256 .. เสียงอ่านเพชรพระอุมา - ภาคแรก # 16 (226 - 240)
เสียงอ่านเพชรพระอุมา ภาคแรก # 16 ลำดับที่ 226 240 เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่มีความยาวทั้งสิ้น 48 เล่ม แบ่งออกเป็นสองภาค คือภาคแรกและภาคสมบูรณ์ ภาคละ 24 เล่ม ภาคแรกของเพชรพระอุมาแบ่งเป็น 6 ตอน ได้แก่ ไพรมหากาฬ, ดงมรณะ, จอมผีดิบมันตรัย, อาถรรพณ์นิทรานคร, ป่าโลกล้านปี และแงซายจอมจักรา สำหรับภาคสมบูรณ์ก็แบ่งเป็น 6 ตอนเช่นกัน ได้แก่ จอมพราน, ไอ้งาดำ, จิตรางคนางค์, นาคเทวี, แต่ปางบรรพ์ และมงกุฎไพร ป้า เป็นแฟนคลับ เพชรพระอุมา ค่ะ ได้ติดตามอ่านมาตลอด และอ่านจบหลายรอบ หลังจากป้าวางงานประจำแล้ว ป้าได้ใช้เวลาว่างไปอ่านหนังสือให้ผู้พิการทางสายตาฟัง โดยอ่านที่ ห้องสมุดคอลฟิลล์เพื่อคนตาบอด ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด เริ่มอ่านมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2541 ถึงวันนี้ ป้าอ่านจบไปแล้วประมาณเจ็ดสิบเรื่อง และในจำนวนนั้นมีเรื่อง เพชรพระอุมา รวมอยู่ด้วย เรื่อง เพชรพระอุมา จะมีผู้อ่านสองคน คนแรกคือ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล ท่านอ่านมาถึงลำดับที่ 140 ค่ะ หลังจากนั้น ท่านมีความจำเป็นไม่อาจจะมาอ่านต่อให้จบได้ ทางศูนย์ ฯ จึงได้ขอให้ป้ารับหน้าที่อ่านต่อจนจบ เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่ยาวมาก กว่าจะอ่านจบต้องใช้เวลาอ่านนานมากทีเดียว ภาคแรก ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2545 อ่านจบเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2546 ส่วนภาคสมบูรณ์ ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2547 และอ่านจบเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 ค่ะ เนื่องจาก เพชรพระอุมา เป็นงานเสียงที่ป้าชอบมาก จึงอยากจะนำมาเก็บไว้ในบล็อก และหวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของแฟนคลับ เพชรพระอุมา ที่ไม่สะดวกหรือมีข้อจำกัดในการอ่าน ขอเชิญฟังเสียงอ่านนวนิยาย เพชรพระอุมา ภาคแรก ลำดับที่ 226 240 ค่ะ ลำดับที่ 226-228 VIDEO VIDEO VIDEO ลำดับที่ 229-231 VIDEO VIDEO VIDEO ลำดับที่ 232-234 VIDEO VIDEO VIDEO ลำดับที่ 235-237 VIDEO VIDEO VIDEO ลำดับที่ 238-240 VIDEO VIDEO VIDEO ขอเชิญติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอขอบคุณ "พนมเทียน" เจ้าของผลงาน "เพชรพระอุมา" ขอขอบคุณ ณ บ้านวรรณกรรม ผู้จัดพิมพ์วรรณกรรมเรื่องนี้ ขอขอบคุณ ห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้จัดทำเป็นหนังสือเสียง ขอขอบคุณ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล อาสาสมัครผู้ให้เสียงอ่าน ตั้งแต่ต้น จนถึง ลำดับที่ 140 ขอขอบคุณภาพจากทุกเว็บที่เกี่ยวเนื่องกับเพชรพระอุมา และขอขอบคุณ คุณ treetree6969 ผู้จัดทำวิดีโอนี้ เ พ ช ร พ ร ะ อุ ม า จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี เนื้อเรื่องย่อ จอมผีดิบมันตรัย เล่ม 1 ภายหลังจากที่แงซายทดลองทางปืน.460 เวเธอร์บีแม็กนั่ม ตกตอนเย็นพรานบุญคำที่แอบไปปลดทุกข์บริเวณต้นไม้ใหญ่ที่ถูกใช้เป็นเป้าทดลองกระสุน วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาแจ้งแก่รพินทร์ถึงรอยปืนบนต้นไม้ มียางไหลซึมออกมาสีแดงสดคล้ายกับเลือด รพินทร์รับรู้ถึงความผิดปกติในสีหน้าและแววตาตื่นตระหนกของพรานบุญคำ และเมื่อย้อนกลับไปยังต้นไม้ใหญ่ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นต้นตะเคียน พบรอยยางไม้ไหลซึมออกมาเป็นสีแดงคล้ายเลือดจริงตามที่พรานบุญคำบอก แต่รพินทร์สั่งให้เก็บเรื่องยางตะเคียนสีแดงไว้ ห้ามแพร่งพรายให้คณะนายจ้างรู้โดยเด็ดขาด ช่วงระยะเวลาประมาณหัวค่ำ ในขณะที่คณะนายจ้างรับประทานอาหารและสนทนากัน ดารินเกิดมีอาการหน้ามืดเป็นลม พรานบุญคำเริ่มรู้สึกไม่ดีกับความผิดปกติรอบบริเวณปางพัก รวมถึงอาการของหน้ามืดของดาริน แต่รพินทร์พยายามทำสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติ ทั้งที่ภายในใจก็เริ่มวิตกกังวลตามคำบอกเล่าเรื่องยางตะเคียนสีแดงของพรานบุญคำ รพินทร์ได้กำหนดเวรยามในแต่ละจุดรอบปางพักก่อนแยกตัวไปพักผ่อน เกิดเสียงเอะอะโวยวายของส่างปาที่ฝันร้ายเห็นเสือขนาดใหญ่เท่าม้าจะทำร้าย คะหยิ่นที่นอนห่างไปไม่ไกลนัก ก็ฝันเห็นช้างงายาวไล่แทงเช่นกัน พรานจันฝันเห็นเปรตตัวสูงเท่าต้นตาล พรานเกิดฝันเห็นงูเหลือมขนาดใหญ่แต่มีส่วนหัวเป็นผู้หญิง พรานเส่ยฝันเห็นภูติผีปีศาจจำนวนมากรายรอบล้อมปางพัก พรานบุญคำพยายามทำตัวเป็นปกติตามที่รพินทร์สั่ง ทั้งที่ตัวเองก็ฝันร้ายเช่นกัน แงซายซึ่งเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ผิดปกติครั้งนี้ โดนอาถรรพณ์ของป่ามากกว่าคนอื่น เพราะมองเห็นนางตะเคียนและบริวารที่ชายป่ารอบปางพักด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด ตกดึกเกิดเหตุการณ์ประหลาดรอบบริเวณปางพัก ก้อนหินขนาดใหญ่เท่าลูกมะพร้าวจำนวนมากถูกมือที่มองไม่เห็นขว้างปาใส่ราวกับห่าฝน รพินทร์แจ้งให้คณะนายจ้างทราบถึงต้นเหตุของเหตุการณ์ผิดปกติ และเตรียมพร้อมรับมือกับอำนาจเร้นลับเหนือธรรมชาติที่รายล้อมรอบปางพัก ไชยยันต์ตะโกนท้าทายอำนาจเร้นลับด้วยความโกรธ ทำให้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะของผู้หญิง รพินทร์แก้เหตุการณ์เฉพาะหน้า ด้วยการนำของขลังในไถ้ที่ได้รับมอบจากคอของหนานไพร มาบรรจุลงในปลอกกระสุนปืนลูกซอง ก่อนเหนี่ยวไกยิงใส่ ซึ่งสามารถทำให้ลมพายุสงบลงทันที พร้อมกับเสียงโหยหวนราวกับป่าแตก หลังพายุสงบดารินกลับหายตัวไปจากปางพัก โดยทิ้งร่องเรียงเพียงอย่างเดียว คือรอยเท้าบนพื้นดินอย่างชัดเจน บ่ายหน้าขึ้นสู่ตลิ่งไปยังป่าฝั่งตรงข้าม รพินทร์ เชษฐา แงซาย และคนอื่นออกติดตามรอยเท้าของดาริน จนพบที่ต้นตะเคียนใหญ่ ดารินถูกนางตะเคียนเข้าสิง นำตัวออกมาจากปางพัก เพื่อใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการขอขมาจากเชษฐาและแงซาย โดยนำตัวดารินขึ้นไปบนต้นตะเคียน และแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็น รพินทร์พยายามเจรจาด้วยภาษาชาวเขาแขนงหนึ่งกับนางตะเคียนในร่างดาริน นางตะเคียนยินยอมคืนตัวดารินให้ โดยแลกกับการขอขมาจากเชษฐา และเลือดสามหยดจากแงซาย ซึ่งทั้งสองคนยอมปฏิบัติแต่โดยดี จึงได้ตัวดารินกลับคืนมา หลังจากฟื้นคืนสติ ดารินกลับจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้แม้แต่น้อย มีความรู้สึกเหมือนไม่สบาย และหลับไปเท่านั้น พร้อมกับเล่าความฝันแปลกประหลาดให้ทุกคนฟัง มาเรีย ฮอฟมันแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเห็นด้วยตาของตนเอง ที่ดารินสามารถพูดจาโต้ตอบกับรพินทร์ด้วยภาษาชาวเขา เช่น ขมุ และกะเหรี่ยง ทั้งที่ความจริงแล้วดารินไม่สามารถพูดได้มาก่อน เช้าวันรุ่งขึ้นรพินทร์นำคณะนายจ้างออกเดินทางต่อโดยบ่ายหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเขาหัวแร้ง มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังทุ่งมรณะ โดยที่รพินทร์แจ้งตำแหน่งปัจจุบันคือเหนือรัฐกะยา ทางตอนใต้ของรัฐไทยใหญ่ให้แก่คณะนายจ้างทราบ ในช่วงเวลาประมาณใกล้ค่ำ รพินทร์ก็นำคณะนายจ้างเดินทางมาสร้างปางพักในหุบเขากองกอย รพินทร์ขออนุญาตดารินล่าสัตว์สำหรับเป็นอาหารเย็นจากสัญญาที่เคยให้ไว้ เนื่องจากเสบียงและอาหารกระป๋องที่นำติดตัวมา สามารถใช้ยังชีพได้ไม่เกินเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ทั้งคณะเดินทางต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับเสียงโวยวายตื่นตระหนกของส่างปา และคะหยิ่น ที่รับหน้าที่ออกล่าสัตว์ รพินทร์สอบถามจนได้ความว่า ทั้งสองพบกับงูใหญ่มีหงอนเหมือนกับตัวที่ออกอาละวาดในหมู่บ้านหล่มช้าง จึงนำคณะนายจ้างออกค้นหาจนพบกับคราบของงูขนาดใหญ่ที่ลอกคราบทิ้งไว้บริเวณปากถ้ำแห่งหนึ่ง คืนนั้นเชษฐายิงกวางที่มากินดินโป่งได้ตัวหนึ่ง มีพรานบุญคำช่วยส่องไฟให้แต่ไม่ตาม โดยตั้งใจจะตามซากในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ตกดึกประมาณตีสอง ทั้ งปางพักได้ยินเสียงร้องแปลกประหลาดเหมือนเสียงนกกวักดังก๋องๆ ก๋อยๆ ไปทั่ว แงซายแนะให้รพินทร์ตามซากกวางพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่มาของเสียงประหลาด จากที่เคยผ่านหุบเขาลูกนี้ในอดีตให้รพินทร์และคณะนายจ้างฟัง เช้าตรู่รพินทร์ทราบว่ากวางที่เชษฐายิงได้เมื่อคืนเหลือแต่เพียงแค่โครงกระดูก จึงรีบนำคณะนายจ้างตรงไปยังซากกวางที่เชษฐายิงได้เมื่อวาน พบกลายเป็นโครงกระดูกจริงตามคำบอกเล่าของแงซาย รพินทร์บอกคณะนายจ้างว่าตัวการที่รุมกินซากกวางด้วยความหิวโหยคือกองกอย ที่เป็นภูติไพรชนิดหนึ่ง มีฟันแหลมและคมกริบราวกับมีดโกน สร้างความฉงนให้แก่คณะนายจ้างซึ่งเคยได้ยินชื่อกองกอยจากเรื่องเล่าขานเท่านั้น เชษฐาเตือนให้ทั้งหมดคอยระวังตัวจากกองกอย เพราะจากเหตุการณ์เมื่อคืน ถ้าเชษฐาไม่ยิงกวางล้มแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ตามซาก เหยื่อเคราะห์ร้ายอาจจะกลายเป็นใครคนหนึ่งหรือทุกคนในปางพักแทนก็ได้ รพินทร์นำคณะนายจ้างและพรานพื้นเมืองออกเดินทางต่อ ไต่สันเขาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับหาแหล่งน้ำสำหรับดื่มกิน มาเรียคาดคะเนถึงแหล่งน้ำที่อาจอยู่เลยไปไม่ไกลนัก เพราะจากประสบการณ์ในการเดินป่า ทำให้รู้ว่าภายหลังจากที่ถูกยิง กวางอาจมุ่งหน้ามายังแหล่งน้ำแต่เกิดตายเสียก่อนที่จะไปถึง เป็นจริงดังที่คาดการณ์ไว้ แงซายและพรานพื้นเมืองทั้งหมดสามารถหาแหล่งน้ำพร้อมกับบรรจุในกระบอกไม้ไผ่จนเต็มกลับมายังที่พัก รพินทร์สั่งให้หยุดพักชั่วคราวก่อนออกเดินทางต่อ โดยนำคณะนายจ้างไต่เนินขึ้นลงและหยุดพักเที่ยงที่ชายเนินริมทุ่ง ก่อนตัดทางขึ้นเนินลูกเล็กๆ ทางทิศใต้เพื่อหาแหล่งน้ำมวก ตลอดทางไม่พบสัตว์แม้แต่ตัวเดียว จนประมาณบ่ายสามโมงเย็นจึงถึงพื้นราบบนไหล่ดอย มาเรียออกไปหาเนื้อไว้สำหรับเป็นเสบียงโดยมีส่างปาติดตามไปด้วย รพินทร์และบุญคำตามรอยของมาเรียไป แต่แยกไปคนละเส้นทางได้เพียงชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงไรเฟิล .357 ของส่างปาลั่นขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวก จึงรู้ว่ามาเรียเกิดปะทะกับกระทิงขนาดใหญ่กลางทุ่งโล่ง รพินทร์ พรานบุญคำ ไชยยันต์ ดาริน และคนอื่นๆ ช่วยกันยิงช่วยเหลือมาเรีย ที่พยายามเอาตัวรอดจากการพุ่งเข้าใส่ของกระทิง รพินทร์ยิงด้วยไรเฟิล 30/60 แต่จับเป้าหมายที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไม่ได้ พรานบุญคำช่วยยิงซ้ำด้วย .357 แต่ก็พลาดไม่โดนอีกเช่นกัน เชษฐาใช้ปืน .458 ยิงสกัด แต่กระสุนผ่านหน้าขาไปไม่ถูกเป้า มาเรียทำศึกกับกระทิงใหญ่จนสามารถหยิบไรเฟิล .357 ที่ส่างปาทำหล่นไว้มาได้สำเร็จ ก่อนจะเหนี่ยวไกยิง กระสุน .357 จากไรเฟิลพุ่งเข้าตัดก้านคอของกระทิงใหญ่ล้มทันที กลายเป็นอาหารมื้อเย็นอย่างดีให้แก่คณะเดินทาง ภายหลังล้มกระทิงสำเร็จและล้อมวงรับประทานอาหารเย็นด้วยกันแล้ว ต่างพากันแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ตกดึกทั้งปางพักเงียบสงัดอย่างผิดปกติ ดารินรู้สึกตัวตื่นเนื่องจากมีอะไรบางอย่างกระทบบริเวณปลายเท้า และเมื่อฉายไฟส่องดูก็ทำให้ทั้งปางพักแตกตื่นชุลมุนวุ่นวายด้วยเสียงปืน .357 ติดต่อกัน 3 - 4 นัดซ้อน รพินทร์สอบถามดารินถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับสั่งให้ก่อกองไฟที่มอดขึ้นทันที ในขณะที่ทั้งหมดกำลังหาร่องรอยของตัวประหลาดที่บุกเข้ามาภายในที่พัก เสียงตะโกนโหวกเหวกพร้อมเสียงปืนก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ปางพักถูกกองกอยจำนวนมากโอบล้อมและบุกเข้ามาทำร้าย ไชยยันต์และเชษฐาช่วยกันยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ไล่กองกอยจนถอยร่นไปไม่เป็นกระบวน พรานพื้นเมืองของ รพินทร์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีพรานเกิดเพียงคนเดียวที่ถูกกัดขาเป็นแผลเหวอะหวะ ดารินขอให้มาเรียช่วยหยิบกล่องปฐมพยาบาลให้ แต่ทั้งหมดก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อมาเรียร้องลั่นขึ้นหลังจากพบกองกอยหลบซ่อนอยู่ภายใต้ผืนผ้าใบ รพินทร์ให้พรานบุญคำจับเป็นกองกอยที่ได้รับบาดเจ็บจนไส้ไหลและไม่คิดหลบหนี กองกอยสะกดจิตแงซาย ให้ถ่ายทอดความคิดทุกอย่างออกมาโดยใช้ร่างของแงซายเป็นสื่อ เรื่องราวของอาณาจักรโบราณที่ถูกฝังอยู่ภายใต้ผืนดิน นางพญาที่ถูกขังวิญญาณด้วยคัมภีร์มายาวิน และราชปุโรหิตจอมชั่วร้ายมันตรัย พรั่งพรูออกมาจากปากของแงซาย รวมทั้งขอร้องให้ทุกคนช่วยปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกจองจำอยู่อย่างยาวนานให้เป็นอิสระ ทั้งหมดยกเว้นดาริน ไม่เชื่อในคำพูดของแงซาย และจับกองกอยมัดไว้ รุ่งเช้ารพินทร์ตื่นนอนมาพบว่ากองกอยและแงซายหายไปพร้อมกับแผนที่ของมังมหานรธา การเดินทางต้องหยุดชะงักกลายเป็นออกติดตามแงซายและแผนที่แทน รพินทร์ตามรอยเท้าของแงซายที่ทิ้งร่องรอยไว้เป็นระยะๆ เพื่อชักจูงให้ติดตามไปยังอาณาจักรนิทรานคร รพินทร์นำคณะนายจ้างตัดเบี่ยงเส้นทางมาทางทิศตะวันตกประมาณ 45 องศา บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามหุบเขาที่เป็นทิวต่ำลงไปยังเบื้องล่าง มองเห็นเป็นสามยอดเรียงกันเป็นทุ่งโล่ง มีชื่อเรียกว่าทุ่งมรณะ ระหว่างทางพบกับต้นพริกขี้หนูยักษ์ และตะขาบยักษ์ที่โจมตีคณะเดินทางแตกกระจายกันไปคนละทิศละทาง รพินทร์ยิงตะขาบยักษ์ตายด้วยปืน .460 เวเธอร์บีแม็กนั่ม และทิ้งซากไว้บริเวณใกล้ต้นพริกขี้หนูยักษ์ ระหว่างทางทั้งหมดพบร่างของแงซายผลุบๆ โผล่ๆ เป็นระยะ ไชยยันต์ตามรอยแงซายไปยังก้นหุบเขา แต่เกิดพลาดท่าโดนตะขาบกัดเสียชีวิต ดารินพยายามปฐมพยาบาลช่วยชีวิตไชยยันต์อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยื้อชีวิตของไชยยันต์เอาไว้ไม่ได้ ส่างปาเสนอให้ใช้วิธีรักษาด้วยการนำพริกขี้หนูดงและเนื้อตะขาบมาพอกบริเวณปากแผล ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 19 กันยายน 2555
Last Update : 30 มีนาคม 2558 12:40:03 น.
6 comments
Counter : 4976 Pageviews.
จิ้มมมมมมมม
แจ่มมมมมมมมม
จ้วงงงงงงงงงงงง
กร๊ากกกกกกกกกกกก
มาฟังคนแรกเลยค่า ป้ากุ๊ก
เด๊ยวนู่ตามมาโหวตนะค่า
รักษาสุขภาพนะค่า