หอพักอาถรรพณ์
หอพักอาถรรพณ์

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"ชาญชัย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหอพักผีดุ 0 พูดถึงเรื่องโดนผีหลอกซึ่งๆ หน้า เล่าให้ใครฟังก็ ไม่ค่อยเห็นภาพ หรือนึกรู้ถึงความรู้สึกตอนนั้นหรอก ครับ ยกเว้นแต่จะคุยกับคนที่เคยโดนผีหลอกมาแล้วถึงจะเข้าใจ

มีทั้ง อาการตกตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดหายวับจากใบหน้า เย็นซ่าจากต้นคอลงไปถึงกลางหลัง เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวคล้ายจะเป็นไข้ ขากรรไกรแข็งทื่อจนร้องไม่ออก...ในที่สุดก็อยากหายตัววับไป หรือไม่ก็ร้องไห้โฮให้หายอัดอั้นตันใจ!

ผมกลัวผีมาตั้งแต่ยัง เด็กๆ อยู่ที่บางบัว ก่อนจะมาเป็น รปภ.อยู่ที่หอพักสตรีในย่านดินแดง! ที่นั่นเอง ผมเจอะเจอภูตผีดุร้ายสุดขีดแทบจะขาดใจตาย แต่เมื่อเหตุการณ์ขนหัวลุกผ่านไป ผมกลับไม่ได้โกรธเคืองภูตผีตนนั้นหรอกครับ กลับรู้สึกเวทนาด้วยซ้ำไป

เรื่องเป็นยังงี้ครับ...

ผม มีญาติชื่อน้าหวิงแกเป็นคนยามเก่าแก่ของหอพักแห่งนั้น พอดีมีคนเก่าลาออก น้าหวิงก็เลยใช้เส้นฝากฝังผมเข้าไปทำงานแทน...ส่วนมากมักจะได้กะดึกคือสี่ ทุ่มไปจนถึงหกโมงเช้า บ้านช่องห้องหอหายห่วงอาศัยซุกหัวนอนกับน้าหวิงที่อยู่ละแวกนั้นเอง

คืนนั้นฝนพรำมาแต่หัวค่ำ ผมรับเวรต่อจากน้า หวิงพอดี!

มี ห้องพักยามอยู่ข้างประตูหอพัก...แต่น่าสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงเปิด 24 ชั่วโมงก็ไม่ทราบ อาจจะเป็นอพาร์ต เมนต์ก็ได้ มีอยู่ 5 ชั้น มีลิฟต์อำนวยความสะดวกพร้อม เมื่อขึ้นไปก็เป็นทางเดินตรงกลางระหว่างห้องพักซ้ายขวาที่เรียงรายกันเป็น ตับ ทำให้ระเบียงด้านหลังหันมาทางประตูรั้ว ดูแปลกตาเอาการ

ลุงหวิง เล่าว่าก่อนนั้นน่ะ มีเรื่องฆ่าแกงกันหลายรายแล้ว ส่วนมากเกิดจากความหึงหวง แม้แต่ การฆ่าตัวตายก็มี คือกระโดดมาจากระเบียงชั้นบนบ้าง กินยาตายบ้าง ที่น่าสยองก็คือเชือดเส้นเลือดที่ข้อมือนอนแช่น้ำตายในอ่าง กว่าจะพบศพก็วันรุ่งขึ้น...

ว่ากันว่าผีดุนักหนา!

มีทั้งเข้าไปเคาะห้องข้างๆ กับส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนจนต้องย้ายหนีไปหลายรายแล้ว...คนเช่าส่วน มากเป็นผู้หญิงทำงานบริษัท นักศึกษา คนทำงานกลางคืนก็มี

ขณะที่ผม กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ก็พอดีแว่วเสียงผู้หญิงกรีดร้องมาจากชั้นบน ครั้นเผ่นออกไปเงยหน้ามองฝ่าละอองฝนบางๆ ขึ้นไปก็เห็นสาวหนึ่งในชุดสีดำบนระเบียงชั้นสามกำลังโบกไม้โบกมือ ส่งเสียงลงมาได้ยินชัดเจน

"ช่วยด้วย! ช่วยด้วย..."

ผม ละล้าละลัง เพราะตัวเองไม่มีหน้าที่ขึ้นไปจุ้นจ้านบนนั้น แต่มีพนักงานประจำเคาน์เตอร์กับ รปภ.คอย ดูแลอยู่...คิดอีกที เธอกำลังขอความช่วยเหลือจากผมนี่นา!

พริบตานั้น สาวชุดดำก็วิ่งหายเข้าไปในห้อง ไม่ถึงอึดใจเธอก็วิ่งแน่วออกจากอาคารที่โดดเด่นขึ้นไปบนผืนฟ้าสีหมึก ...เมื่อเข้ามาใกล้ถึงได้เห็นชัดว่าเธออยู่ในชุดนอนสีดำ ผมยาว ผิวขาว หน้าตาสะสวยที่ดูเหมือนจะคุ้นหน้า เธอปราดเข้ามาหาผมที่ถอยหลังเข้ามาในตู้ยาม กระหืดกระหอบแทบฟังไม่รู้เรื่อง

"ช่วย ด้วย! ผีค่ะ...มันจะฆ่าฉัน..." เธอโพล่ง หน้าอกหน้าใจสั่นกระเพื่อม น่าใจหาย ก่อนจะเล่าว่า ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับก็มีรูปเงาเลือนรางคล้ายวุ้นของผู้หญิงวัยเดียวกัน กลุ่มหนึ่ง เข้ามาห้อมล้อมหัวเราะต่อกระซิก บ้างก็กระซิบกระซาบยั่วเย้า บอกว่า พวกเธอกินยาตาย โดดตึกตาย ถูกแทงตาย! มาอยู่ด้วยกันเถอะแล้วจะพบแต่ความสุข...

"ฉันไม่อยากตาย" สาวชุดดำกระหืดกระหอบ หันไปมองที่ระเบียงชั้นสามไม่หยุดหย่อน "ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยฉันด้วย..."

"อะไรกันครับ ไม่เห็นมีอะไรเลย" ผมพูดเป็นเชิงปลอบใจ แต่เธอส่ายหน้า

"นั่นไง! สาวชุดดำหันขวับไปชี้มือสั่นระริก "พวกมันยืนเกาะระเบียงเต็มไปหมด กำลังมองดูเราด้วย...ดูซี่! มันจ้องเป๋งเชียว"

เสียงยืนยันสั่นเครือทำให้ผมเย็นวูบที่ต้นคอ แข็งใจปลอบโยนพลางหันมอง

"ทำ ใจให้สบายเถอะครับ ไม่มีอะไรเลยจริงๆ ผมคิดว่า..." เสียงผมขาดหายไปเมื่อพบว่ากำลังพูดอยู่กับความว่างเปล่า ท่ามกลางความเย็นชื้นของฤดูฝน แสนจะเปล่าเปลี่ยวและชวนให้เหน็บหนาวเข้าไปถึงหัวใจ...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง ไปยังจุดเดิม...

นรกเป็นพยาน! บัดนี้มีร่างของหญิงคนหนึ่งกำลังยืนเกาะลูกกรงระเบียง ก้มหน้าลงมามองเศร้าๆเพียงเดียวดาย...ผู้หญิงในชุดนอนสีดำคนนั้นเอง!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREUxTURJMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNaTB4TlE9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 15:47:44 น.
Counter : 496 Pageviews.

0 comment
ผีว่ายน้ำ
ผีว่ายน้ำ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"หมึกม่วง" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากต่างแดน

เล่าเรื่องผีไทยๆ มาพอสมควร วันนี้ขอสลับบรรยากาศกับผีฝรั่งบ้างนะครับ

วัน ที่ 4 ธันวาคม 2472 เรือบรรทุกน้ำมันกำลัง แล่นจากซานเปโดร แคลิฟอร์เนีย มุ่งหน้าไปสู่คลองปานามา แต่เมื่อถึงทะเลนอกฝั่งเม็กซิโกก็เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงคือลูกเรือสองคนชื่อ เจมส์ เคิร์ตนีย์ กับ ไมเคิล มีแฮน เกิดสำลักควันตายพร้อมกันทั้งคู่

ศพ ของลูกเรือเคราะห์ร้ายทั้งสอง ถูกหย่อนลงสู่ใต้ท้องทะเลลึกไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันฟุต ตามธรรมเนียมของชาวเรือ หลังจากเสร็จพิธีแล้ว ทุกคนก็โล่งใจแม้ว่าจะไม่วายรู้สึกหดหู่ที่เสียเพื่อนไปถึงสองคน

วันรุ่งขึ้นก็เกิดเรื่องขนหัวลุกทันใด!

ขณะ ที่เรือบรรทุกน้ำมันกำลังจะแล่นเข้าสู่คลองปานามาแล้ว จู่ๆ ต้นกลก็ร้องเอะอะขึ้นว่าเขาเห็นผู้ชายสองคนว่ายน้ำตามเรือมาตั้งแต่เช้า อารามอยากรู้ว่าใครหนอกล้าหาญชาญชัยมาว่ายน้ำอยู่กลางทะเลลึก ต้นกลก็เอากล้องส่องดูให้หายสงสัย แต่เมื่อเห็นหน้าได้ถนัดชัดเจนก็ตระหนกอกสั่นจนแทบช็อกคาที่

นักว่าย น้ำที่ติดตามเรือมาตลอดไม่ใช่ใครอื่น แต่คือกะลาสีสองนาย เคิร์ตนีย์กับมีแฮนที่พวกชาวเรือเพิ่งจะจับหย่อนลงสู่ก้นทะเลเมื่อวันวาน นั่นเอง!

ตอนแรก พวกลูกเรือทั้งหลายแหล่ที่มองเห็นร่าง ที่ว่ายน้ำตามเรือมา ยังมองเห็นหน้าไม่ถนัด แต่เมื่อร่างทั้งสองว่ายใกล้เข้ามาประมาณ 40 ฟุต ทุกคนมอง เห็นหน้านักว่ายน้ำทั้งสองนั่นเข้าก็ขนหัวลุกตั้งกันเป็น ทิวแถว

ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนกะลาสีสองนายที่เพิ่งตาย ไปเมื่อวันวานแน่นอน

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังเอะอะอื้ออึงในบัดดล!

ศพ ที่ถูกหย่อนลงก้นทะเลลึกพันกว่าฟุต นอกฝั่งทะเลเม็กซิโกโน่น จะสามารถผุดโผล่ขึ้นมาว่ายน้ำติดตามเรือจนเกือบถึงคลองปานามาไกลลิบลับได้ ยังไงกัน?

จนกระทั่งเรือวอเตอร์ทาวน์แล่นผ่านพ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเข้าสู่คลองปานามา...ศพสยองทั้งสองก็หายลับไป

กัปตัน เรือนาม เคธ เทรซี ก็มีความตื่นเต้นระคนขนลุกขนพองไม่แพ้คนอื่นๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีหลักฐานใดๆ มายืนยันให้ใครๆ เชื่อถือว่า ศพที่จมอยู่ก้นทะเลไกลลิบจะผุดโผล่ขึ้นมาว่ายน้ำตามเรือได้เห็นๆ ขืนเล่าไปก็คงไม่มีใครเชื่อถือ แถมโดนหัวเราะเยาะอีกต่างหากแม้ว่าจะมีลูกเรือทั้งลำเป็นพยานก็เถอะเอ้า!

สวรรค์หรือนรกจะดลใจก็ไม่ทราบ ที่ทำให้กัปตันเคธเกิดความคิดอ่านสุดเฉียบขึ้นมา

นั่น คือ พี่แกตัดสินใจซื้อกล้องถ่ายรูปชั้นดีเมื่อขึ้นบก โดยตั้งใจว่าขากลับจากคลองปานามาออกสู่มหา สมุทรแปซิฟิก ถ้าผีดุวิญญาณเฮี้ยนของลูกเรือทั้งสองโผล่ขึ้นมาอีกพี่แกจะได้ถ่ายรูปเอาไว้ โชว์เป็นหลักฐานให้คนอื่นๆ ดูจนสิ้นสงสัยไปตามๆ กัน...เพี้ยง!

จริงดังคาด!!

เมื่อ เรือโผล่พ้นจากคลองปานามา กลับเข้าสู่อาณาเขตมหาสมุทรแปซิฟิกอีกครั้ง ปีศาจกะลาสีทั้งสองนายก็โผล่ขึ้นมาว่ายน้ำตามเรือบรรทุกน้ำมัน ด้วยระยะห่าง 40 ฟุต คงเส้นคงวาเหมือนตอนแรกไม่ผิดเพี้ยน

กัปตันเคธมองเห็นก็รีบคว้ากล้องมาถ่ายรูปกะลาสีที่ กลายเป็นศพแล้วหลายรูป ท่ามกลางความตื่นเต้นระคนขนหัวลุกของต้นกลและลูกเรือทั้งปวง

เมื่อ เรือกลับเข้าเทียบท่าที่นิวยอร์ก กัปตันใจเด็ดก็รีบส่งฟิล์มไปล้างและอัดรูปล้ำค่าที่ร้านถ่ายรูปชื่อดัง เพื่อจะนำรูปถ่ายมาเป็นหลักฐานสำคัญในการเล่าเรื่องขนพองสยองเกล้าที่พี่แก และลูกเรือหวิดจะหัวโกร๋นกันหมดทุกคน

ปรากฏว่าถ่ายติดแต่น้ำกับฟ้าถึง 5 รูป!

มี อยู่รูปเดียวเท่านั้นที่ถ่ายติดภาพชายสองคน กำลังว่ายน้ำอย่างเอาจริงเอาจัง...เห็นศีรษะทั้งสองโผล่พ้นน้ำมาชัดเจน เสียดายที่ใบหน้าหนึ่งถูกฟองคลื่นกระเซ็นใส่จนเห็นไม่ถนัด แต่อีกใบหน้าหนึ่งชัดแจ๋วว่าเป็นใบหน้าของกะลาสีมีแฮนจริงๆ

หลัง จากพิสูจน์หลายครั้งหลายคราจนได้รับการยืนยัน จากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นภาพถ่ายจริงๆ ไม่ได้ตกแต่งดัดแปลงใดๆ ทั้งสิ้น...ที่แน่ๆ คือใบหน้าของกะลาสีทั้งสองนั้นเป็นใบหน้าของคนตายชัดๆ ขนหัวลุกนะครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV5TURJMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNaTB4TWc9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 15:37:24 น.
Counter : 591 Pageviews.

0 comment
สื่อวิญญาณ
สื่อวิญญาณ

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"นิลเนตร" เล่าเรื่องขนหัวลุกของวิญญาณหลงทาง

ดิฉันเป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งหนึ่งในหัวหิน มีเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ มาเล่าสู่กันฟังค่ะ

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคมนี่เอง กอล์ฟ-หลานชายวัย 24 ของดิฉันพาเพื่อนคนหนึ่งไปพักที่รีสอร์ตในห้องเลขที่ 110 ปกติกอล์ฟเป็นคนนอนดึกมาก แต่คืนนั้นหลังจากดื่มเบียร์กับเพื่อนคนละกระป๋องแล้ว เพื่อนซึ่งทำท่าจะเป็นไข้หวัดก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำและเข้านอนตอนสี่ทุ่ม

ราวห้าทุ่มกว่าๆ กอล์ฟรู้สึกง่วงก็เลยตัดสินใจกลับห้องเพื่ออาบน้ำและพักผ่อนหลับนอนบ้าง ตอนนั้นเพื่อนหลับสนิทไปแล้วค่ะ

กอล์ฟ ดับไฟและเอนหัวลงนอนตอนก่อนสองยามเล็กน้อย ห้องทั้งห้องเกือบมืดสนิท มีเพียงแสงไฟจากด้านนอกส่องสลัวผ่านม่านเข้ามา...หลานเล่าว่าขณะเคลิ้มหลับ เขาเห็นแมวดำตัวใหญ่มาหมอบอยู่ที่ปลายเตียง แล้วโดดหายลงไปเหลือแต่หางที่แกว่งไปมาช้าๆ จากนั้นก็มีเงาของชายผู้หนึ่งปรากฏขึ้น...

กอล์ฟรู้สึกหนาวยะเยือกเข้ากระดูกดำ! แม้จะเห็นไม่ชัด แต่กอล์ฟสัมผัสได้ว่าเงานั้นเป็นชายสูงอายุราวๆ หกสิบปี รูปร่างผอมสูง นุ่งกางเกงขาสั้นและเพิ่งออกจากห้องน้ำท่าทางเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ และดูราวกับกำลังสับสนงงงันกับบางสิ่งบางอย่าง...

เงานั้นนั่งลงตรงปลายเตียง หันมองไปรอบๆ จากนั้นก็วูบหายไป มาปรากฏอีกทีข้างเตียง เดินไปมาสองสามก้าวแล้วก็วูบหายไปอีก ไปปรากฏอีกด้านหนึ่งคล้ายจะหาทางออก...เขาวูบหายจากตรงนั้นทีตรงนี้ทีรอบๆ ห้องพลางบ่นพึมพำ

ตลอดเวลาเหล่านั้น เขาไม่สนใจหรือมีทีท่าว่าจะเห็น กอล์ฟและเพื่อนเลย...เหมือนอยู่กันคนละมิติ!

เมื่อกอล์ฟกลับถึงบ้านและพบกับดิฉันที่โต๊ะอาหารตอนเย็นวันจันทร์ เขาก็เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ดิฉันตกตะลึงชาวูบจนกอล์ฟจับสังเกตได้ เขาถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่ห้องนั้นใช่มั้ย?

ตั้งแต่เล็กๆ มาแล้ว หลานชายคนนี้ชอบเห็นนั่นเห็นนี่อยู่เรื่อยๆ ถูกผีอำก็บ่อย ดิฉันไม่เคยเชื่อ เพียงแต่นึกว่าหลานเป็นคนช่างฝัน แต่เรื่องนี้ดิฉันถึงกับพูดไม่ออก

ขอย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 วันนั้นดิฉันอยู่ที่รีสอร์ต และยังจำสุภาพบุรษวัยเกษียณที่มาพักกับภรรยาของท่านได้อย่างแม่นยำ ท่านเป็นคนรูปร่างผอมสูง ใจดี ท่านบอกดิฉันว่ามีความสุขมากที่ได้มาพักที่นี่

คืนนั้น ท่านกับภรรยานั่งดื่มด่ำบรรยากาศริมทะเลจนดึก ดิฉันจำได้ว่าท่านดื่มเบียร์อย่างมีความสุข และเข้าห้องราวๆ ห้าทุ่ม

หลังจากอาบน้ำท่านก็ออกมานั่งปลายเตียง แล้วล้มตัวลงหมดสติ ภรรยาท่านออกมาตามพวกเราด้วยความตกใจ พนักงานของเราหลายคนเข้าไปช่วยแต่งตัวและนำท่านส่งโรงพยาบาล...เมื่อไปถึง ห้องฉุกเฉิน แพทย์เวรบอกว่าท่านสิ้นใจเสียแล้ว พวกเราทุกคนเสียใจกันมากค่ะ

นอกจากคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์แล้ว ไม่มีคนอื่นทราบเรื่องนี้เลยนะคะ กอล์ฟเองก็ไม่ทราบเพราะ ดิฉันไม่ได้เล่า เมื่อกอล์ฟยังไม่ทราบ แล้วสิ่งที่กอล์ฟเห็นนั้นคืออะไรล่ะคะ?

ดิฉันตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ส่งมายังคอลัมน์ของใบหนาด เพราะทราบว่ามีคนอ่านจำนวนมาก ได้โปรดเถอะค่ะ ขณะนี้ดิฉันพยายามติดต่อกับญาติของสุภาพบุรุษท่านนี้ หากพวกเขาได้อ่านจะทราบทันที ดิฉันโทร.หาตามเบอร์ที่บันทึกไว้แต่ยังติดต่อไม่ได้เลย

เราอยากจะทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อช่วยให้ท่านได้ออกจากห้องนั้นไปสู่สุคติโดยสมบูรณ์

สำหรับท่านผู้อ่านทั่วไป เรื่องนี้พิสูจน์ได้ว่าวิญญาณมีจริงอย่างแน่นอน! ตอนนี้ดิฉันเชื่อสนิทเลยค่ะ นี่ถ้ากอล์ฟไม่ได้ไปนอนห้องนั้นเราก็คงไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะอาจเป็นไปได้ว่า แขกที่มาพักมีบางคนที่เห็นท่านแต่ไม่ได้เล่าให้เราฟัง

กอล์ฟ บอกว่า แมวดำอาจเป็นสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง เช่น ลางมรณะ หรือสีดำ เชื่อมโยงระหว่างโลกคนเป็นกับมิติของโลกวิญญาณ! ฟังดูน่าสนใจมาก ท่านที่ศึกษาเรื่องทางวิญญาณเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นข้อมูลได้เลยนะคะ เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทุกประการ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV4TURJMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNaTB4TVE9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 15:35:57 น.
Counter : 571 Pageviews.

0 comment
สะพานผีสิง
สะพานผีสิง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"เดชา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสะพานลอยหน้า อ.ต.ก.

เมื่อ ราว 5-6 ปีก่อน เคยมีอุบัติเหตุรถผสมปูนวิ่งขึ้นมาบนสะพานลอยข้ามแยกกำแพงเพชร เลี้ยวขวาไปลงแถวหน้าตลาดอ.ต.ก. แต่รถเกิดหลุดโค้ง พุ่งทะลุราวกั้นหล่นโครมลงไปบนถนนข้างล่าง เกิดเรื่องสยดสยองสุด ขีดทันใด

นั่น คือ เด็กท้ายรถโดนแรงอัดขาขาด ตกอยู่บนพื้นสะพาน ส่วนร่างแหลกเหลวยับเยินพุ่งผ่านหน้าต่างของตึกข้างถนน เข้าไปนอนตายคาที่อยู่ชั้นสองนั่นเอง!

ใครได้ฟังข่าวทางวิทยุล้วนแต่เศร้าสลดระคนเสียวสันหลังไปตามๆ กัน

ผม กับเพื่อนเคยเจอะเจอเหตุการณ์ขนหัวลุก ไม่ใช่ วิญญาณที่เกิดจากอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งนั้นหรอกครับ มัน เกิดขึ้นก่อนนานแล้ว ที่ผมเสียวสันหลังก็เพราะเชื่อว่ามีอะไรบางอย่างที่สิงสู่อยู่บนสะพานนั้น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องสยองนั่นก็เป็นได้

ตอนนั้นผมไปงาน แต่งงานเพื่อนรุ่นน้องแล้วไปต่อกับเพื่อนๆ จนถึงตีสองถึงได้แยกย้ายกันกลับ ถนนโล่งว่าง ผมขับรถมาเรื่อยๆ อย่างระมัดระวัง โดยมีบ้านที่อยู่แถวประดิพัทธ์เป็นจุดหมาย

ครั้นมาถึงทางที่โค้งจะลง ถัดอ.ต.ก.ไปหน่อย แสงไฟ ตัดกับหมอกสีเหลืองส้ม ผมเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ราว 5-6 ขวบกำลังยืนอยู่คนเดียวข้างรั้วด้านขวา ร่างแกผ่ายผอมดูกระจ้อยร่อยน่ากลัวพิลึก...

เด็กอะไรมายืนอยู่บนสะพานลอยตอนตีสอง แต่งชุดกระโปรงสีชมพูเหมือนจะไปงานโรงเรียน...ทำให้ผมมัวตกตะลึง งงงันจนรถเกือบหลุดโค้ง!

เมื่อ มองกระจกหลังอีกที ถนนกลับว่างเปล่า ไม่มีแม่หนูน้อยเสียแล้ว! เธอหายไปได้ยังไงกัน? พอรุ่งขึ้นเอาไปคุยกับเพื่อนที่ทำงาน อ้าว? กลับได้มาอีกเรื่องเลยครับ

เพื่อนเล่าว่าเคยขับรถขึ้นสะพานนั้นตอน ดึกดื่น พอเริ่ม ตีโค้งรถก็เสียหลักหมุนคว้าง บังคับไม่อยู่จนคิดว่าตาย แน่ๆ ความตระหนกทำให้หลุดปากโพล่ง...พ่อแม่ช่วยด้วย! ปรากฏว่ารถหยุดนิ่งทันใด แต่สร้อยคอเส้นใหญ่ที่แขวนพระนั้นขาดได้ยังไงก็ไม่ทราบ?

ช่วงที่รถจะ หยุดนิ่ง เขามองเห็นใครกลุ่มหนึ่งเกือบ 20 ร่างเป็นเงาดำๆ...ไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ พวกนั้นยืนมองมาทางเขาเป็นจุดเดียวคล้ายพวกไทยมุงไม่มีผิด!

เมื่อเห็นว่าเขาไม่เป็นไร ทั้งหมดก็หันหลังกลับ ค่อยๆ จางหายไปจนลับตา...

พวกเราสรุปกันว่า บนสะพานนั้นต้องมีวิญญาณสิงสู่มากมาย...พวกเขาคงตายบนสะพานนี้กระมัง วิญญาณถึง ได้สิงสู่อยู่บนสะพานนี้น่ะ?

คำ ตอบคือ ไม่มีหรอกครับ! แต่พี่สาวผมซึ่งอายุห้าสิบ กว่าแล้ว เคยเป็นผู้สื่อข่าวสมัยท่านนายกฯ เกรียงศักดิ์ โน่น...สมัยนั้นยังเพิ่งมีเซ็นทรัล ลาดพร้าว สวนจตุจักรก็เพิ่งเริ่มสร้าง เริ่มปลูกต้นไม้กันไม่นาน

เธอเล่าว่า เวลาคนงานขุดลงไปจะเจอโครงกระดูก หัว กะโหลกมากมายเป็นสิบๆ เชื่อว่าพวกนี้คงถูกลวงมาฆ่า หรือเอาศพมาทิ้งไว้ สาเหตุเพราะสมัยนั้นเลยสะพานควาย ไปไม่ไกลก็เปลี่ยวแล้ว เหมาะสำหรับปล้น จี้ และสังหารโหด น่าสยองมากๆ เลยครับ

ตั้งแต่นั้นมา เวลาขับรถขึ้นไปบนสะพานโค้งนี้ผมจะสวดมนต์ แผ่เมตตาให้ดวงวิญญาณที่ไม่สงบสุขเหล่านั้นเสมอ อย่างที่พ่อเคยสอนว่า เวลาที่ผ่านสี่แยกอันตราย โค้งผีสิง หรือแม่น้ำใหญ่ก็ควรสวดมนต์เป็นประจำ

อย่างน้อยๆ ก็ "นะโมพุทธายะ" หรือ "พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ" ก็ได้

ทั้ง นี้ เพราะวิญญาณที่เดือดร้อน ทนทุกข์ทรมาน หรือ วิญญาณผีตายโหง ต้องพบจุดจบของชีวิตอย่างเจ็บปวดรุนแรง รวมทั้งพวกฆ่าตัวตาย ก็ยังต้องการผู้บอกทางไปสู่ โลกหน้าอยู่ตรงนั้นเอง...พวกเขายังไม่ไปสู่สุคติ!

คิดแล้วก็น่าสงสาร น่าสลดใจมากๆ เลย...

เมื่อ ก่อนเขาก็เป็นมนุษย์ที่มีลมหายใจอยู่ในบ้านเมือง นี้ สังคมนี้อย่างพวกเรามีทุกข์มีสุข เคยหัวเราะและร้องไห้ อย่างพวกเรามาเหมือนกัน...ผมเต็มใจเสมอที่จะแผ่เมตตา และอุทิศส่วนบุญกุศลให้พวกเขา ขอให้พวกเขาหลุดพ้นจากความทุกข์ไปสู่สุคติโดยทั่วกัน

อย่างน้อยก็เชื่อว่า อาจจะทำให้วิญญาณเหล่านั้นได้ชุ่มชื่นขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย ถือว่ายังดีนะครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREV3TURJMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNaTB4TUE9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 15:21:56 น.
Counter : 588 Pageviews.

0 comment
ซาเล้งจากปรโลก
ซาเล้งจากปรโลก

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"พิไลพร" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากคลองประปา

ดิฉันเคยเห็นและเคยได้ยินเสียงพวกซาเล้ง หรือเจ๊กขายขวดมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ ที่อยู่ดินแดนมาจนขึ้นใจ และเคยนำมาล้อเล่นกับเพื่อนฝูงอยู่บ่อยๆ ด้วยความสนุกสนานตามประสาเด็ก

"มีขวกมาขายโอ๊ย! มีขวก มีเสกเหล็ก มีกาดาดหนัง สือพิมพ์มาขายโอ๊ย!"

จน กระทั่งเติบโตและมีครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านแถวๆ ริมคลองประปาก็ยังมีซาเล้งทั้งชายและหญิง หนุ่มและแก่ถีบรถเข้ามาในหมู่บ้าน ดีดกระดิ่งบ้าง ร้องเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านบ้าง

"มีขวดมาขาย มีกระดาษเก่ามาขาย..."

แต่ละบ้านล้วนมีกระดาษหนังสือพิมพ์ กล่องนมและกล่องทิชชูไปจนถึงขวดน้ำพลาสติก เป็นลำไพ่ก็มี เป็นการระบายขยะรกบ้านก็มี ดิฉันเองน่ะยกขวดเปล่าให้ซาเล้งเจ้าประจำไปเลย จะคิดเงินบ้างก็เฉพาะหนังสือพิมพ์เก่าและกล่องเปล่าเท่านั้นแหละค่ะ

เพื่อนบ้านบางคนก็มาบอกด้วยความหวังดีว่าพวกซาเล้งมักโกงตาชั่ง ระวังให้ดี! แต่ดิฉันหัวเราะเฉยเสีย...เขาจนกว่าเราค่ะ!

ขาประจำของดิฉันคือจีนชรารูปร่างผ่ายผอม ผิวเหี่ยวย่น ผมขาวโพลนชอบสวมหมวกแก๊ปสีแดง ฟันฟางแทบจะหมดปากแล้ว พวกซาเล้งคันอื่นๆ มาแต่เช้า หรือไม่ก็ตอนบ่ายจัด แต่ตาแป๊ะที่ว่ามักมาตอนเย็นๆ ได้ยินเสียงกระดิ่งของแกก็จำได้ทันที

ส่วนมากจะมาตอนบ่ายๆ วันเสาร์หรืออาทิตย์ที่ดิฉันหยุดงานอยู่กับบ้าน

ต่อมา มีข่าวว่าซาเล้งบางคนทำตัวเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ก็คนร้ายปลอมเป็นซาเล้ง เห็นบ้านไหนไม่มีใครอยู่ก็ฉวยโอกาสเข้าไปหยิบฉวยข้าวของมีค่า จนถึงกับบุกรุกเข้าไปจี้เจ้าของบ้านก็มี!

เมื่อเรื่องนี้หนาหูขึ้น ทางหมู่บ้านก็ติดป้ายห้ามซาเล้งเข้าไปเด็ดขาด...ตาแป๊ะซึ่งเป็นเจ้าประจำของดิฉันก็เลยหายหน้าไป

อัน ที่จริงก็ไม่ถึงกับเดือดร้อนหรอกค่ะ เพราะคนในหมู่บ้านต้องทิ้งขยะทุกวันอยู่แล้ว ตรงหัวมุมซอยบ้านดิฉันมีถังขยะขนาดใหญ่ของ กทม.ถึง 3 ถัง สำหรับแยกประเภทขยะเปียก ขยะรีไซเคิลและขยะอันตราย แต่ส่วนมากก็ทิ้งกันมั่วตามนิสัยตามใจคือไทยแท้!

หลังจากไม่มีซาเล้งเข้ามาในหมู่บ้านราวเดือนเศษ ดิฉันก็พบกับเรื่องแปลกประหลาดที่ชวนให้ขนหัวลุก

คืนหนึ่ง ดิฉันกำลังเคลิ้มหลับอยู่กับสามีและลูกชายวัยสามขวบ ก็มีเสียงคุ้นหูดังแว่วเข้ามาจนลืมตาตื่น นึกทบทวนว่าได้ยินเสียงอะไรกันแน่?

ครู่เดียว เสียงนั้นก็ดังขึ้นจนได้ยินชัดเจน เสียงกระดิ่งของซาเล้งค่ะ!

ตอนแรกดิฉันยังงุนงงอยู่ อาจจะเป็นเพิ่งจะงัวเงียขึ้นมาก็เป็นได้ สงสัยอยู่ว่า ทำไมซาเล้งถึงได้เข้ามาตอนดึกๆ ดื่นๆ แบบนี้นะ? แต่พริบตาต่อมาก็นึกขึ้นได้ว่า...เขาห้ามซาเล้งเข้าหมู่บ้านแล้วนี่นา! เกือบจะเป็นเวลาเดียวกันนั่นเองที่ดิฉันจำได้ว่าเสียงกระดิ่งอันคุ้นเคยหู ก็คือกระดิ่งของตาแป๊ะขาประจำนั่นเอง!

แกอาจจะเล็ดลอดยามเข้ามาก็เป็นได้? แต่ทำไมถึงมาเอาป่านนี้? หรือว่าแกมีบ้านช่องอยู่ในละแวกนั้น? ขณะที่เสียงกระดิ่งค่อยๆ ห่างไกลเข้าไปด้านใน จนกระทั่งเงียบหายไป....

แต่ขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับต่อ เสียงแว่วๆ ของกระดิ่งอันเดิมก็ดังใกล้เข้ามา ท่ามกลางความเงียบเชียบเยือกเย็น ใกล้เข้ามา...ใกล้เข้ามาทุกที!

วูบหนึ่ง ดิฉันรู้สึกหนาวสะท้านไปถึงหัวใจด้วยความหวาดระแวงบางอย่าง...พอดี เสียงกระดิ่งคุ้นหูมาดังขึ้นหน้าบ้าน....ดังอยู่เช่นนั้นและไม่มีวี่แววว่า จะห่างออกไปเลย

ปากคอแห้งผากเป็นผุยผงไปหมด แต่ความอยากรู้อยากเห็นมีมากกว่าทำให้ลุกจากเตียงไปแหวกม่านหน้าต่าง มองผ่านมุ้งลวดออกไปยังถนนซอยหน้าบ้านที่มีแสงไฟฟ้าส่องให้เห็นรถซาเล้งคัน นั้น...ตาแป๊ะสวมหมวกแก๊ปแดงคนนั้น กำลังเงยหน้ามองขึ้นมา

ดิฉัน ชาวาบไปทั้งตัว เข่าอ่อนแทบจะล้มแผละลง ทั้งๆ ที่เป็นใบหน้าอันคุ้นเคย นัยน์ตาเบิกค้างมองดูใบหน้าเหี่ยวย่นยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะโบกมือเหี่ยวแห้งเหมือนจะกล่าวคำอำลา....ซาเล้งคันนั้นจะค่อยๆ เคลื่อนห่างหายลับไปจากแสงไฟและม่านน้ำตาของดิฉันเอง!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREE1TURJMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNaTB3T1E9PQ==



Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 15:20:59 น.
Counter : 584 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend