ภัยแห่งสังสารวัฏนั้น น่ากลัวยิ่งกว่าภัยอื่นใด - อัสติสะ
Group Blog
 
All blogs
 
๔๓๔ - กรงขัง...(ตอนที่ ๑)

กรงขัง...(ตอนที่ ๑)



ชายนักเดินทางยังคงมุ่งมั่นเดินทางไปเรื่อย ๆ แม้ว่าอุปสรรคจะเยอะมากมายเพียงใด แต่เขาก็สามารถฝ่าฟันผ่านมาได้ทุกครั้ง หลังจากผ่านดินแดนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย และแสงสี เขาเดินลัดเลาะผ่านป่าดงดิบอีกแห่ง บางช่วงก็เต็มไปด้วยหุบเหวลึกชัน ซึ่งคอยดักกลืนกินนักเดินทางผู้ประมาท ให้ตกลงสู่ความตาย ในไม่ช้า หลังจากผ่านหุบเหวแห่งนั้นมาได้ เบื้องหน้าของเขาก็ปรากฏเมืองอีกแห่งหนึ่ง ตั้งตระหง่านอยู่บนเงื้อมผาสูง แวดล้อมไปด้วยโขดหินอันแหลมคม ซึ่งเป็นดั่งกำแพงหนามเหล็กตามธรรมชาติไว้สำหรับป้องกันศัตรูผู้รุกรานเป็นอย่างดี

ชายนักเดินทางลังเลใจที่จะเดินเข้าไปในเมืองดีหรือไม่ เพราะหนทางขึ้นก็ลำบากมาก ๆ อีกทั้งก็ไม่แน่ว่าเขาเองจะถูกต้อนรับในฐานะอะไร

ความมืดเริ่มปกคลุมไปทั่วบริเวณหุบเขา สร้างบรรยากาศความน่ากลัวของเขตเมืองที่อยู่ด้านบน แม้จะมีแสงไฟส่องออกมาจากตัวเมืองเป็นระยะ แต่นั่นก็ไม่ได้สร้างความอุ่นใจให้กับชายนักเดินทางเลยแม้แต่น้อย

'เอาไงดีนะ จะเข้าไปดีหรือเปล่า หรือเดินเลี่ยงไปทางอื่นดี' ชายนักเดินทางนึก

ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเดินเลี่ยงไปอีกทาง เพราะคิดว่าปลอดภัยมากกว่า ใกล้ ๆ นั้นมีลำธารที่ไหลออกมาจากเมือง และเชื่อว่าหากเดินตามลำธารนี้ไป ก็คงสามารถเดินอ้อมผ่านเมืองนี้ไปได้ ระหว่างที่เขากำลังจะข้ามลำธารอยู่นั้น ก็ปรากฏกลุ่มคนชุดดำกลุ่มหนึ่งซุ่มอยู่ด้านหลัง และใช้อาวุธชนิดหนึ่ง ซึ่งทำจากเขาสัตว์ ฟาดลงไปที่ท้ายทอยของเขาอย่างแรง
จนทำให้ชายนักเดินทางฟุบล้มลงทั้งยืน จากนั้นสติสัมปชัญญะของเขาก็ดับวูบลง

อีกสองวันต่อมา

แสงอาทิตย์สาดส่องเป็นลำแสงลอดผ่านหน้าต่างบานเล็ก ๆ ของห้องที่คุมขัง ทำให้ชายนักเดินทางรู้สึกตัวตื่นขึ้น พร้อมกับอาการปวดคอและเจ็บตามเนื้อตัวจากการถูกทุบตี ภายในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก ที่มีผนังทึบทั้งสี่ด้าน ซึ่งก็พอจะเดาได้ว่าเขาได้ถูกจับ และคงถูกคุมขังอยู่ในเมืองนี้แน่นอน โชคชะตาคงกำลังเล่นตลกกับเขา ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้อยากเข้ามาในเมืองนี้เลยแม้แต่น้อย

"เจ้าคนนั้นฟื้นแล้ว..." เสียงใครบางคนร้อง

"ดี...ถ้าอย่างนั้น ก็จงนำตัวไปให้เจ้าเมืองสอบสวน" อีกเสียงหนึ่งพูดตอบ ไม่นาน ก็มีชายแต่งตัวคล้ายกับนักรบรูปร่างสูงใหญ่ ๒ คน เดินเปิดประตูเข้ามา ใบหน้าของชายเหล่านั้นดูคล้ำดำ แววตาดูไร้จิตวิญญาณ เข้ามาจับชายนักเดินทางไว้ และหิ้วเขาเดินไม่ต่างอะไรกับผู้ใหญ่ที่กำลังอุ้มเด็กทารกไป

ไม่ช้าเขาก็มาถึงลานตัดสินคดี ซึ่งเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีโต๊ะของผู้พิพากษาตั้งตระหง่านดูยิ่งใหญ่อยู่ตรงกลางห้อง ซึ่งเดาได้ไม่ยาก ว่าน่าจะเป็นของเจ้าเมืองนี้ โซ่ตรวนถูกนำมาคล้องไว้กับมือและเท้าของชายนักเดินทาง ไม่ต่างอะไรกับนักโทษที่รอการประหาร ทั้งที่เขาเองก็ได้ไม่เจตนาทำผิดร้ายแรงอะไร จริง ๆ แล้วเขายังไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ

ทหารรูปร่างใหญ่โต รายล้อมไปรอบห้อง และหนาแน่นราวกับพวกเขาจับนักโทษคนสำคัญได้ มีคณะปกครองแต่งตัวด้วยเครื่องแบบอยู่กลุ่มหนึ่งกำลังซุบซิบ ปรึกษากันเพื่อฆ่าเวลารอประธานในพิธี มีนายทหารอยู่อีกฟากมุมหนึ่งของห้อง ใบหน้าของพวกนายทหารนั้นดูเรียบ เย็นชา แววตาดุดันจนน่าเกรงกลัว แม้ยังไม่ได้ชักอาวุธต่อสู้ใด ๆ

ชายนักเดินทางรู้สึกกังวลกับสภาพของตัวเองอย่างมาก เขาพยายามคิดค้นหาข้อแก้ตัวต่าง ๆ ไว้ใช้ตอบตอนเวลาถูกซักถาม ซึ่งก็ไม่แน่ว่ามันจะมีประโยชน์หรือเปล่า ด้วยความที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไร แม้จะร้องถามกับทหาร ตอนที่จับตัวเขาออกมาจากห้องขัง แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ ราวกับเมืองนี้เกณฑ์คนใบ้มาเป็นทหารอย่างนั้น

ไม่ช้าภายในห้องตัดสินคดีซึ่งได้ยินเสียงฮึม ๆ และซุบซิบกันบ้าง ก็กลับเงียบสนิท พร้อมกับการปรากฏกายของท่านเจ้าเมือง ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ รูปร่างท่านเมืองนี้ แต่งตัวราวกับกษัตริย์ มีการประดับสังวาลและเครื่องประดับที่บ่งบอกถูกความมียศอย่างมากมาย หน้าตาของเจ้าเมืองก็ดูดุดันไม่ต่างอะไรกับพวกทหาร หลงจากที่เจ้าเมืองรับการทำความเคารพจากบรรดาสมุนในห้อง ก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัดสินคดี

"เจ้าเป็นใครกัน เจ้าหนุ่มน้อย บังอาจมาบุกรุกยังดินแดนของข้า หรือเจ้าเป็นสายลับให้กับศัตรูเรา" แม้จะเป็นคำถามยอดฮิตเหมือนออกมาจากนิยายขายดี แต่ก็ไม่เกินความคาดหมายของชายนักเดินทางนัก

"ผมเป็นนักเดินทาง กำลังเดินทางไปยังดินแดนนิพพานครับ บังเอิญผ่านมาเมืองนี้ และถูกทหารของพวกท่านจับมา" ชายนักเดินทางอธิบาย พร้อมกับเสียงหัวเราะลั่นของเจ้าเมือง

"ฮ้า ๆ ๆ ...พวกสอดแนมมันก็พูดอย่างนี้กันทั้งนั้น เจ้ามีหลักฐานอะไร"

"ผมเป็นนักเดินทางจริง ๆ ผมไม่มีอาวุธ ไม่มีสังกัดเมืองใด ๆ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมืองนี้เป็นเมืองอะไร และพวกท่านมีศัตรูกับใครบ้าง ปล่อยผมไปเถอะนะครับท่าน ผมไม่ทราบจริง ๆ " ชายนักเดินทางอ้อนวอน

"ข้าจะปล่อยตัวเจ้าก็ได้ เพียงแต่มีข้อแลกเปลี่ยน" เจ้าเมืองพูด

"ข้อแลกเปลี่ยนอะไรครับ" ชายนักเดินทางถาม

"นิ้วมือกับลิ้นของเจ้า.."

"...!"

อ่านต่อตอนที่ ๒

ขอบคุณรูปภาพงาม ๆ จาก ' //www.robert-gonzalez.com '





Create Date : 18 มีนาคม 2556
Last Update : 20 มีนาคม 2556 13:45:29 น. 9 comments
Counter : 588 Pageviews.

 

อิอิ ถ้าถามว่าเราเป็นเหล่าไหนกันน๊าาา
คาดว่าเราน่าและควรจะเป็นทุกเหล่าคร้าาาเพื่อให้รู้ตัวในทุกขณะที่อยู่ในเหล่านั้นๆ
ไม่ให้หลงจนลืมตัวว่าแท้ที่จริงเราควรจะเป็นเหล่าไหนค่ะ คุณอัสติสะ
...
สวัสดีวันทำงานวันแรกนะคะ คงกลับมาจากต่างจังหวัดแล้วใช่ไหมค่ะ
มีความสุขมากมากนะคะ


โดย: Nissan_n วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:10:15:39 น.  

 
น้องนุ้ยอยู่ข้างบนด้วย ^^

มาอ่านตื่นเต้นนะครับ จะโดนตัดนิ้วกับลิ้นซะแล้ว

ในชีวิตจริงก็มีนะครับ ถูกจับไปขายอวัยวะ
ถูกจับไปตัดมือตัดเท้าเป็นขอทาน ต้องลุ้นตอนสองต่อไป อิอิ

ขอบคุณที่แวะไปทักทายนะครับน้องอัส

โหวตสาขาธรรมะให้นะครับ ^^







โดย: วนารักษ์ วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:16:31:04 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณอัส
รออ่านตอน 2 ของนักเดินทาง
มีผลไม้จากบล็อคมาฝากค่ะ



โดย: pantawan วันที่: 18 มีนาคม 2556 เวลา:17:48:53 น.  

 
สวัสดีครับ

ถ้าจังหวะเวลาตรงกัน
พบกันในงานหนังสือฯนะครับ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มีนาคม 2556 เวลา:9:18:06 น.  

 
น สีลพฺพตมตฺเตน พาหุสจฺเจน วา ปน
อถ วา สมาธิลาเภน วิวิตฺตสยเนน วา
ผุสามิ เนกฺขมฺมสุขํ อปุถุชฺชนเสวิตํ
ภิกฺขุ วิสฺสาสมาปาทิ อปฺปตฺโต อาสวกฺขยํ

ภิกษุเอย เพียงมีศีลาจารวัตร เพียงมีภูมิปริยัติคงแก่เรียน
เพียงพากเพียรปฏิบัติจนได้ฌาน เพียงอยู่ในสถานสงบอันสงัด
ได้รับสุขของพระอนาคามีที่สามัญชนทั่วไปไม่ได้สัมผัส
ถ้าขจัดกิเลสไม่ได้หมด เธออย่าพึงนิ่งนอนใจเลย

พระพุทธวจนะนี้ สมควรที่ฆราวาสเช่นเราควรน้อมนำมาพิจารณาเนือง ๆ
เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข เพื่อความเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม ตลอดไป...ค่ะ



จบไว้อย่างระทึกขวัญทีเดียว
เล่นเอาทั้งนิ้วมือและลิ้น...หวาดเสียว...อิ อิ



โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 มีนาคม 2556 เวลา:9:53:20 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...
...
ตอนจบหวาดเสียวแบบคุณปอป้า บอกจริงๆ ด้วยย
...
มีความสุขมากมากตลอดทั้งวันนะคะ


โดย: Nissan_n วันที่: 19 มีนาคม 2556 เวลา:11:00:43 น.  

 


ทักทายยามเที่ยงวัน อากาศร้อนๆครับท่าน


โดย: panwat วันที่: 19 มีนาคม 2556 เวลา:11:59:31 น.  

 
ทักทายยามเย็นขอรับ


โดย: ขุนเพชรขุนราม วันที่: 20 มีนาคม 2556 เวลา:17:45:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยมในวันหยุด...สวัสดีครับ

มีความสุขกับวันหยุดพักผ่อน นะครับ


โดย: **mp5** วันที่: 23 มีนาคม 2556 เวลา:8:46:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อัสติสะ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




ทุกข์ใดจะทุกข์เท่า การเกิด
ดับทุกข์สิ่งประเสริฐ แน่แท้
ทางสู่นิพพานเลิศ เที่ยงแท้ แน่นา
คือมรรคมีองค์แก้ ดับสิ้นทุกข์ทน






Google



New Comments
Friends' blogs
[Add อัสติสะ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.