วิญญาณบาป
วิญญาณ บาป

คอลัมน์ ขนหัวลุก

ใบหนาด



"กุณฑลี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหน้าบ้านยามดึก

ดิฉันเป็นเด็กห้วยขวางมา ตั้งแต่เกิด รู้จักมักคุ้นกับเพื่อนบ้านแทบทั้งหมด ส่วนมากก็รักใคร่ปรองดองกันดีค่ะ ยกเว้นแต่พวกที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ๆ กับพวกเกะ กะระรานแต่ก็ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับพวกเรา

เรื่องน่ากลัว เกิดขึ้นจากเพื่อนบ้านใกล้ๆ กันนี่เอง!

น้านพกับน้าฝน มีลูกชายวัยรุ่นอยู่คนเดียวชื่อน้องว่าน (นามสมมตินะคะ) น้านพเป็นพนักงานรัฐวิสาห กิจในระดับสูง อายุราว 50 ปี ส่วนน้าฝนเคยทำงานบริษัทประกันชีวิตมาก่อน ระยะหลังสุขภาพไม่ดีจึงลาออกมาเป็นแม่บ้านอย่างเดียว

ครอบครัวนี้น่า รักน่าคบทุกคน น้านพขาวท้วม นิสัยร่าเริงและใจดี น้องว่านก็ผิวคล้ำ หน้าเข้มคล้ายแม่ กำลังเรียนม.ปลาย ดูแล้วก็น่าจะเป็นชีวิตที่ลงตัวดีนะคะ

แต่ แล้วมหันตภัยเอดส์ก็มาเยือนค่ะ!

เพื่อนบ้านแทบช็อกไปตามๆ กัน เมื่อรู้ข่าวว่าคนที่เรารู้จักมักคุ้นมานาน ดูจะมีความสุขอย่างน่าอิจฉา จะตกเป็นเหยื่อของโรคร้ายที่สังคมรังเกียจอย่างไม่นึกไม่ฝัน

ที่น่า ขนหัวลุกยิ่งกว่านั้นก็คือ...คนที่เป็นเอดส์คือน้านพค่ะ ไม่ใช่น้องว่าน!

น้า ฝนสนิทกับที่บ้านเคยมาปรับทุกข์กับแม่ดิฉัน เธอเล่าทั้งน้ำตาว่าน้านพมีเพื่อนฝูงมากมาย ไหนจะลูกน้องอีกล่ะ ล้วนแต่ชักชวนกันเที่ยวเตร่ ดื่มเหล้าแล้วอดเสเพลไม่ได้ ความเมามายทำให้คึกคะนองจนลืมป้อง กันไว้ จนน้านพติดเชื้อร้ายโดยไม่รู้ตัว

เรา เพิ่งนึกได้ว่าน้านพที่เคยขาวท้วมกลับผอมซูบในระยะหลังๆ มีแต่คนทักว่าหุ่นดี...ดูเป็นหนุ่มเหมือนอายุ 40 ต้นๆ ไม่นึกว่าจะติดเอดส์หรอกค่ะ

ผ่ายผอมและดำคล้ำ หน้าตาซูบซีดผิดกว่าเดิมเป็นคนละคน!

ถือว่าโชคดีอยู่อย่างที่น้าฝน ไม่ได้ติดเอดส์จากสามี แต่เธอกับลูกชายก็เดือดร้อนกันสุดชีวิตแล้วนะคะ

น้า นพเวียนเข้าเวียนออกโรงพยาบาลนับครั้งไม่ถ้วน พ่อแม่ดิฉันเคยไปเยี่ยม 2-3 ครั้ง กลับมาก็หดหู่จนแทบพูดอะไรไม่ออก ข้างน้าฝนก็ใจถึง ไม่เคยต่อว่าต่อขานสามีเลยแม้แต่คำเดียว ใครถามก็ตอบสั้นๆ ว่า...เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก

เธอทำงาน บ้าน ปรนนิบัติสามี ดูแลลูกเต้าตัวเป็นเกลียว จนกระทั่งน้านพไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล หลังจากทุกข์ทรมานมาเกือบ 3 ปี

น้า ฝนคงจะทำใจได้แล้วละค่ะ หลังจากบำเพ็ญกุศลเผาศพ นำอังคารไปลอยที่ทะเล สองแม่ลูกก็ใช้ชีวิตกันต่อไป แม้ว่าบ้านช่องจะเงียบเหงาเพราะขาดพ่อบ้านก็ตาม

ราวหนึ่งเดือนเศษ ผ่านไปก็เกิดเรื่องน่าขนหัวลุกขึ้นมา!

รถยนต์ที่น้านพเคยใช้เป็น ประจำ ตอนหลังน้าฝนเป็นคนใช้ตั้งแต่สามีป่วยหนักจนเข้าโรงพยาบาลระยะแรกๆ มาแล้ว....จู่ๆ มันก็ดังกระหึ่มขึ้นกลางดึก เพื่อนบ้านได้ยินก็ไม่สนใจ คิดว่าน้าฝนเพิ่งกลับจากธุระ แต่น้าฝนมาเล่าเองว่าเธอกับลูกชายสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมาดูอย่างตกตะลึงจน เครื่องยนต์ดับเงียบไปเอง

แม่ดิฉันบอกว่าน้านพคงกลับมาเยี่ยมลูกเมีย ส่วนพ่อแนะนำให้น้าฝนทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ หลังจากนั้นเสียงสยองขวัญก็ไม่ปรากฏขึ้นอีกเลย

แต่แล้วก็เกิดเรื่อง น่ากลัวขึ้นอีก คราวนี้หนักกว่าเก่า...คนในซอยลือกันว่าผ่านมาตอนดึกๆ เห็นผู้ชายผ่ายผอม ดำเกรียมราวซากศพเดินวนเวียนไปมาอยู่หน้าบ้านน้าฝน ส่วนคนที่สนิทกับครอบครัวนี้ยืนยันว่าเป็นน้านพแน่ๆ เพราะเคยเห็นก่อนจะเสียชีวิต

คืนหนึ่งดิฉันก็พบเรื่องขนหัวลุกกับตัว เองค่ะ!

คืนนั้นดิฉันกลับบ้านราวสี่ทุ่มเศษ ยังมีรถราและผู้คนผ่านไปมา พอลงจากแท็กซี่ก็หันไปมองทางบ้านน้าฝนเหมือนมีอะไรดลใจ

เชื่อไหมคะ มีคนเดินผ่าน 2-3 คนด้วยซ้ำ แต่ดิฉันเห็นร่างใครไม่ทราบนั่งกอดเข่าอยู่หน้าประตู ใต่ร่มแสงจันทร์ริมรั้ว ใจนึกวูบถึงน้านพเล่นเอาขาสั่น มือเท้าเย็นเฉียบ ปากคอแห้งผากไปหมด...

ก่อนจะหันเข้าบ้าน ใครคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นช้าๆ มองมา...น้านพจริงๆ ค่ะ!

รุ่งเช้า ดิฉันรีบใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ทันที บางคนบอกว่าเป็นวิญญาณบาปมาขอลุแก่โทษ แต่ดิฉันคิดว่าเป็นวิญญาณที่น่าเวทนามากกว่า...ขนหัวลุกค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hOekk1TURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB5T1E9PQ==



Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 11:57:54 น.
Counter : 535 Pageviews.

0 comment
ทัวร์นรก
ทัวร์ นรก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"นายหนุ่ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกบนถนนกำแพงเพชร 6

ผมเคยเล่าเรื่องโดนผีหลอก ที่นิคมรถไฟ ก.ม.11 มา สองครั้ง ทั้งเห็นลุงม้วน คนขับตุ๊กตุ๊ก มาซดยาดองที่หน้าเพิงชุมชนภักดีตอนเย็น ทั้งที่แกนอนตายแหงแก๋อยู่ที่วัดเสมียนนารีแล้ว แต่ผมไม่รู้มาก่อน...กับเรื่องหนุ่มสาวเกี่ยวก้อยเข้าไปนั่งจู๋จี๋กันที่ โต๊ะม้าหินใต้ร่มไทรตอนดึก พอผมกับเพื่อนตามไปดูเพราะเจ้าหงหาว่าผมตาฝาด...

อ้าว? หนุ่มสาวที่หันมามองน่ะไม่ยักมีหน้าตาหรอกแฮะ!

วันต่อมา เจ้าหงพาผมเลยไปชุมชนพัฒนา อยู่ถัดสามแยกรถไฟไปนิดเดียว...บ้านช่องแออัดยัดเยียดไม่แพ้ชุมชนภักดี ตอนเย็นๆ มีผู้คนมานั่งๆ นอนๆ รับลมกันคึกคัก

อารามกลัวผีทำให้ไม่ อยากไปแถวนั้นกลางค่ำกลางคืน แต่วัยหนุ่มคะนองอย่างพวกเรามักลืมง่าย รักสนุก ชอบเที่ยวเตร่เฮฮา ยิ่งตอนกลางคืนมีแสงสีสวยๆ งามๆ ล่อตาล่อใจ จะว่าเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟก็คงไม่ผิดหรอกครับ

วันดีคืนร้ายก็ โดนผีหลอกเข้าอีกจนได้!

คืนนั้นตรงกับวันเสาร์ เราสามคนนัดแนะกันไปเที่ยวผับที่หน้าอ.ต.ก. จุดนัดพบก็ที่หน้าชุมชนภักดีตามเคย พอเจ้าหงรับเจ้าตี๋ซ้อนท้ายมาแถวหน้าเพิงยาดองพวกเราก็เลี้ยวซ้ายข้ามทาง รถไฟไปออกถนนกำแพงเพชร 6 เลี้ยวขวาผ่านอู่รถทัวร์ที่คงวิ่งสายอีสานโดยเฉพาะ เห็นมีแต่ป้ายว่าไปขอนแก่น, อุดรฯ, หนองคาย, เลย, นครพนม ฯลฯ จอดอยู่เป็นสิบๆ คัน ผมเคยแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระที่หน้าอู่ ยอมรับว่าอร่อยติดลิ้นเอาการ

คราวนี้บึ่งรวดเดียวไปร้านขาประจำที่มี "น้องสวย" สาวเสิร์ฟอวบอึ๋มเป็นอาหารตาของเสือหนุ่มและสิงห์เฒ่า ถือว่าเป็นกับแกล้มชนิดวิเศษ...ซดเหล้าอุ่นเครื่องกันที่นั่นไปก่อน คืนนั้นคุณเธอสวมเสื้อรัดรูปคอกว้าง เจ้าตี๋มองเห็นเนินอกขาวผ่องเบียดเสียดกันเป็นร่องลึกก็ทำท่าเหมือนจะราก เลือดลงแดงซะให้ได้

อ้าว? เจ้าหงดันมีเรื่องผีในรถทัวร์มาเล่าให้ฟังอีกแล้วซีครับ!

แถวสถานีขน ส่งหมอชิต 2 แยกไปถนนกำแพงเพชรนั่นแหละ ตอนดึกๆ มีคนเห็นรถทัวร์แล่นผ่านไปช้าๆ เปิดไฟสว่างโร่ ผู้โดยสารนั่งตัวแข็งทื่อหันมามอง... หน้าตามีแต่เลือดแดงเถือก แถมเหวอะหวะน่าสยด สยองสิ้นดี

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโดนผีหลอกเต็มเปา คนที่เห็นน่ะขี่มอเตอร์ไซค์อย่างพวกเราร้องจ๊าก...รถเผ่นพรวดตกถนนลงไป แอ้งแม้งอยู่ในพงหญ้า ไม่แข้งขาหักก็ถือว่าบุญแล้ว

เจ้าตี๋มี อุปนิสัยกลัวผีสุดๆ สังกัดบริษัทตาแหกเหมือนผม ละสายตาจากหน้าอกหน้าใจมหึมาของน้องสวย หันมาคำรามว่ามึงจะเล่าเรื่องผีไปหาสามง่ามอะไรวะ?

เจ้าหงยักคิ้ว ตอบหน้าตาเฉยว่า...กูเล่าเพื่อเบรกอารมณ์มึงไงล่ะ! เห็นจ้องส้มโอสองลูกของน้องสวยจนนัยน์ตาหวิดถลนออกมานอกเบ้าแน่ะ! เจ้าตี๋เลยยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปมองบั้นท้ายงอนงามของน้องสวยที่กำลังเดินยักคิ้วผ่านไป คว้า เหล้ามาซดฮวบใหญ่

ราว 4 ทุ่มเราก็ย้อนไปทางหน้าอ.ต.ก.ฝั่งตรงข้ามมีผับดังๆ หลายแห่ง ลูกค้าส่วนมากเป็นวัยรุ่น แต่เราไปหาความสุขไม่ได้ไปหาเรื่องก็เลยไม่เคยเกิดปัญหาอะไรซักที...จน กระทั่งขากลับตอนตีหนึ่งเศษ...

ต้องยอมรับว่าค่อนข้างมึนกันตามสมควร ร้องเตือนกันว่าขับรถช้านิด ระวังเอาไว้หน่อย ถึงทางกลับไม่มีด่านก็เถอะ อย่าประมาทเป็นดีที่สุด!

ลมเย็นๆ ที่พัดวูบเข้าปะทะทำให้หูตาสว่างขึ้น จนใกล้จะถึงทางลัดข้ามทางรถไฟเข้าชุมชนภักดี ผมเหลือบไปทางอู่รถทัวร์เหมือนมีอะไรดลใจ

แสงไฟสะดุดตาชอบกล ร้ายก๋วยเตี๋ยวไก่ปิดเงียบ แต่มีรถทัวร์คันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน เปิดไฟสว่างทั้งคัน เห็นผู้โดยสารนั่งอยู่เต็ม...ที่นี่ไม่ใช่สถานีขนส่งนี่นา แถมไม่ใช่ทางผ่านอีกต่างหาก...ผมเรียกเจ้าหงที่ตีคู่กันมาด้านใน ก่อนจะชะลอรถลงโดยไม่รู้ตัว

นรกเป็นพยาน! ผู้โดยสารริมหน้าต่างทุกคนหันหน้ามาทางเราเป็นจุดเดียวกัน...ดูแน่นิ่ง เยือกเย็น เลือดเปรอะ นัยน์ตาเบิกถลน...ผมแว่วเสียงเพื่อนทั้งสองคนด่าทอเต็มสองหูอื้ออึง ตามด้วยเสียงเร่งเครื่องสนั่น เคล้ากับเสียงหัวเราะแหบโหยดังไล่หลังเขย่าขวัญสิ้นดี

เจ้าหงเลี้ยว พรวด ส่วนผมห้อตะบึงไปข้างหน้าด้วยความตกใจจนลืมตัว

ตอนนั้นไม่มี ใครห่วงใครนอกจากตัวเอง! ผมกลับไปนอนจับไข้อยู่ 3 วัน เพื่อนทั้งสองก็มีอาการปางตายพอๆ กัน...ไม่ช็อกตายคาที่ก็นับว่าเป็นบุญกุศลแล้วละครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEzTURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB3Tnc9PQ==



Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 11:54:10 น.
Counter : 527 Pageviews.

0 comment
หลอนสุดขีด
หลอน สุดขีด

คอลัมน์ ขุนหัวลุก

ใบหนาด



"เจ๊เกียว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากข้างถนนเจริญกรุง

ดิฉันเป็นคนตลาดเก่า เยาวราช ลูกสาวสอบเอ็นทรานซ์ก็ไปบนเจ้าที่วัดเล่งเน่ยยี่ เพราะนับถือมานานแล้วว่าท่านศักดิ์สิทธิ์นัก ใครเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไปบน ไปขอยาสมุนไพรจีนทางเซียมซี ได้แล้วก็เอาไปให้ซินแสที่ร้านขายยา ซื้อหามากินไม่ช้าก็หาย

บางทีก็ไปซื้อยาบำรุงร่างกายพวกฮ่วยซัว, ฮีบี่, ง่วนเน็ก, เง็กเต๊ก, แปะฮะ...อะไรพวกนี้มาต้มกับเนื้อไก่หรือหมูเป็นน้ำแกง เป็นทั้งอาหารและยาค่ะ

คนค้าขายอย่างดิฉันกับสามีมักจะยุ่งอยู่กับ งานตลอดวัน จนลืมสนิทว่าลูกสาวเอ็นฯ ติดแล้วแต่ยังไม่ได้แก้บน (ส้มเช้งกับสับปะรด) เอาแต่ผัดวันประกันพรุ่งเรื่อยมา

คืนหนึ่งก็ฝัน เห็นเทพเจ้า 4 องค์ หน้าตาดุร้ายน่ากลัวจ้องเขม็ง เล่นเอาตกใจตื่นมาพอดีย่ำรุ่ง รีบกินข้าวต้มว่าจะรีบไปแก้บน ลูกค้าก็แห่มาเต็มเป็นประจำ ลูกจ้างสองคนยังขายไม่ทัน ดิฉันต้องช่วย...วุ่นวายจนมานึกได้ตอน 4 โมงเช้ากว่าๆ

ขอตัวไปซื้อ ของแก้บน ได้แต่ส้ม ส่วนสับปะรดไม่มีเลย เดินมาถึงถนนเยาวราชก็ไม่มี ข้ามถนนเข้าซอย 36 ไปทะลุเจริญกรุง เข้าตลาดข้างวัด มีของขายไหว้พระและแก้บนสารพัด แต่ไม่มีสับปะรดสักเจ้าเดียว

ตกลงยอม แพ้ค่ะ เข้าไปถวายส้มแก้บน บอกว่าวันหลังจะหาสับปะรดมาแก้บนตามสัญญา...ออกจากวัดก็ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เพราะเดินมานาน เบียดผู้คนจนเหงื่อไหลไคลย้อยอีกต่างหาก...นึกถึงข้าวแกงเจ๊กปุ้ยที่ต้นซอย ใกล้ๆ วัดขึ้นมาได้

แหม...น้ำลายสอเชียวค่ะเมื่อนึกถึงแกงกะหรี่ ลูกชิ้นสูตรแต้จิ๋ว กินกับไข่ต้ม อาจาด กุนเชียง หรือแกงเขียวหวานไก่ ผัดหน่อไม้ แกงลูกชิ้นปลากราย...ต้องกลืนน้ำลายอย่างเดียว เพราะเขาจะขนของออกมาขายก็ตอนเย็นๆ โน่น

หาอะไรกินแก้หิวก่อนดีกว่า!

เดิน ไปถึงมุมตึกต้นซอยมังกร ร้านค้าส่วนมากปิดวันอาทิตย์ เห็นมีแผงก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นติดๆ กับกาแฟโบราณ พอดีมีโต๊ะตรงหัวมุมที่อาแปะคนหนึ่งนั่งสูบบุหรี่...แกกินอิ่มแล้วค่ะแต่ยัง มีชามก๋วยเตี๋ยววางอยู่

ดิฉันเข้าไปนั่งด้วย หันหน้าไปที่แม่ค้าวัยกลางคนผิวคล้ำ กำลังพูดคุยกับสาวขายกาแฟร่างใหญ่ นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืด ผิวขาว หน้าตา...มาดทอมจริงๆ ค่ะ

สัก ครู่หญิงอ้วนดำก็มาถามว่าจะรับอะไร ดิฉันสั่งเส้นใหญ่น้ำ แกก็ผละไปปรุงก๋วยเตี๋ยว...เอ! ไม่ยักเก็บชามหรอกแฮะ คงเห็นลูกค้านั่งอยู่มั้ง?

ไม่ช้าก็ได้กินก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ่น มีเนื้อราว 4-5 ชิ้นกับน่องเป็ด 1 ขา ดิฉันสั่งกาแฟเย็น คนขายกำลังอุ้มเด็กอายุขวบเศษ หยอกล้อเล่นกับคนขายก๋วยเตี๋ยว ท่าทางไม่ค่อยสนใจลูกค้า...ดิฉันตักพริกน้ำส้ม น้ำตาลน้ำปลาปรุงเท่าไหร่ก็ไม่อร่อยถูกปากเอาเลย

ทันใดนั้น อาซิ้มผอมกงโก้ชุดดำ สารรูปบอกว่าเป็นคนจรจัด เดินจากในซอยผ่านด้านหลังอาแปะที่นั่งสูบบุหรี่เพลิน...หันไปยื่นมือพึมพำขอ เงิน!

ดิฉันทำเป็นคีบก๋วยเตี๋ยวใส่ปากไม่สนใจ...อาแปะชั่งใจเดี๋ยว หนึ่งก็ควักกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบแบงก์ใบละ 20 บาทเก่าๆ ส่งให้ อาซิ้มคงดีใจที่ได้มากเกินคาดเลยรีบเดินผ่านไปทางวัด...ริมฟุตปาธมีกระถาง ต้นไม้วางขายหลายกระถางด้วยค่ะ

อ้าว? คนขายก๋วยเตี๋ยวมาเก็บชามเปล่าตรงหน้าอาแปะแล้ว เอาใส่กะละมังข้างแผงแล้วหันไปเล่นกับเด็ก ผลัดกันอุ้มกับสาวทอมขายกาแฟ

รถ ราเล่นขวักไขว่ บางทีก็ติดกันเป็นแพ สรรพสิ่งคึกคัก สับสน ดิฉันคิดว่าจะกินน่องเป็ดเพราะเสียดาย แล้วพอกันที จะเหลือครึ่งค่อนชามก็ช่างเพราะกินไม่ลงจริงๆ

อาแปะสูบบุหรี่มองสบตา ดิฉันเป็นครั้งแรก...

ความหนาวเย็นแล่นวูบเข้าจับหัวใจ ตะเกียบแทบหล่นจากมือเมื่อจำนัยน์ตาคู่นั้นได้แม่นยำ...นัยน์ตาดุดันของเจ้า ทั้งสี่องค์ที่ดิฉันฝันเห็นเมื่อตอนย่ำรุ่งนี่เอง!

ทันใดนั้นเสียง เด็กร้องไห้จ้า ดิฉันมองข้ามไหล่อาแปะไปก็เห็นเขาหัวเราะกัน...ขณะที่ผู้คนกับรถรา ขวักไขว่สับสนราวจะหยุดนิ่งอยู่กับที่ ดิฉันเย็นวาบไปที่แผ่นหลัง

ไม่ มีอาแปะที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงข้ามเสียแล้ว ราวกับแกละลายกลายเป็นอากาศธาตุไปต่อหน้าต่อตา รถเข็นผลไม้กำลังจะออกจากซอย สับปะรดเต็มเพียบ แม้ม่านตาจะพร่าพรายก็ยังมองเห็น รีบจ่ายเงินแล้ววิ่งไปซื้อสับปะรด 1 ลูกโดยไม่ถามราคาเลย...

คุณๆ ที่เคยบนบานศาลกล่าวไว้ที่ไหนอย่าลืมแก้บนเชียวนะคะ...ขนลุกค่ะ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hOekEyTURVMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOUzB3Tmc9PQ==



Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 11:51:20 น.
Counter : 588 Pageviews.

0 comment
ลางมรณะ
ลาง มรณะ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"พิเชษฐ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหนองคายผมเป็นคนอุดรฯ ไปเที่ยวหนองคายเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้เอง ได้พบเพื่อนเก่าโดยไม่นึกฝัน แถมประสบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด น่าขนลุกขนพองที่สุดในชีวิต

เรา-ผม กับภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันไม่นาน ขับรถไปถึงจุดหมายเมื่อตอนบ่ายหลังจากเข้าพักโรงแรมที่หน้าจวน พักผ่อนพอสมควรแล้วชวนกันไปชมทัศนียภาพแม่น้ำโขงแถวสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว

เห็น แล้วใจหายที่แม่น้ำแห้งขอดแทบจะเดินข้ามไปมาหาสู่กันได้ อากาศร้อนอบอ้าวผิดกว่าทุกปี ผู้คนที่ไปเดินชมวิวและลงเล่นน้ำก็บางตาผิดกว่าปีก่อนๆ ส่วนมากจะเข้าไปหลบร้อนในร้านอาหารที่เรียงรายกันคับคั่งตามชายหาด

บาง คนก็โทษว่าเพราะจีนสร้างเขื่อนกักน้ำไว้ ไม่ปล่อยลงมาสู่ประเทศตอนล่าง เช่น พม่า ลาว ไทย และญวน แต่บ้างก็ว่าทางจีนเองก็ยังเดือดร้อนเพราะขาดน้ำสำหรับการเพาะปลูกเช่นกัน

ที่ แน่ๆ คือ จีนปล่อยน้ำลงมาแล้ว...เพื่อให้เรือสินค้าของตนที่ติดอยู่แถวเชียงของได้ เดินทางกลับจีนโดยสะดวก!

เราลงไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วกลับทาง เก่า...ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมแวะวัดโพธิ์ชัยเพื่อกราบไหว้ขอพรจากหลวงพ่อ พระใส เหมือนที่เคยทำมาทุกครั้ง ดูเวลาก็เห็นว่าเพิ่งสี่โมงเย็น เลยตัดสินใจแวะไปกราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง

ในพระอุโบสถ นั่นเอง...ผมได้พบกับ "อุดร" เพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมโดยไม่นึกไม่ฝัน! ถึงแม้จะไม่ได้พบกันมาสิบกว่าปีแล้ว แต่พอเห็นหน้าก็จำได้ทันที...เราทักทายกันอย่างดีอกดีใจ รีบออกจากโบสถ์มาพูดคุยกันได้เต็มที่

อุดรมากับเพื่อนชื่อไพบูลย์ ขับรถจากโคราชมาถึงวันนี้เหมือนกัน...เขาบอกว่าน่าเสียดายที่เราไม่ได้ ติดต่อกันเลย คงเพราะต่างก็วุ่นอยู่กับเรื่องการทำมาหาเลี้ยงชีพ และแสดงความยินดีกับผมที่ได้แต่งงานเป็นหลักเป็นฐานแล้ว ส่วนเขายังไม่พบเนื้อคู่ ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ถึงจะสมหวัง...

ผมอดหัวเราะไม่ได้ บอกว่าถ้าอยากรู้ก็ไปเสี่ยงเซียมซีดูดีไหม?

อุดร หันไปมองเพื่อน ไพบูลย์ก็ยิ้มละไม บอกว่าเขาเองไม่เคยเสี่ยงเซียมซีมาก่อนเลย...อยากลองดูเหมือนกัน!

เป็น อันว่าเราเข้าไปในศาลาเล็กๆ หน้าโบสถ์ แล้วเสี่ยงเซียมซีกัน โดยภรรยาผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อน...ในที่สุดก็ได้ใบเซียมซีมาแลกกันดูครึก ครื้น

ผมได้เลข 1 มีข้อความว่า

"ใบที่ 1 ว่าสมมาตรปรารถนา

ทายว่ามีคนชูชุบอุปถัมภ์

หมายสิ่งใดในจิต ที่คิดทำ

บอกว่าสำเร็จการประมาณมี..."

อุดรได้เลข 6 มีข้อความว่า

"ใบที่ 6 เรือตกวังกำลังเพียบ

จมน้ำเพียบแคม แล้วแจวไม่ไหว

ทุกวันนี้มีแต่ตรมระทมใจ

คิดสิ่งใดก็ชอบกลดูวน วง..."

ไพบูลย์ได้เลข 12 มีข้อความว่า

"ใบที่ 12 ต้องตามตำราว่า

เหตุจะมารุมโรคให้โศกศัลย์

เมื่อพิเภกหมอดู ครูกุมภัณฑ์

ทศกัณฐ์ขับส่งจากลงกา..."

อุดรกับไพบูลย์มองสบตา กันแล้วหัวเราะ ผมแนะนำให้คืนใบเซียมซีไว้ตามเดิม ส่วนของผมพับใส่กระเป๋าติดตัว...ตามธรรมเนียมที่กระทำกันโดยทั่วไป

คืน นั้นเรานัดพบกันที่ร้านอาหารข้างจวนใกล้โรงแรมผม...เราพูดคุยกันสนุกสนาน แลกเบอร์โทรศัพท์กัน ลง เอยด้วยการล่ำลาเพราะผมจะกลับอุดรวันรุ่งขึ้น

อีก สองวันต่อมาก็ได้ข่าวว่าอุดรกับไพบูลย์เกิดอุบัติเหตุก่อนจะถึงบ้าน รถพุ่งไปชนเสาไฟฟ้าจนไฟลุกท่วม ตายคาที่ทั้งสองคน...ขนหัวลุกครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREk0TURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB5T0E9PQ==



Create Date : 09 พฤษภาคม 2553
Last Update : 9 พฤษภาคม 2553 11:49:16 น.
Counter : 782 Pageviews.

0 comment
โค้งมฤตยู
โค้ง มฤตยู

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"บอย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณเพื่อน

เมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง เพื่อนๆ ที่ทำงานชวนผมแวะดื่มเหล้าฉลองวันออกพรรษา เราตั้งวงกันในผับแถวถนนรัชดาฯ ใกล้ๆ บริษัท โดยพี่โหน่งเป็นเจ้ามือ เพราะเป็นคนเดียวที่ยึดถือ "หยุดเหล้าเข้าพรรษา" มาหลายปีแล้ว

ก่อน กลับหลังเทศกาลสำคัญทางพุทธศาสนา คนที่ถือคติแบบเดียวกันก็จะดื่มเหล้าหนักเป็นพิเศษ เรียกว่า "ปิดก๊อก" กับ "เปิดก๊อก"

เพื่อนๆ ไม่ขัดใจแถมสนับสนุน เพราะคนอื่นๆ ไม่ได้หยุดเหล้าเข้าพรรษากัน พี่โหน่งเองก็เป็นคนน่ารัก คุยสนุก มีอารมณ์ขัน นิสัยดี แม้ว่าตอนเข้าพรรษาตัวเองจะไม่ดื่มเลย แต่ก็มาร่วมวงกับพวกเราบ่อยๆ แถมจ่ายเงินอีกต่างหาก

เรื่องน่า กลัวคือพี่โหน่งจะกินเหล้าดุตอนเข้าพรรษา อ้างว่าเป็นวันสุดท้ายก่อน "บวชเหล้า" กับตอนออกพรรษาที่บอกว่าหยุดมาตั้ง 3 เดือน ต้องฉลองกันให้เต็มคราบ

น่ากลัวเพราะพี่โหน่งขับรถเองน่ะซีครับ!

พวก เราห่วงเรื่องนี้ทุกคน พี่โหน่งยืนยันว่าไม่เคยเกิดอุบัติเหตุเพราะมึนเมาเลยสักครั้งเดียว ผมสนิทกับแกเป็นพิเศษยังเคยเตือนแบบทีเล่นทีจริงว่า...ระวังหน่อยนะพี่ของ ทุกอย่างน่ะย่อมมี "ครั้งแรก" ทั้งนั้นแหละ

วันนั้น ฝนหลงฤดูตกมาตอนค่ำ เราพูดคุยกันสนุกสนานอยู่ราว 4-5 คน เจ้าโชคถามว่าพี่หยุดไป 3 เดือนนี่นึกอยากเหล้ามั่งไหม? พี่โหน่งยืนยันว่าไม่อยากเลย แต่พอออกพรรษาแล้วอยากทันที

เจ้ามิ นเปรยว่า พี่หยุดได้ตั้ง 3 เดือนโดยไม่อยาก แล้วทำไมไม่หยุดตลอดไปเลยล่ะ? พี่โหน่งหัวเราะ บอกว่ากลัวพวกลื้อจะเหงาน่ะซี!

คืนนั้น เราออกจากผับราวห้าทุ่มเศษ ฝนหยุดแล้ว แต่อากาศต้นฤดูหนาวเย็นยะเยือกจับใจ เจ้าโชคกับเจ้ามินไปรถเจ้าโอ่งที่อยู่แถวสุขุมวิทด้วยกัน พี่โหน่งอยู่เลยลาดพร้าว ทางผ่านบ้านผมที่สุทธิสารพอดี

พี่โหน่งขับ รถมาแวะส่งผมที่ปากซอยแทบทุกครั้ง...คืนนี้ก็เช่นกัน!

เรานั่งกันมา เงียบๆ พี่โหน่งบอกว่าคืนนี้สนุกมาก ขอซัดหนักๆ ให้สะใจอีกสัก 2-3 วันแล้วค่อยดื่มตามปกติ...จนกระทั่งถึงปากซอยบ้านผมที่มีร้านสะดวกซื้อ ผมบอกพี่โหน่งให้ระวังหน่อย เพราะฝนตกถนนลื่น แถมที่รัชดาฯ ก็ขับรถกันเร็วมากอีกด้วย

"เออน่า! พรุ่งนี้พบกันโว้ย" พี่โหน่งยิ้มฟันขาวก่อนออกรถ ผมแวะซื้อเบียร์กระป๋องกับมันทอด ดูนั่นดูนี่อยู่พักใหญ่ก็ออกจากร้านเดินเข้าซอยค่อนข้างเงียบเชียบร่มครึ้ม ด้วยต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านออกมานอกรั้ว

พักเดียวผมก็ได้ยิน เสียงฝีเท้าเดินตามมา หันขวับไปมองก็เห็นร่างสูงๆ ของชายหนุ่ม ไฟแสงจันทร์ดูเยือกเย็นน่าวังเวงใจพิกล...ผมออกเดินก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดิน ตามหลังมาเร็วๆ คล้ายจะวิ่ง แต่เมื่อหันขวับไปอีกครั้งก็ใจหายวูบ หยุดชะงักด้วยความงุนงง...ผู้ชายคนนั้นหายไปแล้ว!

ซอยทั้งซอย เปลี่ยวครึ้ม เสียงยอดไม้คร่ำครวญกับสายลม ปากคอผมแห้งผากไปหมด...แถมซอยนั้นไม่มีซอกซอยให้เลี้ยวไปได้เลย บ้านช่องติดๆ กันก็ปิดประตูรั้วเงียบเชียบ...เขาหายไปไหนรวดเร็วปานนั้น?

เลี้ยว ขวับทางซ้ายมือเพื่อจะรีบเข้าบ้าน แต่แล้วก็แทบจะช็อกตายคาที่

พี่ โหน่งยืนยิ้มเผล่อยู่ตรงหน้านั่นเอง!!

"พี่โหน่ง!" ผมร้อง อ้าปากค้าง มือไม้อ่อนแทบจะปล่อยถุงลงพื้น ม่านตาลายพร่า...จ้องมองให้แน่ใจก็เห็นพี่โหน่งจริงๆ ที่ยืนมองผมอยู่ตรงหน้า

"เอ้า! รีบเข้าบ้านซีบอย...พี่ขอกินเบียร์ด้วยคน" แล้วพี่โหน่งก็ออกเดินคู่ไปกับผมที่ใจเต้นโครมๆ หน้าชาเห่อ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวเย็นสลับกันไป พูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินขาสั่นไปช้าๆ พี่โหน่งขับรถไปแล้วนี่นา...แกมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? รถไปไหน?

จน กระทั่งถึงหน้าบ้าน ผมล้วงกุญแจมาไขประตูรั้วมือสั่นเทา ไขผิดๆ ถูกๆ ได้ยินเสียงพี่โหน่งหัวเราะขบขัน ผมผลักประตูงกๆ เงิ่นๆ หันไปหาก็ไม่มีใครเลย...ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ผมปิดประตูโครม เผ่นพรวดเข้าบ้านทันใด

พอตั้งสติได้โทร.เข้ามือถือ คนรับสายคือตำรวจ พี่โหน่งพุ่งรถขึ้นบนเกาะกลางถนนแถวโค้งมรณะหน้าศาลอาญา เสียชีวิตคาที่...วิญญาณโลดลิ่วมาหาผมทันที!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl6TURRMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOQzB5TXc9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 13:13:06 น.
Counter : 494 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend