ขวัญผวา
ขวัญ ผวา
ขนหัวลุก
ใบหนาด
"ปุยฝ้าย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเจ้าที่
พวกผู้ใหญ่มักจะสอนดิฉันอยู่เสมอว่า ผีไม่มีจริง...ไม่ต้องไปกลัวมัน! คนที่เล่าว่าเห็นผีที่จริงแล้วคือคนจิตอ่อน หรือไม่ก็หลอกตัวเอง ดิฉันก็อยากเชื่อหรอกค่ะ แต่ความคิดมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่ท่านพยายามสั่งสอนเสียจริง
คือ ดิฉันเชื่อว่าผีมีจริง เพราะเคยเจอเรื่องแปลกๆ หลายครั้ง และแน่ใจว่าไม่ได้ประสาทหลอนแน่ๆ มันเป็นเรื่องที่เหนือคำอธิบาย เช่น เมื่อตอนอายุราว 15 ปี วันหนึ่งดิฉันได้ยินเสียง คุณลุงมาเรียกคุณพ่ออยู่หน้าบ้าน คุณพ่อก็ได้ยินค่ะ แต่พอเปิดประตูก็ไม่มีใครสักคน...ไม่ช้าที่บ้านคุณลุงก็โทรศัพท์มาบอกว่าคุณ ลุงตายเสียแล้ว ด้วยอาการหัวใจวาย...แล้วใครที่มาเรียกล่ะคะ ถ้าไม่ใช่เจตภูตหรือวิญญาณของท่าน?
เหตุการณ์นี้ทำให้ดิฉันฝังใจมาก คุณพ่อเองก็อธิบายไม่ได้ทั้งที่เป็นคนสอนลูกๆ ไม่ให้กลัวผีหรือเชื่อเรื่องผี! แม้ดิฉันไม่ใช่คนกลัวผี แต่มันเป็นความระแวง กลัวว่าผีจะโผล่ขึ้นมาจนตกใจ ซึ่งดิฉันไม่ชอบเลยค่ะ เรื่องขวัญผวานี่น่ะ
แปลกนะคะ เวลาเจออะไรที่คิดว่าเป็นผีเข้าจริงๆ ดิฉันจะรู้สึกทึ่งมากกว่ากลัว...มันอยากพิสูจน์ อยากรู้อยากเห็น! รู้สึกว่าการเป็นผีนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอก มันน่าตื่นเต้นและนำไปเล่าต่อ...เป็นเรื่องที่ประทับใจจริงๆ ค่ะ
เมื่อโตขึ้น ดิฉันเรียนจบมัธยมปลาย เข้ามหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ ต้องจากบ้านที่ราชบุรีมาอยู่กับคุณป้า
บ้านคุณป้านี้ดิฉันเคย อยู่เมื่อตอนเป็นเด็กเล็กๆ ค่ะ เป็นบ้านใหญ่ที่อยู่รวมกันทั้งคุณปู่คุณย่า และลูกๆ หลานๆ เราจึงมีหลายครอบครัวในที่ดินผืนใหญ่เกือบ 2 ไร่ บ้านเก่าของดิฉันเป็นเรือนเล็กๆ ชั้นเดียว ปลูกอยู่ด้านหลังตึกใหญ่
เมื่อเข้ากรุงเทพฯ คุณป้าก็ให้ดิฉันอยู่บ้านหลังเดิม บางวันแม่ก็มาค้างด้วย
เวลาที่แม่กลับไปที่ราชบุรี ดิฉันจะอยู่ที่บ้านหลังเล็กตามลำพัง ไม่ได้กลัวอะไรเลย เพราะเป็นบ้านของเราแท้ๆ เสียแต่เวลากลับบ้านมืดๆ น่ะ ต้องเดินฝ่าความมืดเป็นระยะทางค่อนข้างไกลทีเดียว
ที่สำคัญ คุณป้าเป็นคนประหยัดไฟ บ้านเราจึงค่อนข้างมืด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลา 2-3 ทุ่มไปแล้ว คุณป้าจะขึ้นไปอยู่ชั้นบน ชั้นล่างนี่ปิดไฟหมด ไฟตรงซุ้มที่ดิฉันเดินลอดก็เสีย ยังไม่มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนหลอดมันจึงมืดมาก ถึงจะมีแสงสลัวๆ จากบ้านอื่นมันก็ยังมืดแทบมะงุมมะงาหรา
คืนหนึ่ง ดิฉันไขกุญแจประตูใหญ่เข้ามาตอน 4 ทุ่ม บ้านเงียบและวังเวง มีแต่แสงไฟจากห้องคุณป้าที่ชั้นบนลอดผ่านม่านออกมา เรือนคนใช้ก็มีแสงไฟเปิดอยู่
ดิฉันต้องเดินอ้อมตึก ผ่านซุ้มไม้ ทันใดนั้นก็เหลือบเห็นเงาดำๆ คล้ายคนคลุมผ้านั่งยองๆ อยู่ตรงมุมตึกที่ดิฉันต้องเดินผ่าน!
แม้จะผิดสังเกต แต่ดิฉันก็ไม่ได้ชะงักฝีเท้า ทั้งที่ในใจสงสัยว่านั่นอะไรน่ะ? รู้อย่างเดียวว่าไม่ใช่คน ไม่ใช่ผู้ร้าย...มันเป็นเพียงเงาที่ดำทึบกว่าความมืดสลัวรอบๆ ตัวเอง
ครั้นดิฉันเดินผ่าน ใกล้ขนาดฟุตเดียวเท่านั้นละค่ะ ก็รู้สึกว่าเงานั้นยืดตัวขึ้นเหมือนคนที่นั่งยองๆ ลุกขึ้นยืน ความสูงก็ประมาณผู้ชายตัวสูงๆ แต่ขอย้ำว่าไม่ใช่คนแน่นอน! มันเป็นเงาที่เหมือนใครเอาผ้าคลุมหัวตลอดร่างลงมา...
ว่าจะไม่กลัวก็เสียววูบเอาการ และนึกว่าเราตาฝาด ประสาทหลอน! หรือคิดไปเองรึเปล่า? อากาศก็เริ่มจะหนาวเย็นลงทุกที อยากจะเร่งฝีเท้าหรือวิ่งหนี แต่คิดว่ามันงี่เง่าที่จะทำอย่างนั้น
ขณะเดินเร็วๆ เพื่อจะรีบเข้าบ้าน ก็รู้สึกว่าเงานั้นตามมาตลอด...ตามมาติดๆ
มือเปิดประตู ผลุบเข้าบ้านแล้วปิดประตูตามหลังทันที ความรู้สึกยังบอกว่าร่างนั้นชะงักอยู่หลังประตูนี่เอง! มันคืออะไรนะ? สงสัยพรุ่งนี้ต้องลุกขึ้นใส่บาตรซะแล้ว
คืนนั้นดิฉันเปิดไฟทั้งบ้านเลยค่ะ อยู่คนเดียวด้วย แล้วความคิดก็ย้อนกลับไปเมื่อตอนเด็กๆ ตอนที่คุณย่ายังมีชีวิตอยู่และต่อเติมบ้านหลังใหญ่ ดิฉันจำได้ว่าคนงานก่อสร้างเล่าว่าถูกผีหลอก เขาบอกว่าตอนแรกคิดว่าแม่ยายเขามานั่งยองๆ เอาผ้าคลุมหัว แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะแม่ยายกำลังเปิบข้าวอยู่ในเพิงที่พัก
พวกเขาบอกว่า สงสัยเป็นวิญญาณเจ้าที่เจ้าทาง
เฮ้อ...กำลังหวาดๆ ก็ดันความจำดีขึ้นมาซะอีกแน่ะ! สิ่งที่ดิฉันเห็นจะเป็นสิ่งเดียวกับที่คนงานเห็นเมื่อหลายปีก่อนหรือเปล่าก็ ไม่รู้...แต่ที่แน่ๆ คือขนหัวลุกค่ะ!
//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREE0TURjMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdOeTB3T0E9PQ==