“ปาฏิหาริย์ไม่ใช่การเดินบนน้ำ หรือบินอยู่บนอากาศ แต่ปาฏิหาริย์คือการเดินอยู่บนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว”

ติช นัท ฮันท์
256 .. เสียงอ่านเพชรพระอุมา - ภาคแรก # 16 (226 - 240)











เสียงอ่านเพชรพระอุมา – ภาคแรก # 16

ลำดับที่ 226 – 240





เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่มีความยาวทั้งสิ้น 48 เล่ม แบ่งออกเป็นสองภาค คือภาคแรกและภาคสมบูรณ์ ภาคละ 24 เล่ม



ภาคแรกของเพชรพระอุมาแบ่งเป็น 6 ตอน ได้แก่ ไพรมหากาฬ, ดงมรณะ, จอมผีดิบมันตรัย, อาถรรพณ์นิทรานคร, ป่าโลกล้านปี และแงซายจอมจักรา



สำหรับภาคสมบูรณ์ก็แบ่งเป็น 6 ตอนเช่นกัน ได้แก่ จอมพราน, ไอ้งาดำ, จิตรางคนางค์, นาคเทวี, แต่ปางบรรพ์ และมงกุฎไพร



ป้า เป็นแฟนคลับ เพชรพระอุมา ค่ะ ได้ติดตามอ่านมาตลอด และอ่านจบหลายรอบ หลังจากป้าวางงานประจำแล้ว ป้าได้ใช้เวลาว่างไปอ่านหนังสือให้ผู้พิการทางสายตาฟัง โดยอ่านที่ ‘ห้องสมุดคอลฟิลล์เพื่อคนตาบอด’ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด’ เริ่มอ่านมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2541 ถึงวันนี้ ป้าอ่านจบไปแล้วประมาณเจ็ดสิบเรื่อง และในจำนวนนั้นมีเรื่อง เพชรพระอุมา รวมอยู่ด้วย



เรื่อง เพชรพระอุมา จะมีผู้อ่านสองคน คนแรกคือ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล ท่านอ่านมาถึงลำดับที่ 140 ค่ะ หลังจากนั้น ท่านมีความจำเป็นไม่อาจจะมาอ่านต่อให้จบได้ ทางศูนย์ ฯ จึงได้ขอให้ป้ารับหน้าที่อ่านต่อจนจบ



เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่ยาวมาก กว่าจะอ่านจบต้องใช้เวลาอ่านนานมากทีเดียว ภาคแรก ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2545 อ่านจบเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2546 ส่วนภาคสมบูรณ์ ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2547 และอ่านจบเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 ค่ะ



เนื่องจาก เพชรพระอุมา เป็นงานเสียงที่ป้าชอบมาก จึงอยากจะนำมาเก็บไว้ในบล็อก และหวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของแฟนคลับ เพชรพระอุมา ที่ไม่สะดวกหรือมีข้อจำกัดในการอ่าน



ขอเชิญฟังเสียงอ่านนวนิยาย เพชรพระอุมา – ภาคแรก ลำดับที่ 226 – 240 ค่ะ





ลำดับที่ 226-228





ลำดับที่ 229-231





ลำดับที่ 232-234





ลำดับที่ 235-237





ลำดับที่ 238-240






ขอเชิญติดตามตอนต่อไปค่ะ





ขอขอบคุณ "พนมเทียน" เจ้าของผลงาน "เพชรพระอุมา"


ขอขอบคุณ ณ บ้านวรรณกรรม ผู้จัดพิมพ์วรรณกรรมเรื่องนี้


ขอขอบคุณ ห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด
มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ผู้จัดทำเป็นหนังสือเสียง


ขอขอบคุณ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล อาสาสมัครผู้ให้เสียงอ่าน ตั้งแต่ต้น จนถึง ลำดับที่ 140


ขอขอบคุณภาพจากทุกเว็บที่เกี่ยวเนื่องกับเพชรพระอุมา


และขอขอบคุณ คุณ treetree6969 ผู้จัดทำวิดีโอนี้











เ พ ช ร พ ร ะ อุ ม า

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี










เนื้อเรื่องย่อ จอมผีดิบมันตรัย เล่ม 1





ภายหลังจากที่แงซายทดลองทางปืน.460 เวเธอร์บีแม็กนั่ม ตกตอนเย็นพรานบุญคำที่แอบไปปลดทุกข์บริเวณต้นไม้ใหญ่ที่ถูกใช้เป็นเป้าทดลองกระสุน วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาแจ้งแก่รพินทร์ถึงรอยปืนบนต้นไม้ มียางไหลซึมออกมาสีแดงสดคล้ายกับเลือด รพินทร์รับรู้ถึงความผิดปกติในสีหน้าและแววตาตื่นตระหนกของพรานบุญคำ และเมื่อย้อนกลับไปยังต้นไม้ใหญ่ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นต้นตะเคียน พบรอยยางไม้ไหลซึมออกมาเป็นสีแดงคล้ายเลือดจริงตามที่พรานบุญคำบอก แต่รพินทร์สั่งให้เก็บเรื่องยางตะเคียนสีแดงไว้ ห้ามแพร่งพรายให้คณะนายจ้างรู้โดยเด็ดขาด ช่วงระยะเวลาประมาณหัวค่ำ ในขณะที่คณะนายจ้างรับประทานอาหารและสนทนากัน ดารินเกิดมีอาการหน้ามืดเป็นลม



พรานบุญคำเริ่มรู้สึกไม่ดีกับความผิดปกติรอบบริเวณปางพัก รวมถึงอาการของหน้ามืดของดาริน แต่รพินทร์พยายามทำสีหน้าและท่าทางให้เป็นปกติ ทั้งที่ภายในใจก็เริ่มวิตกกังวลตามคำบอกเล่าเรื่องยางตะเคียนสีแดงของพรานบุญคำ รพินทร์ได้กำหนดเวรยามในแต่ละจุดรอบปางพักก่อนแยกตัวไปพักผ่อน



เกิดเสียงเอะอะโวยวายของส่างปาที่ฝันร้ายเห็นเสือขนาดใหญ่เท่าม้าจะทำร้าย คะหยิ่นที่นอนห่างไปไม่ไกลนัก ก็ฝันเห็นช้างงายาวไล่แทงเช่นกัน พรานจันฝันเห็นเปรตตัวสูงเท่าต้นตาล
พรานเกิดฝันเห็นงูเหลือมขนาดใหญ่แต่มีส่วนหัวเป็นผู้หญิง พรานเส่ยฝันเห็นภูติผีปีศาจจำนวนมากรายรอบล้อมปางพัก พรานบุญคำพยายามทำตัวเป็นปกติตามที่รพินทร์สั่ง ทั้งที่ตัวเองก็ฝันร้ายเช่นกัน แงซายซึ่งเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ผิดปกติครั้งนี้ โดนอาถรรพณ์ของป่ามากกว่าคนอื่น เพราะมองเห็นนางตะเคียนและบริวารที่ชายป่ารอบปางพักด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด



ตกดึกเกิดเหตุการณ์ประหลาดรอบบริเวณปางพัก ก้อนหินขนาดใหญ่เท่าลูกมะพร้าวจำนวนมากถูกมือที่มองไม่เห็นขว้างปาใส่ราวกับห่าฝน รพินทร์แจ้งให้คณะนายจ้างทราบถึงต้นเหตุของเหตุการณ์ผิดปกติ และเตรียมพร้อมรับมือกับอำนาจเร้นลับเหนือธรรมชาติที่รายล้อมรอบปางพัก ไชยยันต์ตะโกนท้าทายอำนาจเร้นลับด้วยความโกรธ ทำให้เกิดลมพายุพัดกระหน่ำ พร้อมกับเสียงหัวเราะของผู้หญิง



รพินทร์แก้เหตุการณ์เฉพาะหน้า ด้วยการนำของขลังในไถ้ที่ได้รับมอบจากคอของหนานไพร มาบรรจุลงในปลอกกระสุนปืนลูกซอง ก่อนเหนี่ยวไกยิงใส่ ซึ่งสามารถทำให้ลมพายุสงบลงทันที พร้อมกับเสียงโหยหวนราวกับป่าแตก หลังพายุสงบดารินกลับหายตัวไปจากปางพัก โดยทิ้งร่องเรียงเพียงอย่างเดียว คือรอยเท้าบนพื้นดินอย่างชัดเจน บ่ายหน้าขึ้นสู่ตลิ่งไปยังป่าฝั่งตรงข้าม



รพินทร์ เชษฐา แงซาย และคนอื่นออกติดตามรอยเท้าของดาริน จนพบที่ต้นตะเคียนใหญ่ ดารินถูกนางตะเคียนเข้าสิง นำตัวออกมาจากปางพัก เพื่อใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการขอขมาจากเชษฐาและแงซาย โดยนำตัวดารินขึ้นไปบนต้นตะเคียน และแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็น รพินทร์พยายามเจรจาด้วยภาษาชาวเขาแขนงหนึ่งกับนางตะเคียนในร่างดาริน



นางตะเคียนยินยอมคืนตัวดารินให้ โดยแลกกับการขอขมาจากเชษฐา และเลือดสามหยดจากแงซาย ซึ่งทั้งสองคนยอมปฏิบัติแต่โดยดี จึงได้ตัวดารินกลับคืนมา หลังจากฟื้นคืนสติ ดารินกลับจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้แม้แต่น้อย มีความรู้สึกเหมือนไม่สบาย และหลับไปเท่านั้น พร้อมกับเล่าความฝันแปลกประหลาดให้ทุกคนฟัง มาเรีย ฮอฟมันแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น แม้จะเห็นด้วยตาของตนเอง ที่ดารินสามารถพูดจาโต้ตอบกับรพินทร์ด้วยภาษาชาวเขา เช่น ขมุ และกะเหรี่ยง ทั้งที่ความจริงแล้วดารินไม่สามารถพูดได้มาก่อน



เช้าวันรุ่งขึ้นรพินทร์นำคณะนายจ้างออกเดินทางต่อโดยบ่ายหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเขาหัวแร้ง มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังทุ่งมรณะ โดยที่รพินทร์แจ้งตำแหน่งปัจจุบันคือเหนือรัฐกะยา ทางตอนใต้ของรัฐไทยใหญ่ให้แก่คณะนายจ้างทราบ ในช่วงเวลาประมาณใกล้ค่ำ รพินทร์ก็นำคณะนายจ้างเดินทางมาสร้างปางพักในหุบเขากองกอย รพินทร์ขออนุญาตดารินล่าสัตว์สำหรับเป็นอาหารเย็นจากสัญญาที่เคยให้ไว้ เนื่องจากเสบียงและอาหารกระป๋องที่นำติดตัวมา สามารถใช้ยังชีพได้ไม่เกินเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ทั้งคณะเดินทางต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น พร้อมกับเสียงโวยวายตื่นตระหนกของส่างปา และคะหยิ่น ที่รับหน้าที่ออกล่าสัตว์



รพินทร์สอบถามจนได้ความว่า ทั้งสองพบกับงูใหญ่มีหงอนเหมือนกับตัวที่ออกอาละวาดในหมู่บ้านหล่มช้าง จึงนำคณะนายจ้างออกค้นหาจนพบกับคราบของงูขนาดใหญ่ที่ลอกคราบทิ้งไว้บริเวณปากถ้ำแห่งหนึ่ง คืนนั้นเชษฐายิงกวางที่มากินดินโป่งได้ตัวหนึ่ง มีพรานบุญคำช่วยส่องไฟให้แต่ไม่ตาม โดยตั้งใจจะตามซากในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น ตกดึกประมาณตีสอง ทั้ งปางพักได้ยินเสียงร้องแปลกประหลาดเหมือนเสียงนกกวักดังก๋องๆ ก๋อยๆ ไปทั่ว แงซายแนะให้รพินทร์ตามซากกวางพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่มาของเสียงประหลาด จากที่เคยผ่านหุบเขาลูกนี้ในอดีตให้รพินทร์และคณะนายจ้างฟัง



เช้าตรู่รพินทร์ทราบว่ากวางที่เชษฐายิงได้เมื่อคืนเหลือแต่เพียงแค่โครงกระดูก จึงรีบนำคณะนายจ้างตรงไปยังซากกวางที่เชษฐายิงได้เมื่อวาน พบกลายเป็นโครงกระดูกจริงตามคำบอกเล่าของแงซาย
รพินทร์บอกคณะนายจ้างว่าตัวการที่รุมกินซากกวางด้วยความหิวโหยคือกองกอย ที่เป็นภูติไพรชนิดหนึ่ง มีฟันแหลมและคมกริบราวกับมีดโกน สร้างความฉงนให้แก่คณะนายจ้างซึ่งเคยได้ยินชื่อกองกอยจากเรื่องเล่าขานเท่านั้น เชษฐาเตือนให้ทั้งหมดคอยระวังตัวจากกองกอย เพราะจากเหตุการณ์เมื่อคืน ถ้าเชษฐาไม่ยิงกวางล้มแล้วปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ตามซาก เหยื่อเคราะห์ร้ายอาจจะกลายเป็นใครคนหนึ่งหรือทุกคนในปางพักแทนก็ได้ รพินทร์นำคณะนายจ้างและพรานพื้นเมืองออกเดินทางต่อ ไต่สันเขาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ พร้อมกับหาแหล่งน้ำสำหรับดื่มกิน มาเรียคาดคะเนถึงแหล่งน้ำที่อาจอยู่เลยไปไม่ไกลนัก เพราะจากประสบการณ์ในการเดินป่า ทำให้รู้ว่าภายหลังจากที่ถูกยิง กวางอาจมุ่งหน้ามายังแหล่งน้ำแต่เกิดตายเสียก่อนที่จะไปถึง



เป็นจริงดังที่คาดการณ์ไว้ แงซายและพรานพื้นเมืองทั้งหมดสามารถหาแหล่งน้ำพร้อมกับบรรจุในกระบอกไม้ไผ่จนเต็มกลับมายังที่พัก รพินทร์สั่งให้หยุดพักชั่วคราวก่อนออกเดินทางต่อ โดยนำคณะนายจ้างไต่เนินขึ้นลงและหยุดพักเที่ยงที่ชายเนินริมทุ่ง ก่อนตัดทางขึ้นเนินลูกเล็กๆ ทางทิศใต้เพื่อหาแหล่งน้ำมวก ตลอดทางไม่พบสัตว์แม้แต่ตัวเดียว จนประมาณบ่ายสามโมงเย็นจึงถึงพื้นราบบนไหล่ดอย



มาเรียออกไปหาเนื้อไว้สำหรับเป็นเสบียงโดยมีส่างปาติดตามไปด้วย รพินทร์และบุญคำตามรอยของมาเรียไป แต่แยกไปคนละเส้นทางได้เพียงชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงไรเฟิล .357 ของส่างปาลั่นขึ้นหนึ่งนัดพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวก จึงรู้ว่ามาเรียเกิดปะทะกับกระทิงขนาดใหญ่กลางทุ่งโล่ง รพินทร์ พรานบุญคำ ไชยยันต์ ดาริน และคนอื่นๆ ช่วยกันยิงช่วยเหลือมาเรีย ที่พยายามเอาตัวรอดจากการพุ่งเข้าใส่ของกระทิง รพินทร์ยิงด้วยไรเฟิล 30/60 แต่จับเป้าหมายที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไม่ได้
พรานบุญคำช่วยยิงซ้ำด้วย .357 แต่ก็พลาดไม่โดนอีกเช่นกัน



เชษฐาใช้ปืน .458 ยิงสกัด แต่กระสุนผ่านหน้าขาไปไม่ถูกเป้า มาเรียทำศึกกับกระทิงใหญ่จนสามารถหยิบไรเฟิล .357 ที่ส่างปาทำหล่นไว้มาได้สำเร็จ ก่อนจะเหนี่ยวไกยิง กระสุน .357 จากไรเฟิลพุ่งเข้าตัดก้านคอของกระทิงใหญ่ล้มทันที กลายเป็นอาหารมื้อเย็นอย่างดีให้แก่คณะเดินทาง ภายหลังล้มกระทิงสำเร็จและล้อมวงรับประทานอาหารเย็นด้วยกันแล้ว ต่างพากันแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ตกดึกทั้งปางพักเงียบสงัดอย่างผิดปกติ ดารินรู้สึกตัวตื่นเนื่องจากมีอะไรบางอย่างกระทบบริเวณปลายเท้า และเมื่อฉายไฟส่องดูก็ทำให้ทั้งปางพักแตกตื่นชุลมุนวุ่นวายด้วยเสียงปืน .357 ติดต่อกัน 3 - 4 นัดซ้อน



รพินทร์สอบถามดารินถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับสั่งให้ก่อกองไฟที่มอดขึ้นทันที ในขณะที่ทั้งหมดกำลังหาร่องรอยของตัวประหลาดที่บุกเข้ามาภายในที่พัก เสียงตะโกนโหวกเหวกพร้อมเสียงปืนก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นอีกครั้ง ปางพักถูกกองกอยจำนวนมากโอบล้อมและบุกเข้ามาทำร้าย ไชยยันต์และเชษฐาช่วยกันยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ไล่กองกอยจนถอยร่นไปไม่เป็นกระบวน พรานพื้นเมืองของ
รพินทร์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย มีพรานเกิดเพียงคนเดียวที่ถูกกัดขาเป็นแผลเหวอะหวะ



ดารินขอให้มาเรียช่วยหยิบกล่องปฐมพยาบาลให้ แต่ทั้งหมดก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อมาเรียร้องลั่นขึ้นหลังจากพบกองกอยหลบซ่อนอยู่ภายใต้ผืนผ้าใบ รพินทร์ให้พรานบุญคำจับเป็นกองกอยที่ได้รับบาดเจ็บจนไส้ไหลและไม่คิดหลบหนี กองกอยสะกดจิตแงซาย ให้ถ่ายทอดความคิดทุกอย่างออกมาโดยใช้ร่างของแงซายเป็นสื่อ เรื่องราวของอาณาจักรโบราณที่ถูกฝังอยู่ภายใต้ผืนดิน นางพญาที่ถูกขังวิญญาณด้วยคัมภีร์มายาวิน และราชปุโรหิตจอมชั่วร้ายมันตรัย พรั่งพรูออกมาจากปากของแงซาย รวมทั้งขอร้องให้ทุกคนช่วยปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกจองจำอยู่อย่างยาวนานให้เป็นอิสระ ทั้งหมดยกเว้นดาริน ไม่เชื่อในคำพูดของแงซาย และจับกองกอยมัดไว้ รุ่งเช้ารพินทร์ตื่นนอนมาพบว่ากองกอยและแงซายหายไปพร้อมกับแผนที่ของมังมหานรธา การเดินทางต้องหยุดชะงักกลายเป็นออกติดตามแงซายและแผนที่แทน รพินทร์ตามรอยเท้าของแงซายที่ทิ้งร่องรอยไว้เป็นระยะๆ เพื่อชักจูงให้ติดตามไปยังอาณาจักรนิทรานคร



รพินทร์นำคณะนายจ้างตัดเบี่ยงเส้นทางมาทางทิศตะวันตกประมาณ 45 องศา บ่ายหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามหุบเขาที่เป็นทิวต่ำลงไปยังเบื้องล่าง มองเห็นเป็นสามยอดเรียงกันเป็นทุ่งโล่ง มีชื่อเรียกว่าทุ่งมรณะ ระหว่างทางพบกับต้นพริกขี้หนูยักษ์ และตะขาบยักษ์ที่โจมตีคณะเดินทางแตกกระจายกันไปคนละทิศละทาง รพินทร์ยิงตะขาบยักษ์ตายด้วยปืน .460 เวเธอร์บีแม็กนั่ม และทิ้งซากไว้บริเวณใกล้ต้นพริกขี้หนูยักษ์ ระหว่างทางทั้งหมดพบร่างของแงซายผลุบๆ โผล่ๆ เป็นระยะ ไชยยันต์ตามรอยแงซายไปยังก้นหุบเขา แต่เกิดพลาดท่าโดนตะขาบกัดเสียชีวิต ดารินพยายามปฐมพยาบาลช่วยชีวิตไชยยันต์อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยื้อชีวิตของไชยยันต์เอาไว้ไม่ได้ ส่างปาเสนอให้ใช้วิธีรักษาด้วยการนำพริกขี้หนูดงและเนื้อตะขาบมาพอกบริเวณปากแผล




ร่มไม้เย็น ค่ะ



Create Date : 19 กันยายน 2555
Last Update : 30 มีนาคม 2558 12:40:03 น. 6 comments
Counter : 4976 Pageviews.

 
เจิมมมมมมม
จิ้มมมมมมมม
แจ่มมมมมมมมม
จ้วงงงงงงงงงงงง

กร๊ากกกกกกกกกกกก



มาฟังคนแรกเลยค่า ป้ากุ๊ก
เด๊ยวนู่ตามมาโหวตนะค่า

รักษาสุขภาพนะค่า


โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:12:59:19 น.  

 
สวัสดีค่ะป้ากุ๊ก

ภาพสงวยมากภูเขาที่ไหนคะ ฟังสนุกเพลินดี โหวตสาขาBook Blog ค่ะ


โดย: พรไม้หอม วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:13:12:27 น.  

 
สวัสดีค่ะป้ากุ๊ก

ภาพสงวยมากภูเขาที่ไหนคะ ฟังสนุกเพลินดี โหวตสาขาBook Blog ค่ะ


โดย: พรไม้หอม วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:13:12:27 น.  

 
สวัสดีครับ ป้ากุ๊ก ขอบคุณมากครับกับสิ่งดีมีคุณค่า รบกวนสอบถามหน่อยครับ คือเสียงตอนที่ 225 มันขาดหายไปหรือเปล่าครับ ผมฟังดูมี 224 ซ้ำกัน 2 ตอนครับ


โดย: mbf IP: 180.183.38.57 วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:22:28:47 น.  

 
ต้องขออภัยค่ะ ตอน 224 ซ้ำ สองครั้งจริงๆ

ป้าแก้ไขให้เรียบร้อยแล้ว

ขอบพระคุณคุณmbf ที่กรุณาแจ้งให้ทราบ

หากพบข้อผิดพลาดอีกแจ้งได้เลยค่ะ

ขอบพระคุณอีกครั้ง


โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 20 กันยายน 2555 เวลา:23:25:27 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
sirivinit Hobby Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ร่มไม้เย็น Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

โหวตให้ 3 บล๊อกในดวงใจค่า ป้ากุ๊ก ขราาาาา

ขอให้หายเร็ว ๆ นะค่า
พวกเราเอาใจช่วยค่า



โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา วันที่: 21 กันยายน 2555 เวลา:16:26:37 น.  

ร่มไม้เย็น
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 127 คน [?]







เริ่มเขียน Blog เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ.2551


เริ่มนับจำนวนผู้เข้าเยี่ยม เมื่อเวลา 18.15 น.



Group Blog
 
<<
กันยายน 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
19 กันยายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ร่มไม้เย็น's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.