คนสู้ผี
คนสู้ผี
ขนหัวลุก
ใบหนาด
"ชนะ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเหรียญผีสิง
ผม มีลูกสาวคนเดียว คือ น้องเอื้อง แกเป็นสุดสวาทขาดใจของคนทั้งบ้าน ตอนนี้อายุ 4 ขวบกว่า อยู่อนุบาลสองครับ ผมวางแผนชีวิตสำหรับลูกคนนี้ เพื่อให้แกเติบโตอย่างเข้มแข็ง และนั่นอาจจะเป็นต้นเหตุของขนหัวลุกเรื่องนี้ก็ได้
มันเริ่ม ตั้งแต่ตอนผมหมั้นกับอ้อย และร่วมทุนกันปลูกเรือนหอของเรา ผมคิดไว้เลยว่าจะมีลูกไม่เกินสองคนชั้นบนของเราจึงมีห้องนอนสามห้อง แต่ละห้องมีห้องน้ำในตัวเสร็จ ห้องตรงกลางน่ะของผมกับภรรยา อีกสองห้องนั้น...แน่ละ! เตรียมไว้สำหรับเป็นส่วนตัวของลูก และผมยังยึดตำราฝรั่ง คือให้ลูกนอนคนเดียวตั้งแต่เกิด แต่ประตูห้องเปิดถึงลูกได้ทั้งสองด้าน
ต้องขอบอกตรงๆ ว่าแผนนี้เกือบไม่สำเร็จแน่ะครับ มันยากมาก โดยเฉพาะอ้อยแทบไม่ยอมวางมือจากลูกเลย แต่ในที่สุดเราก็ทำได้ครับ
น้อง เอื้องนอนคนเดียวได้สบายมาก ดับไฟมืดเลยด้วย ไม่ต้องเปิดไฟหัวเตียง ขอแต่เพียงแง้มประตูพ่อกับแม่ไว้หน่อยเดียวเท่านั้นเอง และขอให้เล่านิทานก่อนนอนกับหอมแก้มบอกกู๊ดไนต์ ฝันดีทุกคืน ไม่ว่าฝนจะตก ฟ้าจะร้อง พายุพัดตึงตังแค่ไหนเอื้องก็นอนได้ ไม่เคยลุกมาขอนอนกับพ่อแม่เลย เก่งจริงๆ ลูกผม
แต่แล้วคืนหนึ่งเมื่อเดือนก่อน ตอนกลางดึกผมตื่นเพราะเอื้องมาจับแขนเขย่าเบาๆ
"พ่อคะ ขอเอื้องนอนด้วยนะ ที่ห้องเอื้องมีใครไม่รู้จะขึ้นมานอนเบียดเอื้องเรื่อยเลย"
"ฝันร้ายมั้งลูก?" ผมบอกแล้วลุกขึ้นพาลูกกลับไปที่ห้อง เปิดไฟหัวเตียง ทุกอย่างดูปกติดี เอื้องขยี้ตา ทำท่างัวเงียแล้วออดอ้อน...แกบอกว่าใครคนนั้นผลักแกตกเตียงจนนอนไม่ได้ ผมไม่อยากใจอ่อนหรอกครับ เพราะเมื่อมีครั้งแรกมันก็ต้องมีครั้งต่อไป แต่มองนาฬิกามันตีสองครึ่งแล�ว ผมเองก็ง่วงเหมือนกัน
ขืนเถียงกันไปก็ไม่มีประโยชน์ ผมเลยเอาแกมานอนตรงกลาง อ้อยดีใจกว่าลูกอีก นอนกอดนอนหอมลูกจนหลับสนิทไปทั้งคู่
คืนต่อมา ผมว่าแล้ว เดาอะไรไม่ผิดเลย! เอื้องมาปลุกผมเวลาเดิมเลยครับ บอกว่าใครคนนั้นมากวนแกอีกแล้ว
"เขา เป็นผู้ชาย มาทำหน้าตาน่ากลัวไล่เอื้องลงจากเตียง" แกพูดซื่อๆ ผมเห็นว่า นั่นคือจินตนาการของเด็กน้อย ซึ่งผมจะยอมต่อไปไม่ได้ ต้องแก้ไขด่วน
"เอางี้นะ" ผมเล่นแง่จิตวิทยา "พ่อจะไปไล่เขาเอง ถ้าพ่อไล่เขาไปแล้วเอื้องจะนอนคนเดียวได้มั้ยลูก?" เอื้องพยักหน้ารับอย่างดีใจ
คืน นั้นผมไปนอนเตียงของลูก ไม่ต้องห่วงครับ เตียงนี้ผมซื้อเผื่อลูกโตเลยละ เป็นเตียงเดี่ยวที่ผู้ใหญ่นอนได้สบายๆ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก แค่พรุ่งนี้เช้าก็จะบอกลูกว่าพ่อไล่เขาเตลิดเปิดเปิงไปแล้วล่ะ! แค่นี้ก็เรียบร้อย...แต่มันไม่อย่างนั้นน่ะซีครับ!
ก่อนตีสองเล็ก น้อย ผมตื่นขึ้นมา ไม่รู้ด้วยซ้ำอะไรทำให้ตื่น แต่ก็ดีเหมือนกัน ลุกเข้าห้องน้ำซะหน่อยแล้วกลับมานอนต่อ.....ผมเข้าห้องน้ำโดยไม่เปิดไฟ อาศัยความคุ้นชิน
ขณะที่มาถึงเตียง ล้มตัวลงหนุนหมอน หางตาผมเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ในความมืด ผมเลยหันไปมองตรงๆ
มัน เป็นแสงหม่นๆ รางๆ มัวซัวสีออกเขียวๆ เหมือนพรายน้ำดวงเท่าฝ่ามือเคลื่อนไหวอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าเหมือนมีชีวิต ตอนแรกผมนึกว่าตาฝาด แต่ไม่ใช่แฮะ รีบลุกขึ้นนั่งจ้องมองมันพักใหญ่ แล้วก็ต้องขนหัวลุกซู่...
ภายในแสงนั้นเป็นใบหน้าผู้ชายแก่ๆ เหมือนคนจีน โบราณ ไว้เปียและเป็นใบหน้าที่ดุดัน มุ่งร้ายหมายขวัญมาก
"ออก ไปนะ" ผมคำรามเบาๆ ทั้งตกใจทั้งกลัว แต่นี่มันห้องลูกสาวผมนะ! เอื้องพูดถูก แกไม่ได้ออดอ้อนหรือจินตนาการ ผมตั้งสติได้ รู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่าหวาดกลัวซะอีก นี่ถ้าเป็นที่อื่นอย่างโรงแรมหรือบ้านเช่าผมต�องเผ่นแน่...แต่นี่บ้านผม ครับ!
ใบหน้ามีแสงหม่นๆ นั่นพุ่งเข้าใส่ผม ส่วนผมก็พุ่งหมัดสวนออกไป กำปั้นวืดผ่านสิ่งที่เย็นชืดน่าขยะแขยง...เหลือเชื่อ! ผมชกถูกมันอย่างจัง อย่าถามเลยครับว่าเป็นไปได้ยังไง ผมเองก็งงๆ แต่คิดว่าคงเป็นพลังจิตผมแกร่งกว่ามัน ผมเห็นมันบิดเบี้ยว แสดงอาการพ่ายแพ้..มันกลัว และหายไปทางหน้าต่าง
ผมรู้สึกว่าห้องโล่งเบาและสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นมาทันที...มันไปแล�ว!
เพิ่ง มารู้ทีหลังว่าเพื่อนของอ้อยชอบสะสมเหรียญและของโบราณ ก็เลยเอาของเก่าของคุณตาที่เพิ่งเสียมาให้ หนึ่งในนั้นเป็นเบี้ยจีนโบราณ วิญญาณร้ายคงมากับสิ่งนี้แน่ ตอนนี้อ้อยคืนเพื่อนไปแล้วละครับ!
//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREEwTURFMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNUzB3TkE9PQ==