|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องเก่าเล่าใหม่ ... เพราะวันนี้เป็นวันที่ 16 ตุลาคม
เมื่อ 3 ปีก่อนนี้ เด็กที่รอคอยเคยเขียนไดอารี่นี้ไว้ ด้วยกำลังใจที่รวบรวมขึ้นมาอย่างยากเย็น น่าแปลก...
บางทีวันเวลาก้อผ่านไปแสนจะเชื่องช้าจนแทบทนไม่ได้ หากแต่บางที ยังไม่ทันที่เราจะรู้ตัว มันก้อบรรจบมาครบปีอีกครั้ง
ที่เขาว่ากันว่า ถ้าเราอยู่เฉยๆ โลกก้อจะหมุนไปเอง ก้อถูกแล้วล่ะ...
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
20ปีที่ผ่านมานี้ ฉันมีเพื่อนอยู่กลุ่มหนึ่งที่เวลาไปไหนมาไหนด้วย ชาวบ้านข้างโต๊ะมักจะมองยามเราพูดคุยกัน ถ้าไม่ใช่คุยเสียงดังเกินไป ก็ฮากันลั่นเกินไป ....และสุดท้าย คำพูด มีศัพท์แสลงมากมายเกินไป คนอื่นฟังคงรับไม่ค่อยได้ แต่พวกเราทุกคน ได้ฟังแล้วเหมือนยาชูกำลังให้เลือดลมวิ่ง หัวเราะสนุกสนานมีความสุขบ้าๆบอๆกันพร้อมหน้า
กลุ่มเพื่อนที่เรียนชั้นประถมฯมาด้วยกัน มีทั้งหญิงชายคละเคล้ากัน คบกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงเด็กชาย จนถึงนาย นางสาว...ตราบจนบางคนก็เปลี่ยนเป็น นาง ไปแล้วเรียบร้อย .... ใช้เวลารู้จักกันในช่วงวัยเด็ก แต่เติบโตกันตามทางของแต่ละคน เมื่อมีโอกาสในแต่ละปี เราก็โคจรมาพบกันสักที
ประณิธิ วีระปรีย หรือ แบ๋ม หรือ ไอ้แบ๋มของพวกเรา เป็นบุคคลที่โดดเด่นมาแต่เล็ก ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้.... มันสูงกว่าชาวโลกทั่วไปค่อนข้างมาก ครั้งสุดท้ายที่วัดความสูง รู้สึกว่าอีกแค่เซ็นต์เดียวมันคงจะถึง 2 เมตรแล้วล่ะมั้ง...
สมัยก่อนตอนเข้าแถวเคารพธงชาติตอนเช้าๆ ฉันกับแบ๋มจะอยู่ไม่ค่อยไกลกัน เพราะเราติดอันดับเด็กตัวสูงของห้อง ฉันสังเกตว่าพวกสูงๆนี่มักจะมีอะไรแผลงๆเยอะกว่าชาวบ้านเค้าเสมอ จำได้ว่าฉันเคยโถมตัวเข้าหามันแล้วแถมลูกมะผางให้ เนื่องจากมันเคยล้อเลียนนามสกุลฉัน เล่นเอาอาจารย์ประจำชั้นตกใจต้องรีบเข้ามาแยกคู่มวยเอก
คบกันมันมา ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงได้เลยสักครั้ง แล้วก็แทบจะทุกคนด้วยที่เป็นแบบฉัน คุยกับมันเหมือนว่าเราเองก็เป็นผู้ชาย
แม้ว่าแบ๋มจะมีแฟนมาตั้งแต่วัยกระเตาะ รู้จักหวานใส่สาวๆตั้งแต่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แสดงให้โลกรับรู้ว่าเขาเองก็มีเสน่ห์ใช่ย่อย ..... แต่กับเพื่อนผู้หญิงในกลุ่ม ทุกคนมองมันทำตาเชื่อมแล้วร้อง "..ยี้.." ไม่มีใครเอามัน แล้วมันก็หัวเราะ เพราะมันก็ไม่เอาเพื่อนมาทำแฟน
มันจะเจ้าชู้ยังไง แต่กับเพื่อนที่เป็นผู้หญิง มันก้อไม่ยอมให้ผู้ชายที่ไหนมารุ่มร่าม มันเดินนำหน้าก่อนเสมอ กับแฟนมันเป็นยังไงฉันไม่รู้ แต่ในความเป็นเพื่อน มันเป็นเพื่อนผู้ชายที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันมีมา
ตอนมันอยู่มัธยม มันก็ทำให้เพื่อนใจหายใจคว่ำ เรียนตกๆหล่นๆ มันอ้างว่ามันเป็นคนช่างย้ำคิดย้ำทำ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมันจึงเรียนซ้ำบ้างเป็นบางปี พอมันเริ่มเรียนมัธยมมันก็เริ่มห่างๆพวกเราไป แต่ทุกครั้งที่ฉันกลับไปเมืองไทย มันจะโผล่ออกมารับหน้าฉันได้ทุกครั้ง
คราวที่พวกเรากินเหล้ากันจนเมากลิ้ง มันก็ต้อนทุกคนให้กลับไปนอนบ้านมันโดยยอมอัปเปหิตัวเองลงมานอนขดอยู่บนพื้นห้อง ปล่อยให้สาวๆนอนกอดกันตัวกลมอย่างอุ่นสบายบนเตียงนอน
เช้ามามันก็เรียกให้ลงไปกินข้าวเช้าด้วยกันโดยโฆษณาเสียดิบดีว่า มันมีอาหารพิเศษแนะนำ อ้างว่า เป็นหมูหยองมหัศจรรย์ กรอบแสนกรอบมันกินของมันมาตั้งแต่เล็ก แถมด้วย ไข่เค็มสูตรพิเศษ ฉันมองแล้วมองอีกก็ยังไม่เห็นว่ามันพิเศษยังไงเพราะมันคือ ไข่ต้ม เลยถามมันว่า มันเป็นไข่เค็มตรงไหน?
"มึงก็เหยาะน้ำปลาลงไปสิ .. ควายเอ๊ย!" พูดแล้วมันก็หัวเราะชอบใจ แต่เพื่อนๆก็ไม่เกิดศรัทธากับกรรมวิธีทำไข่เค็มของมัน เลยปล่อยให้มันกินกับข้าวต้มไปคนเดียว
ฉันเคยรู้มาบ้างว่ามันเปิดร้านขายปลาอะโรวาน่า เพื่อนทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตะลึงว่า มันนึกบ้าอะไร จวบจนกระทั่งร้านปิดไปคาตา เลิกขายปลาก็จริง แต่มันแปรตนเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านดูปลาแทน ฉันเคยนิยามมันว่า อะโรวาน่าฮอลิก .... มันบ้าปลาเอาซะจริงๆ มันเอาไปปล่อยในน้ำตรงศาลาหน้าบ้านซะไม่รู้ตั้งกี่ตัว สมัยเด็กๆมีเพื่อนๆเคยลงโดดน้ำในบึงนั้นตูมๆ ..... หลังๆไม่มีใครกล้า มันเองก็ไม่กล้า เพราะปลาของมันสามารถว่ายน้ำชนคนซี่โครงหักได้ แถมยังมีเต่าร้อยปีอีกหนึ่งตัวมั้ง เคยเห็นมันให้อาหารเต่าอยู่หนนึง ยังเคยถามมันเลยว่า เลี้ยงให้มันแก่ๆแล้วจะเอามาดองเหล้ารึเปล่าวะ
มันยิ้มมีเลศนัยชอบกล...
จะคุยกันกี่ครั้งกี่หน มันก็ถามฉันว่า เมื่อไหร่มึงจะเรียนจบ พอถามมันบ้าง มันว่า ยังอีกนานเพราะไปเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก .... แต่โผล่มาอีกที มันก็ป่าวประกาศซะดังลั่นว่า "เฮ้ย!กูเรียนจบแล้วนะโว้ย เมื่อไหร่มึงจะจบ" ฉันด่ามันไปชุดใหญ่โทษฐานเยาะเย้ย และไม่ยอมรอเรียนจบทีหลังฉัน ก่อนจะแสดงความยินดีให้เพราะฉันไม่สามารถไปร่วมงานรับปริญญาของมันได้
เรียนจบ ไปทำงานได้ไม่เท่าไหร่ ริอ่านเปิดบาร์ ฉันรู้จักมันมานาน ไม่เคยคิดเล๊ย...มันจะเล่นเช่าห้องแถวมาเปิดบาร์ วันๆมีแต่เพื่อนมันมากิน ถามมันว่า มีอะไรกินมั่ง ยังไม่ได้กินข้าวเย็นมาเลย มันบอก "แดกถั่วสิ แกล้มเหล้า ร้านกูขายแค่เนี้ย" พูดแล้วมันก็หัวเราะไปดูดบุหรี่ไป
บุหรี่นี่อีกอย่าง เห็นใครซื้อ LM สีแดงมา เป็นต้องด่า รสนิยมต่ำ ไอ้เราก้อนึกว่าตอนมันคว้าออกมา คงเป็นดันฮิลล์ ปรากฏว่า... "รสนิยมสูง ต้องอย่างกู!!" แล้ววาง ปัง!!! .....
... LM เขียว ....
มันเกือบโดนรุมถีบ .....
เมื่อมีนา เจอหน้ามันแค่ 15นาทีเอง กลับไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ไม่มีโอกาสเจอกันเลยแม้แต่ครั้งเดียว.... คุยกันสองครั้ง คุยกันเรื่อยเปื่อยทั้งเรื่องชีวิต การงาน แล้วคุยกันครั้งสุดท้ายมันได้แต่ขอโทษที่มากินข้าวด้วยไม่ได้ ยังบอกมันว่า ไม่เป็นไร งวดหน้ามึงเลี้ยงนะ
รถคันนั้น คงไม่เหลือซากดีแล้วล่ะมั้ง.... แต่รถจะเป็นไงก้อช่างเหอะ มึงอย่าเป็นอะไรเลยว่ะ กลับมาเป็นไอ้แบ๋มที่บ้าๆบอๆเหมือนเดิมเหอะ ถึงจะต้องเป็นอัมพาต อยู่รอกันก่อนเถอะอย่าเพิ่งไป
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายคะ สองปีจากชีวิตฉัน มันไม่ได้มากมายอะไร ถ้าฉันอยากจะยกให้เพื่อนอย่างมันเนี่ย มันจะต้องทำยังไงคะ ฉันอยากรู้จัง
ตอนนี้ หมอเปิดสมองของไอ้แบ๋มไว้ เพื่อให้เลือดเสียที่คั่งอยู่ไหลออก พรุ่งนี้จะเริ่มเจาะคอเพราะไม่สามารถหายใจเองได้แล้ว ..... อาของไอ้แบ๋มเป็นหมอ แต่ไม่ยอมแม้แต่จะปลอบใจตัวเอง ใจกล้าที่จะยอมรับว่า ...แบ๋มคงไม่ไหวแล้ว
เหลือเพียงคุณย่าที่ไม่ยอมปล่อยให้หลานชายหลุดลอยไป เพราะท่านทำใจไม่ได้ ......และไม่ใช่ท่านคนเดียว พวกเราในกลุ่มทุกคน ทำใจไม่ได้เช่นกัน คนที่แวะเวียนกันไปเยี่ยมส่งข่าวมาให้ฉันรู้ว่า มันเป็นยังไงบ้าง คนไกลคนใกล้ ติดต่อกันให้วุ่นวาย เย็นนี้ฉันเพิ่งได้ sms จากเพื่อน แล้วก็ต้องข่มใจทำงานไปจนดึกก่อนจะมีเวลาโทรฯหาเพื่อถามข่าวคราว แต่พอได้ยินแล้วก้อยิ่งอยากเป็นลม
ถ้าเค้าเอาเครื่องช่วยหายใจออก แบ๋ม ไป แน่... ฉันถามเพื่อนว่า มันยังอยู่ใน ไอซียูเรอะ แล้วเค้าให้เยี่ยมรึให้ดูเฉยๆ เพื่อนบอกว่า ..ไม่ห้ามว่ะ ให้เยี่ยมเลย สายเสยห่าอะไรไม่รู้โยงระยางเต็มไปหมด....กูเข้าไปแล้วเข่าอ่อน ร้องไห้เลยมึง...
ทำใจ...... เพื่อนบอกให้ฉันทำใจ
แต่ฉันก็ทำไม่ไหว ถามกลับไปว่า มึงทำใจได้มั้ย ให้มันไป กะ ให้มันฟื้นแต่พิการ มันบอกว่า ...ให้มันฟื้นดีกว่า ใครไม่อยากมีเพื่อนพิการก้อช่างเหอะ ในความเป็นเพื่อนกันเกือบ 20 ปี มันมีความรักความผูกพัน การจะมีเพื่อนเป็นคนพิการ เป็นเรื่องที่ทุกคนยอมรับได้ ยิ่งไอ้โห้ มันโทรฯจากนิวซีแลนด์มาร้องไห้เป็นกระบุง พูดซ้ำไปซ้ำมาว่า ขอให้ไอ้แบ๋มอยู่รอก่อน เดี๋ยวจะเอาเหล้าไปเปิดกินกันที่โรงพยาบาลเลย .... ฉันอยากจะขำที่มันยังนึกเรื่องบ้าๆแบบนี้ออก ทั้งๆที่ถ้ามันไปเห็นด้วยตาตัวเองแล้ว มันคงกินน้ำตามันเองมากกว่า .... ุเพื่อนๆแต่ละคน ล้วนอยากให้มันฟื้น ขอให้มันรอด
ดีกว่าให้มันตายจากไป ...... ฉันก็ไม่อยากให้มันจากไป
ได้มั้ยคะ ซักสองปีก้อยังดี ให้มันได้มีชีวิตอยู่ต่อไปเถอะค่ะ .... ถึงฉันจะเข้าใจว่า ความรัก กับความไม่เที่ยงตรง มันมักมาคู่กันเสมอ ..... แต่ถ้าแลกได้ ฉันขอร้อง ..... สองปีของฉัน ฉันให้ ฉันอยากให้
เมตตาไอ้แบ๋มด้วยเถิดค่ะ.....
สาธุ
------------------------------------------------------
วันนี้ เป็นพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2546 เวลาบ่ายโมงสี่สิบสามนาทีของเมืองไทย...
แบ๋มจากฉันไปแล้ว......
หลังจากที่เราทุกคนพยายามยื้อกันไว้สุดกำลัง ก้อไม่สามารถช่วยแบ๋มไว้ได้ ... นัยว่า สมองแบ๋มได้ตายไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน ที่หัวใจยังเต้นอยู่ ก็เพราะว่า ได้เครื่องช่วยหายใจ
มึงมันรั้น...ไอ้ห่าเอ๊ย.... ถ้ามึงกลับบ้านตั้งแต่ตอนแรก มึงคงไม่ตาย... มึงมันรนหาที่เอง... แล้วมึงก้อไม่ยอมอยู่รอกู... ไอ้เพื่อนใจดำ
ต่อไปนี้ กูจะมีใครมาแหย่ให้หัวเราะได้เท่ามึง เพื่อนกินเหล้ากูก็หายไปหนึ่งขา .... แต่กูก็เข้าใจ มึงคงเจ็บมาก ... กูน่าจะได้เจอมึงงวดนี้ที่กลับไป ...ไม่ทันเสียแล้ว
ไอ้แบ๋มเพื่อนรักของฉัน เสียชีวิตที่ ร.พ. ในสภาพเจ้าชายนิทรา วันพรุ่งนี้จะเป็นวันรดน้ำศพและสวดเป็นวันแรก เริ่มตั้งแต่ 16นาฬิกาเวลาท้องถิ่นประเทศไทย
แบ๋มเป็นเพื่อนที่น่ารักน่าถีบที่สุดในโลก มันเคยโยนปลาทูน่ากระป๋องให้ไอ้กิ๊ฟท์กับไอ้โห้เพราะบ่นว่า หิว.... สองสาวมองหน้ากันเองว่า... ปลาทูน่า รึอาหารหมา เนื่องจากสภาพกระป๋องคล้ายคลึงกัน
กล่องดินสอ ถุงห่อช้อนส้อม กระเป๋า สารพัดสิ่งของมัน ไอ้โห้มันเคยหัวเราะก๊ากเพราะมันเขียนชื่อกำกับความเป็นเจ้าของไว้เสียดิบดีว่า "บ๋อมแบ๋ม" ตอนมันเด็กๆ บางทีเอามาล้อมัน มันก็ไม่โต้ ไม่ด่า ได้แต่เขิน
มันเคยสอนให้ฉันเล่นไพ่ สลาฟ สอนไปด่าไปหัวเราะไปเพราะลูกศิษย์หัวขี้เลื่อยเกินคาด เล่นกี่ทีก็แพ้เขา คืนนั้นอยู่บ้านไอ้แอ๊นท์เมากันหัวเราะขำกลิ้ง แย่งกันคว้าไมค์ร้องคาราโอเกะกันให้วุ่นวาย
แบ๋มแค่มองตาเพื่อนๆอย่างฉัน อย่างไอ้โห้ ไอ้กิ๊ฟท์ ไอ้แอ๊ท์ .... มันก็รู้ว่า พวกเราเริ่มรวนเพราะอะไร ยิ่งนังโห้ รายนี้เอาแต่ใจเจ้าอารมณ์ แต่ไอ้แบ๋มไม่เคยบ่นซักคำ
ครั้งนั้นมันเพิ่งคั่วคนใหม่ ซึ่งกลายเป็นคนเก่าในปัจจุบันไปแล้ว ไอ้โห้คว้ามือถือของไอ้แบ๋มหมับ เอามาพูดสาย .. "ฮัลโหล สวัสดีค่ะ ... จะพูดกับใครคะ พอดีดาร์ลิ๋งเค้ากำลังอาบน้ำอยู่ค่ะ จะฝากข้อความมั้ยคะ?" เป็นผู้ชายคนอื่น ฉันไม่รู้ว่าเค้าคิดยังไงและจะทำอะไรกะนังเพื่อนมหาภัยอย่างไอ้โห้
แต่มันนั่งเฉย จุดบุหรี่รอคิว เหมือนรู้แกวว่า ซักพักไอ้โห้จะทำหน้าหมดอารมณ์แล้วยื่นมือถือกลับมาให้มันเอง "เค้าเสือกรู้แกวว่าเป็นเพื่อนกัน ...ไม่เอาและ หมดสนุก!" แต่ไอ้แบ๋มคุยมือถือต่ออย่างสนุกสนาน
รู้ถึงไหน ฮาถึงนั่น
วีรกรรมอื่นของแบ๋ม มีมากมาย ..... วันนี้ ฉันกับเพื่อนๆโทรฯหากันให้วุ่น ตั้งแต่ช่วงเช้าว่า อาการมันเป็นยังไง จวบจนช่วงบ่ายซึ่งเป็นการชี้ขาดชะตากรรมของมัน... จนแล้วจนรอด เรื่องที่พวกเราพูดกันไม่มีหยุด ก้อคือ วีรกรรมของมัน .... ตามด้วยเสียงร้องไห้ของแต่ละคน ... ทุกคนร้องไห้กันหมด ไม่มีใจจะทำงาน ฉันเองร้องไห้จนตาบวม ซะจนลูกค้ามองอย่าง งงๆว่า หล่อนจะเสิร์พ จะรับออร์เดอร์ รึจะร้องไห้ ก็ว่ามา...
ไอ้แอ๊นท์คงแย่สุด เพราะต้องคอยโทรฯหาเพื่อนๆ คอยตอบคำถามจากทุกคน คอยอยู่คุย ลงท้าย เป็นคนเอาศพของไอ้แบ๋มไปนอนในห้องดับจิต อยู่กับเจ้าหน้าที่จนเค้าสวดมนต์ลงอาคม แล้วเลื่อนศพเข้าโลงแช่แข็ง ก่อนจะตามเจ้าหน้าที่ต้อยๆเดินออกมาอย่างมึนงง เพราะช่วงเช้ามันไปอยู่เขาเขียว พอได้ข่าวว่า คุณย่าท่านจะถอดเครื่องช่วยหายใจของเแบ๋มออก มันก้อบึ่งกลับมา กรุงเทพฯภายในหนึ่ง ช.ม ให้ทันบอกลา....
มันบอกว่า .... กูลามันเผื่อมึงแล้วนะ... มันหลับสบาย ใส่สูท หล่อมาก...เหมือนตอนมันยังอยู่ไม่มีผิด
ปาฏิหาริย์ หน้าตาเป็นยังไงเรอะคะ...
ฉัน..อยากถามเบื้องบน ว่า คนที่มันควรตายอย่างฉัน ทำไมมันไม่ตายคะ ท่านมาพรากคนที่เป็นที่รักของหลายๆคนที่เค้าไม่อยากให้มันตายไปทำไม...
ฉันอยากจะมีคำพูดดีๆให้มัน อย่างที่ใครๆมักจะพูดกันยามผู้เป็นที่รักจากไป แต่ฉันทำไม่ได้.... นี่คือความรักที่ฉันกับพวกพ้องมีให้มัน แม้วันตายของมัน พวกเรายังเพ้อถึงมันว่า ไอ้hereแบ๋ม.....ไม่น่าเลย...
เอาเถอะ...หลับให้สบายนะ เพื่อนทุกคนรักแบ๋มนะ ฉันฝากเค้าทำบุญให้แล้ว .... หลับฝันดีนะเพื่อน.... จำได้มั้ย แบ๋มฝันอยากออกไปท่องในโลกกว้าง อยากเป็นเด็กปั้มอยากทำงานเสิร์พอยากอะไรอีกมากมาย
ตอนนี้แบ๋มจะไปไหนๆก้อคงไปได้แล้วล่ะ ....
อายุยังน้อยนัก แบ๋มเอ๊ย......
แบ๋ม..... มีนาคมนี้ กูจะกลับไป เมื่อเจอกับเพื่อนๆทุกคนตอนกินข้าวด้วยกัน.... ที่นั่งตัวนึงจะมีเผื่อมึงนั่งนะ เหมือนวันที่ยังมีมึงอยู่
และจะมีเผื่อให้ตลอดไป
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ด้วยรักและอาลัย
เด็กที่รอคอย
Create Date : 16 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 16 ตุลาคม 2549 21:40:03 น. |
|
12 comments
|
Counter : 2323 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เซียวฯ IP: 203.154.145.10 วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:17:52:45 น. |
|
|
|
โดย: Oakyman วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:9:18:44 น. |
|
|
|
โดย: คนนึงที่นึกถึงแบ๋ม IP: 203.144.144.164 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:16:09 น. |
|
|
|
โดย: หมวยหลิง IP: 110.168.95.9 วันที่: 9 สิงหาคม 2555 เวลา:11:36:51 น. |
|
|
|
โดย: เบบี๊ IP: 125.24.57.183 วันที่: 12 ตุลาคม 2556 เวลา:1:54:28 น. |
|
|
|
โดย: Bampo !! IP: 101.109.164.208 วันที่: 14 ธันวาคม 2557 เวลา:0:51:35 น. |
|
|
|
โดย: Bampo .. :) IP: 180.180.93.139 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2559 เวลา:23:44:02 น. |
|
|
|
โดย: Pook IP: 182.53.89.34 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:16:24 น. |
|
|
|
โดย: Nuchji IP: 182.232.175.35 วันที่: 21 มีนาคม 2562 เวลา:0:14:06 น. |
|
|
|
โดย: Brodie IP: 124.120.117.70 วันที่: 9 กรกฎาคม 2562 เวลา:23:31:04 น. |
|
|
|
โดย: จดหมายที่ไม่มีคนตอบ IP: 49.230.131.17 วันที่: 20 ตุลาคม 2563 เวลา:22:09:27 น. |
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพ Australia
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]
|
จะเป็นกรวดหรือเพชร ถ้าไปนึกรักมันเข้าแล้วหายไปเมื่อไรก็เสียดาย ยิ่งรักมากก็ยิ่งเสียดายมาก บางคนถึงกับเสียคนไปก็มี
"ถ้าเราไม่อยากทุกข์มากไม่อยากเสียคน ก็อย่าไปรักอะไรให้มากนัก ถึงจะรักก็ต้องรู้กำพืดว่ามันเป็นเพชร หรือเป็นกรวด"
ถ้ารู้ราคาจริงๆของมันเสียแล้วถึงมันจะหายไป เราก็จะไม่เสียดายมากนัก
(จาก "สี่แผ่นดิน" โดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช)
สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามมิให้นำไปเผยแพร่และอ้างอิง ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดของข้อความ ในสื่อคอมพิวเตอร์แห่งนี้เพื่อการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้ละเมิดจะถูกดำเนินคดี ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|
|
อึ้ง...พูดไม่ออกเมนต์ไม่ถูก
รู้แต่ว่า ถ้าซักวันนึง...ที่ผมจะไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว
และมีใครซักคนเขียนถึงผมแบบนี้ ผมคงมีความสุขมาก...