ขุ่นลำโขง
ขุ่น ลำโขง

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"พิทักษ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหาดจอมมณี หนองคาย

ฤดูร้อนปีนี้มีแต่ข่าวร้ายแทบทั้งโลก ไม่ว่าแผ่นดินไหว น้ำท่วม หิมะถล่ม ไฟไหม้ป่า ก่อการร้าย วางระเบิดเป็นว่าเล่น สรุปว่าภัยจากธรรมชาติกับน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเองคร่าชีวิตผู้คนไปนับ หมื่น อีกนับแสนนับล้านต้องลำบากยากแค้นแสนสาหัสไปตามๆ กัน

เมือง ไทยเราก็โดนภัยแล้งเล่นงานเอางอมพระรามไปเหมือนกันครับ

คนที่ได้รับความเดือดร้อนคือชาวไร่ชาวนา รวมทั้งชาวบ้านตาดำๆ ที่ขาดน้ำมาเพาะปลูกและทำไร่ทำนา โดยเฉพาะภาคอีสานบ้านผมนี่กลายเป็นแหล่งธุรกันดาร เพราะภัยแล้งชนิดเหลือเชื่อ

หนองคายที่มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นเลือดใหญ่ หน้าร้อนทีก็เปลี่ยนจากแม่น้ำเป็นลำธารไปดื้อๆ มาแทบทุกปี แต่ปีนี้กลับแห้งขอดสุดๆ ไปเลยครับ!

แห้งแล้งแทบจะกลายเป็นสายน้ำไหลรินให้คนเดินข้ามแม่น้ำได้สบายมาก

ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่าเคยเห็นแม่น้ำโขงแทบจะขอดดินเมื่อสมัยเด็กๆ แล้วมาเห็นอีกทีก็ปีนี้แหละ เพราะตอนต้นเดือนมีนาคมน่ะเหลือแค่ 2-3 ฟุตเท่านั้นเอง...ถ้าถึงเมษายนอาจจะเหลือแค่ครึ่งฟุตก็เป็นได้

หลายๆ คนก็โทษจีนที่สร้างเขื่อนไว้ตั้ง 5-6 เขื่อน แต่ไม่ยอมระบายน้ำออกมาช่วยเหลือเพื่อนบ้านอย่างพม่า ลาวและไทยซะมั่งเลย

แต่บางคนก็ค้านว่าถ้าน้ำในเขื่อนมากจริงๆ ขืนไม่ระบายออกมามั่งก็มีหวังเขื่อนร้าวหรือเขื่อนแตก ดูไม่จืดกันไปหมด แต่น้ำในเขื่อนของจีนยังไม่มากพอ...ได้แต่หวังว่าลูกพี่ใหญ่คงจะไม่แล้ง น้ำใจ ยอมแบ่งปันน้ำมาช่วยเหลือประเทศเล็กๆ มั่งหรอกน่า!

ผมเป็นคนหนองคายก็จริง แต่ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวหาดจอมมณีอันขึ้นชื่อลือชาเท่าไหร่นัก ยกเว้นแต่จะมีเพื่อนฝูงจากต่างจังหวัดมาเที่ยว ผมก็ต้องขับรถพาไปเที่ยวกับบอกกล่าวถึงภัยแล้งให้คนกรุงเทพฯ เห็นประจักษ์ตา

หลังจากแวะกราบไหว้หลวงพ่อใส พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองแล้วผมก็พานิมิต เพื่อนรักสมัยเรียนมัธยมไปที่หาดจอมมณี ใต้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว เพื่อชมวิวแม่น้ำโขงอันดูเวิ้งว้างด้วยหาดทรายทั้งสองฝั่ง มีลำน้ำแห้งขอดแทบจะกลายเป็นร่องน้ำ...ดูๆ แล้วน่าใจหายเต็มที

นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เดินล่วงหน้าไปก่อนเรา หนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินคลอเคลียตามไปด้วย...มีผมกับเพื่อนรั้งท้าย

เราเดินลงบันไดข้างศาลา ผ่านดงตะไคร้ดกหนาลงไปถึงชายหาด เห็นร้านค้าอาหารและเครื่องดื่มเรียงรายคึกคัก ผู้คนคับคั่ง ทั้งกำลังดื่มกินและเดินทอดน่องตามชายหาด เด็กๆ วิ่งเล่นเกรียวกราว ส่งเสียงหัวเราะร่าเริงดังก้องไปในอากาศยามเย็น

แสงแดดเลือนหายไปเพราะถูกก้อนเมฆบดบัง ผมชวนเพื่อนไปหาอะไรดื่มให้เพลิดเพลิน แต่นิมิตบอกว่าขอเดินดูวิวเพื่อเก็บภาพสวยๆ เป็นที่ระลึกก่อน ขณะที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นก็กำลังเต๊ะท่าให้เพื่อนฝูงถ่ายรูปอยู่เช่นกัน

สายลมกระโชกวูบมาเย็นยะเยือกราวกับฤดูหนาว...หนุ่มสาวที่เราเดินตามหลัง มาก็กำลังถ่ายรูปกันอย่างมีความสุข

หญิงสาวสวมเสื้อยืดสีแดงนุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ รูปร่างเพรียวสวยเหมือนดาราหรือนางแบบ ชายหนุ่มนุ่งยีนส์สวมเสื้อยืดสีเหลือง...สาวสวยคอยยกมือเสยผมที่ปลิวไสวตาม แรงลม เอียงคอยิ้มหวานแบบนั้นแบบนี้ ฝ่ายชายก็เปลี่ยนมุมบ้าง ย่อเข่าถ่ายรูปบ้าง...นิมิตกำลังถ่ายทั้งนางแบบและตากล้องในมุมที่หันไปทาง สะพานมิตรภาพพอดี

ผมเดินเตะทรายเล่น พอดีเห็นแม่ลูกคู่หนึ่งเดินจูงมือกันเดินลงบันไดมา...จู่ๆ ผมก็ขนลุกซ่าไปทั้งตัว เกือบพร้อมๆ กับที่นิมิตร้องเสียงดังลั่นว่า...เฮ้ย! อะไรกันวะ?

หันขวับไปมองก็เห็นเพื่อนเดินถอยหลังกรูดๆ ทำท่าเหมือนจะหกล้ม ผมร้องถามไปว่าเป็นอะไร? นิมิตหันขวับมา หน้าตาขาวซีดก่อนจะหลุดปากว่า...มันหายไปไหนทั้งสองคน? ผมถามว่าใคร? ก็ได้คำตอบว่าหนุ่มสาวที่อั๊วกำลังถ่ายรูปน่ะซี!

เป็นไปไม่ได้! ไม่มีใครหายตัวไปในตอนกลางวันแสกๆ แบบนี้แน่ แต่มองหาก็ไม่เห็นหนุ่มสาวคู่นั้นแล้ว...เปิดภาพที่กล้องดูก็ไม่ปรากฏภาพเขา และเธอเลย...บรื๋อส์!....

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREkwTURNMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB5TkE9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:46:44 น.
Counter : 844 Pageviews.

0 comment
วิญญาณเฝ้าบ้าน
วิญญาณ เฝ้าบ้าน

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"จอย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุก

ตั้งแต่เกิดมาจนป่านนี้ ฉันอายุ 25 ปีแล้ว และได้ผ่านประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นตกใจมาหลายอย่าง เช่น แผ่นดินไหว ไฟไหม้ น้ำท่วม ซึ่งฉันก็รอดมาได้ทุกครั้ง และทุกสิ่งทุกอย่างก็ประทับใจไม่รู้ลืม

แต่มีอยู่เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเจ๋งสุดๆ ทุกคนที่ได้ฟังจะต้องทึ่งไปกับฉันแน่ๆ

ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ฉันยังจำได้...วันนั้นเป็นวันเสาร์กลางเดือนธันวาคม แม่วานให้ฉันเอาน้ำพริกกุ้งสดที่แม่ทำเองไปให้เพื่อนที่อยู่ในซอยศูนย์วิจัย ที่สำคัญฉันต้องให้น้ำพริกนี้ถึงมือผู้รับและต้องอธิบายวิธีกินกับวิธีเก็บ อีกด้วย

น้ำพริกที่สุดแสนอร่อยนี้ทำจากกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ เอามาเผาพอสุก คลุกกับน้ำพริกที่ทำจากหอมเผา กระเทียมเผา และพริกชี้ฟ้าเผา หอมมันกุ้งและเคี้ยวเนื้อกุ้งสดเผาได้เต็มคำ ส่วนวิธีเก็บคือให้เก็บในตู้เย็น พอจะกินก็เอามาวางในอุณหภูมิห้อง โดยไม่ต้องเอาไปตั้งเตาอุ่นกับไฟ ไม่งั้นมันกุ้งจะจับตัวเป็นก้อน เสียรสเลยค่ะ

เพื่อนแม่ชื่อป้ารุ้ง ฉันเคยพบครั้งเดียวเอง ตอนที่พาแม่ไปส่งในงานเลี้ยงรุ่นของแม่ แต่บ้านป้ารุ้งหาไม่ยากหรอกค่ะเพราะซอยศูนย์วิจัยนี่ฉันถนัดมาก เพื่อนสนิทของฉันก็อยู่ในนี้นี่คะ เดี๋ยวเอาน้ำพริกกุ้งสดให้ป้ารุ้งเสร็จฉันก็จะไปหาเพื่อนเป็นรายการต่อไป

นั่นไง! บ้านป้ารุ้งเป็นกำแพงอิฐทาสีปูนแห้ง คือสีส้มอมชมพู ประตูเป็นไม้ระแนงสีน้ำตาลไหม้ มีสนามหญ้าเล็กๆ เขียวขจีอยู่หน้าบ้าน

ฉันจอดรถริมกำแพงอย่างดิบดีแล้วลงไปกดออด เอ...บ้านเงียบจัง! มีใครอยู่รึเปล่าหนอ? นี่ก็สิบโมงเช้าพอดี หรือว่าคุณป้าจะนอนตื่นสาย แต่ก็น่าจะมีเด็กรับใช้นะ ฉันชะเง้อคอยาว รออีกอึดใจใหญ่ๆ ก็กดออดอีกครั้งหนึ่ง...

เกรงใจนะเนี่ย แต่ชักกระวนกระวายขึ้นมาแล้วซิ

ทันใดมีเสียงผู้ชายสูงอายุดังมาจากหน้าต่างชั้นบน "รอเดี๋ยวนะหนู"

ฉันมองเห็นผ้าม่านไหวๆ จากหน้าต่างนั้น และไม่ถึงนาที เสียงประตูกระจกบานเลื่อนที่หน้าตัวบ้านก็เปิดออก ฉันเห็นชายท่าทางภูมิฐาน นุ่งกางเกงแพรสีเขียว เสื้อผ้าป่านคอกลมสีขาวยืนอยู่ด้านในประตูนั่น ท่านบอกด้วยเสียงดังฟังชัดว่า "เปิดเข้ามาเลยลูก ประตูรั้วไม่ได้ล็อก"

ฉันทำตามที่ท่านบอก คือเปิดเข้าไปง่ายๆ แล้วก็ปิดประตูตามหลังให้เรียบร้อย ก่อนจะยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ท่านรับไหว้และให้ฉันนั่งรอที่โต๊ะหินหน้าบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปในบ้าน

ลมเย็นเยือกผสมกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยวูบมาจากด้านใน อือม์...กลิ่นน้ำอบไทยนี่นา ฉันหันไปมองประตูกระจกปิดสนิท ข้างในเปิดแอร์รึเปล่า? คงไม่หรอก นี่มันหน้าหนาวนะ

ฉันนั่งคอยอยู่ราวห้านาที บ้านนี้เงียบดีจัง เอ...คุณลุงหายไปเลย ท่านคงเป็นสามีป้ารุ้งนะ ฉันมาปลุกท่านรึเปล่าเนี่ย?

เสียงไขกุญแจดังขึ้นที่ประตูรั้ว ฉันเอะใจ...ตะกี้ฉันก็ปิดธรรมดานะ ไม่ได้ล็อกสักหน่อย...ยังไม่ทันนึกอะไรมากกว่านั้น ผู้หญิงสองคนก็หอบของพะรุงพะรังเข้ามา...หนึ่งในนั้นคือป้ารุ้ง ฉันจำได้ อีกคนคงเป็นสาวใช้แน่ๆ ทั้งคู่มองเห็นฉันนั่งอยู่ก็ชะงักและมีทีท่าตกใจเห็นได้ชัด

"สวัสดีค่ะ หนูลูกแม่จุ๋มค่ะ" ฉันรีบประกาศตัว

"อ๋อ! จ้ะ...จำได้ๆ แต่หนูเข้ามาได้ยังไงละนี่" เสียงป้ารุ้งค่อนข้างร้อนรน "ตอนออกไปป้าล็อกกุญแจกับมือ แล้วหนูเข้ามาได้ยังไง?"

"คุณลุงบอกให้หนูเปิดเข้ามาเลยค่ะ" ฉันอธิบาย ป้ารุ้งสะดุ้งเฮือก ถุงกับข้าวหลายถุงพลันหลุดร่วงจากมือ...คนรับใช้ทำท่าเนื้อตัวสั่นเทา หน้าซีดเผือด ปากสั่นระริก...

มันเป็นไปไม่ได้เลย! ป้ารุ้งยืนยัน บ้านหลังนี้มีท่านอยู่กับคนรับใช้คนนี้ และหลานอีกสองคนซึ่งขณะนี้ไปเที่ยวทะเลโน่น เมื่อกี้ออกไปจ่ายตลาดจึงไม่มีใครอยู่บ้านเลย

คุณลุงที่ฉันเห็นน่ะ ฟังจากลักษณะและท่าทางแล้วคงจะเป็นคุณลุงตั้ว สามีป้ารุ้งนั่นแหละ แต่มันผิดปกติตรงที่คุณลุงตายแล้วค่ะ...ขอย้ำ! ท่านตายไปสองปีแล้วจะมาเรียกให้ฉันเข้าบ้านได้อย่างไร!

เรื่อง ของฉัน คุณผู้อ่านว่ามันน่าตื่นเต้นกว่าน้ำท่วม ไฟไหม้ไหมล่ะคะ?


//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl6TURNMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB5TXc9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:46:19 น.
Counter : 587 Pageviews.

0 comment
วิญญาณอาฆาต
วิญญาณ อาฆาต

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"บุญสนอง" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากวิญญาณพยาบาท

สมัยเด็กๆ ผมอยู่ที่ อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ทางการจัดให้มีตำบลพัฒนานิคม ครอบครัวหนึ่งจะได้รับการจัดสรรที่ดินทำกิน 25 ไร่ พวกผู้ใหญ่เล่าว่าก่อนนั้นเป็นป่าดงเปล่าเปลี่ยว มีสัตว์ชุกชุม เช่น เสือ ช้าง กระทิง เก้ง กวาง ฯลฯ พวกพรานได้เนื้อมากินมาขายเป็นประจำ แต่หลายคนก็ต้องเอาชีวิตไปทิ้งในป่าเช่นกัน

โดนช้างเหยียบ เสือขบหัว งูกัดตาย บ้างก็หายสาบสูญไป พวกคนแก่พูดกันว่า ผีป่ามาเอาชีวิตไปอยู่ด้วย

แม้แต่ตอนจัดสรรที่ทำไร่กันแล้วก็ยัง มีป่าดงที่ลึกเข้าไป พวกที่ว่างจากงานสวนงานไร่ก็ชอบออกไปล่าสัตว์ ตีผึ้ง หาน้ำมันยาง รวมทั้งขุดหน่อไม้ เก็บผักมากินมาขายดีกว่าอยู่ว่างๆ

อัน ที่จริงงานไร่ก็ไม่ค่อยหนักหนาอะไร ส่วนมากปลูกต้นไม้อย่างมะม่วง ขนุน มะพร้าว รวมทั้งมะละกอ กล้วย พริก และผักสวนครัวเอาไว้แถวหลังบ้านนั่นแหละ ทำให้มีเวลาออกไปหาของป่ากันแทบทุกวัน

จู่ๆ ก็เกิดเหตุร้ายขึ้นกะทันหัน!

น้าหวินกับน้าตองอ่อนสองผัวเมียเพิ่ง ได้เสียกันเกือบปี ยังไม่มีลูกเต้า ปลูกต้นไม้ร่มครึ้มรอบบ้าน น้าหวินชอบแบกปืนแก๊ปเข้าป่า น้าตองอ่อนรับหน้าที่ดูแลสวนครัว ตอนเย็นๆ คอยรับผัวกลับบ้านเป็นประจำ

น้าตองอ่อนเป็นลาวพวน ผิวขาว หน้าตาสะสวย ผมยาวประบ่า รูปร่างอวบอัด อกพุ่งสะโพกผายจนมีคนล้อน้าหวินว่า ได้เมียสวยๆ ยังงี้น่าจะมีลูกเต้าเสียที

น้าหวินอารมณ์ดีก็หัวเราะ เฉยเสีย...จนกระทั่งเย็นหนึ่งกลับมาก็เห็นเมียสาวนอนตายอยู่ในดงกล้วยนั่น เอง...

น้าตองอ่อนถูกข่มขืนฆ่าขณะที่ตั้งท้องได้เพียงสามเดือน!

ตำรวจ ยังจับคนร้ายไม่ได้ ไม่มีพยานหลักฐานด้วยว่าเป็นใคร ระยะนั้นมีคนต่างถิ่นมาอยู่กันมากหน้าหลายตา มาเช่ามาซื้อที่ดินทำกินต่อก็มี มาอาศัยญาติช่วยทำกินก็มี ไม่ได้รู้จักมักคุ้นกันเหมือนสมัยแรกๆ

น้าหวินเสียใจแทบเป็นบ้า ไม่เป็นอันทำมาหากิน เอาแต่เมาเหล้าร้องไห้คร่ำครวญอยู่คนเดียว บางคืนก็หัวเราะเหมือนกำลังพูดคุยอยู่กับใคร จนชาวบ้านขนหัวลุกไปตามๆ กัน...

น้าตองอ่อนตายไปได้เดือนเศษ วิญญาณเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานก็ย้อนกลับมา

มีคนเห็นผู้หญิงผมยาวเดิน วนเวียนอยู่ในไร่พริก บางทีก็วูบๆ วาบๆ อยู่ในดงกล้วยและสวนผักตอนเย็นๆ เหมือนจะรอคอยใครกลับมาแบบเดียวกับที่น้าตองอ่อนคอยรับผัวเป็นประจำเกือบทุก วัน...หมาเจ้ากรรมก็หอนโจ๋วประสานเสียงกันระงมไป

ต่อมา พอตกค่ำก็มีคนเห็นผู้หญิงผมยาวมาเดินวนเวียนอยู่หลังบ้านที่น้าหวินนอนสลบ ไสลด้วยพิษเหล้า มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังแว่วมาตามลม...

"นัง ตองอ่อนแน่ๆ สาบานได้" ตาหยุดยืนยันในร้านเหล้าเจ๊กฮง "พอมันหันมาสบตาข้าเท่านั้น เนื้อตัวข้าแข็งทื่อเหมือนกลายเป็นหินไปเลย! โอย...ผีดุเหลือเกิน"

"มันคงมาหาผัวมันน่ะซี" ตากรีออกความเห็น "ตอน ยังเป็นๆ น่ะมันรักกันมาก ถึงจะตายไปแล้วก็ยังคิดถึงผัวมัน เหมือนไอ้หวินก็ยังบ่นบ้าคิดถึงเมีย"

ตาหยุดพยักหน้าหงึกๆ เทเหล้าลงคอแล้วโพล่งขึ้นว่า

"ถ้างั้นทำไมมันไม่ไปเล่นงานไอ้คนที่ ขืนใจมัน ฆ่ามันตายคาสวนกล้วยล่ะวะ? จะปล่อยให้คนฆ่ามันลอย นวลอยู่ทำไม?"

คำ พูดหนักแน่นของตาหยุดทำให้คนอื่นๆ มองสบตากัน แม่ไปซื้อของร้านเจ๊กฮงรีบจูงมือผมกลับบ้านทันที นึกถึงผีน้าตองอ่อนแล้วเล่นเอาผมต้องเดินเหลียวซ้ายแลขวาไปตลอดทาง

อีก ไม่กี่วันต่อมา มีชายคนหนึ่งผูกคอตายที่ต้นมะม่วงข้างบ้าน เป็นคนแปลกถิ่นมาอาศัยอยู่กับญาติก่อนหน้าแตงอ่อนถูกฆ่าไม่นาน ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุว่าฆ่าตัวตายเพราะอะไร? แต่ตาหยุดกับคนอื่นๆ อีกหลายคนเชื่อมั่นว่าวิญญาณอาฆาตของน้าตองอ่อนต้องตามมาล้างแค้นจนสำเร็จ

เรื่อง นี้มีทั้งคนเชื่อและไม่เชื่อ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ชาวบ้านก็ไม่เคยเห็นผีน้าตองอ่อนมาร้องไห้ เดินวนเวียนให้ขนหัวลุกอีกเลยครับ!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREl5TURNMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB5TWc9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:45:55 น.
Counter : 559 Pageviews.

0 comment
บ่วงพยาบาท
บ่วง พยาบาท

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"อิสระ" เล่าเรื่องขนหัวลุกของเชือกไหมมรณะ

ประเทศอังกฤษขึ้นชื่อลือชา นักหนาในเรื่องภูตผีปีศาจ นอกจากนิยายและเรื่องราวเก่าๆ ที่เล่าสู่กันฟังเพื่อความบันเทิงแล้ว ยังมีเรื่องจริงที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานอีกมากมายนับร้อยๆ เรื่องทีเดียว

"บ่วง พยาบาท" คือเรื่องสยองขวัญอันโด่งดังของประเทศนี้ และเกิดขึ้นในกรุงลอนดอน เมื่อปี ค.ศ.1890

สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวก็คือเป็นการเขียนสารภาพ ของฆาตกร ผู้โดนวิญญาณติดตามหลอกหลอนจนอกสั่นขวัญแขวน หวาดกลัวสุดขีดจนต้องเขียนเล่าถึงกรรมชั่วของตนก่อนจะฆ่าตัวตายในลักษณะ เดียวกับเหยื่อสังหารที่ตนเคยก่อกรรมเอาไว้นั่นเอง!

เรื่องราวน่า ขนหัวลุกทั้งหมดมีดังนี้

...ผมชื่อ จอร์จ กัฟนี่ เป็นหัวขโมยในตำบลเล็กๆ แห่งหนึ่งของกรุงลอนดอน เมื่อเดือนมีนาคมผมได้ซื้อเชือกของชาวฮินดูซึ่งมีความยาว 3 ฟุต เพราะความติดเนื้อต้องใจที่เชือกเส้นนั้นทำด้วยไหมแท้ทั้งเส้น คนขายเล่าประวัติให้ฟังว่าพวกฆาตกรจะใช้เชือกไหมเส้นนี้ในการลอบสังหาร เหยื่อของตน!

แม้ผมจะเป็นเพียงขโมยที่มิใช่อาชญากร แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้อยากได้เชือกไหมเส้นนี้จนตัดสินใจซื้อมัน

ใน ช่วงเวลานั้นผมมีคู่รักคู่ใคร่ฐานะยากจนคนหนึ่งชื่อ เบสซี่ เกรฟ เธอร่ำร้องให้ผมแต่งงานด้วยโดยอ้างว่าเธอกำลังตั้งครรภ์กับผม แต่เสียใจ...ผมไม่โง่ขนาดนั้นหรอก! เพราะมีแม่ม่ายทรงเครื่องกำลังสนใจผมอยู่เหมือนกัน ฐานะของ สเตลล่า ฟอร์ตนี่ อยู่ในขั้นมั่งมีกว่าเบสซี่มากมายนัก...เธอรู้จักผมในชื่อ อาเธอร์ เอมส์

ทั้งๆ ที่เพิ่งซื้อเชือกไหมเส้นนั้นมาได้เพียง 2 อาทิตย์ แต่ผมก็ได้ใช้งานมันรัดคอมารชีวิต เบสซี่ เกรฟ จนนัยน์ตาถลนออกมานอกเบ้าก่อนจะสิ้นลมหายใจ!

นักสืบของสกอตแลนด์ ยาร์ดรู้แต่ว่าฆาตกรเป็นชายแข็งแรง แต่ไม่รู้ว่าเป็นใครแน่ ส่วนผมก็ยังตามจีบแม่ม่ายทรงเครื่องใหญ่ หวังจะเป็นหนูตกถังข้าวสาร...แต่แล้วเบสซี่ก็ขึ้นจากหลุมศพมาหาผมอย่างไม่ คาดฝัน

คืนนั้น ผมนั่งรถม้าโดยสารไปหาสเตลล่า จู่ๆ ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กลายเป็น เบสซี่ กำลังจ้องมองมาเขม็ง เล่นเอาผมแทบช็อกคาที่...ร้องเอะอะโวยวายอย่างลืมตัวจนเธอหายไป

ขอ สารภาพว่าผมเมายับเยินอยู่หลายวัน จนกระทั่งปลอบใจตัวเองได้ว่าคงตาฝาดไปแน่ๆ เลยอาบน้ำแต่งตัวไปหาแม่ม่ายทรงเครื่องพร้อมกับแหวนเพชรที่ผมขโมยมา...เรา ดื่มแชมเปญกันอย่างมีความสุขจนหมดขวด สเตลล่าให้ผมไปหยิบขวดใหม่ในห้องเก็บของใต้ดิน ผมก็ถือตะเกียงลงไป...แต่เกิดนรกจกเปรตอะไรขึ้นมาเล่า?

เบสซี่ เกรฟ เดินออกจากความมืดโดยมีเชือกไหมเส้นนั้นห้อยคอเธออยู่ด้วย นัยน์ตาวาวจ้าจ้องมองผมอย่างอาฆาตแค้น อารามตกใจแทบช็อกคาที่ผมจึงขว้างตะเกียงใส่หน้าเธอ แล้วหมุนตัวกลับเพื่อตะเกียกตะกายขึ้นบันได แต่กลับพลัดตกลงไปกองแอ้งแม้ง...โชคดีที่ผีร้ายหายตัวไปแล้ว

ไม่เอา แล้วแม่ม่ายทรงเครื่อง! ต่อให้มีเงินกองท่วมหัวแต่ถ้าเราตายเสียก่อนมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ?

ผม ตัดสินใจหนีปีศาจเบสซี่ออกนอกประเทศไปชั่วชีวิต โดยจองตั๋วเรือมอนโทรสไปควีเบกทันที...นรกเถอะ! ปีศาจเบสซี่ติดตามผมไปจนได้ เธอถอดเชือกจากลำคอตัวเองมารัดลำคอผมแทน...ผมทั้งดิ้นรนและแหกปากร้องสุด เสียง แต่ผีพยาบาทหายไปแล้ว ทิ้งเชือกไหมมรณะเอาไว้ในอุ้งมือผมนั่นเอง!

เหมือน ตกนรกทั้งเป็น! ผมไม่อาจจะทนทานต่อแรงอาฆาตของเธอได้แล้ว...ขอสารภาพผิดทุกอย่าง ลาก่อน...

เมื่อ นักสืบสกอตแลนด์ยาร์ดมาถึงที่เกิดเหตุ ก็พบว่าจอห์จ กัฟนี่ ใช้เชือกไหมผูกคอตัวเองสิ้นลมปราณไปแล้ว เพราะวิญญาณพยาบาทของเบสซี่ เกรฟ...ตำรวจปิดคดีนี้ได้สำเร็จก็เพราะฆาตกรเขียนคำสารภาพไว้เองแท้ๆ

มี ปริศนาหลังจากปิดคดีก็คือ หลักฐานชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งได้หายไปจากกองเก็บหลักฐาน...นั่นคือเชือกรัดคอ ไหมที่จอห์จ กัฟนี่ ใช้แขวนคอตายนั่นเอง!

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU1TURNMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB4T1E9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:45:27 น.
Counter : 558 Pageviews.

0 comment
คืนเฝ้าไข้
คืน เฝ้าไข้

ขนหัวลุก

ใบหนาด



"จิรา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปเฝ้าไข้เพื่อนที่โรงพยาบาล

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตอนดิฉันเข้าเรียนวิทยาลัยที่เชียงใหม่ อยู่หอกับเพื่อนรวม 3 คน วันหนึ่งเพื่อนชื่อนุ้ยที่อยู่ด้วยกันปัสสาวะออกมาเป็นเลือด ก็พามาให้หมอตรวจ หมอบอกกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ให้นอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการ

นุ้ยก็ขอให้ฉันมานอนเป็นเพื่อน ฉันก็ตกลงเพราะสงสารเพื่อนค่ะ

นุ้ยนอนห้องรวมซึ่งมี 4 เตียงด้วยกัน พวกเรารูดม่านไม่อยากเห็นสภาพน่าหดหู่ของคนไข้เตียงอื่น แต่ก็พอทราบว่าคนไข้ที่เพิ่งผ่าตัดมาและนอนริมประตูนั้นอาการไม่ค่อยดีนัก เพราะพยาบาลเดินเข้าออกบ่อยมากจนน่ารำคาญ

ตกดึกฉันผล็อยหลับไป แล้ว แต่มาตื่นเมื่อได้ยินเสียงสวบสาบเหมือนใครมารูดม่านกั้นเตียง...รูดไปรูดมา แบบรูดเล่น! ตอนนั้นใจไม่ได้คิดอะไร นึกว่าเป็นญาติคนไข้เตียงอื่นลุกเข้าลุกออก

บังเอิญฉันปวดปัสสาวะจึงลุกออกมาเข้าห้องน้ำด้านนอกห้อง พอทำธุระเสร็จกลับเข้ามาก็มองไปรอบห้อง เพราะรู้สึกบรรยากาศเงียบเชียบ เยือกเย็นน่าวังเวงใจ...ทุกเตียงต่างก็รูดม่านนอนตามปกติ มีบางเตียงเปิดไฟดวงเล็กๆ พอสว่างไว้ รวมทั้งเตียงแรกริมประตูนั้นด้วย...

อะไรบางอย่างสะดุดใจฉันให้มองไปที่เตียงนั้น!

ภาพที่เห็นคือขาคนค่ะ เพราะม่านรูดเตียงไม่ได้ยาวระพื้น ใครยืนก็มองเห็นขาโผล่มาได้แล้ว...เห็นชัดว่าไม่ได้ใส่รองเท้า ขานั้นเดินไปมารอบเตียงคนไข้เลยค่ะ เดี๋ยววนทางซ้าย เดี๋ยววนทางขวา ฉันรู้สึกอากาศเย็นยะเยือกลงยิ่งกว่าเดิมจนเกิดอาการหนาวสะท้านยังไงชอบ กล...

ความเงียบในห้องทำให้ฉันได้ยินเสียงใครงึมงำเบาๆ เหมือนพูดอะไรบางอย่าง...ฉันมองอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกขนลุกซู่ กลัวขึ้นมาเฉยๆ เลยรีบเปิดม่านเข้ามาที่เตียงเพื่อนผู้นอนหลับสนิท

ฉันข่มตาให้หลับก็หลับไม่ลง นอนสักพักก็เกิดปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำอีกแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่อยากลุกไปเข้าเลยเพราะ รู้สึกกลัวๆ ชอบกล แต่ก็ปวดจนทนไม่ไหว เลยหลับหูหลับ ตาลุกไปเข้าห้องน้ำโดยไม่ยอมมองไปที่เตียงแรกนั้นเลย... ตอนกลับมาก็ไม่อยากจะมองหรอก แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างดลใจให้มอง...

ฉันเห็นเป็นเงาคนค่ะ...เห็นเป็นแค่เงาจริงๆ ซึ่งน่าแปลกมากเพราะห้องไม่ได้มืดอะไรมากมาย...เป็นเงาคนตัวใหญ่หายแวบเข้า ไปที่เตียงคนไข้เตียงแรกค่ะ! หายไปแบบไม่ได้เปิดม่านออกเลยด้วยซ้ำ!

คุณพระช่วย! ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงคนร้องอึกอักเหมือนหายใจไม่ออก...ฉันกลัวสุดขีด รีบผวากลับเตียงเพื่อนไปนั่งใจหายใจคว่ำอยู่ในนั้น กลัวจนต้องนั่งสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ อยู่หลายจบ

อึดใจเดียวเท่านั้น พวกพยาบาลก็เข้ามาเปิดไฟ บอกขอโทษคนไข้เตียงอื่นแล้วก็ลากคนไข้เตียงแรกออกไป...ฉันมองเวลาตอนนั้น ประมาณตีสี่กว่าๆ แล้ว

ฉันไม่หลับเลยค่ะ และคนไข้เตียงแรกก็ไม่ได้ถูกเข็นกลับเข้ามาอีกเลยเพราะเขาเสียชีวิตไปแล้ว ตอนพยาบาลเข็นออกไปนั่นเอง!

อาการนอนไม่หลับไม่ได้เกิดขึ้นกับฉันเท่านั้น คนไข้และญาติเตียงอื่นก็เป็นเหมือนกัน มีคนนอนเตียงข้างๆ บอกเธอขนลุกซู่ ได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมา พึมพำว่าตาย...ตาย...เป็นเสียงแหบพร่าจนแยกไม่ได้ว่าเสียงผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอนอนฟังอยู่นานจนได้ยินเสียงคนไข้ครางอึกๆ อักๆ คล้ายหายใจไม่ออก...แล้วพยาบาลก็เข้ามา

ญาติคนไข้ที่เป็นป้าแก่ๆ แกสันนิษฐานให้ชวนขนหัวลุกว่า อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของเขามารออยู่ก็เป็นได้!

นอกจากนี้ยังมีญาติคนไข้ที่เห็นและได้ยินเหมือนกันอีกค่ะ คือแกเห็นเป็นเงาคนผลุบเข้าไปเต็มตา...แสดงว่าฉันไม่ได้ตาฝาดหรือประสาทหลอน ไปเองใช่ไหมคะ?

เหตุการณ์น่าสยองนี้ทำเอาฉันผวา ไม่อยากไปนอนเฝ้าไข้ใครอีกเลยค่ะ กลัวว่าจะเจอยมทูตเข้ามาล่าวิญญาณเหมือนอย่างที่เคยประสบมาในคืนนั้น...ทุก วันนี้นึกถึงแล้วยังขนหัวลุกอยู่เลยค่ะ...บรื๋ออออ

//www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3hPREU0TURNMU13PT0=§ionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1DMHdNeTB4T0E9PQ==



Create Date : 25 เมษายน 2553
Last Update : 25 เมษายน 2553 12:44:51 น.
Counter : 614 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend