Rafael Nadal Fan Page
Group Blog
 
All Blogs
 

Federer, Nadal to Meet in Dream Roland Garros Final

จาก atptennis.com
Last updated on June 8 2007
อ่านต้นฉบับ คลิ๊กที่นี่
ขอขอบคุณ Dory ที่แปลให้พวกเราได้อ่านกันค่ะ ..... แวะเยี่ยมบล๊อกของ Dory คลิ๊กที่นี่


Federer, Nadal to Meet in Dream Roland Garros Final
By Dory


เป็นอีกครั้งในการแข่งขันรายการโรแลนด์ การ์รอส ที่เราจะได้เห็นการปะทะกันระหว่างอันดับ 1 และ 2 ของโลก Roger Federer และ Rafael Nadal ในรอบชิงชนะเลิศวันอาทิตย์นี้ หลังจากที่ทั้งคู่เอาชนะไปได้แบบสามเซ็ตรวดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาบนคอร์ท Phillipe Chatrier

เฟดเดอเรอร์ได้เข้าชิงในรายการแกรนด์สแลมติดต่อกันเป็นครั้งที่ 8 แล้ว โดยครั้งนี้เขาเอาชนะ Nicolay Davydenko ชาวรัสเซีย ไปด้วยสกอร์ 7-5, 7-6(5), 7-6(7) และนาดาลก็ตามเข้ารอบด้วยสกอร์ 7-6, 6-4, 6-2 จากการเอาชนะ Novak Djokovic ชาวเซอร์เบีย เพื่อปิดสถิติชนะสามเซ็ตรวดในรายการ Roland Garros

เฟดเดอเรอร์เข้าแข่งขันด้วยสถิติการเอาชนะ Davydenko ในการแข่งขันอาชีพไปได้ 8-0 ซึ่งการแข่งขันครั้งล่าสุดกับอันดับ 4 ของโลก (Davydenko) นี้เขาได้มาจากการแข่งขันเมื่อปีที่แล้วในรายการแกรนด์สแลมเช่นกัน แม้ว่าเขาจะทำสถิติชนะรวดทั้งแปดครั้ง การแข่งขันคราวนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าชัยชนะที่เขาได้มานั้นไม่ใช่ง่าย

Davydenko ทำให้แชมป์โลกชาวสวิสต้องเจอกับแมทช์รอบรองชนะเลิศอันสาหัสด้วยการที่ต้องวิ่งไปมาถึงสามชั่วโมง เขา (Davydenko) เบรคเกมส์เสิร์ฟได้เร็วตั้งแต่ตอนต้นของเซ็ต และก็ได้ set point ในเซตที่สาม แต่เขาก็พลาดโอกาสนั้นไป เขาได้ set point ตอนที่สกอร์เป็น 5-3 ในเซ็ตสุดท้าย แต่กลับปล่อยให้เฟดเดอเรอร์เบรคเกมส์ที่หกของเขาไปได้ เฟดเดอเรอร์เก็บได้อีกหนึ่ง set point ในช่วงไทเบรคก่อนที่จะข้าสู่การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง

ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศแมทช์ที่สองในวันเดียวกันนั้นนาดาล พัฒนาการเล่นไปสู่การเก็บสถิติ 20-0 (ชนะ 20 – แพ้ 0) ในการแข่งรายการโรแลนด์การ์รอส ด้วยการเอาชนะอันดับ 6 Djokovic ผู้ซึ่งเช่นเดียวกับนาดาลที่สามารถเก็บชัยชนะ 40 เกมส์รวดในการแข่งขันรายการนี้

Djokovic ผู้ที่ได้เข้ารอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรก ต้องเจอกับผู้เล่นชาวสเปนในการแข่งขันเซ็ตแรกซึ่งใช้เวลาไป 66 นาที หลังจากที่ตามเกมส์เบรคอยู่สองเกมส์เพื่อกลับมาเป็นผู้เสิร์ฟได้อีกครั้งหลังจากตามทันมาเป็น 5-5 แต่นาดาลก็เอาปิดเกมส์การเล่นไปอย่างรวดเร็วโดยการเอาชนะสองเกมส์รวดหลังจากนั้น Djokovic มีโอกาสในการขึ้นนำ 2-0 ในเซ็ตถัดมา แต่นาดาลก็เก็บเบรคพอยท์ทั้งสามครั้งได้หมด และก็สามารถเบรคเกมส์เสิร์ฟสามในสี่เกมส์ที่เหลือได้หมดและเอาชนะไปได้ เวลาในการแข่งทั้งหมดคือ 2 ชั่วโมงครึ่ง

เฟดเดอเรอร์และนาดาลจะเจอกันอีกเป็นครั้งที่ 12 ในการแข่งเทนนิสอาชีพ และเป็นการแข่งขันในรายการโรแลนด์การ์รอสเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน นาดาลเอาชนะเฟดเดอเรอร์ได้ในรอบรองชนะเลิศ ปี 2005 ซึ่งถือว่าเป็นครั้งล่าสุดที่เฟดเดอเรอร์พลาดการรอบชิงชนะเลิศรายการแกรนด์สแลม และแพ้อีกครั้งด้วยสกอร์ 1-6, 6-1, 6-4, 7-6(4) ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเมื่อปีที่แล้ว

เฟดเดอเรอร์เอาหยุดสถิติการเอาชนะ 81 ครั้งติดต่อกันบนคอร์ทดินของนาดาลได้ในที่สุดในการแข่งขันรองชิงชนะเลิศของรายการมาสเตอร์ซีรี่ส์ที่ฮัมบูร์ก เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่นาดาลก็ยังนำอยู่ 7-4 ในการแข่งขันรายการซีรี่ส์ รวมถึงสถิติ 5-1 บนคอร์ทดิน

เฟดเดอเรอร์พยายามอย่างหนักที่จะเป็นนักเทนนิสคนที่ 6 ในประวัติศาสตร์ที่จะเอาชนะรายการแกรนด์สแลมทั้งสี่รายการในการเล่นเทนนิสอาชีพของเขา ผู้ที่ได้รางวัลนี้คนล่าสุดก็คือ อังเดร อากัสซี่ ซึ่งได้ชัยชนะในรายการโรแลนด์ การ์รอสได้ในปี 1999 He is also bidding, for the second successive year, to become just the third man in history to win four majors in a row. Only Don Budge and Ron Laver held all four titles at the same time.

The Swiss, who notched his 27th consecutive Grand Slam victory and 30th match win of the season, broke his tie with Jack Crawford for consecutive appearances in Grand Slam finals with his victory.

นาดาลพยายามที่จะเป็นผู้เล่นคนที่สองในประวัติศาสตร์ของรายการโรแลนด์ การ์รอส (ตั้งแต่ปี 1925) ที่จะเอาชนะรายการนี้ในปารีสได้สามปีติดต่อกัน Bjorn Borg ได้แชมป์รายการนี้ 4 ปีติดต่อกัน (และเอาชนะได้ทั้งหมด 6 ครั้ง) ระหว่างปี 1978-1981 Since Borg’s feat, four players have won back-to-back titles but came up short of a third, most recently Gustavo Kuerten from 2000-01.


ผู้เล่นว่าอย่างไรกันบ้าง

เฟดเดอเรอร์ พูดถึงการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศเป็นรายการที่ 8: “มันยากเมื่อต้องแข่งขันเพื่อเอาชนะสถิติอื่น, แน่นอนอยู่แล้ว, ยูโนว๋, เพราะนี่มันก็เกินกว่ายาวนานแล้วล่ะ สิ่งนี้จะเป็นตัวแสดงให้เห็นถึงความเสมอต้นเสมอปลาย และมันก็เป็นปัญหากับผมตลอดเวลาตอนที่ผมยังเด็กกว่านี้, ยูโนว๋, กลับไปเมื่อตอนนั้นน่ะนะ, เรื่องความเสมอต้นเสมอปลายเนี่ย และตอนนี้ผม, ยูโนว๋, เป็นผู้ที่เสมอต้นเสมอปลายที่สุด, ยูโนว๋, และก็เป็นสิ่งดีที่จะเป็นแบบนั้น และมันก็เป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้เข้าแข่งขันแมทช์ใหญ่ ๆ พวกนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก และผมก็ชอบ ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ใหญ่มาก ไม่ต้องสงสัยเลย”

เกี่ยวกับเรื่องที่ใครจะเป็นตัวเก็งในรอบชิงชนะเลิศนี้: “เหว๋ลล, นั่นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างเปิดกว้าง ผมหมายถึง นาดาลเอาชนะรายการนี้ได้แล้วถึงสองครั้ง ดังนั้นผมคงต้องบอกว่า—เขาเป็นตัวเก็งของรายการ และเขาก็ยังเอาชนะการแข่งขันถึง 80 ครั้งติดต่อกัน และมาถึงตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นเบอร์ 1 บนคอร์ทดินสำหรับปีนี้ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในแมทช์เดียวนี้ และผมก็ทำได้ดีในรายการแกรนด์สแลม ดังนั้นเราค่อนข้างจะ -- เราน่าจะเกือบเท่า ๆ กันแล้วล่ะ และถ้าผมต้องเล่นกับเขา มันก็จะเป็นแมทช์ที่เยี่ยมมาก เยี่ยมจริง ๆ เป็นแมทช์ที่พิเศษ”

นาดาล พูดถึงการแข่งขันกับเฟดเดอเรอร์: “ผมรู้สึกดีมาก ๆ ตอนนี้เพราะผมได้เข้าชิง ดังนั้นนั่นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับผม จากนั้นผมถึงได้คิดว่าผมได้เล่นกับคนที่เป็นที่หนึ่งของโลก และก็แน่นอนล่ะครับที่มันจะเป็นแมทช์ที่ดี เป็นแมทช์ที่น่าสนใจ รอบชิงชนะเลิศของรายการแกรนด์สแลมกับผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์คนหนึ่ง...เขาเอาชนะผมได้ในนัดล่าสุดที่เราแข่งกันที่ฮัมบูร์ก แต่ด้วยเหตุผมนั้น ไม่แน่ เขาอาจจะเป็นตัวเก็ง”




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2550    
Last Update : 9 มิถุนายน 2550 21:12:14 น.
Counter : 238 Pageviews.  

Game, set and catch: Rafael Nadal goes fishing

จาก dailymail.co.uk เขียนโดย SIMON KINNERSLEY
Last updated at 17:44pm on 2nd June 2007
อ่านต้นฉบับ คลิ๊กที่นี่)


Game, set and catch: Rafael Nadal goes fishing


His intense and flamboyant tennis has brought him trophies and riches.

But away from the frenzy of centre court, world No2 Rafa Nadal has no time for Monte Carlo glitz and girls - he's a little deeper than that

Rafael Nadal, or Rafa, as everyone in the tennis world calls him, is emotionally spent.

He might be freshly showered, his sweat-stained bandana in the laundry basket, but as he slumps in his chair it’s clear that the pain of his defeat in the Hamburg final an hour earlier will take longer to wash away.

Nadal likes to relax from gruelling regime of the tennis court, by going fishing with his father

This wasn’t just any defeat. It was the end of Rafa’s record-breaking two-year, 81-match winning streak on clay; the end, too, of his stranglehold on arch-rival Roger Federer on that surface.

The Spanish world No 2 knows he has given the No 1 a chance to breathe. It may prove a pivotal moment in their fascinating battle for supremacy.

At the after-match press conference, Nadal has shown all the bravura and chutzpah of the fist-pumping, sweat-dripping, heart-stopping on-court persona the fans so adore.

He’s been generous about his streak ending at the hands of the greatest player in the world, joked with reporters and smiled at everyone, saying that it has been good preparation for what lies ahead.

Back at the hotel, it’s a rather different story.

His losing-finalist trophy is stuffed casually in his kit bag as he walks through to the deserted cafeteria.

His laces drag along the ground wearily. For a man known for his bulging biceps, he seems momentarily swamped by his T-shirt and cargo shorts.

"You must be a little disappointed that the streak is over," I say lightly.

"Am I crying?" he replies grimly. "I get over these things quickly.

"When you walk out on to the tennis court, one of you is going to win and the other is going to lose. That’s how it is.

"You cannot win every match."

He looks across the table, emphasising that there are no tears running down his cheeks.

It’s the end of a six-week road trip during which he has won four tournaments, rewritten the record books with that winning streak and brought his winnings to around £1 million in the past year and at least £15 million in total.

But while his diary tells him that ahead lie The Artois Championships (opening June 11) at the Queen’s Club, west London, where he will be the star attraction, followed by the short hop over to Wimbledon, just for now tennis is not dominating his thoughts.

In the morning, he’ll catch a flight home to Majorca, dump his bags, drive to Porto Cristo and jump aboard his father’s boat.

"I am going fishing," he says, stirring from his torpor, a smile spreading across his face.

He pauses, relishing the idea, then continues: "I love fishing for three reasons: the calm and tranquillity, the beauty of the sea – and, of course, the satisfaction of catching your dinner."

For an impossibly rich young man, celebrating his 21st birthday today (June 3), the trip will be a simple affair.

No floating gin palace for him; his father’s eight-metre boat has seen better days, his rod and tackle are bottom of the range from a local shop, and the remainder of his kit is borrowed from his companions, a couple of his father’s friends.

"My own friends are all at work or studying," he observes rather sadly.

Catching fish is really of secondary importance.

"I can forget about everything. No one can call me, because I keep my mobile switched off, so I can relax and not think about tennis.

"Sometimes we talk and sometimes we just sit in silence, waiting for a bite." He is lost for a few moments. He is in the boat, he can feel the warm offshore breeze on his skin… Then he jolts back to the present and the weariness returns.

Later, I join him to watch Real Madrid playing on TV.

Discussion ranges widely, about the merits of David Beckham ("a great passer of the ball"), Ruud van Nistelrooy ("I cannot understand how Manchester United let him go") and so on.

When Real take the lead, Rafa goes mental – he is out of his chair, hands aloft, dancing around, cheering, his broad grin flashing.

Not even when he beat Federer in the final of the French Open last year did he look so thrilled.

In essence, there are two Rafas. One is the ruthless, relentless competitor, who will slug and grunt it out for hours on end while playing to the gallery with his exuberant, extrovert style.

Then there’s the home-loving boy, the unpretentious, unobtrusive, ordinary guy next-door.

"The only thing that has changed is that I am more famous.

"Everything else is the same," he says.

"I still live at home with my parents and sister in Manacor.

"I have the same bedroom. My mother still chastises me if my room is untidy, my sister still teases me.

"When I go out in the evening, it is with the same friends, who I have known since we met at school aged four.

"We don’t talk about tennis. They have their work, I have mine.

"What I do is just my job. The people in the village are the same.

"I have lived there all my life – why should they treat me any differently?"

Nadal shows few signs of material success. His mobile phone is just a standard type without a camera.

His rubber-strapped watch is similarly basic, while his clothes could be from a sale rack. He drives a modest Kia at home.

"I won a Mercedes in Stuttgart but I leave it in the garage. I prefer a simple car," he says.

Apart from a PlayStation bought to while away hours in his hotel room and a few free clothes donated by the Hugo Boss store in Palma (which is not even one of his sponsors), he has no flashy toys or trimmings.

Yet, he insists, he wants for nothing.

"Shopping doesn’t interest me. Even if I had the time, which I don’t, I wouldn’t bother.

"I have everything – what more could I want? As for buying my own home, why would I?

"I’m only in Majorca two months of the year. The rest of the time I am travelling.

"Besides, why would I want to come home to an empty house? I’m far happier being with my family."

Buying a place will come later, of course.

"You have to remember, I am just a boy."

One thing he is sure about: he will not be joining the throng of sporting tax exiles in Monte Carlo.

"What other people do is up to them but I would never move somewhere I didn’t want to live, just to save money.

"There is only one place in the world I want to be and that is in my village.

"It is my home; it is where I want to grow old. It’s so peaceful and calm, so laid-back. People just quietly go about their lives. Nothing changes there."

It’s no surprise to discover that neither the women players on the circuit nor the alluringly dressed girls who penetrate the security of the players’ lounge are of any interest to Rafa.

He has a girlfriend, Francesca Perello, back home.

"She is taking a degree at the university in Palma, in business and administration.

"She is busy with her own life," he explains.

"Her studies are far more important than watching me play."

His relatives, too, mostly prefer to keep a low profile back in the village.

Yet Nadal’s tennis career is very much a family affair.

It was his uncle Toni who encouraged him to take up the sport and still coaches him today (he could have chosen to follow the footsteps of another uncle, Miguel, a football international who played in three World Cups).

His father, Sebastian, takes care of finances. "I have no idea how much I have," Rafa says casually.

"I don’t play for money. If I was not good enough to be a professional, then I would join a club and pay to play."

According to current world No 3 Andy Roddick, seeing Rafa across the net is one of the most daunting sights in sport.

"Just look at him," says Roddick.

"My family are Wisconsin farmers, so we’re not small, but he’s a beast with those muscles. When you hear him grunting, it feels like you’re playing a wild bull."

That’s the Rafa the fans know and love: passionate, intense.

But after the final shot is played, there’ll be a sign on his door: ‘Gone fishing’. The Artois Championships run from June 11–17 and will be shown live on BBC 2




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2550    
Last Update : 8 มิถุนายน 2550 8:26:34 น.
Counter : 395 Pageviews.  

Winning Tires the Champions Out

จาก elpais.com เขียนโดย JUAN JOSÉ MATEO ... เป็นบทความเล่าถึงชีวิตการกินอยู่การฝึกซ้อมของราฟาและเฟดเดอเรอร์ที่ Roland Garros เปรียบเทียบกันได้น่ารักน่าสนใจดี ..... บทความนี้ต้นฉบับไม่ใช่ภาษาอังกฤษ (สนใจ คลิ๊กที่นี่) แต่โชคดีที่ nou.amic จาก VB.com แปลไว้ทำให้พวกเราได้มีโอกาสอ่านกัน ขอบคุณมากค่ะ


Winning Tires the Champions Out



01 June 2007

ปารีส – โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ ถูกทำให้หงุดหงิด ผู้จัดรายการเฟร๊นช์โอเพ่นจัดให้เค้าเล่นเป็นแมทช์สุดท้ายของวัน ขณะที่ความมืดเริ่มเข้ามา อากาศเริ่มเย็นลงและลมที่แรง ยังจะมีฝนอีกด้วย ... ในขณะที่ ราฟาเอล นาดาล คนที่พรุ่งนี้จะต้องไปเจอกับผู้ชนะระหว่าง Albert Montañes และ Ernest Gulbis หลังจากที่เพิ่งเอาชนะ Flavio Cipolla มาได้ด้วยคะแนน 6-2, 6-1, 6-4 กำลังรู้สึกกังวล

เค้าคิดถึงความยากลำบากในการที่จะต้องตั้งใจมีสมาธิอยู่กับการแข่งขันอย่างสม่ำเสมอ การที่ต้องทำอย่างเดิมเช่นนี้ทุกวันมันมีผลร้ายต่อสภาพจิตใจ นาดารู้สึกเหนื่อย เค้าไม่ได้หยุดเล่นมาตั้งแต่เมษายน การที่ต้องลงแข่งและฝึกซ้อมทุกวันอย่างนี้มันเป็นการบีบคั้นเค้า และนี่คือเหตุผลที่ในครั้งนี่ ทีมของราฟาตัดสินใจแยกเค้าออกจากภารกิจอื่นๆให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทีมงานของราฟาได้เลื่อน(ยกเลิก)การนัดสัมภาษณ์มากกว่าร้อยรายที่ทำการขอมา และงดกิจกรรมเกี่ยวกับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ออกไป คนรอบข้างนาดาลอยากให้นาดาลคิดถึงแต่เรื่องเทนนิสและพักผ่อน และมีความอิสระในช่วงเวลาว่าง ทั้งนาดาลและเฟดเดอเรอร์เป็นดาวเด่นในรายการ ซึ่งมันกลายเป็นว่าเค้าทั้งสองรู้สึกว่าจะต้องไปให้ถึงรอบชิงชนะเลิศให้ได้เป็นอย่างน้อย หากผลแข่งขันต่างไปจากนี้จะถือว่าเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ ในปัจจุบันไม่มีใครอีกแล้วที่จะสามารถมาทำการต่อสู้เพื่อแย่งชิงมงกุฎร่วมกับเค้าทั้งสอง มันเป็นสถิติที่พวกเค้ากำลังสร้าง ทำให้ทุกรายการแข่งขันก็เหมือนการแข่งมาราธอนเราดีๆนี่เอง

เฟดเดอเรอร์กำลังทานอาหารในห้องอาหารของนักกีฬาโดยมีแฟนสาวของเขาและทีมงานประมาณ 8 คนร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ในสถานทีเดียวกันแต่ต่างห้อง นาดาลก็กำลังทานพาสต้าที่ไม่ใส่ซ๊อสอยู่กับเทรนเนอร์ และอยู่ๆก็มีสาวฮ๊อทนางหนึ่งเข้ามาขอลายเซ็นนาดาล ชีพจรของ Roland Garros ดำเนินไปเป็นจังหวะเดียวกับนักเทนนิสทั้งสอง ทั้งนาดาลและเฟดเดอเรอร์ใช้เวลาแต่ละวันในการฝึกซ้อมและแข่งขัน มีการจ่ายพนันด้วยการลงมาที่ห้องรับรองของโรงแรมด้วยชุดชั้นใน และเดินเสาะหาไอศกรีมกินในตอนกลางคืน รวมถึงนาฬิกาปลุกที่ถูกกดปิด

- ตาทุกคู่มองไปบนฟ้า ... นาดาลและเฟดเดอเรอร์ ทำการฝึกซ้อมทุกวันไม่ว่าวันนั้นจะมีตารางลงแข่งขันหรือไม่ นาดาลทำการฝึกซ้อม 2 ชั่วโมงต่อวัน มีการเข้ายิมเพื่อยืดเส้นยืดสายและจบลงด้วยการนวด นาดาลเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถแวนและคนขับรถที่ทางรายการจัดไว้ให้ โทนี่ซึ่งเป็นทั้งลุงและโค๊ชจัดเตรียมแร๊คเกตซึ่งขึงด้วยแรงตึง 25 kg ที่มอนติคาโล โรม และแฮมบรูก ลูกเทนนิสที่ใช้เป็นยี่ห้อ Head แต่ที่นี่ใช้ยี่ห้อ Dunlop นาดาลพูดถึงเรื่องนี้ว่า มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน

แช้มป์ทั้งสองใช้เวลามองไปบนท้องฟ้า “แม้ว่าอากาศจะหนาวมีฝนตก ทำให้คอร์ทช้าลง แต่ดินก็ยังคงเป็นดิน” เ็ป็นคำพูดของเฟดเดอเรอร์ คนที่เป็นฝ่ายชนะที่แฮมบรูกในสภาพอากาศเช่นเดียวกันนี้ “ต้องมาคอยดูกันละครับว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออากาศดีกลับมาและบอลเด้งสูง มันจะเป็นแมทช์ที่พลิกความคาดหมายและอันตราย” นาดาลจะดูกังวลกับ centre court “ที่นี่มันใหญ่มาก และลมก็แรง ผมชอบวันที่มีแดด เวลาอากาศเย็นลูกบอลจะหนักเหมือนหิน มันทำให้เล่นยากขึ้นครับ”

- โรงแรมที่ต่างกัน และพนันอันตราย ... นาดาลและเฟดเดอเรอร์พักอยู่กันคนละโรงแรม นักเทนนิสชาวสวิสพักในโรงแรมระดับหกดาว Le Grillon ซึ่งเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในปารีส โดยพักร่วมกับแฟนสาว ครอบครัว ทีมงาน เพื่อน และกัปตันทีมเดวิสคัพสวิส ผู้รู้จักเฟดเดอเรอร์ดีเล่าว่า “เค้าใช้เวลาทั้งวันที่นั่น” นาดาลจะต่่างออกไป นาดาลพักที่ Meliá Royal Alma โรงแรมเดิมที่เค้าพักเมื่อเค้ามาลงแข่ง Roland Garros ทั้งสองปีก่อน นอกจากนี้นาดาลออกไปทานอาหารที่ร้านอาหารเดิมๆ ร้านที่ใกล้โรงแรม นาดาลตื่นเวลาเก้าโมงเช้า ทานอาหารเช้าไม่ในห้องก็ที่้้ร้านอาหารในโรงแรม ขึ้นอยู่กับเวลาลงสนามแข่งขัน เค้าและ David Ferrer มักร่วมก๊วนกับ David Nalbandián และ Carlos Moyá อยู่ตรง video consol ฝ่ายไหนแพ้จะต้องเจอดี ราฟาเล่าว่า “ครั้งที่แล้ว ผมบอกให้พวกเค้าถอดกางเกงออก(เหลือแต่ชั้นใน)แล้วเดินลงบันไดไปข้างล่าง”

“ในวันที่คุณต้องลงแข่ง แม้ว่าคุณจะมีเวลาว่าง คุณก็ไม่สามารใช้มันได้อยู่ดี” นาดาลเล่า “คุณจะใช้เวลานอนเหยียดยาวบนโซฟาในคลับ จากนั้นเมื่อคุณกลับไปที่โรงแรม ผมก็มักจะตามดูว่ากีฬาต่างๆไปถึงไหนแล้ว โดยเฉพาะฟุตบอล” นาดาลไปผับกับ Feliciano López เพื่อดูเกมที่ Real Madrid แข่งกับ Deportivo แล้วอะไรที่มันยาก? “การที่จะต้องมุ่งมั่นตั้งใจมีสมาธิ และต้องทำมันทุกวัน ทำเหมือนเดิมตลอด มันกัดกร่อนสภาพจิตใจผม” “การที่ต้องลงแข่งขันทุกวัน รับทราบว่าคุณจะต้องรับลูกให้ได้มากกว่าฝ่ายตรงข้าม มันทำให้คุณรู้สึึกเหนื่อยใจ”

- เสียงงึมงำจากเฟดเดอเรอร์ ... “สภาวะการณ์มันน่าหงุดหงิด” นักเทนนิสเบอร์หนึ่งของโลกบ่นหลังจากเอาชนะ Thierry Ascione นักเทนนิสชาวฝรั่งเศส ในเวลามืด หลังจากที่เค้าออกไปทานอาหารค่ำ เค้าเตือนผู้คนไม่ให้ปลุกเค้าในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากเค้้าสมควรจะได้ตื่นนอนสาย “มันเป็นเรื่องยาก ผู้คนเห็นว่าผมเป็นตัวเก็ง ผมควรจะต้องชนะให้เร็วในสามเซต ผมเกลียดการเล่นในเวลาเริ่มมืด ผมมองเห็นลูกไม่ถนัด” เค้าบ่นต่อ “ตอนนั้นมันมืดแล้ว และฝนก็ตก สภาพอากาศแย่มาก มันแย่มาก คุณแทบมองไม่เห็น” นี่เป็นการยืนยันความกดดันที่เค้าแบกไว้

- ออกไปทานข้าว … เมื่อดวงอาทิตย์หายไป ทุกคนเริ่มออกหาร้านอาหารสำหรับช่วงเวลา “Spanish hours” ... Silvano เป็นร้านที่มี 12 โต๊ะมักถูกจับจองโดยนักเทนนิสชาวออสเตรเลียนและนักข่าว .... Pizza Pino มีสองชั้นเป็นที่ซึ่งนักเทนนิสมาทานกันเต็ม รวมทั้งนาดาลก็ชอบมา .... งานสุดท้ายของนาดาลก่อนไปนอนคือ การเขียนบล๊อกของเค้าเอง “เขียนถึงลุงมั่งรึเปล่า” ลุงโทนี่ถามนาดาลว่าเขียนถึงใครลงในบล็อกมั่ง ระหว่างที่ทั้งสอง(ในบางครั้ง)เดินหาไอศกรีมทานในเวลากลางคืน .... เฟดเดอเรอร์ปล่อยให้แฟนสาวเป็นคนตัดสินใจในเรื่องร้านอาหาร ซึ่งจะต้องเป็นร้านระดับสุดยอดเท่านั้น

-----------------------------


Paris.- Roger Federer is "scandalized": in Paris they made him play the last match of the day, as night was falling, in the cold, with wind and rain. Rafael Nadal, who tomorrow plays the winner of the match between Albert Montañes and Ernest Gulbis after defeating the Italian Flavio Cipolla 6-2, 6-1, 6-4, is worried (concerned/preoccupied).

He thinks about how difficult it is "always" to have to keep his concentration, that having to do "the same every day shatters you a bit mentally". Nadal is tired. He has not stopped playing since April and the routine at tournaments is stifling him. That is why, this time, his camp have decided to insulate him as much as possible. They have suspended the more than one hundred interviews that had been requested and there are to be no commercial activities. The people he has around him want him only to think about tennis and to relax and enjoy himself in his free time, without any worries. Both he and Federer dominate the tour to such an extent that, in some way, they feel obliged to at least reach the final. Any other result would be a great let down. There is nobody else today seen as capable of fighting with them for the throne, and that is a millstone to them both. Every tournament is a marathon for them.

Federer is eating in the players' dining room accompanied by his girlfriend, his physical preparer and seven other people. In the same place, but in a different dining room, Nadal is eating plain sauceless pasta in the company of his physio. Both of them are interrupted by hostesses asking them for autographs. The pulse of Roland Garros beats in unison with those of the two favourites. Meanwhile, they fill their days with training and matches, bets paid off by crossing the hotel reception lounge in underwear, long night time walks in search of an icecream, and alarm clocks that are turned off.

- All eyes on the sky. Nadal and Federer train whether or not they have a match. The Spaniard only has his two hours a day practice session, the gymnastics for his joints, and the massage afterwards to worry about: transport is provided by the organization's vans and their uniformed chauffeurs; Toni, his uncle and trainer, collects his racquets that have been strung to a tension of 25 kg. Out there, on the court, they solve things. "In Monte Carlo, Rome and Hamburg, 'Head' balls are used, which are different from the ones we play with here, 'Dunlop'. You get very different felings from them," says Nadal.

The two champions spend their time looking at the sky. "Even with the cold and the rain, which makes it slow, clay is still clay," pointed out Federer, who won in Hamburg in similar conditions. "We'll need to wait and see what happens when the good weather returns and the balls start flying; there will be surprises and dangerous matches." Nadal is more concerned about the centre court: "It is very big and there's always a peculiar wind there. I prefer the sun. When it's cold the ball is like a stone and I find it much more difficult."

- Very different hotels and dangerous bets. Nadal and Federer are lodged in different hotels: the Swiss in the six-star Le Grillon, the most exclusive hotel in Paris, accompanied by his girlfriend, his parents, his physiotherapist, various friends and his country's Davis Cup captain. "He spends the day holed up in there," say those that know him well. Nadal is different. The Spaniard stays at the Meliá Royal Alma, the same one as for his other two Roland Garros, and dines out "in the same restaurants as always, the ones close to the hotel." He gets up at nine o'clock in the morning and breakfasts either in his room or in the hotel restaurant, depending on the time of his match. He and David Ferrer usually take on the Argentine David Nalbandián and Carlos Moyá at the video consol. Whoever loses has a hard time of it. "Last time, I was on the point of telling them to drop their trousers and go downstairs," says Rafa.

"When you have free time and you've got a match to play, you cannot make use of it in any way," he added. "You spend it stretched out on the club sofa and then, when you can, back to the hotel. I follow what's going on in sport, above all football," explained Nadal, who went to a pub with Feliciano López to watch the Real Madrid v Deportivo match. What is most difficult? "Always keeping your concentration, keeping to a routine, always doing the same thing. That shatters you a bit mentally," he replies. "So does going out there every day knowing that you have to get one more ball back than your opponent. You get tired mentally."

- The Federer row. "The conditions were scandalous!" complained the world number one after beating the Frenchman Thierry Ascione as night was falling. Then he went out to dinner warning people that he was not going to set his alarm for the next day, as he deserved to "sleep late". "It was tough. They think that as I'm the favourite, I ought to win quickly in three sets. I hate playing when it's getting dark. I can't see the ball well," he went on. "It was dark, it was raining, the conditions were bad. It was terrible. I could hardly see!" - Proof of the pressure he is under.

- Dining out. The shutters come down at Roland Garros when the sun goes down. Then begins the search for a restaurant that keeps Spanish hours. 'Silvano' has a dozen tables usually occupied by Australian tennis myths and reporters. 'Pizza Pino' fills its two floors with tennis players and that is where Nadal usually eats. His last task of the day before he goes to bed after midnight is writing his blog. "Am I really mentioned in it?" says a surprised Toni, about whom it has been written that he sometimes accompanies Nadal at night in search of an icecream. Federer leaves the choosing of restaurants to his girlfriend: they have to be the best of the best.




 

Create Date : 02 มิถุนายน 2550    
Last Update : 8 มิถุนายน 2550 8:26:13 น.
Counter : 259 Pageviews.  

Rafa Blog @ 2007 French Open : part I

ราฟาเขียนบล๊อกเล่าชีวิตประจำวันระหว่างร่วมแข่งขันรายการ 2007 French Open
อ่าน Rafa's Blog ต้นฉบับภาษาอังกฤษ คลิ๊กที่นี่
ขอขอบคุณ Dory สำหรับบทแปลค่ะ ..... แวะเยี่ยมบล๊อกของ Dory คลิ๊กที่นี่



อ่าน Rafa Blog @ 2007 French Open : part II ... คลิ๊กที่นี่



บล็อกวันพุธที่ 6 มิถุนายน 2007 โดย แป๋วแหวว

เว๊ากันซื่อๆเลยนะครับ วันนี้ผมไม่รู้ว่าจะเขียนอะไรดี ตอนนี้ผมเริ่มจะหมดไอเดียว่าจะเล่าอะไรให้คุณฟัง ผมไม่อยากจะเล่าเหตุการณ์ที่นักข่าวได้ทำข่าวไปแล้วหรือสิ่งที่ผมคิดว่าพวกคุณคงไม่จำเป็นต้องรู้ ผมนึกออกว่าคุณกำลังจะบอกผมว่าคุณอยากทราบอะไร ผมต้องขอโทษเป็นอย่างมากนะครับเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมเป็นคนที่ระวังตัวมากๆในเรื่องแบบนี้ ผมมักเก็บอะไรเอาไว้คนเดียว พ่อแม่ผมก็บอกมาตลอด ผมเก็บทุกอย่างเอาไว้คนเดียวแล้วลงท้ายก็ระเบิดออกมา เหว๋ลล ในกรณีนี้ผมก็จะเก็บมันเอาไว้กับตัวและผมจะเล่าให้คุณฟังเรื่องทั่วๆไปนอกเหนือจากที่นักข่าวเอาไปทำข่าวแล้ว

วันนี้ผมไปที่คลับค่อนข้างเร็วกว่าปกติ ที่บอกว่าเร็วกว่าปกติเพราะวันนี้ผมลงแข่งเป็นคู่ที่สองโดยคู่แรกเริ่มตอนเที่ยง Djokovic จะลงแข่งกับ Andreev ก่อน จากนั้นผมก็จะลงสนาม ก็พักที่โรงแรมเดียวกับเรา คุณอาจไม่ทราบว่าเค้าพูดภาษาสเปนได้คล่องมากและเค้าก็เป็นคนดีมากด้วย


ตอนสิบโมงสิบห้า ผมออกไปที่คลับกับลุงผม พ่อผม Rafa Maymo คาลอส คอสต้า และก็ พอไปถึงผมก็ตรงดิ่งไปที่ล๊อคเกอร์รูมเพื่อไปเอาแร๊คเกต จากนั้นก็ไปฝึกซ้อม ล๊อคเกอร์รูมที่นี่ดีมากครับ ผมมักทิ้งข้าวของมากมายไว้ในนี้ ไม่จำเป็นจะต้องขนของไปๆมาๆ ห้องที่นี่ดีมากและตัวล๊อคเกอร์ก็ใหญ่มากๆ ผมได้อันเดียวกับปีที่แล้วเลย ผมทำการอุ่นเครื่องและจากนั้นก็ทำการฝึกซ้อม ผมกลับมาที่ล๊อคเกอร์รูมก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น กินนิดหน่อยและก็ไม่ได้ออกจากล๊อกเกอร์รูมอีกเลย

ก็เหมือนกับที่เคยบอกละครับ ผมจะไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับการแข่งขัน นักข่าวคงเอาไปเล่าหมดแล้ว พวกเค้าถามผมหลายคำถามตอนแมทช์สิ้นสุด เกี่ยวกับความรู้สึกของผมหลังจากที่เอาชนะเพื่อนมาได้

ทุกคนทราบดีว่าผมคิดยังไง ชาร์ลีเป็น phenomenon และเป็นเพื่อนผม และเวลาที่เล่าลงแข่งกันในสนามเราก็จะทุ่มเทกับการแข่งขัน พวกเราเป็นระดับมืออาชีพและมันก็เป็นสิ่งที่เราควรทำ เราลงแข่งเพื่อชิงกันเข้าไปในรอบเซมิไฟนัลของ Roland Garros ผมอยากบอกอีกหนว่าโมย่าเป็นคนที่ผมจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยที่สุดถ้าผมจะแพ้ให้ ผมถูกถามเรื่องที่เราจับมือกันหลังการแข่งขันจบ บางคนมองว่ามันดูเย็นชา แต่ผมกับเค้าน่ะมีมิตรภาพที่ดีต่อกันขนาดที่มันทำให้ผมมั่นใจว่าเราไม่จำเป็นจะต้องโชว์ให้ประชาชนเห็นเรื่องพวกนี้ ผมคิดว่ามันไม่จำเป็น เราไม่จำเป็นต้องกอดกันบนคอร์ทเพื่อที่จะบอกให้ทราบว่าเราเป็นเพื่อนกัน มิตรภาพที่แท้จริงไม่จำเป็นจะต้องแสดงออกให้คนอื่นเห็น แมทช์นี้มันไม่ใช่แมทช์ที่ทุกอย่างต้องมาตัดสินกันตรงตอนสุดท้ายของเซตที่ห้าและคนเล่นก็เล่นกันอย่างยอดเยี่ยมสุดๆ ผมไม่คิดว่าการเข้ามากอดกันตอนจบแมทช์มันจะเป็นการแสดงความจริงใจอะไร

เหว๋ลล ก็นั่นละครับ พรุ่งนี้ผมก็จะไปที่คลับเพื่อทำการซ้อมเวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง ผมจองคอร์ทไว้ตอนบ่ายโมง ผมยังไม่รู้เลยว่าใครจะมาซ้อมกับผม พวกเค้าจะบอกตอนที่ผมไปถึง พรุ่งนี้จะเป็นวันที่ผมไม่ทำอะไรเป็นพิเศษ จะทำให้เหมือนทุกวันครับ



--------------------------------


บล็อกวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2007 .... By Dory

สวัสดีทุกคนครับ,

อีกวันในปารีสระหว่างการแข่งขันรายการโรแลนด์ การ์รอสเป็นสัปดาห์ที่สอง ไม่รู้สิครับแต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าเราเพิ่งมาถึงกันเมื่อวานนี้เองทั้งที่ที่จริงแล้วเรามากันได้หลายวันแล้ว พอมาคิดถึงว่าเรามานี่กันได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว

วันนี้เป็นอีกวันที่เหมือนกับวันปกติอื่น ๆ เราไปคลับกันตอน 11 โมงครึ่ง และซ้อมกันราว ๆ บ่ายโมงตรงที่คอร์ท 11 วิตโต้จัดการเตรียมการซ้อมของผมกับเด็กรุ่นจูเนียร์อายุ 16 ปีคนหนึ่ง คนที่แน่นอนว่ามาแข่งจูเนียร์ทัวร์นาเม้นท์ที่นี่ และชื่อของเขาก็คือ วลาดิเมียร์ อิกนาติก เขามาจากเบลารุสเหมือนกับ Max Mirnyi ที่มาฝึกซ้อมที่คอร์ทเดียวกันกับพวกเราพร้อมกับคู่ของเขา Björkman ตอนที่เราซ้อมกันเสร็จแล้ว หลังจากนั้นผมก็ทานอาหารที่คลับ ผมทานสปาเก็ตตี้ธรรมดา ๆ กับปลาและเนย ผมทานกับพ่อของผม Maymo, Tuts และ Carlos Costa ทุกอย่างดีไปหมด ผมเห็นว่า Charly ทานอยู่ก่อนพวกเรา ผมก็เลยทักทายเขา Juan Amador นักข่าวจากมายอร์ก้า ที่มาเก็บข่าวในรายการนี้ถ่ายรูปพวกเราไว้แล้วก็บอกว่าสวัสดี


Carlos Costa, Rafa Maymo, Toni, Benito, Pepote Ballester และ Tito Tous ที่มาจากมายอร์ก้าวันนี้ ไปเล่นฟุตบอลด้วยกัน ในทางทฤษฎีแล้วพวกเขาอยู่ทีมเดียวกับผม (เพราะพวกเขาเล่นด้วยสีของผม) แข่งกับทีมของ Nalbandian พวกเขาแพ้ด้วยสกอร์ 14-3 เป็นเรื่องที่แย่จริง ๆ แต่ที่จริงผมอยู่ในห้องตอนที่พวกเขาแข่งกัน กำลังทำตัวให้ผ่อนคลายและเตรียมพร้อมสำหรับแมทช์ในวันพรุ่งนี้กับคาร์ลอส (โมย่า) ก่อนหน้านั้นราฟาก็พูดบางอย่างกับผมเพื่อให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและยืดหยุ่นมากขึ้น

หลังจากนั้นผมก็เล่นเพลย์สเตชั่นอยู่ในห้องก่อนที่จะออกไปทานอาหารค่ำ ตอนที่ไม่มีการแข่งขันเพราะว่าผู้เล่นหลายคนกลับไปแล้ว (Ferru กลับสเปนไปแล้ว) ผมก็จะเล่น Master Liga (เกมส์ฟุตบอล) วันนี้ผมได้ Tevez มาเล่นให้ทีมของผม และผมเล่นเป็นทีมแมนเชสเตอร์ ผมแข่งขันกับทีมซาราโกซ่าได้ดีทีเดียวล่ะครับ...Lobito พูดถึงเขา (Tevez ในเกมส์) ไว้มากมาย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจซื้อตัวมา เพื่อจะดูว่าเป็นยังไง

วันก่อนผมบอกพวกคุณไปว่าผมหากล้องไม่เจอ ผมหาเจอในที่สุดไม่เมื่อวานก็วันนี้แหละครับ ผมเจอที่โต๊ะเจ ผมเอารูปมาลงให้พวกคุณดูกันแล้วก็จะคอมเม้นท์นิดหน่อย: นี่เป็นรูปครับ (cumple detas de camara.jpg) ซึ่งเป็นรูปที่ถ่ายในวันเกิดผมที่ทางผู้จัดรายการจัดให้กับผม รูปที่คุณเห็นมีผู้สื่อข่าวเป็นรูปที่ช่างถ่ายรูปถ่ายจากกล้องที่คุณได้เห็น มาดูกัน นี่จะเป็นรูปที่คุณไม่ได้เห็นในข่าว


อีกรูปเป็นรูปที่ผมถ่ายกับพ่อและคาร์ลอส คอสต้า เรากำลังทานอาหารค่ำที่งานวันเกิดผมที่ผมเล่าไปแล้ว อีกรูปจะเห็น Tuts จากไนกี้ ซึ่งเป็นคนที่ผมเล่าไปแล้ว เขาเพิ่งมาถึงวันนั้น คาร์ลอส คอสต้าที่เป็นผู้จัดการของผม วิตโต้จาก ATP แล้วก็ผม และรูปสุดท้ายได้ถูกส่งมาให้ผมวันนี้โดยเบนิโต้ และเขาบอกผมว่า โรซาน่า ส่งมาให้วันนี้ มันเป็นรูปที่พวกเขาถ่ายผมกับไอศกรีมกล่องใหญ่ที่ผมได้จาก TVE ในวันเกิดผมในวันอาทิตย์ คำถามก็คือ: ผมทำอะไรกับไอศกรีม 9 ลิตรครึ่งนั้น? เหว๋ลล ผมเอากลับโรงแรมแล้วก็ให้เอาใส่ตู้เย็นไว้ แล้วทุก ๆ บ่ายตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นมา รวมถึงตอนกลางคืนหลังอาหารค่ำก็จะมี “งานชิม” ไอศกรีมที่ล็อบบี้ของโรงแรม จะมีคนประเภทที่ใส่กางเกงไม่ได้มากินไอศกรีม hehehe ตอนนี้เราก็ยังมีเหลืออีกมากกว่าครึ่งครับ รูปสุดท้ายถูกถ่ายไว้ช่วงตอนซ้อมในวันอาทิตย์ มีผู้คนมากมายในการซ้อมวันนั้นและมันก็ดีมากเลย คุณจะรู้สึกดีที่มีคนมาแล้วก็บอกว่าพวกเขาชอบคุณ

เหว๋ลล ผมเดาว่าคุณคงอยากให้ผมเล่าเรื่องการแข่งขันในวันพรุ่งนี้ (วันนี้ก็คือวันที่คุณกำลังอ่านบล็อกนี้อยู่) อย่างที่ผมบอกแหละครับ มันจะเป็นแมทช์ที่ยากแมทช์หนึ่ง คาร์ลอสเป็นผู้เล่นที่เล่นได้ในระดับที่ดีมาก เขาทำได้ดีในการแข่งขันที่ฮัมบูร์กตอนที่เขาเอาชนะผู้เล่นที่ติด top 10 ไปได้ถึงสามคนในสัปดาห์นั้น และก็เกือบจะเอาชนะเฟดเดอเรอร์ได้ เรารู้จักกันดีทีเดียว เราเล่นและฝึกซ้อมด้วยกันมาแล้วหลายครั้ง ผมรู้ดีว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ผมสนใจน้อยมากถ้าจะต้องเล่นแพ้เขา แต่ก็ชัดเจนแหละครับว่าผมจะต้องทำทุกอย่างเพื่อที่จะไม่แพ้ น่าเสียดายที่เราจะต้องมาแข่งกันเองแต่มันก็ดีที่ได้รู้ว่าเราคนใดคนหนึ่งจะได้เข้ารอบไป ไม่รู้สิครับ มันเป็นความรู้สึกที่แปลก แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่เป็นกีฬา เป็นสิ่งที่เป็นเทนนิส บนสนามแข่งเราจะแสดงให้เห็นถึงความเคารพซึ่งกันและกัน แต่ตอนที่แข่งขันเราก็ต้องลืม ๆ ไปบ้างถึงความเป็นเพื่อนของเรา ห้านาทีก่อนและหลังการแข่งเราจะกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

โบนา โซรท! (หมายถึง โชคดี ในภาษาคะตะลันครับ)
อาสต้า มันญาน่า (เจอกันพรุ่งนี้)
ราฟา



------------------------------


บล็อกวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2007 โดย แป๋วแหวว

หวัดดีครับทุกคน ในวันพิเศษของผม อย่างที่หลายคนทราบวันนี้ผมอายุ 21 ปีแล้วครับ

ก่อนอื่นผมขอขอบคุณทุกคนที่ส่งข้อความและของขวัญมาให้ผม มันทำให้ผมตื่นเต้นทุกครั้งและผมรู้สึกซึ้งในน้ำใจของทุกคน ข้อความต่างๆมาจากหลายประเทศทั่วโลก ผมเห็นข้อความจาก ฮาวาย อาร์เจนตินา เปรู แคนาดา อุรุกวัย โคลัมเบีย และที่อื่นๆ ขอบคุณมากๆครับ คุณทราบมั๊ย ผมไม่สามารถอ่านมันทั้งหมดแต่ผมจะไม่ทิ้งมันไปไหน จะเก็บมันไว้ ผมขอบคุณมากครับ ผมอยากจะขอส่งคำอวยพรไปยังทีมงานที่ทำเวปผมที่รับข้อความทั้งหลายแทนผม และผู้คนที่ทำงานในเวปอื่นด้วย (เวปแป๋วแหววด้วยใช่มั๊ย) ขอบคุณครับ !!!

วันนี้ก็เป็นเหมือนวันอื่นๆทั่วไป อาจจะมีอะไรต่างไปบ้างถ้าผมอยู่ที่บ้าน ปกติผมจะออกไปทานอาหารกลางวันกับครอบครัวและก็จะออกไปทานอาหารค่ำกับเพื่อนๆในตอนกลางคืน แต่นี่เป็นปีที่สามติดต่อกันแล้วที่ผมฉลองวันเกิดที่นี่ที่ปารีสระหว่างการแข่งขัน FO ผมไม่อยากจะพูดว่าผมไม่พอใจในเรื่องนี้ จริงๆแล้วผมรู้สึกตรงกันข้ามมากกว่า ผมมีความสุขที่ได้ฉลองวันเกิดที่นี่เพราะมันหมายความว่าผมยังอยู่ในการแข่งขัน .... ตอนเช้าเวลา 11.15 น. ผมตรงมาที่คลับเลย ผมไม่มีเวลาทานอาหารเช้าเพราะอาหารเช้าที่โรงแรมในช่วงสุดสัปดาห์ปิดบริการเวลา 11 โมง ปกติผมมักมาถึงตอน 10.55 แต่เมื่อคืน เมื่อคืน เหว๋ลล พวกเราเล่น PlayStation กันครับ เป็นเกมสุดท้ายที่ได้ขับเคี่ยวกันมาเป็นเวลาสองสามเดือนนี้ Ferru และผมชนะหนึ่งเกมแต่แพ้เกมที่เหลือ ผมว่าพวกคุณคงจะเบื่อกับเรื่องเล่าเกี่ยวกับ PlayStation ที่มันมากเกินไปแล้ว ให้ผมสรุปสั้นๆว่าเราสนุกกับมันมากและพวกเราเล่นด้วยความกระตือรือล้น เมื่อวาน Ferru แพ้ นัลบาเดียนก็แพ้ พวกเค้าจะเดินทางออกจากปารีสและผมคงจะต้องเล่นต่อกับโมยินี่ในส่วนที่เหลือ เพื่อ “clean shots” ซึ่งเป็นศัพท์ที่พูดกันในวงเทนนิส แล้วผมจะเล่าให้คุณฟังอีก

วันนี้ผมฝึกซ้อมกับเด็กหนุ่มจากโปรตุเกสชื่อ Gastao Elias ซึ่งเล่นอยู่ในรายการจูเนียร์ Francis Roig เป็นคนติดต่อเค้าให้ผม โดย Vitto Selmi ทำการประสานงานเกี่ยวกับเรื่องกำหนดการฝึกซ้อมให้ร่วมกับลุงของผม วันนี้เราซ้อมกันที่คอร์ท 13 ซึ่งห่างจากเซ็นเตอร์คอร์ทพอสมควร มันอยู่ข้างหลัง Suzanne Lenglen นี่เอง มีผู้คนมากมายดูเราซ้อม ระหว่างที่เราซ้อมคนดูได้ร้องเพลง Happy Birthday ให้ผมด้วย ผมมาทราบทีหลังว่ามันเป็นไอเดียของ Rosana Romero สาวจาก TVE ที่คอยรายงานข่าวเทนนิส ตรงนั้นคนเยอะมาก ผมรู้สึกขอบคุณทุกท่านสำหรับกำลังใจที่ให้ผม ผมขอขอบคุณลุงผมและ Rafa Maymo ซึ่งอยู่เคียงข้างผมตลอดในช่วงฝึกซ้อม นอกจากนี้ยังมีพ่อผม Vitto และ Benito .... การที่จะไปถึงคอร์ทนั้น มันจะมีทางเล็กๆ 2-3 เส้นทางที่ไม่มีคนเดินผ่าน มันทำให้พวกเราไปถึงสนามซ้อมได้เร็วขึ้น ถ้าเราเดินไปกับฝูงชนมันคงจะต้องใช้เวลานาน ผมไม่ได้บอกว่าเป็นเพราะผม แต่เป็นเพราะทุกคน(มากมาย)ที่มาอยู่ในคลับตะหาก มันน่าประทับใจจริงๆ

หลังจากการฝึกซ้อม ผมวิ่งไปที่ล๊อกเกอร์รูมเพราะผมต้องการจะดูการแข่งขัน MotoGP จริงๆแล้วผมชอบ motorbikes มากด้วย ผมชอบกีฬาในกลุ่มนี้ทุกอย่างเลยและผมก็ติดตามการแข่งขันทุกรายการ ผมมีนัดกับนักข่าวเวลา 2:45 PM แต่ขอสารภาพความจริงนะครับ ผมไปช้านิดหน่อยเพราะผมอยากจะดูการแข่งขันจนจบ การพบกับนักข่าวเป็น “surprise” จัดโดยผู้จัดการแข่งขัน ก็มีเค๊ก มีแชมเปญมาฉลองกัน มีช่างภาพจำนวนมากมาถ่ายภาพ ผมอยากบอกความจริงว่าผมไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่ และผมก็ได้บอก Benito ไปแล้วด้วยว่ามันดูเป็นการปรุงแต่ง(จัดฉาก)น่ะครับ ผมเข้าใจดีว่าเราต้องทำแบบนี้เพื่อที่จะได้ภาพวันเกิด ผมรู้สึกขอบคุณผู้สื่อข่าวทุกคนที่มาปรากฎตัวในวันนี้ แต่อย่างที่บอกไปว่าผมไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่เพราะมันดูไม่จริง(artificial) เหว๋ลลล โมยินี่บอกว่า มันก็ต้องเป็นไปแบบนี้แหละ .... หลังจากนั้นผมก็กลับไปกินอาหารอย่างสงบ

ผมมีนัดกับ TVE พร้อมด้วย Carlos Costa ผมไปที่เค้าจัดฉากรอไว้ซึ่งมันก็อยู่ในสถานที่จัดการแข่งขันนั่นแหละ ที่นั่นเราได้พูดคุยกับ Alex และ Rosana เป็นระยะเวลาหนึ่ง ระหว่างที่กำลังออกอากาศอยู่ เค้าได้ให้ไอศกรีมถังเบ้อเริ่ม ขนาดเป็น barrel (1 ถังยักษ์) เลยครับ รส cookies and cream. .... ผมไม่ขอกินมากกว่าที่คุณเห็นในทีวีละ .... หลังการถ่ายทอดจบลงพวกเค้าได้มอบของขวัญให้กับผมซึ่งผมชอบมันมาก .... ปีนี้ TVE ตามรายงานข่าวแทบทุกรายการแข่งที่สำคัญ ในช่วงต้นปี Rosana มากับตากล้องชื่อ Miguel (มีอีกคนที่ชื่อคล้ายกับว่า Andres ซึ่งผมอยากจะเซย์ hi กับเค้า) .... Miguel เป็นตากล้องที่ตามไปทำข่าวทุกหรือแทบทุกสงครามรอบโลก เค้ามีเรื่องเล่ามากมาย เค้าเคยเล่าให้ผมฟังมาสองสามเรื่องแล้วตอนที่เราอยู่กันที่ Melbourne เค้าเป็นคนดีมาก ผมประทับใจกับเรื่องที่เค้าเล่าและสิ่งที่เค้าประสบมา .... ผมไม่เห็นเค้ามาทำข่าวกีฬาหลังจาก Melbourne แล้วจู่ๆผมก็เจอเค้าอีกหนที่นี่ เค้าเล่าให้ผมฟังว่าเค้าไปอิรักและที่อื่นๆมาในช่วงที่หายไป เค้าได้ให้แบ๊งค์ของซัดดัม ฮุสเซน แก่ผม เค้าบอกว่าได้แบ๊งค์เหล่านี้มาจากที่ไปอิรักครั้งล่าสุด ขอบคุณมากๆครับ Miguel ผมหวังจะได้เจอคุณอีกในรายการแข่งขันต่อๆไป Hehehe

เหว๋ลลล หลังจากนั้นผมก็ไปที่โรงแรมเพื่อพักผ่อนในช่วงบ่าย คืนนี้ผมจะไปทานอาหารค่ำกับพ่อผมม, ลุงผม, Rafa, Carlos และก็ Tuts ด้วย ... Tuts เป็นคนจากไนกี้ เค้าจัดการทุกอย่างให้กับพวกเรา พรุ่งนี้ผมจะโชว์รูปจากวันนี้ให้ดูกันครับ ผมไม่มีเวลาใส่รูปให้ดูในวันนี้เพราะผมจะต้องออกไปทานข้าวแล้ว พรุ่งนี้จะเอามาให้ดูครับ

ขอกอดทุกๆคนและขอบคุณอีกครั้งสำหรับข้อความที่ส่งมาให้ผมวันนี้
Hugs to everybody and thanks again for all the messages you sent today.

Rafa.



----------------------------------

บล็อกวันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน 2007 .... By Dory

สวัสดีทุกคนอีกครั้งครับ

วันนี้เป็นวันแข่ง ซึ่งเป็นวันที่ผมทำอะไรเหมือน ๆ กับวันแข่งอื่น ๆ จริง ๆ วันนี้ผมไม่รู้จะเล่าอะไรให้พวกคุณฟัง ผมทานอาหารเช้าที่โรงแรม หลังจากนั้นก็นั่งรถไปที่สนามแล้วก็อุ่นเครื่องเตรียมตัว

Vittorio Selme ของ ATP เป็นคนเล่นอุ่นเครื่องกับผมวันนี้ ผมเคยฝึกกับเค้ามาแล้วที่โรม และเค้าก็เป็นคนที่เท่ห์ทีเดียว หลังจากนั้นผมก็ไปที่ห้องล็อกเกอร์แล้วก็รอให้การแข่งขันเริ่มขึ้น จริง ๆ คู่ที่แข่งก่อนหน้าผมจบค่อนข้างเร็วดังนั้นผมจึงไม่ได้เล่นดึกมากนัก ซึ่งก็ดี ในห้องล็อกเกอร์ผมได้ดูการแข่งขันจากหน้าจอ ในขณะที่ก็ฟังเพลงและก็เตรียมแร็คเก็ตไปด้วย

แต่วันนี้พ่อมาเซอร์ไพรซ์ผม พ่อมาปารีสโดยที่ไม่ได้บอกอะไรผมมาก่อนเลย พ่อจะมาอยู่ช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งผมดีใจมาก คุณก็รู้ว่ามีคนกี่คนอยู่กับผมที่นี่แต่ก็ไม่มีใครบอกอะไรผมทั้งนั้น คุณทุกคนคงรู้ โดยเฉพาะถ้าคุณเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับสองสามปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพ่อนั้นเป็นไปด้วยดีและพิเศษมาก เราเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมากเมื่อปีที่แล้ว และพ่อก็สนับสนุนผมเสมอ ปีที่แล้วหลังจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศสำหรับผมมันมีผลทางจิตใจอย่างมากเมื่อได้กอดพ่อ เหว๋ลล ผมไม่มานั่งอธิบายอะไรหรอก คุณรู้กันอยู่แล้ว

ในเมื่อวันนี้ผมไม่มีอะไรจะเล่าให้คุณฟังมากนัก ผมก็บอกคุณได้เลยว่าผมได้อ่านคอมเม้นท์และข้อความเกี่ยวกับบล็อกมากมาย ผมได้เห็นว่ามีหลายคนถามว่าไอศกรีมรสชาดอะไรที่ผมทาน ปกติแล้วผมจะทานไอศกรีมวานิลลากับคุ้กกี้ (ครั้งละ) 3 ลูก วันนี้ผมก็ได้ทานระหว่างทางกลับไปโรงแรมหลังจากทานอาหารค่ำและก่อน...การแข่งขันเพลย์สเตชั่นครั้งยิ่งใหญ่ อีกครั้งที่เกมส์แบบ quartet จะต้องจบลงไป เมื่อ Ferru แพ้ (เทนนิสนะคะ ไม่ใช่เพลย์สเตชั่น) และต้องกลับสเปน


และก็มีบางคนที่ให้ผมพูดเกี่ยวกับการแข่งขัน แต่ผมไม่คิดว่านั่นเป็นข้อความที่ถูกต้อง ในเมื่อมีสื่อมวลชนมากมายมาที่นี่แล้วก็พูดถึงเรื่องพวกนั้นไปแล้ว อย่างที่ผมเคยบอกแหละ ว่าพวกเขาทำได้ดีแล้ว ในบล็อกนี้ผมจะเล่าเรื่องที่ปกติแล้วพวกเขา (สื่อฯ) ไม่สนใจมากนัก ปกติพวกเขาจะไม่มีพื้นที่ (ในการเขียนข่าว) มากนักหรอกที่จะมาเขียนเรื่องพวกนี้

วันนี้ผมฝึกซ้อมตอนเที่ยง และหลังจากนั้นก็มีคนมาบอกให้ผมไปพบกับพวกสื่อมวลชน จริง ๆ แล้วผมชอบที่จะอยู่เงียบ ๆ และก็ไม่ทำอะไรมากนักในวันแบบนี้ สิ่งที่ทำก็เป็นกิจวัตรเหมือนทุกวัน แต่ผมรู้ดีว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ตัวอย่างเช่นพรุ่งนี้สื่อฯจะมาตอนที่ผู้จัดการแข่งขันจะจัดงานวันเกิดให้กับผู้เล่นอย่างที่ทำกันทุกปี พวกเขาจะเอาเค้กมาให้ผม ผมว่าพรุ่งนี้พวกคุณก็จะได้เห็นจากทีวีหรือหนังสือพิมพ์ พวกเขายังบอกอีกว่าผมจะต้องให้สัมภาษณ์ ที่ สนามแข่งนี้กับ TVE (ทีวีช่องหนึ่งของสเปน) ในวันพรุ่งนี้ พูดถึงเรื่องวันเกิดที่จัดที่นี่ ผมจำได้ว่าเมื่อสองปีก่อนPau Gasol มาที่ห้องสัมภาษณ์กลางงาน press conference พร้อมกับเค้กหนึ่งก้อน และแชมเปญจ์อีกสองสามขวด ผมรู้ว่า Pau ได้ดูการแข่งขันและผมไม่ได้หวังว่าเขาจะมาพร้อมกับเค้ก ปีที่แล้วเป็นอะไรที่จัดแต่งมากกว่าเพราะว่ามีคนเตรียมงาน และพรุ่งนี้ผมคิดว่าก็น่าจะเป็นเหมือนกัน ผมหวังว่าปีนี้ลุงของผมจะไม่โยนเค้กใส่หน้าผมอีกอย่างที่เขาทำปีที่แล้ว

เราจะได้เห็นด้วยว่าผมจะเป่าเทียนวันเกิดได้ไหม....ปีที่แล้วมันเป็นโชว์น่ะครับ

เหว๋ลล ผมต้องไปแล้ว ผมขอโทษที่วันนี้ไม่มีรูป ผมลืมกล้องไว้ที่โรงแรม...ขอโทษด้วยนะครับ

Greetings to everybody and hasta mañana (เจอกันพรุ่งนี้)

(วันนี้ราฟาไม่ได้ลงชื่อค่ะ)



------------------------------


บล็อกวันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2007 โดย แป๋วแหวว

เฮลโหลทุกคนครับ

เหว๋ลลล หลายคนคงจะรอดูภาพที่ผมบอกไว้ในบล๊อกที่แล้ว ภาพผลเกม Playstation ที่เราเล่นกันเมื่อคืนก่อนไงครับ ผมต้องขอบอกไว้ก่อนว่าผลการแข่งขันนี้ไม่สามารถทำการชำระกันได้ด้วยคนในคนหนึ่งในแต่ละทีม นัลบานเดียนลงแข่งวันนี้ในเวลาเดียวกับที่พวกเราเพิ่งฝึกซ้อมเสร็จ แถมตารางของพวกเราก็ไม่ตรงกับของ David Ferrer บางทีคงจะเป็นพรุ่งนี้ที่ทีมชนะจะได้ในสิ่งที่เค้าสมควรได้รับ [คงจะมีการพนันอะไรซักอย่างก่อนเล่น แล้วทีมแพ้ยังไม่ได้ทำตามที่พนันกันไว้ ... กำกวมเหลือเกินพ่อคู๊ณ]

วันนี้เราไปถึงคลับประมาณเที่ยงวัน พวกเราไปโดยรถยนต์ คนขับพูดภาษาสเปนได้ด้วย .... ในรถที่ไปด้วยกันก็มีลุงผม, Maymo และก้อ Benito Perez-Barbadillo ผู้จัดการด้าน PR ซึ่งวันนี้สามารถมาด้วยกันได้ - เพราะเราออกสายกว่าปกติ ฮิ ฮิ ฮิ ผู้จัดการผมบอกว่าช่วงเช้าน่ะเค้าทำงานอยู่ในห้อง ... อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันนะ

ตอนแรกผมมีแผนจะฝึกซ้อมกับลุงเริ่มตอนเที่ยงครึ่ง แต่ปรากฏว่าการจราจรติดขัดทำให้เราใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติ ในรถพวกเราคุยกันนิดหน่อยเรื่องประวัติศาสตร์ ลุงผมน่ะเค้ารู้เรื่องพวกนี้ดีมาก เค้าจะไม่หยุดเล่าเรื่องพวกนี้ วันนี้เราพูดกันถึงอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาเพราะรถเราขับผ่านถนน Roosevelt นอกจากคุยเรื่องประวัติศาสตร์เราก็ฟังเพลงจากวิทยุ ผมได้ยินเพลงเพราะมากเพลงนึง แต่ปัญหาก็คือผมไม่ทราบชื่อเพลง ผมไม่สามารถบอกคุณได้ว่ามันคือเพลงอะไรหรือดาวโหลดเพลงจากอินเตอเนตมาให้พวกคุณได้ลองฟังกัน เอาไว้ผมจะลองหาดูพรุ่งนี้ครับ

อย่างที่บอกไว้ ผมมาถึงคลับช้ากว่าปกติเพราะรถติด ตอนแรกเราวางแผนกันว่าผมจะฝึกซ้อมกับลุงผม แต่พอเรามาถึงคลับเราก็เจอกับ คาลอส โมย่า ซึ่งกำลังออกไปฝึกซ้อมที่ ground courts ข้างๆ Roland Garros ผมก็เลยชวนเค้ามาซ้อมกับผม .... Lobito เตรียมการเรื่องการฝึกซ้อมและอุ่นเครื่องให้ผมแล้ว ตัวผมเองก็ได้พันเทปข้อเท้าพร้อมที่จะทำการซ้อม แค่เดินเข้าไปในล๊อคเกอร์รูมเพื่อไปเอาแร๊คเกตและก็ออกมาซ้อม .... ก่อนการซ้อมจะเริ่มขึ้นเราพูดถึง Playstation คืนนั้น โมย่าบอกว่า เค้าได้อ่านที่ผมโพสต์ไว้ในบล๊อกที่แล้ว ที่ผมบอกว่าผมจะโชว์รูปให้พวกคุณดู โมย่าบอกว่า "โนเวย์ ไม่มีทาง" ผมก็เลยไม่สามารถเอารูปมาโพสต์ให้คุณดูได้ คุณคงทราบดีว่าใครชนะเกมนั้น ... นัลบานเดียนทำลาย joysticks (สังเกตตัว s) ... Moyina วีโต้การโพสต์รูปในบล๊อกผม (มันชัดเจนจน)ผมไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรอีกแล้ว


กลับมาเรื่องที่เราฝึกซ้อมกันวันนี้ดีกว่า หลังจากอุ่นเครื่องแล้วเราเล่น "Eleven" กันสามเซต ก็คือ เราจะเล่นกัน 11 แต้มโดยถ้าจะชนะกันแต้มต้องห่างกัน 2 แต้ม เราเล่นกันโดยไม่เสริฟและห้ามทำ return winner [We do it without serve and you cannot play return winners] .... เราเล่นอย่างจริงจังแต่ก็หัวเราะกันตลอดเวลา เพราะอะไร เพราะบางลูกมันหายไป "some balls were stolen" จริงๆแล้วผมมีภาพรอยบอลมาประกอบคำบรรยาย โมย่าบอกว่าบอลออก แต่คุณคงสามารถเห็นว่ามันลงเส้น มีคนถ่ายภาพพวกเราขณะกำลังถกกันอยู่เรื่องบอลแต้มนี้ จากภาพคุณจะเห็น Lobito หัวเราะพร้อมกับทำท่าปิดหน้าปิดตาบอกกับทุกคนว่า เค้าไม่เห็นรอยบอลนั้น เช่นเดียวกับลุงผมและโมยินี่ที่หัวเราะกันใหญ่เลย อีกรูปคุณจะเห็นว่าผมกำลังถกว่าบอลลงเส้น แต่พวกเค้าบอกผมว่ามันออก ฮิ ฮิ ฮิ พวกเราจะต้องรักษาบรรยากาศอย่างนี้ให้มีอยู่ในการแข่งขันครับ

Hugs to everybody and gracias.

Rafa.



-------------------------------

บล็อกวันพฤหัสบดีที่ 31 พ.ค. 2007 .... By Dory

Hola (อ่านว่า โอ-ล่ะ แปลว่าสวัสดี ค่ะ จริง ๆ จะเอาขึ้นต้นประโยคเป็นภาษาไทยเลยแต่มันตลกอ่ะ ก็เลยเขียนเป็น original ไปเลยดีกว่า -__--') ทุกคนอีกครั้งครับ วันนี้ผมเขียนดึกมาก, ดึกจริง ๆ และก็เขียนจากโรงแรมเหมือนทุกครั้ง วันนี้เป็นวันแข่งขันและผมบอกตามตรงเลยผมมีความสุขมากที่ได้เข้าไปในรอบสาม ผมเล่นในคอร์ท Suzaane Lenglen ซึ่งทำให้ลูกช้ากว่าและคุณก็ไม่มีวันเดาได้ Carlos Moya บอกผมว่าเขาแพ้ถึงห้าครั้งที่สนามนั้น

เหว๋ลล (ตามน้า) วันนี้ผมออกจากโรงแรมตอนสิบโมงครึ่งตอนเช้า ก่อนหน้านั้นผมลงไปข้างล่างเพื่อทานอาหารเช้ากับเพื่อนร่วมงานของผม (งงเหมือนกันทำไมใช้คำว่า colleagues ไม่แน่ใจว่าจะหมายถึงคนที่ทำงานให้เค้าหรือผู้เล่นด้วยกัน) ที่นั่นมี Moya, Lobito, Pere และ Carlos Costa ผู้ที่เข้ามาพร้อมกับมองไปที่สื่อมวลชน ผมทานขนมปังกับ " โนซิญ่า" หรือ นูเทลล่า ผมไม่แน่ใจ เอาเป็นว่าผมทานขนมปังกับช็อคโกแลตแล้วก็น้ำผลไม้นิดหน่อยละกันครับ

จริง ๆ แล้วเราออกจากโรงแรมหลังจากสิบโมงครึ่งนิดหน่อย, ประมาณสิบโมงสี่สิบนาที (ไม่ต้องเป๊ะนักก็ได้จ้าน้องราฟา -_--) เพราะว่าลุงของผม โทนี่ ลงมาข้างล่างช้า ปกติแล้วลุงจะลงมาแต่เช้าแล้วออกไปเดินเล่น พวกเรารอลุงอยู่ข้างล่างในรถของทัวร์นาเม้นท์เพื่อที่จะไปยังสนามแข่ง ที่นั่นผมจะต้องอบอุ่นร่างกายแล้วก็ทำเหมือนอย่างที่ทำทุกครั้ง จริง ๆ แล้วผมก็ชอบทำอะไรที่เคยทำมาแล้วซ้ำนะ ผมมีกิจวัตรซึ่งเกือบทุกคนก็รู้ว่าทำอะไร หลังจากอบอุ่นร่างกาย ปกติผมก็จะไม่ออกจากห้องล็อกเกอร์ถ้าไม่ต้องไปห้องอาหารเพื่อทานอะไรซักอย่าง พรุ่งนี้ผมจะเล่าให้คุณฟังมากขึ้นเกี่ยวกับกิจวัตรในห้องล็อกเกอร์ของผม (วุ้ย วุ้ย แทบรอไม่ไหว >___<)

เมื่อวานคนพูดกันมากเกี่ยวกับเรื่องฝูงชนที่มากันอย่างล้นหลาม ผมบอกสื่อฯไปว่านอกจากแมทช์ที่ผมแข่งกับ Grosjean เมื่อสองปีที่แล้ว ผมไม่เคยบ่นเรื่องที่ว่าที่นี่คนเยอะอีกเลย พวกเขาปฏิบัติกับผมอย่างดี โดยเฉพาะในสถานที่หรือทัวร์นาเม้นท์อย่าง Marseille (เมืองท่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส) ที่นี่ก็เหมือนกัน เวลาที่ผมไปที่คอร์ทเพื่อฝึกซ้อม ก็จะมีคนเข้ามาทักทายผมอยู่ตลอดเวลา เพื่อขอลายเซ็นต์ และบอกว่าพวกเขาชอบผม ผมไม่มีปัญหากับเรื่องพวกนี้เลยสักนิด (น่ารักที่ซู๊ดดดด คนของประชาชนจริง ๆ)

บางทีการแปลความหมายผิดพลาดจากการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเมื่อปีที่แล้วคงมีผล ผมจำได้ว่าผมเริ่มคำปราศัย (หุหุ ใช้คำเหมือนคนสำคัญดี – เพราะน้องราฟาเป็นคนสำคัญของพวกเรา \(^__^)/ ) ด้วยการแสดงความยินดีกับ Roger Federer ผมบอกว่าผมดีใจและภูมิใจมากที่เอาชนะเขาได้ และเขาคงจะเป็นนักเทนนิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ล่ามคนนั้น (ซึ่งพวกเรารู้จักกันดีเพราะเขาก็ไปเป็นล่ามที่ Monte-Carlo และทัวร์นาเม้นท์อื่น ๆ อีก) ไม่เข้าใจความหมายที่ผมพูดและแปลเป็นอีกอย่างที่ตรงกันข้าม ซึ่งก็คงจะหมายความว่าผมเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล แล้วก็อื่น ๆ อีก หลังจากนั้นเขาก็เข้ามาที่ห้องล็อกเกอร์และบอกว่าเขาขอโทษสำหรับความผิดพลาด วันนั้นไม่ใช่วันที่ดีที่สุดของเขา ซึ่งมันก็เกิดขึ้นกับเราทุกคน เรื่องของเรื่องก็คือผู้คนอาจจะยังจำเรื่องนั้นได้ แต่เหว๋ลล ผมไม่คิดว่านั่นเป็นเรื่องใหญ่หรอก (น่าสงสารน้องจริง ๆ ถูกคนเข้าใจผิด ให้ดอรี่ไปเป็นล่ามให้ก็สิ้นเรื่อง ---)

พูดเรื่องวันนี้กันต่อ คืนนี้พวกเราบางคนเท่านั้นที่ไปทานอาหารค่ำและผมจะโชว์รูปถ่ายบางรูปที่พวกเราถ่ายกันให้คุณดู เราไปที่ร้านพิซซ่ากันอีกและก็ทานไอศกรีมหลังจากนั้น ผมทาน gambas (กุ้ง)แบบต้นตำหรับ (ดอรี่เดาว่าน่าจะเป็นกุ้งแบบสเปนอ่ะค่ะ); ซึ่งผมชอบมาก; มะกอก; ซึ่งผมก็ชอบมากเหมือนกัน แล้วก็พาสต้าหนึ่งจาน, ซึ่งมีผมคนเดียวเท่านั้นที่ทาน (เพราะมันเป็นพาสต้าสีขาวใส่กับเนยหรือน้ำมัน) ในรูปคุณจะเห็น Albert Costa ผู้ที่เป็นโค้ชของ Feli Lopez (Fidgiano), Carlo Costa, Rafa Maymo, ลุงของผม Toni และ Francis Roig ซึ่งอยู่ในคลับนอกเมืองปารีสกับนักเรียนไม่กี่คนที่เล่นใน satellite tournament ไม่ไกลจากที่นี่นัก เขาจะมาทุกครั้งที่เขามาได้ และเราคุยกันทางโทรศัพท์ค่อนข้างบ่อย คุณคงจะรู้ด้วยว่าเขาไปกับผมในบางทัวร์นาเม้นท์และฝึกซ้อมให้เวลาที่ลุงโทนี่ของผมไม่ไป


วันนี้เราทานกันค่อนข้างเร็วและกลับกันอย่างรวดเร็วตอนห้าทุ่ม เพราะว่าเรามี " มีทติ้ง" อีกอันหนึ่งด้วยกัน คุณรู้อยู่แล้วน่าว่าผมพูดถึงอะไร......การแข่งเพลย์สเตชั่นไงล่ะ!!! ตำนานอย่าง Ferru (David Ferrer) และตัวผมเองปะทะกับคู่ต่อสู้อันร้ายกาจอย่าง Moyini (Carlos Moya) และ David Nalbandian เราเล่นกันแบบห้าเกมอีกครั้ง และก็มีวางเดิมพันกันนิดหน่อย ไว้ผมจะเล่าให้คุณฟังพรุ่งนี้ และผมหวังว่าผมจะมีรูปมาให้ดูด้วย...ถ้าผมบอกคุณว่า David Nalbandian ทำจอยสติ๊กพังอีกแล้ว จอยสติ๊กอันใหม่ที่เราเพิ่งซื้อกันเมื่อวานด้วย อันนี้ผมให้เขาแต่อันใหม่ของพรุ่งนี้ เขาจะต้องเป็นคนจ่าย...คุณน่าจะจินตนาการได้ว่าใครเป็นผู้ชนะ...ผมไม่พูดอะไรทั้งนั้น...คุณจะเห็นจากรูปถ่ายพรุ่งนี้... :-) แน่นอนล่ะว่าเราเล่นกันอย่างมืออาชีพ

ช่วงท้ายของการพบสื่อมวลชนวันนี้ พวกเขาถามผมเกี่ยวกับเกมส์เหล่านั้น ผมไม่รู้ว่า Ferru หรือ Moyini บอกพวกเขาไปรึเปล่าว่าเดิมพันคืออะไร...แต่ผมไม่บอกแล้วผมก็คิดว่าอย่างนี้ดีกว่า เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งเราทุกคนก็แพ้ด้วยกันทั้งนั้น...สุดท้าย, จริง ๆ แล้วพวกเราหัวเราะกันอย่างเมามันเลยล่ะในห้อง press conference น่ะ

ผมอยากจะพูดอะไรเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่ผมบอกคุณไปในบล็อกเมื่อวาน ปกติแล้วผมจะไม่พูดถึงเรื่องการแข่งขันที่นี่ (บล็อก), เกี่ยวกับว่าผมรู้สึกอย่างไร และพวกเทคนิคอะไรอย่างนั้น เพราะว่าสื่อฯที่มาที่ Roland Garros นี้บอกพวกคุณไปแล้ว ที่บล็อกนี้ผมจะเล่าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งผมไม่คิดว่ามันน่าสนใจที่จะเอาไปลงในหนังสือพิมพ์ หรือพูดถึงในวิทยุหรือโทรทัศน์

เหว๋ลล ตอนนี้ก็ดึกมากแล้วผมจะไปนอนแล้วล่ะ ผมขอโทษที่ผมเขียนสั้นอีกแล้ว พรุ่งนี้ผมจะเล่าให้คุณฟังมากขึ้น และมาช่วยกันหวังดีกว่าว่ามันจะไม่มีแต่เรื่องเพลย์สเตชั่น

ยินดีสำหรับทุกคนครับและขอบคุณสำหรับข้อความสนับสนุนทุก ๆ ข้อความ วันนี้ผมไม่มีเวลาที่จะได้ดูมากเท่าไหร่

ราฟา นาดาล

-------------------------------


บล็อกวันพุธที่ 30 พ.ค. 2007 .... By Dory

สวัสดีทุกคนอีกครั้งครับ,

ผมเขียนบล็อกเพื่อพวกคุณและก่อนอื่นผมอยากจะขอขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น (คอมเม้นต์) ที่ลงไว้ในเวบไซต์ ผมยังไม่มีเวลาที่จะอ่านทุกคอมเม้นต์และผมก็ไม่รู้ว่าจะได้อ่านไหม แต่ผมก็จะพยายามที่จะดูทุกอันครับ (พูดตรงเจรง ๆ -___--‘) ขอบคุณพันครั้งครับ

ผมจะเล่าให้คุณฟังอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับวันนี้ อีกครั้งแล้วที่ผมเริ่มเขียนบล็อกค่อนข้างดึกสำหรับคืนนี้ ผมควรจะได้เขียนก่อนหน้านี้ แต่ผมยุ่งมากก็เลยไม่ได้เขียน ดังนั้นวันนี้ก็จะสั้นหน่อยนะครับ

วันนี้เป็นวันที่ผ่อนคลายสำหรับผม ผมไม่มีแข่งและก็ได้แค่ซ้อมเท่านั้น นอกจากเทนนิส ผมยังต้องไปพบสื่อมวลชน รูปสองรูปในวันนี้ถ่ายขณะที่ผมอยู่กับพวกเค้า (สื่อฯ) ผมตกลงที่จะพบพวกเขาเวลา บ่าย 3 โมง 15 นาที ที่ห้องอาหารของผู้เข้าแข่งขัน และผมก็ไปตรงเวลา ผมเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็วในห้องล็อคเกอร์หลังจากฝึกซ้อมเสร็จ แล้วก็ไปทานอาหารกับลุงและราฟา มายโม (Rafa Maymo) อีกครั้ง ผมทานพาสต้าสีขาวกับปลาไป 1 จาน ผมพูดความจริงเลยนะ ผมต้องขอบอกว่าเราไม่ได้ทานอาหารดี ๆ เท่าไหร่หรอกในห้องอาหารของผู้เข้าแข่งขันสำหรับทัวร์นาเม้นท์นี้ แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปบ่นอะไรมากหรอก มีสิ่งที่แย่กว่านี้อยู่อีกมากบนโลก และผมก็ไม่ชอบบ่นหรือวิจารณ์ นี่เป็นแค่ความเห็นหนึ่งเท่านั้น


ดังนั้นผมก็ทานอย่างที่ผมเล่าไป จากนั้นผมก็ไปพบกับผู้สื่อข่าวชาวสเปนที่มาในทัวร์นาเม้นท์นี้ ผมบอกชื่อได้ทุกคนเลยนะ แต่ถ้าผมลืมใครไปซักคนเขาอาจจะอารมณ์เสียได้ ดังนั้นผมจึงให้เค้าถ่ายรูปนี้มาให้พวกคุณได้เห็นพวกเขาทุก ๆ คน (หรือไม่ก็เกือบหมดแหละครับ) ปกติแล้วผมจะพบพวกเขาในทัวร์นาเม้นท์ก่อนโรแลนด์ การ์รอสและเราก็จะสัมภาษณ์กันที่นั่นเลย แต่ปีนี้ออกจะยากสักหน่อยเพราะการแข่งขันเหล่านั้นและจากที่ผู้จัดการด้านสื่อฯของผมบอกว่าผมเล่นไปตั้งสองครั้งที่บาร์เซโลน่าก็เลยทำให้มีเวลาน้อยลง ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจที่จะให้เวลาพวกเขาในการพูดคุยถึงทัวร์นาเม้นท์นี้ ผมมาถึงนี้ได้ยังไง อะไรพวกนั้นน่ะครับ ผมคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่จะพบกับพวกเขา เพราะว่าพวกเขาต้องมาถึงนี่ หวังว่าจะอยู่หลาย ๆ วัน และนั่นเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผมและผู้เล่นชาวสเปนคนอื่นที่มาแข่ง พวกเราต้องให้เวลาพวกเขาบ้าง ผมใช้เวลาอยู่กับพวกเขาประมาณ 30 นาทีและเราก็พูดคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับทุกเรื่อง ผมเดาว่าคุณคงจะได้อ่านจากสื่อว่าเราคุยอะไรกัน แปลกตรงที่ว่าตอนแรกเราเริ่มกันที่ด้านนอกของห้องอาหารจากนั้นก็มีคนมาบอกให้ผมเข้ามาด้านในเพราะเสียงดังเกินไป

นอกจากนั้น(เรื่องที่ไปพบนักข่าว)แล้ว วันนี้ก็เป็นวันที่เงียบสงบอย่างที่ผมบอกไป และเมื่อผมกลับไปถึงโรงแรมเร็วกว่าปกติ ผมกลับไปถึงเวลาบ่าย 4 โมงครึ่งและก็เริ่มมองหาอะไรไปเรื่อยจากคอมพิวเตอร์ ปกติผมจะอ่านข่าว แช็ทกับเพื่อน ๆ (อยากไปแช็ทด้วยจัง ^^) แล้วก็ดูหนัง ตอนนั้นเองที่ผมเห็นข้อความและคอมเม้นต์ต่าง ๆ ที่พวกคุณเขียนเกี่ยวกับบล็อก พูดถึงเรื่องหนัง ผมได้ดู “The English Patient” ซึ่งเป็นหนังที่ดีมากสำหรับผม ดีมาก ๆ ผมจะต้องเอาหนังมาดูเองทุกครั้งด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่นในห้องของผม ราฟา มายโม ก็จะเข้ามาดูกับผมด้วยเกือบทุกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นาน ประมาณหนึ่งทุ่มครึ่ง ผมก็เล่นเพลย์สเตชั่นกับมายโม (เขาเล่นได้ห่วยมาก ฮ่าฮ่าฮ่า) ก่อนที่เราจะไปทานอาหารเย็นกัน ผมไปกับใครน่ะเหรอ? ก็กับ Moyini, Lobito (โค้ชของเขา), Pere (เทรนเนอร์ของเขา), แล้วก็ Maymo ไว้วันหลังผมจะเล่าเรื่องโลบิโต้เพราะว่าเขาเป็นปรากฎการณ์เลยทีเดียว แล้วก็ตลกมากด้วย เราหัวเราะกันเยอะมากที่โรม และโดยเฉพาะที่ฮัมบูร์ก วันนี้เขามีความสุขมากกับชัยชนะของคาร์ลอส ผมก็เช่นกัน ผมมีความสุขไปกับเขาเพราะว่าแมทช์นั้นเป็นแมทช์ที่ยาก เริ่มจากคะแนนตาม 4-0 ในเซ็ตที่ 4 ของวันนี้

เหว๋ลลล (ตามน้าแป๋ว ^^’) พรุ่งนี้ผมจะตื่นค่อนข้างเช้า ผมจะทานอาหารเช้าแล้วก็ไปที่คลับเพื่อฝึกซ้อมแล้วก็มีสมาธิกับการแข่งขันกับ Cipolla ผมจะเล่นที่คอร์ท Suzaane Lenglen ซึ่งจะช้ากว่าคอร์ทกลาง (Center Court) เล็กน้อย เดี๋ยวมาคอยดูกันว่าเป็นยังไง

ขอบคุณทุกคนครับและ อาสต้า มันยาน่า (เจอกันพรุ่งนี้)

ราฟา นาดาล

------------------------------


บางส่วนจากบล๊อกของราฟาวันที่สอง เล่าคร่าวๆโดยแป๋วแหวว

ในบล็อกวันที่สอง ราฟาเล่าเรื่อง play station ว่า "เป็นที่รู้กันว่าถ้าก๊วนผม 4 คนลงแข่งรายการเดียวกันและพักที่โรงแรมเดียวกัน พวกเราจะแบ่งทีมเล่นเกมฟุตบอลกันโดยผมกับ Ferru (David Ferrer) อยู่ทีมเดียวกัน อีกทีมนึงก็มี Moyini (โมย่า) กับนัลบาลเดียน ปกติเนี่ยโมย่าจะเก่งที่สุดและอีกทีมเค้าก็ชนะทีมผมมาตลอด เมื่อสองวันก่อนเราเล่นกันทีมผมก็แพ้อีกตามเคย แต่เมื่อวานนี้ไม่น่าเชื่อเลยครับ ปกติเนี่ยเราจะเล่นกัน 5 เซต (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร เรียกเป็นเซตละกัน) ใครชนะ 3 เซตก่อนก็ชนะไป คนแพ้ก็จะต้องทำตามที่พนันกันไว้เช่น วิดพื้น อะไรทำนองนี้ ..... เมื่อวานนี้ Furru กับผมชนะสองเซตแรก พอถึงเซตที่สามซึ่งเป็นเซตตัดสิน เราสามารถทำ golden goal (มันคืออะไรคะ) เราสองคนดีใจมาก กระโดดไปมาไม่ยอมหยุด แต่ทันใดนั้น เราก็พบว่าประตูที่ได้โดนยกเลิกเพราะมัน offside (ล้ำหน้าใช่มั๊ย) และกรรมการก็กลับคำตัดสิน สรุปกลายเป็นว่าเราไม่ได้ประตูนั้น .... ต่อมาเหรอครับ โมย่าชนะรวดสามเซต ผลก็คือทีมผมแพ้ มันไม่น่าเชื่อเลย น่าเศร้ามาก มันไม่แฟร์เล๊ย 5555 … วันนี้พวกเราไม่ว่างมาเล่นเกมแต่ไม่นานหรอกเราจะต้องล้างแค้นให้ได้ ว่าแต่ว่าก่อนอื่น David (เดวิดไหนก็ไม่รู้) จะต้องหารีโมทมาเปลี่ยนก่อนเพราะอันเก่าเค้าทำมันเสียไปแล้ว"

"รอบแรกที่ผมแข่ง ผมมาถึง club ตอนประมาณบ่ายโมง วันนี้ตารางแน่นมาก คนที่มีกำหนดลงแข่งวันนี้ก็จะได้ซ้อมที่ club คนที่ไม่ได้แข่งวันนี้เค้าก็ขอให้ไปซ้อมที่ club อื่น วันนี้ผมทำการอุ่นเครื่องกับ Guillermo Garcia-Lopez และก็มีนักเทนนิสอื่นๆอยู่ด้วย จากนั้นผมก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่ locker room ดูแมทช์ต่างๆที่กำลังเล่นทางทีวีสลับกันไปเรื่อย ส่วนใหญ่ผมจะดูนักเทนนิสสเปนลงแข่ง จะมีออกไปข้างนอกก็ตอนทานอาหาร กลับมาผมก็อยู่ในนั้นจนการแข่งขันเริ่ม"

"อีกอย่างนึง ผมอยากจะบอกว่าผมไม่ได้ไปร่วมอยู่ในปาร์ตี้ของ Djokovic ที่ Belgrade เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เห็นมีนักข่าวบางคนลงข่าวว่าผมอยู่ที่นั่น วันนั้นผมอยู่ที่ Mallorca เล่นกอล์ฟกับลุงและเพื่อนๆ และก็เข้ายิมออกกำลังกายในตอนบ่ายครับ"

------------------------------


ราฟาเขียนบล๊อกอีกแล้วค่ะ

เหมือนปีที่แล้วเลย ราฟาเขียนบล๊อกอีกแล้ว ปีนี้ก็คงทำเหมือนเดิมคือราฟาพูดเป็นภาษาสเปนให้ล่ามฟัง แล้วล่ามก็มาพิมพ์ให้เราอ่านอีกทีนึง [แก้ข่าว ไม่ใช่ค่ะ ปีนี้มี 2 เวอร์ชั่น ราฟาเขียนเป็นภาษาสเปน และจะมีล่ามมาแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกเวอร์ชั่นนึง] เอาละ ไปดูกันได้เลยค่ะ คลิ๊กที่นี่

แป๋วแหววแปลหมดไม่ไหว เอาคร่าวๆก่อนละกัน ไม่มีอะไรมากละค่ะ ราฟาไม่ได้เขียนอะไรหวือหวา แค่เล่าว่าผมทำอะไรมั่งแต่ละวัน ก็เป็นอะไรที่แป๋วแหววรายงานให้พี่น้องทราบมาแล้วเกือบหมด ที่มีก็เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเช่น ระหว่างนั่งเครื่องบินมาปารีส ราฟาและพวกได้พูดถึงการแข่งขันกรังส์ปรี F1 เห็นว่า Hugo Boss เชิญไปดูด้วย ก็เลยนั่งดูตารางวันว่างเพื่อจะได้ไปดูกัน ... อ้อ อีกอันนึงก็เรื่องฝนตก ทำให้ซ้อมไม่ได้ ทีมงานไปเจอสนามในร่มนั่งรถไปสิบกว่านาทีก็ถึง ราฟาซ้อมที่นั่นประมาณ 2 ชั่วโมง ราฟาบอกว่าไม่เลวในวันที่ฝนตกทั้งวันแบบนี้



อ่าน Rafa Blog @ 2007 French Open : part II ... คลิ๊กที่นี่




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2550    
Last Update : 16 มิถุนายน 2550 15:58:07 น.
Counter : 292 Pageviews.  

Borg sees Nadal as worthy heir to his crown

บทความนี้มาจากเวปไซด์ของ theage.com.au อ่านต้นฉบับ คลิ๊กที่นี่
โพสต์เมื่อ 1 June 2007



บอร์กเห็นว่านาดาลมีค่าเหมาะกับการสึบทอดมงกุฎต่อจากเขา
By Dory


พวกเขา (Borg & Nadal) มีส่วนที่เหมือนกันมากกว่าผมที่ยาว, พรสวรรค์และความสามารถในการชอบทำตัวเหมือนดาราร็อค Bjorn Borg เป็นผู้เล่น(เทนนิส)บนคอร์ทดินที่เยี่ยมที่สุดตลอดกาล Rafael Nadal เป็นผู้ชายที่เป็นไปได้ว่าจะสามารถทำได้ดีกว่าเขา (Borg) ในการแข่งขันรายการ Roland Garros และในเรื่องของสไตล์ (style)

“ราฟาเป็นเหมือนดาราร็อคของวงการเทนนิส” บอร์กกล่าวไว้เมื่อวานนี้

บอร์กได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้ครองถ้วยเงินจาก Coupe des Mousquetaires ถึง 6 ถ้วย จากการได้แชมป์ในปี 1974 และ 1975 และจากนั้นก็ได้อีก 4 ถ้วยจากปี 1978 – 81 Nadal พยายามที่จะได้เป็นผู้ชายคนที่สองในการแข่งขันโอเพ่น, หลังจากบอร์ก, ที่จะเอาชนะรายการ French Open สามปีติดต่อกัน และผู้เล่นชาวสวีเดน (หมายถึงบอร์ก) ก็ยังกล่าวอีกว่าลีลาการเล่น(ที่ได้แชมป์ในรายการ)ที่ปารีสของเขาเทียบได้กับความสามารถของชาวมายอร์ก้าคนนี้ (หมายถึงนาดาล)

“ผมเห็นความเหมือนระหว่างผมกับราฟาบนคอร์ทดิน” บอร์กซึ่งตอนนี้อายุ 50 ปีกล่าวถึงผู้เล่นหนุ่มอายุ 20 ชาวสเปน (หนุ่มนี่เติมเองค่ะ – ก็หนุ่มจริง ๆ นี่เนอะ ^^) คุณสามารถเอาเรามาเปรียบเทียบกันได้เลยทั้งในด้านจิตใจและร่างกาย มันเป็นเรื่องยากมากที่จะเอาชนะผมได้ในรายการ Roland Garros, และมันก็เป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากในการเอาชนะราฟาในตอนนี้”

“คู่แข่งของผมรู้ดีในตอนที่ลงแข่งกับผมในคอร์ทดินว่าพวกเขาจะต้องอยู่บนคอร์ทนั้นนานทีเดียวถ้าหากพวกเขาอยากจะพยายามที่จะเอาชนะผม และนั่นก็ไม่ต่างจากการแข่งกับราฟาในตอนนี้” ถ้าคุณมองในส่วนของจิตใจและร่างกายที่เขา (ราฟา) ทุ่มเทให้กับเกมส์(การแข่ง) ราฟาแกร่งมาก เหมือนกับผมในสมัยนั้น”

บางทีบอร์กอาจจะได้รางวัลมากกว่านี้ถ้าเขาไม่เลิกเล่นไปซะก่อนในตอนที่เขายังรุ่งอยู่ ด้วยวัยแค่ 26 เท่านั้น แต่เขาแย้งว่านาดาลก็มีพรสวรรค์เพียงพอและยังมีเวลาพอที่จะตีท็อปสปินลบสถิติ (การครองแชมป์) ของเขาได้

“มันคงจะเป็นเรื่องพิเศษสำหรับเขาที่จะเอาชนะได้ทั้งสามรายการติดกัน, เท่ากับสถิติที่ผมทำไว้, เพราะว่ารายการ French Open เป็นรายการที่ยากที่สุดในโลกในการที่จะได้แชมป์” เขากล่าว

“เขามีโอกาสอย่างแน่นอนในการที่จะเทียบเท่ากับผมในการครองถ้วยทั้ง 6 รายการ, และบางทีอาจจะได้มากกว่านั้นซะด้วยซ้ำ เขายังเด็กมาก แค่ 20 ปีเท่านั้นเอง...”

ตลอดชีวิตนั่งเทนนิสอาชีพของบอร์ก เจ้าแห่งผ้าพันหัว (Headband) ชาวไวกิ้งได้ปลุกปั่นฮอร์โมนของแฟน ๆ เทนนิสผู้หญิงอย่างมากมาย และเขาก็บอกว่านาดาลเป็นผู้สืบมรดกอันนั้ของเขา

“มีเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นมากมายในการแข่งทัวร์นาเม้นท์” เขากล่าว “และด้วยผมอันยาวของราฟา รวมถึงวิธีการแต่งตัวของเขาในกางเกงขายาวและเสื้อแขนกุด คุณสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าเขาเหมือนกับดาราร็อคจริง ๆ และนั่นเป็นสิ่งที่เทนนิสต้องการ”

“เขามีความเป็นตัวของตัวเองมากบนคอร์ท, มีคาแรคเตอร์ที่ดี, แต่ในทางกลับกัน เขาก็แตกต่างจากผมอย่างมาก เขาจะกระโดดโลดเต้นอยู่ตลอดเวลาบนคอร์ท และแสดงให้เราเห็นถึงความรู้สึกทุกอย่างของเขา แม้อย่างนั้นก็ตามเขาก็ยังมีความโฟกัสต่อเกมส์อย่างเห็นได้ชัด ผมต่างจากนั้น ผมจะสงบเยือกเย็นอย่างมาก ผมว่าผมเหมือนกับโรเจอร์ในตอนนี้มากกว่า”

ถ้าไม่นับคำพูดอันแสนอบอุ่นของบอร์ก เขาทายไว้ว่าผู้ชนะในรายการ French Open จะไม่ใช่นาดาลแต่เป็นเฟดเดอเรอร์ “ผมรู้ว่าหลายคนคิดว่าราฟาจะยังคงเป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก แต่ผมไม่เห็นด้วย ผมจะเลือกให้โรเจอร์เป็นผู้ชนะ ผมได้ดูการแข่งแมทช์แรกของเขาในรายการนี้จากโทรทัศน์ และเขาดูดีมาก เขาเล่นเทนนิสได้ยอดเยี่ยม และผมคิดว่ามันน่าจะยอดเยี่ยมสำหรับกีฬานี้ (เทนนิส) ถ้าโรเจอร์เป็นแชมป็ได้ในรายการนี้และเอาชนะราฟา”

ชัยชนะของโรเจอร์ที่ฮัมบูร์กยิ่งใหญ่มากเพราะมันแสดงให้เห็นว่าเขาสามารถเอาชนะราฟาบนคอร์ทดินได้ และตอนนี้เขาก็จะมีความมั่นใจอย่างมากถ้าต้องเล่นกับนาดาลในรอบชิงชนะเลิศ”

นักเทนนิสที่เป็นคู่ต่อสู้คนสำคัญของบอร์กก็คือ John McEnroe และเขาก็กล่าวว่าเขารู้สึกยินดีมากที่จะได้เห็นเฟดเดอเรอร์และนาดาลกลายเป็นคู่ต่อสู้คู่ใหม่ที่ห่ำหั่นกันอย่างเร้าใจต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ (Serial Thrillers)

“การต่อสู้ระหว่างโรเจอร์กับราฟาเป็นสิ่งที่เทนนิสต้องการ” เขากล่าว “ผมมีคู่ต่อสู้ก็คือจอห์น, เรามีแมทช์ที่ยอดเยี่ยมหลายแมทช์ด้วยกัน และผมก็สนุกกับการได้ดูการแข่งของพวกเขา--ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อเฟดเดอเรอร์และราฟาแข่งขันกัน มันเหมือนการต่อสู้อันยิ่งใหญ่เมื่อทั้งสองคนอยู่บนคอร์ท”

แวะเยี่ยมบล๊อกของ Dory คลิ๊กที่นี่

-------------------------------


THEY have much more in common than their long hair, their charisma and their ability to generate rock star-like hysteria. Bjorn Borg is the greatest claycourt player of all time. Rafael Nadal is the man who could surpass his Roland Garros feats. And in some style.

"Rafa is like the new rock star of tennis," Borg said yesterday.

Borg has a record six silver Coupe des Mousquetaires trophies, winning in 1974 and 1975, then adding four more from 1978-81. Nadal is trying to become only the second man in the Open era, after Borg, to win three successive French Opens, and the Swede suggested that his domination of Paris compared with the Majorcan's recent hegemony.

"I see a lot of similarities between myself and Rafa on clay," Borg, now 50, said of the 20-year-old Spaniard. "You can compare us, both mentally and physically. It was so tough to beat me at Roland Garros, and it is so tough to beat Rafa now.

"My opponents knew when they went on court with me that they would have to be out there for a long time if they wanted to try to defeat me, and that's no different with Rafa now. If you look at the mental and physical parts of his game, Rafa is so strong, like I was in my time."

Perhaps Borg would have won a few more if he had not quit in his prime, at only 26, but he argued that Nadal has the talent and the time to have a topspin swipe at his records.

"It would be very special for him to win three titles in a row, and equal my record, as the French Open is the toughest tournament in the world to win," he said.

"He definitely has the chance to equal my record of six titles, and maybe even go past it. He is still so young, just 20 …"

Throughout Borg's career, the Viking god in a headband provoked hormonal crushes from young female fans, and he suggested that Nadal is his heir.

"There was a lot of excitement when I came on the tour," he said. "And with Rafa's long hair and the way he dresses, with his long pants and his sleeveless shirts, you could definitely say that he is like a rock star, and that is what tennis needs.

"He is a big personality on the court, a great character, but in other ways, he is very different to me. He keeps getting himself pumped up on the court, and shows us all his emotions, even though he is obviously focused as well. I was different. I kept very cool. I was more similar to how Roger is now."

Despite his warm words, Borg has predicted that the French Open winner will not be Nadal, but Federer. "I know that a lot of people think that Rafa is still the big favourite, but I disagree. I am going to pick Roger as the winner. I watched his first match of the tournament on television, and he looked really sharp, he was playing some fantastic tennis, and I think it would be great for the sport if Roger won this year and beat Rafa.

"Roger's win in Hamburg was huge as it showed that he can beat Rafa on clay, and he will now have such great confidence if he plays Rafa in the final."

Borg had one of the sport's great rivalries with John McEnroe, and he said he has been pleased to see Federer and Nadal becoming the new serial thrillers.

"The rivalry between Roger and Rafa is what tennis needs," he said. "I had my rivalry with John, and we had a lot of great matches, and I have been enjoying theirs — everyone gets psyched up when Roger and Rafa are playing. It's like a big fight when they are on court."




 

Create Date : 01 มิถุนายน 2550    
Last Update : 8 มิถุนายน 2550 8:25:51 น.
Counter : 283 Pageviews.  

1  2  3  4  

- - แป๋วแหวว - -
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชอบเล่นเทนนิส ชอบดูเทนนิส แต่เล่นไม่เก่ง วิจารณ์ก็ไม่เก่งค่ะ ตอนนี้ชอบดูราฟาลงแข่ง สนุกดี ... ดีใจที่มีคนสนใจเข้ามาอ่าน และขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำ แวะมาบ่อยๆนะคะ :)


หลังไมค์หาแป๋วแหววคลิ๊กโทรศัพท์ข้างบน
หรือ e-mail มาที่
paawwaaw@gmail.com




Romeo&Juliet

ฉันและเธอ
ที่จริงเรารักกัน
แม้ว่าใจเราต่างรู้ดี
ว่าความจริงนั้น
ไม่ได้เป็นอย่างฝัน

--------------

ฟังเพลง .. คลิ๊กที่นี่


ภาพข้างล่าง
คุณ naya ใจดีทำให้แป๋วแหววค่ะ :)


แป๋วแหววคุยเรื่อยเปื่อย

- อาทิตย์ : ว่าจะเริ่มนอนตอน 4 ทุ่มตั้งกะวันนี้ แต่มีเรื่องตื่นเต้นทำให้นอนไม่หลับค่ะ ... ขอเล่าท้าวความไปยังวันที่แป๋วแหววร่วมเดินขบวนต่อต้านการใช้ความรุนแรงจากจุฬาฯไปยังพารากอน วันนั้นมีคนยื่นป้ายมาให้ชู ข้อความอ่านได้ว่า "สมชาย ไอ้ฆาตกร" แป๋วแหววดูแล้วก็รู้สึกฝ่อ แหม่ มือใหม่ค่ะมือใหม่ แถมสมชายใหนก็ไม่รู้ไม่ได้ระบุนามสกุลให้ชัดเจน ... พอขบวนเริ่มเดินไปถึงมาบุญครอง ใกล้จะถึงสะพานลอยที่มีนักข่าวมาทำข่าวบนนั้นเต็มไปหมด มีคนตะโกนเตือนแป๋วแหววว่า "ชูสูงๆสิคะ ชู ชู๊" แป๋วแหววก็ชูป้ายขึ้นตามสั่ง สักพัก มันเมื่อยอ่ะคะ เขินด้วย เอามือลงได้ซักพัก ก็มีสาวท่านนึงมาขอป้ายไปชูเอง ประมาณว่ายัยคนนี้ทำเสียของ ฮือฮือ แรงกันจังเรย ... กลับมาถึงเรื่องคืนนี้ ยัยมาช่าแมวคู่บุญที่แป๋วแหววป้อนนมมาตั้งกะเป็นแมวทารก เกิดเฮี๊ยนอะไรไม่รู้ ไปเล่นจับจิ้งจกมาได้ ตัวหายไปไหนหาไม่เจอ แต่หางน่ะกระดุ๊กๆอยู่ในปากมาช่า แป๋วแหววตกใจวิ่งไล่ให้คายออกมา มาช่าคายออกมาเป็นหางดิ้นกระแด่วๆอยู่กับพื้น ตอนแรกสติแตกยืนตกใจทำอะไรไม่ถูก พอได้สติก็เอากล่องมาครอบไว้ แมวที่เหลือจะได้ไม่มายุ่ง เดี๋ยวรอให้หางหมดแรงก่อนค่อยเอาทิชชู่จับไปโยนใส่ถังขยะ ... เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้มาช่าโดนประณามจากทั้งน้องสาวและแม่ โดยเฉพาะแม่พูดซ้ำๆอยู่นั่นแล้วว่า "มาช่า ไอ้ฆาตกรๆๆ" ฮือฮือ กรรมที่แม่มัน(แป๋วแหวว)ทำไว้ตกมาถึงแมวในสังกัดได้รวดเร็วนัก ... เมื่อคืนนี้แป๋วแหววกะแม่นั่งดูเทนนิสด้วยกันค่ะ แม่เชียร์ซีมองด้วยเหตุผลว่า "มันขาวสะอาดดี"

- เสาร์ : ฟังคุณสมชายบอกเหตุผลที่จะไม่ออกไม่ยุบสภา แล้วรู้สึกขำมาก แต่ตอนนั้นคิดว่าเราคิดไปเองคนเดียว ที่ไหนได้ เปิดอ่านการ์ตูนของคุณชัย ราชวัตร ว๊าย ใจตรงกัน แป๋วแหววหัวเราะอยู่คนเดียว ... ซักพัก ไม่อยากเชื่อ แม่หยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่าน แม่หัวเราะเหมือนกันเรื่องเดียวกันเลยค่ะ นี่แสดงว่าคิดตรงกันหลายคน ... คลิ๊กที่นี่

- ศุกร์ : นักเรียนเอาของขวัญวันเกิดมาให้ค่ะ ที่ทำแป๋วแหววยิ้มไม่หุบคือชิ้นที่นักเรียนปั้น เคลือบและเผาเอง น่ารักมากๆ ... วันนี้ขณะนั่งรถผ่านอนุเสาวรีย์รัชการที่ 5 เห็นพันธมิตรกำลังแจกซีดี ก็เลยเปิดกระจกขอได้มา 2 ชุด ... ได้มาแล้วก็ไม่กล้าเปิดดู แหม่ ก็มันมีแต่ภาพคนเจ็บคนตายน่ะนะ ... จะว่าไปวันเกิดเหตุแป๋วแหววได้ดูเยอะกว่าคนอื่นนา เพราะดันเจ็บหลังอยู่บ้านทั้งวัน ทีวีไทยเจ๋งมาก ฉายกันสดๆในเหตุการณ์ตลอดทั้งวัน เห็นกันจะจะว่าตำรวจยกปืนยิงคนยังไง ใกล้ชิดแค่ไหน ยังกะหนังแอ๊คชั่นของฝรั่งเลย ... พี่น้องที่กลับจากทำงานมาดูตอนเย็นนี่จะได้เห็นเฉพาะที่เค้าตัดต่อแล้ว พิจารณาแล้วว่าไม่เข้าข้างใคร ก็คือได้ดูเฉพาะภาพประนีประนอมว่างั้นเหอะ ดังนั้นตอนตำรวจมีหนวด(ซึ่งแป๋วแหววเกลียดมาก)ออกมาบอกว่า "ที่ขาขาดนี่คงจะเพราะวิ่งเหยียบกันเองมากกว่าครับ" แป๋วแหววได้แต่เอามือปิดหน้าเหมือนเด็ก home alone อายแทนค่ะ คุณนึกว่าอิชั้นโง่ขนาดนั้นเชียวหรือคะ คุณนึกว่าคนกรุงเทพฯไม่มีทีวีดูกันรึไงคะ จะมาใช้วิธีกลบข่าวเอาศพไปซ่อนเหมือนช่วงพฤษภาทมิฬไม่ได้แล้วนา (คิดแล้วนึกถึงหน้าคนชื่อสุจินดาบ้าอำนาจขึ้นมาทันใด มีสาวแก่หลายคนยังแอบชอบอยู่นะ ด้วยว่าหน้าตาดีเป็นที่ถูกใจป้าๆแม่ยกจอมซาดิสต์) ... ไม่นานมานี้ คุณตำรวจคนเดิมยังแถลงข่าวออกมาอีกว่า "รู้สึกเสียใจที่คนมองตำรวจในแง่ลบ ทั้งๆที่สิ่งที่ทำไปก็เพื่อให้เกิดความถูกต้อง" ... อยากย้อนถามท่านว่า ข้อแรก สิ่งที่ท่านเรียกว่าทำเพื่อความถูกต้อง คือการยิงแก๊สน้ำตาใส่คนเนี่ย เคยมีการฝึกซ้อมการใช้แก๊สน้ำตากันมั่งรึเปล่าคะ หรือว่าแจกๆ เอ้า เอาไปใช้กันนะ ... ชุ่ยกันขนาดนี้เลยรึเปล่าคะ คนตายเพราะคุณใช้อาวุธที่ไม่เคยซ้อมการใช้ที่ถูกต้องมาก่อนเนี่ยนะ แถมเอาของห่วยๆหมดอายุมาใช้กับคนไทยด้วยกันอีก (เอาไปใช้กับทหารเขมรจะไม่ว่าเลย) ... ข้อที่สอง เห็นแล้วว่าตอนเช้ามีคนเจ็บตายมากมาย ทำไมไม่หยุด ช่วงเย็นเห็นทางทีวีชัดๆว่าอยู่ห่างกันคุณก็ยังยิงใส่คนอีก ยิงด้วยวิธีเดิมที่คุณทำคนเจ็บตายเมื่อเช้า ... นี่จะชี้แจงยังไงว่าไม่เจตนา ... แป๋วแหววไม่เหมารวมว่าตำรวจแย่ไปหมด ที่ดีคงมีอยู่เยอะ แต่ตอนนี้ตำรวจที่มีอำนาจน่ะแย่ค่ะ

- พฤหัส : แห่บผี่เบิร์ดเด่ย์ทู๊มีๆ วันนี้แม่เลี้ยงอาหารญี่ปุ่นที่ ฮากิ โรงแรมเซ็นทรัลลาดพร้าวค่ะ ตื่นเต้นรึ ไม่หรอกค่ะ หวาดหวั่นกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นซะมากกว่า เฮ๊ออออ ... วันนี้ไม่ค่อยได้ทำอะไรมาก เพราะอาการแพ้ค่อนข้างแรง ตาแดงเถือกและก็น้ำมูกไหลตลอดเวลา กินยาเข้าไป หลับป๊อก ตื่นมาอีกที อ้าว ชั้นก้าวข้ามเวลา ใกล้เลข 4 เข้ามาอีกหนึ่งขั้นแร๊ววว กรี๊ดดดด ไม่ ไม่นะ ... (อาการแบบนี้จำได้ว่าเคยเกิดเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนตอนใกล้จะขึ้นเลข 3 ค่ะ เริ่มต้นก็เป็นงี้แหละ ปฏิเสธ ไม่ยอมรับความจริง อีกซักพักก็จะซึม เริ่มรู้ตัว จากนั้นก็จะปลง และอาการขั้นท้ายสุดคือลั๊ลลา สี่สิบก็สี่สิบสิฟะ ทำไงได้ โฮ่) อนิจจังวัฏสังขารา....

- พุธ : วันนี้เคลียร์งานหยุมหยิมบนโต๊ะ รู้สึกร้อนจังทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ เอ๊ะ ชักเอะใจ หรือว่าเราจะถึงวัยนั้นแล้ว ถามเพื่อนๆบอกว่าต้อง 45 up ก่อน ตอนค่ำเดินกลับบ้านเหงื่อตกซิกๆ โอ่ย ใครว๊ะพยากรณ์ว่าประเทศไทยเข้าหน้าหนาวแล้ว ระหว่างเดิน สวนทางกับช้างตัวโต คนเลี้ยงช้างพยายามตื้อให้แป๋วแหววซื้อกล้วยมาป้อนช้าง คงคิดว่าหญิงสูงวัยน่าจะรักสัตว์ ไม่ดูซะมั่งเลยว่าชั้นน่ะกำลังตกมันอยู่ ตัวเปียกโชกมันย่องไปทั้งตัว เดินเชิดกลับบ้านแบบหมดสภาพ อาบน้ำดูทีวี ว๊าย ยิงกันแล้วเรอะ อะไรกัน ไม่อยากจะเชื่อ เรื่องมันแปลกประหลาด ไม่มีเหตุผลรองรับ ไร้สาระสิ้นดี ... งงกันมั๊ยคะ เรื่องไม่เห็นเป็นเรื่องเลย แปลก แปล๊กกกกกก

พี่น้องค๊ะ ตอน 1 ทุ่ม ขณะที่ไทย-เขมรเพิ่งจะตะลุมบอนกันอย่างดุเดือด คณะรัฐบาลรับประทานอาหารร่วมกันอย่างหรู นายกฯยิ้มเบิกบานทักทายนักข่าว เค้าคุยกันเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลค่ะ ช่างมิได้นำพากับเหตุการณ์รุนแรงที่เพิ่งเกิดแต่อย่างใด โอย ประเทศชาติ พระเจ้าช่วย แป๋วแหววกับคุณสมชายเราอยู่ประเทศเดียวกันรึเปล่าคะ คนละอารมณ์เลยนะ ... หลังดินเนอร์กันชื่นมื่นจนอิ่มหนำ นายกฯของพวกเราออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันหนักแน่นว่า "รัฐบาลจะเดินหน้าทำงานต่อไปครับ" อ๋อใช่ซี๊ หยุดหรือถอยพี่เมียก็เสร็จซิ ต้องหน้าทนเอ๊ยอดทนต่อไป วัดใจกันว่าใครเป็นฝ่ายจะทนไม่ไหวก่อน

- อังคาร : ตอนแป๋วแหววอยู่อเมริกา เวลาสั่งสารเคมีทำวิจัย ที่ภาคฯจะมีสโตร์ของตัวเองเลย จะเอาอะไรล่ะ บี๊กเกอร์ หลอดตวง เอทธานอล กรดไนตริก มีสารพัด แค่เดินไปบอกว่าจะเอาอะไรกับบอกชื่ออ.ที่ปรึกษา ก็ได้ของที่ต้องการแล้ว ... ถ้าต้องการสารเคมีแปลกๆ ก็แค่บอกเลขาฯของอาจารย์ที่ปรึกษา อีก 2 วันเป็นอย่างช้าก็ได้ของ ... มือใหม่หัดสั่งสารเคมีอย่างแป๋วแหวววันนี้ใช้เวลาเกือบทั้งวันในการโทรหาสารเคมีกับบริษัทต่างๆ ต่อรองราคา ถามนู่นถามนี่ ท้ายสุดพบว่า สารนั้นไม่มีในสโตร์ของบริษัทใดๆ ต้องเสียเวลานำเข้ามาในประเทศ อื่ม ใช้เวลา 30 วันเป็นอย่างต่ำ ... ไม่มีทางเลือก ก็ต้องเป็นไปตามนั้น กำลังหน้าตูบๆ มีรุ่นน้องมาซ้ำ "พี่เอต้องถามด้วยว่า VAT เท่าไหร่ บางทีมันชาร์ทเรา 200% เลยนะ" ฮ๊ะ อะไรนะ ลำพังราคาสารมันก็สี่พันกว่าบาทเข้าไปแล้ว บ้าแร๊วว รอเป็นเดือนแถมยังต้องจ่ายแพงสามเท่าอีกเรอะ ... กำลังจะโวยวายต่อ (ตามประสาคนเคยอยู่สบายมาก่อน) น้องรีบบอก "หยุดบ่นเลยพี่ แต่ก่อนน่ะต้องรอกัน 3 เดือนนะ" ... ฮือ ฮือ หัวอกนักวิจัยไทย ฮือ ฮือ เข้าใจบรรยากาศมั๊ยคะ ว่าทำไมทำวิจัยเมืองนอกมันถึงสนุกสนานน่าทำ แป๋วแหวววิ่งไปมาในแลปทั้งวันไม่เบื่อเลย เพราะอยากเล่นอยากลองอะไร ทำได้แบบคล่องตัว นักเรียนนักวิจัยเต็มตึก คึกคักทั้งกลางวันกลางคืน มันคนละบรรยากาศกับที่นี่เลย ... ฮื่อ บ่นไปก็เท่านั้น มันเป็นอดีตไปแล้ว บ่นมากๆคนก็หมั่นใส้อีก แต่เข้าใจมั๊ยคะ ว่าทำไมงานวิจัยที่อื่นเค้าถึงเดินหน้าไปเร็วกว่าเรา โปรดเข้าใจความลำบากของเราที่นี่เถิดนะคะ ... จะว่าไป ความขลุกขลักมันทำให้เราต้องปรับตัว ต้องวางแผนการทดลองกันแบบสุดๆ พลาดไม่ได้ (ไม่งั้นต้องรอเป็นเดือนๆ) และในบางมุม มันทำให้บางคนใช้วิธีพลิกแพลง บางทีเลยเถิดไปถึงคำว่า โกงข้อมูล ก็มี

- จันทร์ : งานเข้าซิคะ ก็เมื่อวานทำเป็นอ่อนไหวหดหู่ไม่ยอมทำงาน วันนี้ละไฟลนก้นร้อนฉ่า แต่ในที่สุดวันเดอร์วู๊แม่นก็ทำเสร็จจนได้ เป็นแบบนี้มาตลอดตั้งกะเรียนประถมจนเด็กเรียกป้าก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยน บ่นไปก็เท่านั้น เนอะ ... วันนี้ถกกับเพื่อนที่เป็นพันธมิตร ว่าคุณสนธิแกยึกยัก ตอนแรกคุยฟุ๊งว่าจะบุกกรมตำรวจฯแน่นอนอยู่ก็งดซะอย่างงั้น ... เพื่อนพันธมิตรแย้งทันควัน "ไม่ได้ยึกยัก เราอยากให้พวกที่จ้าง นปช เสียตังค์อีก ดูซิ เสียเงินจ้างมายันกับพันธมิตร แต่เราดันไม่บุก ให้มันเสียตังค์เปล่าไง ... ไว้เดี๋ยวค่อยประกาศบุกอีก ให้พวกมันเสียตังค์จ้างมาอีก" ... ประเด็นไม่ใช่ให้เข้าข้างฝ่ายใด แต่แหม่ คนเราเนอะ ถ้ารักใครศรัทธาใคร มันจะมีเหตุผลมา support คนๆนั้นโดยอัตโนมัติ ประมาณว่า รักนะ ยังไงก็รัก อ้าวจบแบบโรแมนติกซะงั้น


แป๋วแหววคุยเรื่องเทนนิส

ช่วงนี้ยังไม่มีรายการเทนนิสให้ดู ขอพักส่วนนี้ไว้ก่อนนะคะ ไว้มาคุยกันใหม่ เมื่อราฟาลงสนามค่ะ




แป๋วแหววคุยเรื่องแมว

ไม่ได้อัพเดทเรื่องแมวซะนาน เอาละค่ะ เริ่มด้วยหนูฝันดีที่อุ้มมาจากข้างถนน ตอนนี้หนูโตเป็นสาวและสุขสำราญสบายดี มีพี่สาว"เฟอร์บี้"คอยดูแล สองคนเอ๊ยสองตัวนี้เค้าสนิทกันค่ะ


อีกสามสาว .. มาช่า คริสตินา และแคนดี้ ก็สบายดีค่ะ (ดูรูปข้างล่าง) ... ยัยอ้วนมาช่านี่ชอบมานอนเบ่งตรงที่แป๋วแหววนอน ประมาณว่าชั้นน่ะลูกรักนะจ๊ะ ... แป๋วแหววมีตุ๊กตาแมวน้ำตัวโปรดวางไว้ข้างหมอน ยัยแคนดี้(ตัวขาว)ก็เปรียบเสมือนลูกของแมวน้ำตัวนี้ละค่ะ




ส่วนผู้ชายคนเดียวของบ้าน "บราวนี่" หรือไอ้ลูกหมีดำ ความที่เค้าเป็นผู้ชายมั๊งเค้าเลยชอบดูกีฬา ก็อย่างที่เห็นละค่ะ ชอบนอนแหมะตรงปลายเตียงดูเทนนิสเป็นเพื่อนแป๋วแหวว

ตอนนี้นะตรงสวนหลังบ้านป้ามีแม่แมวมาออกลูก 4 ตัวและขออาศัยต่อที่นี่ซะเลย ป้ากำลังกลุ้มใจว่าจะเอาไปไว้ไหนดี ในขณะที่แม่แป๋วแหววแอบเอาอาหารให้แมวทั้งห้านี่ประจำจนอ้วนปุ๊กทุกตัว คุณแม่แมวนี่ดุ๊ดุ ดูหน้ามันสิคะ(ภาพล่าง)


เมื่อเย็นนี้ฝนตกหนักมาก แป๋วแหววนั่งทำงานอยู่ในบ้านคิดขึ้นมาได้ว่าแมวคลอกนี้อยู่นอกบ้านจะทำยังไง (ส่วนไอ้แมวเรา 6 ตัวนี่จะฝนตกแดดออกยังไงก็แสนสบายอยู่ในบ้านตลอดทั้งวัน) โผล่ออกไปดูพบว่าแม่กับลูกอีก 3 ตัวหลบฝนได้แล้ว แต่เจ้าลูกตัวส้มน่ะนั่งหมอบตากฝนตัวเปียกม่อกแม่กไปทั้งตัว ก็เลยอุ้มเอาเข้าบ้านมาเช็ดตัว (น่ารักจังเลยค่ะเกาะแป๋วแหววแน่นเลย) เดี๋ยวรอฝนหายก่อนจะเอาไปคืนแม่ ป่านนี้แม่มันคงเป็นห่วงแย่แล้ว




พอฝนซาก็เอาเจ้าสีส้มไปคืนแม่แมวค่ะ แม่แมวเป็นห่วงมาก มายืนรอ มองหน้าแป๋วแหววเหมือนเป็นศัตรู แหม่ เรารักลูกเธอนะ เข้าใจกันมั่ง ... จากนั้น เผื่อว่าฝนจะตกอีก ก็เลยเอาร่มมากางกันฝนไว้ให้ซะเลย ไม่ต้องห่วงแล้วนะคะ แม่ลูก 5 ชีวิตปลอดภัยแน่นอน





เรื่องดีๆ
จากพี่น้องในบล๊อก

ทำนายดวงชะตา
Rafael Nadal

โดย ป้ามีมี่


เกิดวันอังคารที่ 3 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2529 (ไม่ทราบเวลาเกิด) .... ตรงกับ วันอังคาร แรม ๑๒ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล


ผม เป็นคนขยัน อึด อดทน ไม่ย่อท้อ ชอบการต่อสู้แข่งขัน ไม่โมโทโกรธาง่ายๆ ชอบรับอาสาไปทำศึกสงคราม เป็นเทพจากดาวอังคารจุติลงมาเกิด ดาวอังคารได้ตำแหน่งเป็นมหาอุจจ์ในเรือนเสาร์แถมสองเด้งจากดาวเกตุเล็งอังคาร เทวดาคุ้มครองครับ

ทำงานหนัก ไม่หวั่นอุปสรรค ไม่ขี้บ่นนั้นไซร้ มาจากดาวเสาร์ ราชาโชค ใครๆที่ว่าผมชอบกินหญ้า กินดินก็ไม่แปลกเพราะผมเป็นเจ้าที่ลงมาเกิดระดับราชา งานหมูๆผมไม่ชอบ ชอบทำงานหนัก เพราะฉะนั้นผมถึงชอบแข่งแบบหินๆระดับ 5 เซ็ท ใครๆก็เอาผมไม่ลง อนาคตผมจะเป็นเศรษฐีที่ดินนะครับ

เรื่องจิตใจนั้นผมทำไรทำจริง เข้มแข็ง ว่องไวแต่กิริยามารยาทผมอาจดูไม่เรียบร้อย อ้อ!ผมเจ้าชู้ด้วยนะเผื่อคุณไม่รู้:) จันทร์ผมเป็นมหาจักรน่ะครับ

พวกนักการตลาดเค้าชอบผมเพราะผมเจรจาดี พุธเด่นเป็นเกษตร (อนาคตไม่แน่ผมอาจเป็นนักวิจารณ์) ผมจะรับทรัพย์มากก็เพราะงี้ ผมมีดวงการค้านะครับ ขอบอก เวลานัดกับผมต้องทำใจเพราะผมชอบผิดนัด โอ้เอ้ มาสาย อันนี้ผมโทษว่าเป็นเพราะดาวพุธผมอยู่ราศีเมถุน

เรื่องการเรียน การศึกษาผมพอผ่านครับ ไม่ชำนาญเท่าไร


คุณนิดากับราฟา ที่ Santander
อ่านประสพการณ์ของนิดาเมื่อเจอกะราฟา คลิ๊กที่นี่


แป๋วแหววคุยเรื่อง blog

- ได้ยินคนบ่นอุบอิบเหมือนกัน (คงเกรงใจเลยไม่กล้าบ่นดัง) ว่าสีพื้นทำไมมันแด๊งแดง แป๋วแหววทำหูทวนลม รู้สึกว่ามันแรงงงดี นานๆทีไงคะ จนมามีเรื่องแปลราฟาบล๊อกแล้วพี่น้องบอกไม่ไหวแล้ว(โว๊ย) ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นโทนอ่อนโยนนุ่มนวล ตอนแรกมองแล้วไม่ค่อยชิน รู้สึกว่ามันจืดจังเลย แต่ดูๆไปก็สบายตาดี

- เปลี่ยนบรรยากาศมาใช้สีแดง สเป๊นสเปน เพื่อต้อนรับฤดูกาลเคลย์คอร์ทที่กำลังจะมาถึง ไม่ค่อยตรงสเป๊กแต่เอาน่ะ แก้เบื่อ

- ปีใหม่ เอ้าเปลี่ยนสีซะหน่อย ก็ยังโทนฟ้าแต่ให้มันเข้มขึ้นมาอีก ตอนแรกกะจะมีสโนว์ มีตุ๊กตาหิมะ มีต้นคริสมาสต์ ทำออกมาแล้ว วุ๊ย ร้อนจะตาย เสแสร้งแกล้งหนาวต่อไปไม่ไหวก็เลยเอาออกค่ะ

- ห้ามใจตัวเองไม่ไหว เปลี่ยนกลับมาเป็นสีฟ้าอีกหน ชอบสีนี้ที่สุดค่ะ คงไม่เปลี่ยนไปอีกนาน

- ถ้าเข้ามาพอดีตอนนั้นนะ จะมีช่วงนึงที่แป๋วแหววเอาโค๊ดดอกไม้กระจายมาใส่ในบล๊อกเล่นๆ มันสวยดีแต่ทำให้โหลดช้า ก็เลยเอาออกซะ เสียดาย :(

- เบื่อสีชมพู พยายามเปลี่ยนเป็นสีแดงแต่ออกมาแล้วดูเหมือนตรุษจีน จนตรอกเข้าก็เลยกลับมาเป็นสีเขียวอีกหน ก็สบายตาดีนะแป๋วแหววว่า

- ตกใจมั๊ยล่ะค่ะ จากดำทะมึนกลายมาเป็นชมพู๊ชมพู เห็นใจแฟนราฟาผู้ชายเหมือนกันค่ะ เข้ามาแล้วคงทำตัวไม่ถูก เอาน่า นะ เปลี่ยนบรรยากาศกันหน่อย ให้เหมือนเดิมตลอดเบื่อกันแย่เลย


แป๋วแหววขอบขอบคุณ เวปแฟนพันธ์แท้ของราฟา vamosrafael.com แฟนๆทั่วโลกที่เป็นสมาชิกของเวปนี้ได้ช่วยเผยแพร่ทั้งรูปและข้อมูล ทำให้แป๋วแหววตามหาบทความเอามาแปลลงในนี้ได้สะดวกขึ้นมากจริงๆ

ตอนนี้ VR.com ปิดไปแล้ว แต่แฟนๆราฟา มีบ้านใหม่แล้วค่ะ บ้านหลังนี้ก่อสร้างและตกแต่งโดย staff เก่าของ VR.com ... เช่นกัน แป๋วแหววขอขอบคุณ บ้านหลังใหม่ vamosbrigade.com (หรือ VB.com) แหล่งข้อมูลทุกด้านของราฟา ขอพึ่งใบบุญต่อนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ทำการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความที่ได้แปลไว้ใน blog แห่งนี้ไปใช้ โดยมิได้มีการอ้างอิงถึงที่มาอย่างชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษร หากฝ่าฝืน ผู้กระทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด


ดอกไม้จะบาน

ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน
บริสุทธิ์กล้าหาญ
จะบานในใจ

สีขาวหนุ่มสาวจะใฝ่
แน่วแน่แก้ไข
จุดไฟศรัทธา

เรียนรู้ ต่อสู้มายา
ก้าวไปข้างหน้า
เข้าหามวลชน
ชีวิตอุทิศยอมตน
ฝ่าความสับสน
เพื่อผลประชา

ดอกไม้ บานให้คุณค่า
จงบานช้าๆ แต่ว่ายั่งยืน
ที่นี่ และที่อื่นๆ
ดอกไม้สดชื่น
ยื่นให้มวลชน...

จิระนันทน์ พิตรปรีชา

ฟังเพลง ... คลิ๊กที่นี่

Friends' blogs
[Add - - แป๋วแหวว - -'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.