Group Blog All Blog
|
Guardian Priest เขียน
Priest เขียน หวงจินจือ, ลูกหว้า แปล สำนักพิมพ์ everY ในเครือแจ่มใส 1,117 บาท 979 หน้า
หลังปกเล่ม 1
หน่วยสืบสวนคดีพิเศษ สังกัดกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ รับผิดชอบคดีที่ไม่อาจใช้วิธีการปกติสามัญมาคลี่คลายได้ เพราะมันมี "สิ่งเหนือธรรมชาติ" เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นสมาชิกของหน่วยพิเศษนี้ส่วนใหญ่จึง... อยู่เหนือธรรมชาติเช่นกัน ที่ตั้งสำนักงานกลางวันมีเจ้าหน้าที่มนุษย์ ตกกลางคืนก็มีเจ้าหน้าที่วิญญาณมาเข้ากะ อาคารหมายเลขสี่ ถนนกวงหมิงจึงไม่เคยเลยที่จะปิดไฟปิดประตู! . "จ้าวอวิ๋นหลาน" หัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีพิเศษ และเป็นผู้สืบทอดตำแหน่ง "ราชันเทพผู้พิทักษ์จิตวิญญาณ" กำลังเผชิญกับคดีที่ซับซ้อนกว่าที่แล้ว ๆ มา เมื่อดูเหมือนว่าจะมีหนึ่งในสีของศักดิ์สิทธิ์จากแดนปรโลกที่สูญหายไปมาพัวพัน ไหนจะศาสตราจารย์หนุ่มประจำมหาวิทยาลัยอันเป็นที่เกิดเหตุ ซึ่งมักลอบมองเขาด้วยแววตาแฝงนัยบางอย่าง ที่ทำเอาเขาคันยุบยิบในใจจนแทบไม่เป็นอันไขคดี!
คุยกันหลังอ่าน
เป็นเรื่องของหน่วยสอบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ นำทีมโดยหัวหน้าหน่วย จ้าวอวิ๋นหลาน ผู้มีอีกฐานะคือราชันเทพผู้พิทักษ์จิตวิญญาณ ต้าชิ่ง แมว (อ้วน) ดำพูดได้ สมาชิกที่ประวัติไม่ธรรมดาอีกเล็กน้อย และเด็กใหม่ผู้หวาดกลัวทุกสิ่งอย่างกัวฉางเฉิง
ตอนต้น ๆ ก็จะเล่าเรื่องคดีย่อยก่อนจะโยงไปถึงของศักดิ์สิทธิ์สี่อย่าง ความลับที่ถูกเก็บงำไว้ของจ้าวอวิ๋นหลาน ลึกไปถึงจุดกำเนิดของโลก ตำนานผานกู่ผ่าฟ้า หนี่ว์วาปั้นมนุษย์
เรื่องความลับเรื่องราวที่พัวพันกับตำนานต่าง ๆ นี่เข้าใจยากมากค่ะ ไม่ลำดับอย่างชัดเจนไม่พอ ยังมีข้อมูลเท็จหลอกลวงอีก กำลังจะปะติดปะต่อเรียบเรียงข้อมูลในหัว เอ๋า หลอกอีกละ สรุปคือเท็จหรือจริงก็ชักจะแยกไม่ออกแล้ว ผู้เขียนชอบสับขาหลอกในเรื่อง แต่ประเด็นไม่ใช่การหลอก ประเด็นคือถึงเฉลยว่าหลอกก็งงอยู่ดี เหมือนผู้เขียนบอกตอนแรกคำตอบคือกอไก่ ไป ๆ มา ๆ กอไก่นั้นที่จริงหลอก แต่ก็ไม่ยอมบอกมาว่าคำตอบคือขอไข่ คอควาย หรือลากยาวไปจนฮอนกฮูก อ่านยากมากว่าตอนนี้ตัวละครต้องการอะไร ทำสิ่งนี้ทำไม ความสำคัญของการทำสิ่งนี้คืออะไร มาอยู่จุดจุดนี้ได้อย่างไร ผู้เขียนให้ข้อมูลผู้อ่านมากมาย แต่ข้อมูลนั้นเราใช้อะไรไม่ได้เลย คือเราไม่สามารถนำมาประมวลผลได้ คำตอบที่ได้มันกว้างมากจนเหมือนไม่รู้อะไรอยู่ดี เหมือนเขาสนุกกับใช้ประโยชน์จากตำนานมาสร้างเรื่องราว จับนู่นผสมนี่ แต่ไม่บอกที่มาที่ไป มาลอย ๆ และจากไปลอย ๆ สับขานู่นนี่ แต่ถ้าถามในแง่ของประโยชน์ของการนำไปใช้คือไม่มีเลย อ่านแล้วงง โลกในเรื่องนี้ที่โอเห็นคือโลกที่ไม่มีฐานที่มั่นคง เวิ้งว้าง ง่อนแง่น และไร้กฎเกณฑ์ ตอนพิเศษสุดท้ายที่พยายามบอกที่มาของสิ่งของหรือกล่าวถึงเนื้อหาในเรื่องเหมือนพยายามอุดช่องโหว่ ซึ่งมันไม่ควรอยู่ในตอนพิเศษนะโอว่า เรื่องราวที่ดีมันควรสามารถเข้าใจได้ตั้งแต่ตัวเนื้อหาหลักแล้ว
มันจะมีหัวข้อกึ่งปรัชญาแทรกอยู่ ตัวละครเด่นเป็นพวกเทพต่าง ๆ ก็จะมีความคิดมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยเหมือนมนุษย์ มีพวกการตระหนักรู้จากเหตุการณ์ แต่กลับขาดพลังเร้าเรื่องเท่าที่ควรเพราะความมึน
ส่วนที่ดีงามของเรื่องคือตัวละคร ตัวละครออกแบบมาดี โดยเฉพาะพระนาย เป็นคู่ที่อยู่ด้วยกันแล้วมีโมเมนต์ดี ๆ มากมาย เขินแบบกรุ้มกริ่ม อารมณ์นี้เลย
จ้าวอวิ๋นหลาน หัวหน้าของเหล่าสมาชิกหน่วยพิเศษ จ้าวอวิ๋นหลานเป็นคนไหลลื่น (กะล่อนนั่นเอง) เข้าหาคนเก่ง ดูเผิน ๆ เหมือนเข้ากับคนง่าย แต่จริง ๆ ก็เป็นแค่มารยาททางสังคมเพื่อความก้าวหน้านั่นเอง อุปนิสัยที่แท้จริง ๆ คือเป็นคนขี้รำคาญ รั้น ทำอะไรตามใจตนไม่สนกฎเกณฑ์ จิตใจกว้างขวาง ชอบให้โอกาสคน รักพวกพ้อง เข้มงวดต่อตนเอง เผื่อแผ่ต่อผู้อื่น ชอบทำตัวเจ้าชู้ (ใส่เสิ่นเวยคนเดียวนี่แหละ) ชัดเจน และเป็นบุคคลที่มีบุคลิกและบทบาทที่เท่มาก ๆ
เสิ่นเวย ศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยที่จ้าวอวิ๋นหลานเข้าไปทำคดี เสิ่นเวยใส่แว่น บุคลิกแบบนักวิชาการเต็มเปี่ยม พูดน้อย จริงจัง แต่จ้าวอวิ๋นหลานรู้สึกชอบก็เลยจีบ เทียวไล้เทียวขื่อจนเป็นที่ระอาของลูกน้อง แต่ศาสตราจารย์เสิ่นก็ไม่ตอบรับสักที ทั้งที่จ้าวอวิ๋นหลานมั่นใจว่าเขาไม่ได้ต่อต้านตน กระทั่งน่าจะชอบตนมากด้วยซ้ำ
เสิ่นเวยเป็นตัวละครที่เปิดตัวมาแบบมีปริศนาตั้งแต่แรก เขามีความลับแอบซ่อนไว้ รวมถึงการที่เขาเกี่ยวข้องกับคดีแรกก็ทำให้เขาดูลึกลับซับซ้อนเข้าไปอีก แต่ความลึกลับของเขาก็ค่อย ๆ โดนความตื๊อหน้าไม่อายของจ้าวอวิ๋นหลานทำลาย
จ้าวอวิ๋นหลานกับเสิ่นเวยนี่มีบุคลิกตรงข้ามกัน จ้าวอวิ๋นหลานนอกร้อนในเย็น เสิ่นเวยนอกเย็นในร้อน ความจริงสองคนนี้น่าจะเป็นคู่ที่มีความขัดแย้งน้อยที่สุด ถ้าไม่มีปัญหาคาราคาซังที่มีต้นตอเกี่ยวพันกับเรื่องราวมากมายแล้ว คู่นี้น่าจะเป็นคู่ที่เข้าขากันได้ดีมาก อาจเพราะจ้าวอวิ๋นหลานตามใจเสิ่นเวยมาก เสิ่นเวยก็ตามใจจ้าวอวิ๋นหลานมาก ทั้งคู่ใส่ใจกันและกันดี
บทเข้าพระนายตัดเข้าม่านหมอกมุ้ง แต่ไม่ใช่ปัญหาเพราะความหวานของคู่นี้เต็มเปี่ยม ไม่ว่าแมว ผี หรือปีศาจก็สำลักความหวานยากจะทานทน
ตัวละครประกอบ สมาชิกแก๊งปราบปีศาจของจ้าวอวิ๋นหลานก็มีบทบาทที่น่ารัก แมวอ้วนอย่างต้าชิ่งที่ปากร้ายและเห็นแก่กิน ก็น่าขย้ำ บทน้องใหม่อย่างกัวฉางเฉิงที่ขี้กลัวจนขึ้นสมอง ก็ทำให้เรื่องราวที่ควรจะหนักนั้นครื้นเครงไปได้มาก
เรื่องนี้มีคู่รองนะคะ เป็นคู่รองที่แม้ไม่ชัดเจนมาก แต่ก็มากจนน่าลุ้นประมาณนึงเลย ไม่บอกว่าใครให้ลุ้นเอาเอง คู่นี้มาอย่างเหนือคาด และก็น่ารักไม่ธรรมดาซะด้วย
เป็นเรื่องผี ปีศาจ มีความน่ากลัวเล็กน้อย มีความหนักประมาณหนึ่ง แต่จะโดนมุกตลกในเรื่องเบรกอารมณ์ให้ไม่เครียดจนเกินไปเป็นระยะ รวมกับตัวเอกที่เท่มากอย่างจ้าวอวิ๋นหลานแล้ว เรื่องนี้เลยได้คะแนนจากใจเชียร์ตัวละครซะมากโขเลยทีเดียว
ส่วนตัวโอว่าถ้าเขียนเน้นเรื่องราวไปที่คดีย่อย ๆ เน้นปัจจุบันมากกว่าเรื่องสมัยสร้างโลก เน้นตัวละครและสิ่งที่ได้จากตัวละครมากกว่าความเร้นลับของเรื่อง โอจะชอบมากกว่านี้มากเลย
โอเพิ่งสังเกตตอนเขียนรีวิวว่าเล่มสามคนละคนแปลกับสองเล่มแรก ถึงว่าอ่านแล้วแปลกไป โดยเฉพาะช่วงท้าย ๆ ตอนแรกนึกว่างานเร่ง มันมีจุดที่คิดว่าใช้คำหรือใช้ประโยคแปลกไป
รวม ๆ แล้วโอก็ชอบนะคะ ตัวละครดี (น่ารัก+ตลก+เท่) แต่ก็อย่างที่บอกแหละว่าหลายเรื่องเข้าใจยากมาก มันเหมือนกึ่งจะเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ กึ่งจะมีแนวคิดดีแต่ก็ไปไม่ค่อยจะถึง เลยให้ที่ 3.5 ดาว
. . . มนุษย์เราเวลามีความทุกข์ควรคิดให้มากเข้าไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการทำผิดซ้ำซ้อน แต่เวลามีความสุขควรคิดให้น้อยลงหน่อยจะได้ไม่พลาดความสุขเพราะมัวแต่คิดมาก ถ้าพรุ่งนี้โลกแตก มนุษย์ทุกคนต้องกลายเป็นผี แล้วก่อนตายคุณพบว่าตัวเองยังไม่เคยได้ทำในสิ่งที่ปรารถนาเลยสักครั้ง คุณจะคับอกคับใจมากแค่ไหน --จ้าวอวิ๋นหลาน--
หน้า 195 บทที่ 4 เล่ม 1 . . . จ้าวอวิ๋นหลานใจลอยไปพักหนึ่ง บอกไม่ถูกว่ารสชาติในใจมันหวานชื่น ขื่นขม ร้อนแรงหรือปวดร้าวกันแน่ โดยหลักการรู้ว่าตัวเองกำลังจัดการเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง แต่ภายในใจก็ขี้เกียจจะคิดอะไรทั้งนั้น
คงจะมีบางทีที่คนเราเมื่อเดินมาถึงจุดลำบากก็หวังให้เวลาหยุดไว้ขณะนั้น ให้เขาไม่ต้องเดินไปข้างหน้า และไม่ต้องหันหลังกลับ เพียงหยุดอยู่ตรงนั้นก็เพียงพอแล้ว
แต่เข็มนาฬิกาทุกเรือนบนโลกนี้ต่างกำลังเดินไปข้างหน้า เวลาไม่อาจหยุดลงเพื่อใครคนหนึ่งได้
หน้า 111 บทที่ 11 เล่ม 3 . . . “อ้าว เป็นอะไรไป ไม่พอใจเหรอ หึงล่ะสิท่า” จ้าวอวิ๋นหลานร้ายซะยิ่งกว่าอะไร “ผมชอบให้คนอื่นหึงซะด้วย หึงให้เฮียดูหน่อยเร็ว”
“...”
“เมื่อก่อนคุณเก๊กอยู่ได้ทั้งวัน เหมือนเป็นเทวดาไม่กินอาหารมนุษย์ ผมขี้เกียจจะดูคุณแสดง เห็นแล้วเหนื่อยแทนจริง ๆ” จ้าวอวิ๋นหลานเอากระดาษโพสต์อิตติดมือมาแปะหลังร่างแผนการสอนที่เสิ่นเวยใช้แล้วแผ่นหนึ่ง แล้วพูดบงการ “มา พ่อเทวดา บนโต๊ะหนังสือข้างคอมฯ มีเครื่องสแกน ช่วยผมสแกนเป็นไฟล์ส่งไปที่หน่วย ให้พวกเขาสืบก่อนที่ผมจะเข้าไป สืบได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น” หน้า 164 บทที่ 15 เล่ม 3 . . .
มีใครอยากได้สปอยล์แบบสรุปมั้ยคะ จะได้ช่วยตัดสินใจเพิ่ม แต่สรุปนี่บอกโต้ง ๆ เลยนะคะ ถ้าอยากลุ้นเอาในเรื่องอย่าเพิ่งอ่านนะคะ . . . ***Spoiler Alert*** . . . . . . .
ถ้าโอพลาดหรือผิดตรงไหนช่วยแก้ได้เน้อ อย่างที่บอก อ่านแล้วก็ยังงง ๆ
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
| |||
โหวตนะคะ