าให้เซ่ดเลย ไม่เคยไว้หน้าใครทั้งนั้น พ่อแม่ยังเอาไม่อยู่เลย ... แต่เรื่องการทำงานนั้น น้อง ก. พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้จากเด็กที่รอคอย ซึ่งทั้งบอก ทั้งสอน ทั้งดุ ทั้งเอ็ด(ด่า) บางทีก้อมีลงไม้ลงมือตามอัธยาศัยเหมือนกัน กว่าจะปั้นให้มาเป็นอันดับสองของร้านได้ ไม่ใช่ง่ายๆนะคะ เด็กปั้นค่ะเด็กปั้น เด็กปั้น ก้อ ไม่เคยได้แสดงฝีมือที่แท้จริงหรอก เพราะปกติแล้วจะไดทำแค่ ศุกร์เสาร์ ... จนกระทั่งมันมาถึงวันที่เราได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว ก้อเริ่มให้เด็กปั้นมาทำวันธรรมดาบ้าง แต่โดยมากจะมีพนักงานอยู่รวมกันเป็น 3 คน คือจะมีเด็กที่รอคอย น้อง ก. และใครอีกคน ส่วนพ่อก้อจะอยู่จัดแต่งจานข้างใน ทำขนมมั่ง รับโทรศัพท์มั่ง แต่ไอ้วันนั้นน่ะ ... ไม่รู้เกิดไรขึ้นจำไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่ามันเป็นวันแสดงศักยภาพ น้อง ก. โดยชัดเจนเลยทีเดียว กล่าวคือ ... ในครัวคนไม่พอ พ่อต้องไปช่วยทำด้านใน ส่วนด้านนอก มีแค่เรา2 ... อีกหนึ่งหน่อไม่รู้ไปไหน ไม่มา ... เมื่อไม่มา เราก้อต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยกันอย่างราบรื่น เพราะวันนั้นจำได้ว่า ฝูงชนมากมายมหาศาล แห่กันเข้ามากินยังกับแจกฟรี ... ที่จำได้เพราะว่า ตอนที่แขกออกจากร้านใกล้หมดแล้ว เด็กที่รอคอย กับ น้อง ก. ยืนหอบแฮ่กซดน้ำกันที่บาร์ แล้วเหม่อมองด้านหน้าอย่างเลื่อนลอยประดุจหมดสิ้นความหวังที่จะผ่านพ้นคืนนั้นชอบก๊ล... เพราะว่า ในบาร์นั้น แก้วเต็ม จนวางอะไรไม่ได้แล้ว ขวดน้ำยังต้องแอบวางบนพื้น แถมบนโต๊ะก้อยังไม่ได้เก็บจานเลยซักโต๊ะ จะเซ็ทโต๊ะก้อทำไม่ได้ ง่ายๆเลยดีกว่าว่า เรามองหน้ากันเองแล้วพูดออกมาพร้อมกันว่า "...เริ่มไม่ถูกเลย" ก้อ มันเป็นงั้นจริงๆนะ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี รู้แต่ว่า เหนื่อยเป็นอย่างมาก และตั้งแต่หกโมงนั่นน่ะ สี่ทุ่มครึ่งปาเข้าไปแล้วถึงได้มีโอกาสซดน้ำกัน และเป็นครั้งแรกที่ได้มองนาฬิกา น้อง ก. จดจำคืนนั้นได้ไม่ยอมลืม แถมยังมีหน้ามาพูดในตอนหลังนี้อีกว่า "พอโดนคืนนั้นเข้าไป หายกลัวซึ่งสิ่งใดเลยพี่..." (กร๊ากกกกกก!!) อึดค่ะ อึดเท่านั้น ที่จะทำให้รอดพ้นวิกฤติ เพราะคืนที่ยุ่งแบบนั้นควรมีถึง 5 คน ... แต่วันนั้นเรามีกันแค่ 2 คน รอดมาได้ถือว่า โอเคแล้วล่ะ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เด็กที่รอคอยก้ออยู่กะน้อง ก. เพียง2 คนในคืนวันธรรมดาเสมอ ยกเว้นจะรู้ตัวมาก่อนว่ามีบุ๊คเยอะ จึงจะเรียกคนอื่นมาช่วยอีกซักแรง แต่ถ้าจนปัญญาจะรู้ เรา2 ก้อต่างสู้กันจนสุดตัว เด๋วนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนค่ะ เด๋วนี้จะกี่โต๊ะ ก้อฟาดฟันกันเรียบวุธได้ ไอ้ที่ยุ่งๆเนี่ย หมายถึงว่า มีเซ็ทโต๊ะใหม่อีกศักครั้งสองครั้งด้วยนะ เพราะบางโต๊ะวิวสวยลูกค้าชอบ ก้อเซ็ทกันไป ทั้งๆที่เบื้องหลังยังเป็นสมรภูมินั่นแหละ เสียงกระดิ่งจากในครัวจะดัง เสียงโทรศัพท์จะร้อง ... ทุกอย่างก้อต้องเสร็จโดยเร็วที่สุดเท่านั้นเอง ... เห็นม้านรก มี จริง ... @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ มีโอกาสคุยกับเพื่อนใหม่เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง แต่คุยกันดึกมากแล้ว(จะเช้าแล้ว ) และอาจจะเพราะว่าเค้าก้อดื่มมาด้วย สติก้อเลยอาจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว100% แต่ที่คิดว่าน่าสนใจก้อคือว่า เค้ามีนางในฝันของเค้าด้วยล่ะ "ผู้หญิงที่ผมชอบเรอะ ... เป็นคนที่เหมาะกับเชิ๊ตขาว กางเกงสะแล๊คแบบสาวออฟฟิศเท่ห์ๆ รองเท้าบู๊ทอะไรอย่างนั้นน่ะ คือดูเป็นผู้ใหญ่ ไม่หน่อมแหน้ม นิ่ง ไม่คอยตามคอยหึง ... บลา บลา บลา...." ได้แต่คิดตามว่า ... นางในฝันของเค้าเนี่ย คงต้องไปหาเอาตามออฟฟิศแหงๆ หาไม่ยากหรอก นานๆทีจะได้ยินแบบนั้นเหมือนกันนะเพราะปกติจะประมาณว่า ... ขาว สวย หมวย เอ๊กซ์ หรือ แม่บ้านแม่เรือน หรือ ทำอาหารเก่ง หรือ เอาอกเอาใจเก่ง ไม่เก่งเกินกว่าผู้ชาย หรือ เข้าอกเข้าใจในยามที่ต้องการกำลังใจ โอ๊ย! อีกสารพัดอย่าง เด็กที่รอคอยไม่มีสเป๊คมั้ง ... ใจจริงก้อคิดว่า คงจะมีมั่งแหละ แต่ด้วยความที่ผ่านโลกมาก้อพอสมควร เลยไม่รู้จะยึดกับอะไรดี ใจจริงชอบคนหล่อม๊ากกกกกกกกกกกก เลยค่ะ แต่หล่อแล้วไร้คุณภาพ ก้อแย่จังเลยน้า ... อีตอนที่เราไปแบกศพที่ภาคใต้เมื่อตอนสึนามิน่ะ ยังแบกไปคิดไปเลยว่า ตอนยังอยู่ จะหน้าตายังไงมั่งนะ เพราะตอนนี้ที่น้ำเหลืองหยดติ๋งๆ แล้วเนี่ย... อย่าว่าแต่จะพยายามนึกสภาพหน้าเลย ... เนื้อหนังที่อยู่ในห่อผ้านี้ จะครบส่วนรึเปล่าก้อยังไม่รู้เลย ใครๆก้อคงจะอยากได้คนในฝันมาอยู่เคียงข้างล่ะมั้ง เด็กที่รอคอยก้อไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่หรอกนะ เพียงแต่คิดว่าระหว่างคนที่ตามหาความรัก กับคนที่ไม่มีใจจะรัก มันก้อคงเป็นช่องว่างที่ต่างกันเยอะหน่อยล่ะ @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@ แต่ถ้าจะให้ยอมรับจริงๆ ... ก้อคือ มีค่ะ เด็กที่รอคอย มีคนในฝัน ที่เคยมีใจ เคยมีความรู้สึกดีๆให้เค้า ... แต่เค้าก้ออยู่เพียงแค่ในฝันเวลาที่อยากจะฝันถึงเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ไม่ใช่เพราะว่าเค้าไม่มีตัวตน... แต่เพราะมันเป็นไปไม่ได้... เก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้เป็นความทรงจำที่ดี ดีกว่านะ ... ........... แล้ว มีคนในฝันกันบ้าง หรือเปล่าคะ? ..........
Create Date : 10 มีนาคม 2549
Last Update : 10 มีนาคม 2549 4:11:14 น.
16 comments
Counter : 862 Pageviews.
โดย: Kofschip วันที่: 10 มีนาคม 2549 เวลา:5:56:25 น.
โดย: ปป IP: 203.154.148.50 วันที่: 10 มีนาคม 2549 เวลา:10:11:08 น.
โดย: ปป IP: 203.154.148.50 วันที่: 10 มีนาคม 2549 เวลา:10:15:18 น.
โดย: la-la-bell วันที่: 10 มีนาคม 2549 เวลา:14:02:43 น.
โดย: ของจริงไม่ได้ แค่ฝันก็เอา IP: 61.91.144.27 วันที่: 11 มีนาคม 2549 เวลา:4:12:49 น.
โดย: darknight IP: 58.8.245.97 วันที่: 11 มีนาคม 2549 เวลา:10:47:28 น.
โดย: วีวี่ IP: 58.147.101.29 วันที่: 11 มีนาคม 2549 เวลา:17:43:34 น.
โดย: เซียวเปียกลี้ IP: 202.6.90.160 วันที่: 12 มีนาคม 2549 เวลา:14:57:42 น.
โดย: แว่นน้อย IP: 202.28.66.23 วันที่: 13 มีนาคม 2549 เวลา:16:23:02 น.
โดย: froggie IP: 125.24.82.76 วันที่: 17 มีนาคม 2549 เวลา:14:43:08 น.
โดย: เอริ...จัง IP: 24.63.175.159 วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:10:36:58 น.
Location :
กรุงเทพ Australia
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [? ]
จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี "ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด" ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก (จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช) สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด