302 .. เสียงอ่านเพชรพระอุมา - ภาคแรก # 38 (574 588) จบภาคแรก
เสียงอ่านเพชรพระอุมา ภาคแรก # 38
ลำดับที่ 574 588
เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่มีความยาวทั้งสิ้น 48 เล่ม แบ่งออกเป็นสองภาค คือภาคแรกและภาคสมบูรณ์ ภาคละ 24 เล่ม
ภาคแรกของเพชรพระอุมาแบ่งเป็น 6 ตอน ได้แก่ ไพรมหากาฬ, ดงมรณะ, จอมผีดิบมันตรัย, อาถรรพณ์นิทรานคร, ป่าโลกล้านปี และแงซายจอมจักรา
สำหรับภาคสมบูรณ์ก็แบ่งเป็น 6 ตอนเช่นกัน ได้แก่ จอมพราน, ไอ้งาดำ, จิตรางคนางค์, นาคเทวี, แต่ปางบรรพ์ และมงกุฎไพร
ป้าเป็นแฟนคลับเพชรพระอุมาค่ะ ได้ติดตามอ่านมาตลอด และอ่านจบหลายรอบ หลังจากป้าวางงานประจำแล้ว ป้าได้ใช้เวลาว่างไปอ่านหนังสือให้ผู้พิการทางสายตาฟัง โดยอ่านที่ ห้องสมุดคอลฟิลล์เพื่อคนตาบอด ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น ศูนย์เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อคนตาบอด เริ่มอ่านมาตั้งแต่ปลายปี พ.ศ. 2541 ถึงวันนี้ ป้าอ่านจบไปแล้วประมาณเจ็ดสิบเรื่อง และในจำนวนนั้นมีเรื่อง เพชรพระอุมา รวมอยู่ด้วยค่ะ
เพชรพระอุมาภาคแรกจะมีอาสาสมัครอ่านอยู่สองคนค่ะ คนแรกคือ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล ท่านอ่านมาถึงลำดับที่ 140 หลังจากนั้น ท่านมีความจำเป็นไม่อาจจะมาอ่านต่อให้จบได้ ทางศูนย์ ฯ จึงได้ขอให้ป้ารับหน้าที่อ่านต่อจนจบ ส่วนเพชรพระอุมาภาคสมบูรณ์เป็นเสียงอ่านของป้าคนเดียวค่ะ
ป้าได้แจ้งไว้ในตอนต้นแล้วว่า เป้าหมายหลักของการอ่านนี้เพื่อให้ผู้พิการทางสายตาฟัง เป็นการอ่านในห้องบันทึกเสียงระบบธรรมดา อ่านไปเรื่อยๆ แรกเริ่มก็ไม่ได้ใส่เสียงประกอบแต่ประการใด ต่อมาเจ้าหน้าที่คงเห็นว่าน่าจะใส่เสียงประกอบได้บ้าง ก็หามาใส่เท่าที่พอจะหาได้ ระหว่างผู้อ่าน กับผู้ให้เสียงประกอบก็ไม่ได้นัดแนะอะไรกันมากมาย ผู้อ่านก็ก้มหน้าก้มตาอ่านไป ผู้ให้เสียงประกอบเห็นว่าช่วงไหนน่าจะให้เสียงประกอบได้ก็ใส่เข้าไป ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน บทที่อ่านผ่านไปแล้วก็ถือว่าผ่านไป ไม่ได้เอามาฟังเพื่อปรับแก้ไขแต่อย่างใด บางครั้งเจ้าหน้าที่ตั้งโปรแกรมไว้แล้วต้องไปทำภาระอย่างอื่น ก็ปล่อยให้ผู้อ่าน อ่านไปคนเดียว ดังนั้นเสียงประกอบจึงอาจจะมีบ้างไม่มีบ้าง และเนื่องจากเป็นการบันทึกเสียงในห้องที่ไม่ได้สมบูรณ์พร้อมเต็มร้อย เครื่องเสียงของหน่วยงานก็อยู่ในระดับปานกลาง บางครั้งเสียงจึงอาจจะดังไป ค่อยไป หรือบางครั้งก็มีเสียงอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่อ่านแทรกเข้ามา เช่นเสียงฝนตก ฟ้าร้อง หากเสียงภายนอกดังมากก็อาจผ่านเข้ามาในห้องบันทึกเสียงได้ ผลงานจึงอาจไม่ดีอย่างที่คาดหวัง คือได้แค่ไหนก็ต้องยอมรับกับสภาพตามองค์ประกอบที่มีอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้อ่าน ผู้ให้เสียงประกอบ และผู้บันทึกเสียงก็ขอยืนยันว่า ได้ทำงานชิ้นนี้อย่างเต็มที่ เต็มศักยภาพแล้ว และระดับงานประมาณนี้ ก็ถือว่าเพียงพอ สำหรับผู้ขาดโอกาสที่ไม่สามารถอ่านเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองแล้วเช่นกัน
เพชรพระอุมา เป็นนวนิยายที่ยาวมาก กว่าจะอ่านจบต้องใช้เวลาอ่านนานมากทีเดียว ภาคแรก ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 9 เมษายน 2545 อ่านจบเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2546 ส่วนภาคสมบูรณ์ ป้าเริ่มอ่านเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2547 และอ่านจบเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 ค่ะ
แม้ เพชรพระอุมา จะเป็นงานเสียงที่ยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก แต่เนื่องจากเป็นชิ้นงานที่ป้าชอบ จึงอยากจะนำมาเก็บไว้ในบล็อก และหวังว่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของแฟนคลับเพชรพระอุมา ที่ไม่สะดวกหรือมีข้อจำกัดในการอ่านจะใช้ประโยชน์ได้บ้างค่ะ
ขอเชิญฟังเสียงอ่านนวนิยาย เพชรพระอุมา ภาคแรก ลำดับที่ 574 588 ค่ะ
ลำดับที่ 574-576
ลำดับที่ 577-579
ลำดับที่ 580-582
ลำดับที่ 583-585
ลำดับที่ 586-588
จบเพชรพระอุมา ภาคแรก
โปรดติดตามเพชรพระอุมา ภาคสมบูรณ์ได้ในตอนต่อไปค่ะ
ขอขอบคุณ "พนมเทียน" เจ้าของผลงาน "เพชรพระอุมา"
ขอขอบคุณ ณ บ้านวรรณกรรม ผู้จัดพิมพ์วรรณกรรมเรื่องนี้
ขอขอบคุณ ห้องสมุดคอลฟิลด์เพื่อคนตาบอด มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ผู้จัดทำเป็นหนังสือเสียง
ขอขอบคุณ คุณศศวรรณ อรรถจรรยากุล อาสาสมัครผู้ให้เสียงอ่าน ตั้งแต่ต้น จนถึง ลำดับที่ 140
ขอขอบคุณภาพจากทุกเว็บที่เกี่ยวเนื่องกับเพชรพระอุมา
และขอขอบคุณ คุณ treetree6969 ผู้จัดทำวิดีโอนี้
เ พ ช ร พ ร ะ อุ ม า
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เส้นทางการเดินทางในเพชรพระอุมา ภาคแรก (ต่อ)
การเดินทางในช่วงที่ 3 คณะเดินทางมุ่งหน้าไปยังเขาหัวแร้ง ระหว่างทาง รพินทร์ค้นพบหลักฐานของพรานชด คือซองบุหรี่ลักกี้สไตรค์เก่าๆ กับลูกปืน .450 ไนโตรเอ็กซเปรสส์ ก่อนถึงเขาหัวแร้งได้พบกับ ดร.ฮอฟมันและภรรยาสาวชื่อมาเรีย ฮอฟมัน ต่อมาดร.ฮอฟมันถูกสางเขียวฆ่าด้วยหอกที่ลำธารและมาเรีย ฮอฟมัน ถูกสางเขียวจับตัวไป
ภายหลังจากถล่มหมู่บ้านสางเขียวและแย่งชิงตัวมาเรียกลับคืนมาได้ก็เดินทางต่อโดยมุ่งหน้าขึ้นเขาไปเรื่อยๆ เส้นทางถูกบีบบังคับให้แคบลง ตัดทิวเขาใหญ่มาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเขาหัวแร้งและขึ้นเหนือไปทุ่งมรณะ จนอยู่เหนือรัฐกะยาซึ่งเป็นตอนใต้ของรัฐไทยใหญ่ และพักที่เขาก็องกอย จับผีก็องกอยได้ ผีก็องกอยขอร้องให้ช่วยเหลือโดยการมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเป็นระยะเวลา 2 วัน 2 คืน จะพบกับปริศนาความลับที่ซ่อนอยู่กลางป่าลึก
คืนนั้นคณะเดินทางถูกรมยาด้วยหนังคางคกภูเขา รุ่งเช้าแงซายหายไปพร้อมกับแผนที่เดินทาง จึงต้องออกติดตามร่องรอยที่แงซายทิ้งไว้เป็นระยะๆ โดยเบี่ยงมาทางทิศตะวันตก 45 องศา และมุ่งหน้าไปทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ ข้ามเขาที่เป็นทิวต่ำลงไปเบื้องล่างสามยอดเรียงกันเป็นทุ่งโล่งที่มีชื่อว่าทุ่งมรณะ จนพบจอมผีผีดิบมันตรัยและอาณาจักรนิทรานครที่ล่มสลาย ได้ช่วยปลดปล่อยวิญญาณที่ถูกจองจำในคัมภีร์มายาวิน ปราบมันตรัยได้สำเร็จ และได้ตัวแงซายกลับคืนมา
คณะเดินทางได้นำแผนที่จากแงซายมาพิจารณา และช่วยกันขบคิดคำปริศนาที่ว่า... "ปิ่นพระศิวะฉายแสงเรืองรองเมื่อใด ถันพระอุมาจะปรากฏ ในคืน 5 ค่ำ เดือน 12" เริ่มเดินทางต่อมุ่งเขาเกือกม้าซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของนิทรานคร และ ทะเลสาบมรณะ ตามลำดับ รพินทร์พบร่องรอยของพรานชดคือกิ่งกระบองเพชรที่ถูกรอยมีดตัดไว้, ปะทะกับไทรันโนซอรัส เร็กซ์ซึ่งเป็นไดโนเสาร์กินเนื้อ จนต้องปราบด้วยระเบิดติดไนโตรเจน
เดินทางต่อมุ่งหน้าช่องเขาขาด เลาะตามขอบทะเลสาบมรณะไปทางด้านทิศตะวันออก เพื่ออ้อมไปทิวเขาปีกครุฑ หยุดพักที่เนินหินทางด้านทิศตะวันออกของทะเลสาบ คืนนั้นคณะเดินทางถูกลิงไร้หางปลดอาวุธและควบคุมเป็นเชลย รุ่งขึ้นถูกนำตัวไปยังหุบเขานิลกาญจน์ ที่นั่นดารินได้ช่วยรักษาวายา มนุษย์วานรเจ้าแห่งลิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พร้อมกับได้นมัสการฤๅษีโกญฑัญญะ รพินทร์ กับ แงซายช่วยวายาและสมุนลิงปราบตัวสามเขาจนสำเร็จ
ออกเดินทางต่อ จนถึงแอ่งการเวก เจอพายุลูกเห็บในทุ่งลมกรด หนีเข้าหลบในโพรงหมาป่า และ โอเอซีสที่เป็นป่าเกิดใหม่อายุไม่เกิน 300 ปี แต่ก็ยังหาช่องประตูผา ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นหาหลุมอุกกาบาตที่หนึ่งไม่เจอ แต่ด้วยความพยายามในที่สุดก็หาหลุมอุกกาบาตที่หนึ่ง และหลุมอุกกาบาตที่สองจนได้
ออกเดินทางต่อจนถึงป่าหินและภูเขาเตี้ยๆ อันเป็นบริเวณเชิงทิวป่า พบหลุมอุกกาบาตที่สามในวันศุกร์ที่ 30 เดือนตุลาคม ซึ่งเหลือระยะเวลาในการเดินทางอีกเพียง 4 วันครึ่ง การเดินทางพบอุปสรรคมากขึ้นเรื่อยๆ แงซายพบหลักฐานการเดินทางจนถึงเนินพระจันทร์ของพรานชด และเมื่อพระจันทร์เสี้ยวของคืน 5 ค่ำส่องแสงสว่าง เขาพระศิวะก็เกิดปรากฏการณ์ประหลาด ถันพระอุมาปรากฏขึ้น คณะเดินทางก็รีบเดินทางต่อทันที
การเดินทางในช่วงที่ 4 คณะเดินทางใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการไต่เขาจนพบกับเทือกเขาพระศิวะ ทันทีที่เข้าถึงบริเวณหัวถนนของเมืองมรกตนคร นาฬิกาและเข็มทิศก็หยุดทำงาน ทั้งหมดเดินตามถนนที่ลาดชันลงมา และหยุดพักบริเวณใต้ร่มไม้ข้างลำธาร รุ่งเช้าพบว่าแงซายและอาวุธปืนหายไป จากนั้นก็ถูกทหารของเมืองมรกตนครภายใต้การนำของรหัสยะจับ และถูกควบคุมตัวเข้าเมือง ระหว่างทางตกดึกเมยานี ลูกสาวของอรชุนเข้าปล้นชิงตัวกองกำลังกู้ชาติที่ถูกจับเป็นเชลยได้สำเร็จ
คณะเดินทางถูกนำตัวเข้าเฝ้ากษัตริย์สิงหรา และถูกหลอกไปคุมขังในคุกใต้ดิน ซึ่งอนุชา หรือนายชด ประชากร และหนานอินถูกคุมขังอยู่ก่อนแล้ว ตกดึก สุกรีกับพวกและเมยานีมุดทางลับใต้ดินมาช่วยเหลือ และนำตัวไปพบกับแงซายหรือจักราชที่ถ้ำเหมราช
ทั้งหมดช่วยเหลือแงซายในการทำศึกกับสิงหราเพื่อชิงราชบัลลังก์คืน กำจัดแม่มดวาชิกาที่เป็นต้นเหตุของความยุ่งยาก แงซายได้ขึ้นครองราชย์สมบัติในพระนาม "สมเด็จพระเจ้าจักราธิราช" คณะเดินทางพักอยู่ที่มรกตนครชั่วระยะก็เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ก่อนจากกันแงซายได้มอบตราของราชวงศ์เทพให้แก่รพินทร์ มอบแหวนให้ดาริน และมาเรีย คนละวง
สาขา Book Blog
ร่มไม้เย็น ค่ะ
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2556 |
|
10 comments |
Last Update : 30 มีนาคม 2558 21:16:40 น. |
Counter : 9673 Pageviews. |
|
|
|
ไล้ท์ก่อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน