เชียงใหม่ - วัดท่าเดื่อ สันผีเสื้อ
เช้าวันหนึ่งเดินไปตลาดท่าเดื่อตลาดใกล้บ้าน เลยเดินต่อไปจนถึงวัดท่าเดื่อ
จึงเอารูปมาให้ชม เอาเรื่องสัพเพเหระมาเล่า
วัดตั้งอยู่ในตำบลสันผีเสื้อ เมือง เชียงใหม่
พิกัด https://goo.gl/maps/jUFsuTjqtjDDurww5
ประวัติว่าเคยวัดร้างมาก่อน มีต้นมะเดื่อขึ้นเต็มหนาทึบ มีที่นาล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน
ภายหลังได้ตั้งขึ้นเป็นวัด เมื่อ พ.ศ.2407
ได้ร่วมกันไปที่เมืองกุมกามเพื่อไหว้สา ขอพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์หนึ่ง
มาประดิษฐานในวิหารใหม่วัดท่าเดื่อ ชื่อว่า พระพุทธรูปแสนแซ้
ผ่านซุ้มประตูวัดจะพบเจดีย์อยู่หลังวิหาร - ไหว้พระในวิหารจะได้ไหว้เจดีย์ไปด้วยพร้อมกัน
เป็นเจดีย์ห้ายอดบนฐานเขียงสี่เหลี่ยม
ถัดไปเป็นฐานเชียงย่อมุมสามชั้น ฐานบัวลูกแก้ว บัวถลาแปดเหลี่ยมห้าชั้น
รับองค์ระฆังกลม ก้านฉัตร ปล้องไฉน ปลี ลูกแก้วปกฉัตร
ผ่านซุ้มประตูวัดจะพบเจดีย์อยู่หลังวิหาร - ไหว้พระในวิหารจะได้ไหว้เจดีย์ไปด้วยพร้อมกัน
เป็นเจดีย์ห้ายอดบนฐานเขียงสี่เหลี่ยม
ถัดไปเป็นฐานเชียงย่อมุมสามชั้น ฐานบัวลูกแก้ว บัวถลาแปดเหลี่ยมห้าชั้น
รับองค์ระฆังกลม ฉัตร ปล้องไฉน ปลี ลูกแก้วปกฉัตร
อุโบสถกลางนํ้า ขนาดสามห้อง
เคยผ่านตาจากที่ได้ค้นคว้าฮูปแต้มวัดหนองสองห้อง ชาดกเรื่องพระลามพระลัก
ซึ่งเป็นวรรณกรรมของชนลุ่มน้ำโขง เกี่ยวกับอดีตชาติของพระพุทธเจ้า (พระลาม) และพระอานนท์ (พระลัก)
ท้าวจตุโลกบาลทั้งสี่ พ้องกับชื่อของลูกของพญาไอยสวนในเรื่อง
เป็นญาติของพระลักพระลามโดย
ลุง - พระยาวิรุฬหะ รักษาทิศใต้
พ่อ - ทัตตะรัตถะ รักษาทิศตะวันออก
อา - วิรูปักขา รักษาทิศตะวันตก
อา - กุเวร หรือท้าวเวสสุวรรณ รักษาทิศเหนือ
นั่นคือเป็นเทวดารักษาทิศเหนือ
ป้องกันพุทธศาสนาและโลกมนุษย์ มียักษ์เป็นบริวาร
วิหาร
รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามแบบสมัยนิยม
บันไดมกรคายนาค
หน้าบันลวดลายดอกไม้ เทพพนม
บันไดด้านข้าง นาคเบือนเป็นรูป นาคปักษิณ
ซุ้มประตูหน้า ธรรมจักรในซุ้มแก้ว บนแท่นแก้ว
ประตูไม้ ลงรักปิดทอง รูปทวารบาล
หม้อดอก
ภายในโครงหลังคามีโครงไม้แบบม้าต่างไหม
เสารับน้ำหนักมีแค่คู่หน้าพระประธานที่เป็นม้าต่างไหม
ที่เหลือใช้คานคอนกรีตรับน้ำหนักโครงไม้มาลงที่ผนัง ทำให้วิหารกว้างขึ้น
จิตรกรรมฝาผนังเป็นพระพุทธประวัติและเวสสันดรชาดก
ธรรมมาสล้านนา
สัตตภัณฑ์ ใช้เป็นที่ปักเทียนสำหรับบูชา
พระเจ้าแสนแซ้
พระประธานปางมารวิชัย ศิลปะล้านนาสิงห์สาม
จากข้อมูลจากหนังสือ "ประวัติศาสตร์และศิลปกรรม เวียงกุมกาม" โดย จิรศักดิ์ เดชวงศ์ญา
คาดว่าพระพุทธรูปแสนแซ้ คือพระแสนแซ้
ที่พระเมืองแก้ว แห่งเชียงใหม่ ทรงโปรดให้หล่อขึ้น
แล้วประดิษฐานที่วัดกุมกามทีปาราม เวียงกุมกาม เมื่อพ.ศ. 2062
เนื้อสำริด มีน้ำหนัก 3 ล้านทอง หรือประมาณ 3,000 กิโลกรัม
คำว่าแซ้ ภาษาเหนือ หรือ กำเมือง แปลว่า กลอน (เช่น กลอนประตู)
พระพุทธรูปแสนแซ้ ใช้เรียกพระพุทธรูปที่ถอดออกเป็นชิ้นได้
เมื่อนำมาประกอบเป็นองค์จะใส่แซ้ หรือกลอนยึดติดกันไว้
คำว่าล้านทอง มีค่าทองเท่ากับ 10 หาบหรือ 1000 ชั่ง
1000 ชั่ง = 80,000 บาท ; 1 บาทมี 15.6 กรัม = 1,248,000 กรัม หรือ 1248 กิโลกรัม
สามล้านทองก็หนัก 3 ตันกว่า ประมาณ รถปิ๊กอัพ 2 คัน
หรืออาจเปรียบเทียบว่าใช้ทองสำริดเยอะมากไม่ใช่แค่ล้าน แต่เป็นสามล้าน
พระพุทธรูปองค์นี้คงหนักมาก จึงต้องถอดเป็นชิ้นได้
ทั้งหมดเรื่องสามล้านทอง เป็นการค้นหาคำจำกัดความ และสรุปด้วยการคาดเดาของเรา
หรือพูดง่าย ๆ ว่าเรามั่ว - โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2566 |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2566 11:21:58 น. |
|
11 comments
|
Counter : 756 Pageviews. |
|
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณหอมกร, คุณtoor36, คุณSleepless Sea, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณRain_sk, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณkae+aoe, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณ**mp5**, คุณอุ้มสี, คุณThe Kop Civil, คุณSweet_pills |
โดย: หอมกร วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:13:48:27 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:15:09:17 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:21:40:55 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:22:13:07 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:14:16:51 น. |
|
|
|
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:21:24:27 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:5:42:05 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:22:27:56 น. |
|
|
|
| |
พรุ่งนี้มาใหม่ครับ
จากบล็อก
ร้านกาแฟน่านั่งทุกร้านเลยครับ