Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

ขึ้นน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 มีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้


. . .


กบง. ประกาศให้ขึ้นน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 มีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้


นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติให้ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 1.55 บาทต่อลิตร ยกเว้น แก๊สโซฮอล์ อี 85 ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้ ภายหลังสิ้นสุดมาตรการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันลงตามโครงการ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน ซึ่งสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ม.ค.นี้

ซึ่งส่งผลให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน จะขยับขึ้นไปชนเพดานในอัตราเดิม คือ เบนซินจัดเก็บภาษีสรรพสามิตลิตรละ 5.00 บาท, แก๊สโซฮอล์ อี 10 และอี 20 ลิตรละ 4.00-4.50 บาท, แก๊สโซฮอล์ อี 85 ลิตรละ 0.75 บาท (ราคา อี 85 จะกลับมาถูกที่สุดอีกครั้งหนึ่ง) และดีเซลลิตรละ 4.00 บาท

หลังจากปรับขึ้นราคาครั้งนี้ลิตรละ 1.55 บาทแล้ว ส่วนที่เหลือให้ทยอยปรับขึ้นไม่เกินครั้งละ 1.50 บาทต่อลิตร โดยให้ กบง.เป็นผู้กำหนดว่าจะปรับขึ้นเมื่อไร ในอัตราเท่าใด โดยใช้กลไกจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามากำหนดราคา ซึ่งเป็นการปรับลดการจัดเก็บเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงแทน โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน ซึ่งต้องใช้เงินจากกองทุนน้ำมันฯประมาณ 4,311 ล้านบาท ในการเข้ามาพยุงราคาขายปลีกเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชน

นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า ช่วงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 31 มกราคมนี้ กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะส่งเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวน 2,359 สาย ออกตรวจเช็คสต๊อกน้ำมัน 11,888 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลา 2 - 3 ชั่วโมงจึงจะแล้วเสร็จ และเมื่อทราบจำนวนสต๊อกทั้งหมดแล้วจะมีการคำนวณเงินส่วนต่างเพื่อส่งคืนให้ กับกรมสรรพสามิต
ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในวันที่ 1 ก.พ.52 เป็นดังนี้ (กราฟิค)


ราคาขายปลีกน้ำมันในวันที่ 1 ก.พ.52
หน่วย – บาทต่อลิตร
ประเภท ราคาเดิม ราคาวันที่ 1 ก.พ.52 ต้องขึ้นอีก(ภายใน 2 เดือน)
เบนซิน 91 23.59 25.14 -
แก๊สโซฮอล์ 95 18.89 20.44 2.93
แก๊สโซฮอล์ 91 18.09 19.64 2.93
แก๊สโซฮอล์ อี 85 18.29 18.29 0.73
ดีเซล 18.34 19.89 1.75
ไบโอดีเซล บี 5 16.84 18.39 0.55

อนึ่ง เมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา ครม.มีมติให้ปรับเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันหลังสิ้นสุดมาตรการดังกล่าว ดังนี้

เบนซิน 91 และ 95 จากอัตราปกติเดิม 3.685/4.685 บาท/ลิตร เพิ่มเป็น 5.00 บาท/ลิตร (ทำให้ราคาจะต้องเพิ่มขึ้นอีกลิตรละไม่เกิน 1.50 บาท)
แก๊สโซฮอล์ E 10 และ E 20 ปรับขึ้นจาก 0.0165 บาท/ลิตร เป็น 4.50 และ 4.00 บาท/ลิตร ตามลำดับ (ทำให้ราคาจะต้องเพิ่มขึ้นอีก 4.00-4.50 บาทต่อลิตร)
แก๊สโซฮอล์ E 85 ปรับจาก 0.0165 บาท/ลิตร มาเป็น 0.750 บาท/ลิตร (ทำให้ราคาจะเพิ่มขึ้นอีก 0.73 บาทต่อลิตร)
ดีเซล ปรับขึ้นจาก 0.005/2.405 บาท/ลิตร เป็น 3.305/4.00 บาท/ลิตร (ทำให้ราคาจะเพิ่มขึ้นอีก 1.50-3.30 บาทต่อลิตร)
ไบโอดีเซล B 5 ปรับจาก 0.0898 บาท/ลิตร เพิ่มเป็น 2.190 บาท/ลิตร (ทำให้ราคาจะเพิ่มขึ้นอีก 2.00 บาทต่อลิตร)

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้ปรับเพิ่มอัตราเงินเข้ากองทุนฯ จากเบนซิน 91 เพิ่มขึ้นเป็นลิตรละ 4 บาท เพื่อรักษาส่วนต่างราคาขายปลีกระหว่างน้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบหลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 85 คำนวณจากราคาเอทานอล 85% บวกกับราคาเบนซิน 95 ณ โรงกลั่น 15% เพื่อให้ค่าการตลาดของ E85 สูงกว่า E10 ประมาณลิตรละ 1.20 บาท และราคาขายปลีก E85 ต้องต่ำกว่าราคาขายปลีก E10 ประมาณ 30%

. . .



กระทรวงพลังงานออกมาตรการจูงใจหวังให้มีรถใช้ แก๊สโซฮอล์ อี 85 ในไทยเพิ่มขึ้น


นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดตัวการนำเข้ารถยนต์อี 85 ซึ่งเป็นรถยนต์ประเภท Flexible Fuel Vehicle (FFV) สามารถใช้อี 85 และเบนซิน โดยเป็นรถล็อตแรกที่กลุ่มมิตรผลนำเข้ารวม 50 คัน

นพ.วรรณรัตน์ กล่าวว่า การนำเข้ารถ FFV 85 แสดงให้เห็นถึงการใช้แก๊สโซฮอล์อี 85 เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการนำเข้าน้ำมันและส่งเสริมเกษตรกรเป็นไปตามวาระแห่งชาติ เรื่องพลังงานทดแทน
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อี 85 หลายด้าน เช่น การลดภาษีศุลกากรนำเข้ารถ FFV 2,000 คัน จากร้อยละ 80 เหลือร้อยละ 60 โดยต้องนำเข้าภายในปี 2552

การใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจ่ายคืนแก่ผู้ซื้อรถ FFV 85 ในอัตราร้อยละ 3 เพื่อชดเชยการจ่ายภาษีสรรพสามิตในอัตราร้อยละ 25 ทำให้ผู้ซื้อรถจ่ายภาษีคิดเป็นสัดส่วนเทียบเท่าเพียงร้อยละ 22

และยังสนับสนุนการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ อี 85 โดยตามเป้าหมายคาดว่าจะมีสถานีบริการแก๊สโซฮอล์ อี 85 อย่างน้อย 30-50 แห่ง และคณะรัฐมนตรียังได้สนับสนุนด้วยการลดภาษีสรรพสามิตแก๊สโซฮอล์ อี 85 เหลือเพียง 0.75 บาทต่อลิตร จากอัตราเดิม 2.5795 บาทต่อลิตร จึงคาดว่าการใช้แก๊สโซฮอล์อี 85 จะเพิ่มขึ้น

นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ตลาดค้าปลีกน้ำมัน บมจ.ปตท. กล่าวว่า ปตท.พร้อมขยายการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ อี 85 หากตลาดมีความต้องการ แต่คงต้องขึ้นอยู่กับราคารถยนต์ด้วยว่า จะจูงใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งในขณะนี้ความต้องการใช้แก๊สโซฮอล์ขยับสูงขึ้นตลอด แต่ปัญหาที่น่าเป็นห่วงขณะนี้ คือ ปริมาณเอทานอลจะมีเพียงพอหรือไม่ เพราะราคาโมลาสในตลาดเพิ่มขึ้นมาก จนอาจทำให้มีการส่งออกโมลาส และทำให้วัตถุดิบผลิตเอทานอลขาดแคลน

แต่หลังจากรัฐบาลปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน การใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นหรือไม่ เรื่องนี้คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมัน เพราะหากราคาน้ำมันยังอยู่ที่ประมาณ 20-30 บาทต่อลิตร อาจจะไม่จูงใจให้เกิดการใช้พลังงานทดแทน โดยเห็นได้ว่าในช่วง 1-2 เดือนนี้การใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่รถใช้เอ็นจีวี และแอลพีจีเปลี่ยนกลับมาใช้น้ำมันกันมากขึ้น

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวว่า ราคาโมลาสตลาดโลกขณะนี้ขยับสูงขึ้น จากปีที่แล้วราคา 1.80-1.90 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มเป็น 3.30 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่อินเดียระงับการส่งออกโมลาส จึงน่าเป็นห่วงว่าหากผู้ผลิตของไทยส่งออกมากขึ้น เอทานอลปลายปีอาจจะขาดแคลน เพราะขณะนี้มีการคาดการณ์ว่า ความต้องการอาจจะเพิ่มขึ้นถึง 435 ล้านลิตรต่อปี ส่วนนี้เป็นการผลิตจากโมลาสประมาณ 260 ล้านลิตรต่อปี

ดังนั้น รัฐบาลจะต้องผลักดันให้โรงงานผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังเกิดขึ้นตามแผน เพราะไม่เช่นนั้นปัญหาการขาดแคลนเอทานอลจะเกิดขึ้นแน่นอน ขณะเดียวกันภาครัฐ และเอกชนควรร่วมกันพิจารณาว่าจะทำอย่างไรที่จะควบคุมหรือ ชะลอการส่งออกโมลาส เพื่อให้เกิดมูลค่าสูงสุดต่อประเทศ

. . .



นโยบายส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ อี 85

ลดภาษีศุลกากรนำเข้ารถ FFV 2,000 คัน จากร้อยละ 80 เหลือร้อยละ 60
ชดเชยภาษีให้ผู้ซื้อรถ FFV 85 ทำให้จ่ายเพียงร้อยละ 22 จากร้อยละ 25
สนับสนุนการเพิ่มสถานีบริการแก๊สโซฮอล์ อี 85 อีก 30-50 แห่ง
ลดภาษีสรรพสามิตแก๊สโซฮอล์ อี 85 จาก 2.5795 บาท/ลิตร เหลือ 0.75 บาท/ลิตร


. . .



ยอดจดทะเบียนรถป้ายแดงปี 2551 มีกว่า 2.3 ล้านคัน เพิ่มจากปีก่อน 4.7% รถเก๋ง-รถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้น 6-7% ขณะที่รถปิกอัพและรถตู้ลดลง 6-7% เช่นกัน


นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ยอดจดทะเบียนรถใหม่ทั่วประเทศ ในปี 2551 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,357,559 คัน ( 2.36 ล้านคัน) เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 106,166 คัน หรือเพิ่มขึ้น 4.7% โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถตู้ รถปิกอัพ และรถจักรยานยนต์จำนวน 2,325,972 คัน ขณะที่รถบรรทุกและรถโดยสาร มีจำนวน 31,587 คัน

สำหรับยอดจดทะเบียน รถยนต์นั่งส่วนบุคคล มีจำนวนทั้งสิ้น 318,724 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน จำนวน 21,405 คัน หรือเพิ่มขึ้น 7.2%
รถปิกอัพ 274,449 คัน ลดลงจากปี 2550 จำนวน 22,204 คัน หรือลดลง 7.4%
รถตู้ จำนวน 17,919 คัน ลดลงจากปี 2550 จำนวน 1,147 คัน หรือลดลง 6% และรถจักรยานยนต์ 1,714,880 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 108,183 คัน หรือเพิ่มขึ้น6.7%

ทั้งนี้ ยังพบว่า รถจักรยานยนต์มีแนวโน้มจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เฉพาะในเดือนธันวาคม 2551 มีรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ จำนวน 116,589 คัน เพิ่มจากเดือนธันวาคม 2550 ถึง 12,952 คัน
ส่วนรถบรรทุกตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มียอดจดทะเบียนใหม่ทั้งสิ้น 26,199 คัน ลดลงจากปี 2550 จำนวน 1,991 คัน หรือลดลง 7% และรถโดยสารจดทะเบียน 5,388 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2550 จำนวน 1,920 คัน หรือเพิ่มขึ้น 55%

จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบัน นอกจากจะทำให้ประชาชนหันมาใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่สามารถติดตั้งระบบพลังงานทางเลือกใหม่ หรือรถจักรยานยนต์เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายแล้ว ในส่วนของผู้ประกอบการขนส่งก็มีแนวโน้มหันมาใช้รถที่ใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้นเช่นกัน โดยรถโดยสารที่จดทะเบียนใหม่ปี 2551 เป็นรถที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงกว่า 50%

. . .



ราคาทองคำอ่อนตัวลง ส่งผลให้ยอดขายทองลดลงกว่าครึ่ง

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ยังคงมีประชาชนนำทองคำมาขายต่อเนื่องจากวันก่อนนี้ (28 ม.ค.) แต่จำนวนน้อยลง เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกลดลงจาก 901 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ไปอยู่ที่ 884 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือลดลง 17 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาขายทองคำในประเทศลดลงประมาณ 200 บาท

โดยราคารับซื้อทองคำแท่งวันที่ 29 ม.ค.อยู่ที่ บาทละ 14,350 บาท ขายออก บาทละ 14,450 บาท ส่วนทองรูปพรรณรับซื้อ 14,144.28 บาท และขายออก บาทละ 14,850 บาท

นายจิตติ กล่าวว่าประชาชนที่นำทองคำมาขายในวันที่ 29 ม.ค.จะได้รับเงินสดเนื่องจากร้านค้าทองคำมีปริมาณเงินสดสำรองเพียงพอแล้ว โดยประเมินว่าจะมีประชาชนนำทองคำมาขายลดลงจากวันก่อนประมาณร้อยละ 50 หรือมีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 4,000 ล้านบาท

นายจิตติ ระบุว่ากระแสการตื่นเก็งกำไรทองคำยังคงเกิดขึ้นอีกหลายครั้งในปีนี้ เพราะประชาชนหันมาเก็งกำไรราคาทองคำกันมากขึ้น เมื่อราคาทองคำปรับลดลงประชาชนก็จะมาซื้อทองคำเพื่อรอขายในจังหวะที่ราคาทองคำสูงขึ้น ซึ่งการซื้อขายทองคำขาเดียว ทำให้ร้านค้าทองคำลำบากมาก และความผันผวนของราคาทองคำในตลาดโลก ทำให้ร้านทองต้องปรับราคาบ่อยมากถึงวันละ 6 ครั้ง และมีโอกาสที่จะขาดทุน

ราคาทองคำ วันที่ 30 มกราคม 2552

ทองคำ 96.5 % รับซื้อ ขายออก เปลี่ยนแปลง
ทองคำแท่ง 14,300 14,400 -50
ทองรูปพรรณ 14,098.80 14,800 -50

. . .



กระทรวงพาณิชย์เรียกผู้ผลิตสินค้าประชุมพิจารณาปรับลดราคาสินค้า

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้น หลังจากครบกำหนดมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสินค้าขยับตัวสูงขึ้น ในวันที่ 30 ม.ค.นี้ กรมการค้าภายในจะเชิญผู้ประกอบการผลิตสินค้ามาร่วมประชุม เพื่อทบทวนต้นทุน และราคาสินค้า

โดยกระทรวงพาณิชย์จะขอความร่วมมือภาคเอกชนปรับลดราคาสินค้าลง เพราะขณะนี้ประชาชนมองว่า เมื่อราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง ทำไมราคาสินค้าไม่ลดลง อย่างไรก็ตาม จะรับฟังเหตุผลของผู้ประกอบการ ว่าหากปรับลดราคาจะประสบปัญหาหรือไม่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะดูแลทุกฝ่ายให้เกิดความเป็นธรรม

สำหรับการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) วันที่ 30 ม.ค.นี้ จะมีการเสนอให้นำกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลัง เป็นสินค้าควบคุม โดยจะกำหนดการเคลื่อนย้ายและการนำเข้าต้องแจ้งปริมาณให้กรมการค้าภายในทราบ เหตุผลที่ดึงสินค้าเกษตรทั้ง 2 ประเภทเป็นสินค้าควบคุม เพื่อป้องกันปัญหาลักลอบนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์ เพื่อกินส่วนต่างราคาในการรับจำนำ

อนึ่ง กลุ่มสินค้า 50 รายการ ที่อยู่ในเป้าหมายการขอให้ปรับลดราคา แยกเป็นหมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดของใช้ประจำวันมากสุดถึง 27 รายการ
โดยหมวดอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ นมถั่วเหลืองพร้อมดื่มยูเอชที ครีมเทียมข้นหวาน กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำดื่มบรรจุภาชนะผนึก ผลไม้บรรจุกระป๋อง น้ำตาลทราย เกลือ ซอสปรุงรสถั่วเหลือง ซอสพริก น้ำจิ้มไก่ ผงชูรส แป้งสาลี วุ้นเส้น เต้าเจี้ยวบรรจุภาชนะ กะทิบรรจุภาชนะ

หมวดของใช้ประจำวัน ได้แก่ ครีมนวดผม เจลแต่งผม ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่น ผลิตภัณฑ์ฟอกผ้าขาว น้ำยาปรับผ้านุ่ม น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ แปรงสีฟัน ก้านสำลีอนามัย ยากำจัดยุงและแมลง หมวดกระดาษและผลิตภัณฑ์ ได้แก่ กระดาษพิมพ์เขียน กระดาษชำระ

สินค้าที่เหลืออีก 23 รายการ อยู่ในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ได้แก่ พัดลม เครื่องดูดฝุ่น เครื่องเล่นวิทยุ-เทป-คอมแพกต์ดิสก์ หมวดบริภัณฑ์ขนส่ง ได้แก่ ยางรถยนต์ หมวดวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ กระเบื้องมุงหลังคา ปูนซีเมนต์ ไม้อัด สีทาบ้าน แท็งก์น้ำ ถังเก็บน้ำ หมวดผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ได้แก่ น้ำมันหล่อลื่น แก๊สหุงต้ม (บริการขนส่ง) พลาสติกห่ออาหาร แก๊สรถยนต์ หมวดยารักษาโรค ได้แก่ ยารักษาโรค ยาแก้ไข้หวัด ยาบรรเทาปวดกล้ามเนื้อ หมวดปัจจัยการเกษตร ได้แก่ รถไถ ตาข่ายกรองแสง จอบ (ราคาไม่รวมด้าม) เสียม (รวมด้าม) และยาปราบศัตรูพืช

. . .



นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานตลอดวัน ดึงหุ้นปิดลดลง 13.35 จุด


การลงทุนในตลาดหุ้นไทย วันที่ 29 ม.ค. ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตลอดทั้งวัน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในขาลง ตามแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงกดดันให้ดัชนีปิดตลาดที่ 435.00 จุด ลดลง 13.35 จุด หรือคิดเป็นร้อยละ 2.98 มูลค่าการซื้อขาย 13,750 ล้านบาท

นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 529 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 346 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 182 ล้านบาท

น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.ไซรัส มองว่า ตลาดหุ้นไทยบวกได้เล็กน้อยในช่วงเช้า จากนั้นลดลง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังเทขายต่อเนื่องตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นช่วง 1-2 วันก่อนหน้านี้ เริ่มไม่ค่อยมีเสถียรภาพ อีกทั้งการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ ทั้งบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย และบริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี ที่ขาดทุนในไตรมาส 4/51 มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทย วันที่ 30 ม.ค.นี้ มองว่า ดัชนียังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เพราะในทางเทคนิคยังดูไม่ดี และที่ผ่านมาเป็นการปรับขึ้นเพียงชั่วคราว เนื่องจากตลาดยังอยู่ในขาลงต่อจนถึงกลางปีนี้ ซึ่งต้องติดตามการประกาศตัวเลขจีดีพีของสหรัฐ และผลประกอบการของบริษัทในเครือ ปตท. หากดีกว่าที่ตลาดคาด ดัชนีอาจปรับขึ้นได้ แต่คงไม่มากนัก ประเมินแนวรับที่ 429 จุด และแนวต้าน 440 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุน เมื่อดัชนีปรับขึ้นแนะนำขายทำกำไร ส่วนผู้ที่มีเงินสดจำนวนมากควรถือต่อ


......




 

Create Date : 29 มกราคม 2552
9 comments
Last Update : 29 มกราคม 2552 21:37:48 น.
Counter : 798 Pageviews.

 

มันจะกลับมาขึ้นถึง 30 บาทกว่าอีกไหมขรั่บท่าน

 

โดย: granun 2 กุมภาพันธ์ 2552 14:02:50 น.  

 



สสารในโลก
ล้วนประกอบด้วยส่วนต่างๆ
กำหนดหน้าที่การทำงานของส่วนนั้นชัดเจน
ร่างกายมนุษย์
มีอะไรบางอย่าง ไม่มีหน้าที่ที่แน่นอนซ่อนอยู่ในหัวใจ
และอยู่นอกเหนือการควบคุม

 

โดย: ดราก้อนวี 7 กุมภาพันธ์ 2552 10:07:10 น.  

 

สุขสันต์วันสีชมพู

Happy Valentine's Day ค่ะ

 

โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) 14 กุมภาพันธ์ 2552 0:37:51 น.  

 

หายไปเลยน๊า ลืมน้องแล้วจิ แงบๆๆ

 

โดย: ไอ้เจ้าเข้ อิอิ IP: 124.122.128.91 14 กุมภาพันธ์ 2552 1:55:16 น.  

 

ทำไมคนใช้91 ต้องรับภาระแทนผู้ใช้น้ำมันอื่นในราคาที่สูงคนที่ใช้91 ไม่มีสิทธิใช้ราคาตามตลาดโลกบ้างเราคนจนเหมือนกันนะ ปชป.ขึ้นทีไรเอาเปรียบคนจนช่วยคนรวยทุกที

 

โดย: arlai IP: 203.114.122.27 16 กุมภาพันธ์ 2552 9:20:20 น.  

 

 

โดย: be-oct4 8 มีนาคม 2552 22:57:25 น.  

 

 

โดย: ดราก้อนวี 18 มีนาคม 2552 11:47:12 น.  

 

คิดถึงลูกเพ่...จังนิ....

 

โดย: ป้าซ่าส์ 15 เมษายน 2552 18:18:07 น.  

 

 

โดย: ดราก้อนวี 22 เมษายน 2552 19:48:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.