|
๐๕๘-ว่านนกคุ้ม
ความฉลาดของคนโบราณนั้นเราไม่อาจจะดูถูกภูมิปัญญาของท่านได้เลย ยิ่งการวางบ้าน จัดสวน และการดำเนินชีวิตที่อิงกับธรรมชาติ และ วัดวkอาราม เป็นสิ่งที่คนรุ่นเก่า ๆ เคยชิน ข้าพเจ้าเองเป็นคนรุ่นใหม่ ที่ถูกเลี้ยงดูมาโดย ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ยังคงมีแนวคิด ของคนสมัยเก่าอยู่ แต่ก็เชื่อว่าวัฒนธรรมการเป็นอยู่แบบ วิถีธรรมชาติ การเป็นครอบครัวใหญ่ การเอาใจใส่ดูแลกัน เริ่มหาได้ยากแล้วในสังคมปัจจุบัน
สังคมที่มีแต่ความรีบเร่ง พ่อแม่ ให้เกมส์คอมพิวเตอร์เลี้ยงลูก ครอบครัวเริ่มมีขนาดเล็กลง พร้อม ๆ กับความอบอุ่นที่กำลังขาดหายไป ตอนข้าพเจ้ายังเด็ก สมัยนั้นปู่ของข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ปลูกต้นไม้ไว้หลายชนิด ตั่งแต่ มะเฟือง มะม่วง ลำไย ขนุน มะพร้าว มะปราง ส้ม ฯ การสร้างบ้าน จะยกใต้ถุนสูงเพื่อป้องกันน้ำท่วม ยังมีประโยชน์ สำหรับเลี้ยงสัตว์ เช่น ไก่ รวมไปถึง วัว เพราะตอนนั้นเรายังใช้เกวียนอยู่(ราว ๆ ปี'๒๕) ปัจจุบันนี้หาได้ยากแล้ว เพราะล้อเกวียนนั้น เอาไปขายประดับรั้ว บ้านคนรวยหมด
ที่อาบน้ำก็จะไม่อาบน้ำในห้องน้ำ เหมือนปัจจุบัน จะเป็นนอกชาน ยื่นออกไปทางหลังบ้าน มีโอ่งใส่น้ำประมาณ ๒-๓ ลูก มีรางรินสำหรับเก็บน้ำฝนไว้ใช้ ตอนนั้นข้าพเจ้ายังเด็กมาก แม่ก็ชอบให้ไปอาบน้ำที่นอกชานนั้น เป็นประจำทุกวัน และทุกวันก็สังเกตเห็น ปี๊บผุ ๆ ขึ้นสนิมใบหนึ่ง วางอยู่บนเสาไม้ริมนอกชาน ซึ่งเป็นที่ที่เด็กจะเดินออกไปไม่ได้ เพราะพื้นไม้นั้นห่างกันมาก และมีลักษณะไม่แข็งแรง อาจจะทำให้ตกลงไปได้ ข้าพเจ้าสงสัยว่านั่นปิ๊บอะไรหนอ ทำไมมันถึงอยู่ตรงนั้นเนิ่นนานไม่เห็นมีใคร ไปทำอะไรกับมัน วันหนึ่งในฤดูฝน ก็มีใบไม้ ใบใหญ่ มีลายสีน้ำตาลเป็นจุด ๆ งอกขึ้นมาจากปิ๊บนนั้น ยิ่งกลางฤดูฝน มันยิ่งน่าดูมาก เพราะมันจะขึ้นปกคลุมเต็มปิ๊บทั้งใบ ทำให้ลืมเจ้ากระป๋องสนิมไปได้เลย
ที่แท้สิ่งที่มีค่า มีราคานั้น มันซ่อนอยู่ภายในนั่นเอง ว่านนกคุ้มนั้นไม่ได้งอกงามตลอดทั้งปี หากแต่จะ แตกผลิใบ แตกหน่อเฉพาะหน้าฝน ที่มีดินและน้ำชุ่มชื้น ที่ผ่านมาข้าพเจ้ามอง มันเป็นเพียงปิ๊บผุ ๆ ไร้ค่า ไม่มีใครเอาไปทิ้งเสียที แต่ทว่าหากถึงเวลา ถึงฤดูกาล ที่เหมาะสม เจ้าปิ๊บผุ ๆ นั้นกลับทำให้เราสดชื่นได้อย่างหน้าประหลาด แต่แล้วพอหมดช่วงฤดูฝน ใบของว่านนกคุ้มก็แห้งเหี่ยว เฉาไปตามธรรมชาติ ทำให้เราเรียนว่า ไม่มีอะไรยั่งยืน และสวยงามได้ตลอดไป ทุกสิ่งจะต้องเปลี่ยนแปลงและเสื่อมสลายในที่สุด(นี่มาเรียนรู้ทีหลังหลอกนะ เพราะตอนเด็กเราก็เด็กไร้เดียงสา คิดอะไรลึกซึ้งเกินเด็กไม่เป็นหรอก)
กาลเวลาผ่านมา ๒๐ ปีกว่า ๆ บ้านหลังเก่าถูกรื้อไปนานมากแล้ว สวนหลังบ้านก็หายไป พื้นดินก็ถูกปรับให้สูงขึ้น ต้นไม้ทุกต้นที่เราคุ้นเคยตอนเด็ก ก็ตายหมด แต่ก็มีต้นไม้ใหม่ขึ้นมาแทนที่ แต่ก็ใช้เวลาอีกนานกว่มามันจะโต วันนั้นข้าพเจ้าเดินเล่นอยู่หลังบ้าน ก็พลันเหลือบไปมอง เห็นว่านนกคุ้ม อยู่ข้าง ๆ ต้นฝรั่ง มันกำลังออกใบ เขียวชอุ่ม สลับกับลายจุด เหมือนลายนกคุ้ม ดูแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก จึงทำให้นึกขึ้นได้ว่า เป็นว่านนกคุ้ม ต้นเดียวกันที่สมัยเด็กที่เราเคยเห็นในปิ๊บ ผุ ๆ ใบนั้น
ข้าพเจ้าดีใจมาก ที่มันยังอยู่รอดมาได้ คงเป็นเพราะ พ่อกับแม่ยังใส่ใจมันอยู่ ไม่ได้ทิ้งขว้างให้ มันตายไปกับกาลเวลา อย่างเช่นต้นไม้ อื่น ๆ
กลับมากรุงเทพ ฯ จึงขุดหน่อว่านนกคุ้มติดมาปลูกที่ห้องด้วย ตอนนั้นมันกำลังออกใบ เขียวชอุ่มทีเดียว แต่ทว่า ทุกวันนี้ใบมันก็เริ่มแห้งเหี่ยว ตายไปทีละใบ ๆ มาวันนี้เหลืออยู่ใบเดียวเอง
ธรรมชาติจึงสอนเราอยู่เสมอ ไม่ว่าเราจะดูแลใส่ใจตัวเอง หรือคนที่เรารักมากเพียงใด เมื่อถึงเวลาที่ควร เราก็ต้องจากสิ่งที่เรารักไปสักวันหนึ่งอยู่ดี
ดังนั้นทุกวันนี้ที่เรายังมีลมหายใจอยู่ จึงควรที่จะดูแลใส่ใจตัวเอง และคนที่เรารักให้มากขึ้น และพยายามเรียนรู้สิ่งรอบ ๆ ตัว เสมอว่าธรรมชาตินั้นสอนอะไรเราอยู่บ้าง และเราเรียนรู้อะไรจากธรรมชาติใกล้ตัวได้บ้าง หากทำได้ชีวิตเราก็จะเป็นสุข เพราะเราจะเข้าใจธรรมชาติและตัวเองมากขึ้นนั่นเอง
Create Date : 01 กันยายน 2551 |
Last Update : 1 กันยายน 2551 20:54:59 น. |
|
6 comments
|
Counter : 1155 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 3 กันยายน 2551 เวลา:16:34:01 น. |
|
|
|
โดย: fulgurant วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:16:04:29 น. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:11:24:56 น. |
|
|
|
โดย: จันทร์ไพลิน วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:5:09:27 น. |
|
|
|
โดย: ksy IP: 119.42.80.192 วันที่: 11 มิถุนายน 2552 เวลา:10:04:16 น. |
|
|
|
โดย: นภัสวรรณ์ IP: 110.168.43.136 วันที่: 5 กันยายน 2553 เวลา:20:18:30 น. |
|
|
|
| |
|
|
แล้วป้าจะกลับมาอ่านอีกทีเมื่อมีเวลา
ขอ แอดบล็อก เพื่อจะได้ใช้เป็นสะพานเดินมาค่ะ