Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

7 มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-- ปิดปั๊มหลังเที่ยงคืน 31 ม.ค.ก่อนขึ้นราคาน้ำมัน

. . .



ครม. อนุมัติการจัดสรรงบกลางปี 2552 วงเงิน 1.16 แสนล้านบาท พร้อมอนุมัติ “มาตรการทางภาษี” เพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ขยายเวลามาตรการลดค่าใช้จ่ายประชาชนอีก 6 เดือน


ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายกลางปี 2552 วงเงิน 1.16 แสนล้านบาท เพื่อเสนอสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 ม.ค.นี้ พร้อมทั้งอนุมัติ มาตรการภาษีชุดใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งภาคธุรกิจท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ และช่วยเหลือภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME), การขยายโครงการแทรกแซงราคาพืชผลเกษตร เช่น ข้าว ข้าวโพด มัน และยางพารา, รวมไปถึงการขยายเวลามาตรการลดรายจ่ายให้กับประชาชน ทั้งค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า และรถเมล์ ฟรีต่อไปอีก 6 เดือน ( ก.พ.52-ก.ค.52 )

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าครม.ได้อนุมัติขยายเวลาดำเนินมาตรการลดรายจ่ายให้กับประชาชน ทั้งค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า โดยมีการปรับหลักเกณฑ์ อาทิ เรื่องของค่าน้ำ ปรับลดการใช้ฟรีเหลือ 30 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน จากเดิม 50 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน โดยขยายไปยังผู้ใช้น้ำประปาท้องถิ่นด้วย

ขณะที่ค่าไฟฟ้า ได้ปรับเป็นให้ใช้ฟรีไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน จากเดิมให้ผู้ไช้ไฟฟ้าไม่เกิน 80 หน่วยต่อเดือนใช้ฟรี และคิดครึ่งราคาสำหรับผู้ที่ใช้ตั้งแต่ 80-150 หน่อวยต่อเดือน

(อนึ่ง โครงการรถโดยสารประจำทางฟรี จะมีรถโดยสารธรรมดาในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ให้บริการจำนวน 800 คัน ใน 73 เส้นทาง และโครงการรถไฟชั้น 3 ฟรี จะมีรถไฟชั้น 3 ให้บริการรวม 172 ขบวน)

มาตรการลดภาระค่าครองชีพประชาชน

น้ำประปา ไม่เกิน 30 หน่วยต่อเดือน ฟรี
ไฟฟ้า ไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ฟรี
รถเมล์ ให้บริการรถเมล์ 800 คัน ฟรี
รถไฟ ให้บริการรถไฟ 172 ขบวน ฟรี

นอกจากนี้ มีการอนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.)พิจารณาบรรจุอัตราว่างทั้งสิ้น 2.4 หมื่นอัตรา โดยให้แต่ละกระทรวงกลับไปพิจารณาความจำเป็นในการเพิ่มกำลังคน เพื่อนำเสนอต่อครม.ต่อไป

นายกรัฐมนตรี ยังมอบหมายให้ พล.ต.สนั่น ขจรประสาสน์ รองนายกรัฐมนตรี หาแนวทางเตรียมการป้องกันภัยแล้ง, และให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ดูแลปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติการจัดสรรงบประมาณกลางปี 52 เพื่อเสนอสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 28 ม.ค.นี้
ส่วนด้านการท่องเที่ยว ให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า, ค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติ, และค่าธรรมเนียมการจอดเครื่องบิน โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับผิดชอบเรื่องนี้

. . .


เปิดรายละเอียด 7 มาตรการภาษี

นายกรณ์ จาติกวนิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดแถลงถึงรายละเอียดมาตรการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 7 มาตรการ โดยระบุว่ามาตรการเหล่านี้นอกจากจะช่วยลดภาระให้กับประชาชนแล้ว ยังมีผลต่อการกระตุ้นให้เศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้
มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกอบด้วย

1. มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้ที่จ่ายเงินค่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่ไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน (เฉพาะบ้านสร้างใหม่ ไม่รวมบ้านมือสอง) ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 3 แสนบาท โดยต้องโอนกรรมสิทธิ์ภายในปี 2552 เท่านั้น
ส่วนค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านให้นำมาหักลดหย่อนได้ไม่เกิน 1 แสนบาท รวมเงินได้ที่เว้นภาษีให้ไม่เกิน 4 แสนบาท

นอกจากนี้ให้ต่ออายุการลดค่าธรรมเนียมการโอน, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, และภาษีหัก ณ ที่จ่าย (จากเดิม 3.3% ลดลงเหลือ 0.11%) ถึงเดือนมีนาคม 2553 เนื่องจากต้องการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อบ้านในปี 2552 ซึ่งจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องด้วย คาดว่าจะมีการซื้อขายบ้านใหม่ประมาณ 1 แสนหน่วย

2. มาตรการภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อม ด้วยการขยายวงเงินได้พึงประเมินขั้นต่ำที่ต้องเสียภาษีร้อยละ 0.5 จากเดิม 60,000 บาท เพิ่มเป็น 1 ล้านบาท (ทำให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่เดิมเคยมีเงินได้ตั้งแต่ปีละ 60,000 บาทขึ้นไป ที่เคยเสียภาษี 0.5% ก็ไม่ต้องเสียภาษี และจะเริ่มเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่มีเงินได้ 1 ล้านบาทขึ้นไป) ครอบคลุมผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 9.7 แสนราย

3. มาตรการการช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชน ด้วยการเพิ่มเพดานวงเงินได้ ที่ได้รับยกเว้นภาษีสำหรับวิสาหกิจชุมชนจาก 1.2 ล้านบาท เป็น 1.8 ล้านบาท ให้เฉพาะปีภาษี 2552 เท่านั้น เพื่อเพิ่มรายได้แก่ประชาชน และสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน 58,000 แห่ง

4. มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยให้บริษัท หรือนิติบุคคลต่างๆ สามารถนำค่าใช้จ่าย ในการจัดอบรม, สัมมนาภายในประเทศ (ค่าห้องพัก และค่าห้องสัมมนา) ไปหักภาษีได้ 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง ใช้สำหรับรายจ่ายในปี 2552 เพื่อกระตุ้นธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศ รวมถึงโรงแรม, ร้านค้า, ร้านอาหาร, ธุรกิจขนส่ง และบริษัททัวร์

5. มาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการลงทุนของธุรกิจเงินร่วมลงทุน(Venture capital) โดยขยายเวลาการขึ้นทะเบียนเป็นนิติบุคคลร่วมลงทุน หรือกองทุนร่วมลงทุน (Venture capital fund) ถึงสิ้นปี 2554, และยกเลิกเงื่อนไขที่กำหนดให้ธุรกิจเงินร่วมลงทุนต้องลงทุนใน SME ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียนในปีแรก รวมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้จากกำไรที่ได้รับจาการขายหุ้นของ SME ในกรณีที่ SME เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
เพื่อเป็นการสนับสนุนให้มีแหล่งเงินทุนระยะยาวของ SME และสนับสนุนให้ธุรกิจ SME กระจายหุ้นและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลัดทรัพย์

6. มาตรการสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ โดยยกเว้นภาษีเงินได้แก่ลูกหนี้ที่ได้รับจากการปลดหนี้ของสถาบันการเงินและเจ้าหนี้อื่น, เจ้าหนี้สามารถจำหน่ายหนี้สูญจากการปลดหนี้ดังกล่าวโดยไม่ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ปกติ, นอกจากนี้ ยังยกเว้นภาษีเงินได้, ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, และอากรแสตมป์สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนสินทรัพย์, การขายสินค้า, และการกระทำอันเนื่องมาจากการปรับปรุงโครงสร้างหนี้, ยกเว้นภาษีจากการโอนสินทรัพย์ที่ลูกหนี้นำมาจำนองเป็นหลักประกันการกู้ให้แก่ผู้อื่น ทั้งนี้ เพื่อเร่งรัดปรับโครงสร้างหนี้รองรับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ

7. มาตรการสนับสนุนการปรับโครงสร้างองค์กร ในการปรับโอนกิจการบางส่วน โดยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีธุรกิจเฉพาะ, อากรแสตมป์, และลดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิ์ และนิติกรรม กรมที่ดิน ที่เกิดจากการโอนกิจการบางส่วนให้แก่ผู้ประกอบการที่เป็นบริษัทมหาชนหรือบริษัทจำกัด โดยต้องโอนให้เสร็จภายในสิ้นปี 2552 ทั้งนี้ เพื่อเร่งรัดการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีการดำเนินงานอย่างใประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันได้ ลดภาระค่าใช้จ่าย

รัฐบาลจะสูญเสียรายได้จากภาษี ในการดำเนินมาตรการดังกล่าวรวมประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยมาตรการทางอสังหาริมทรัพย์จะทำให้สูญเสียรายได้ประมาณ 36,500 ล้านบาท, มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะทำให้สูญเสียรายได้ภาษี 1,800 ล้านบาท, มาตรการช่วยเหลือธุรกิจ SME จะเสียรายได้ภาษีประมาณ 1,400 ล้านบาท, และมาตรการช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนจะสูญเสียรายได้ประมาณ 200 ล้านบาท

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าถึงแม้จะสูญเสียรายได้จากภาษีดังกล่าว แต่รัฐบาลได้คำนวณแล้วว่าผลที่ได้มาจะมีความคุ้มค่าในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น มาตรการช่วยเหลืออสังหาริมทรัพย์จะมีผลให้ธุรกิจต่อเนื่องมีการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจถึง 3 เท่า เป็นต้น นอกจากนี้ การเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะช่วยมาชดเชยภาษีที่สูญเสียไปจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวได้

. . .



ครม. อนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ให้ลดค่าธรรมเนียมวีซ่า-ค่าธรรมเนียมเข้าชมอุทยานแห่งชาติ-การธรรมเนียมการจอดเครื่องบิน


นายพุฒิพงษ์ ปุญณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว 6 มาตรการหลัก คือ การยกเว้นค่าวีซ่าเข้าประเทศสำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นเวลา 3 เดือน โดยครม.อนุมัติเงินชดเชยให้กับกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ 800 ล้านบาท

มาตรการช่วยลดภาระธุรกิจโรงแรม ให้ชะลอการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าพักห้องละ 80 บาท และลดการเก็บค่าประกันการใช้ไฟฟ้าจากที่กำหนด 2 เดือน, ลดค่าธรรมเนียมการเข้าชมอุทยานแห่งชาติลง 2 ปี โดยจะได้รับงบประมาณชดเชยจากภาครัฐ 250 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังมีการลดค่าธรรมเนียมการขึ้น-ลงของอากาศยาน (landing fee) และค่าธรรมเนียมที่เก็บอากาศยาน (parking fee) โดยสนามบินในความดูแลของกรมการขนส่งทางอากาศ และสนามบินอู่ตะเภาของกองทัพเรือจะลดให้ 50% ส่วนสนามบินนานาชาติภายใต้การบริหารของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) จะลดค่าธรรมเนียมให้สายการบินพาณิชย์ 20% และเช่าเหมาลำลด 50% โดยรัฐจะชดเชยให้ AOT ประมาณ 507 ล้านบาท

พร้อมกันนั้น ยังได้พิจารณามาตรการขอความร่วมมือกับผู้ประกอบการในการลดค่าตั๋วเครื่องบิน อาจออกมาในลักษณะซื้อ 1 แถม 1 เพื่อประชาสัมพันธ์ประเทศไทย โดยมาตรการทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้ทันที
นายพุฒิพงษ์ ปุญณกันต์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบเพิ่มวงเงินเพื่อรับจำนำสินค้าเกษตร 13,580 ล้านบาท เป็นเงินกู้ 12,625 ล้านบาท เป็นเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 955 ล้านบาท เพื่อใช้รับจำนำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา โดยกำชับให้ดำเนินการแล้วเสร็จตามข้อผูกพันที่คณะรัฐมนตรีเดิมอนุมัติไว้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำบทเรียนในอดีตมาทบทวน เพื่อหาแนวทางอื่นที่เหมาะสมกับสถานการณ์และให้มีการตรวจสอบการใช้เงินอย่างเข้มงวด

. . .



กรมธุรกิจพลังงาน ตรวจสต๊อคน้ำมัน ก่อนเริ่มจัดเก็บภาษีสรรพสามิตวันที่ 1 ก.พ.นี้

กรมธุรกิจพลังงานขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมัน เจ้าของสถานีบริการ และหน่วยงานภาครัฐ ปฏิบัติตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ในกรณีสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพสามิต ตามมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนหลังครบกำหนด 6 เดือน ในวันที่ 31 มกราคม 2552 ที่จะถึงนี้

ตามที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากราคาน้ำมันแพง โดยลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค. 51 ถึงวันที่ 31 ม.ค.52 ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ อี 20 น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 5 ปรับลดลง

ขณะนี้ใกล้สิ้นสุดระยะเวลา 6 เดือน ตามมาตรการดังกล่าวแล้ว และรัฐบาลไม่มีนโยบายขยายระยะเวลาของมาตรการออกไป ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง จะปรับเพิ่มขึ้น ในวันที่ 1 ก.พ. 52

ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องตรวจวัดปริมาณน้ำมันคงเหลือ ณ คลังน้ำมันของผู้ค้าน้ำมันและสถานีบริการทุกรายทั่วประเทศอีกครั้งหนึ่ง เพื่อเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากส่วนต่างของราคาน้ำมันขายปลีกที่ปรับเพิ่มขึ้น

กรมธุรกิจพลังงานจึงขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันให้หยุดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของวันที่ 31 ม.ค. 52 เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจวัดสต๊อคน้ำมัน และให้แจ้งปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ในระหว่างการขนส่งที่ซื้อหรือได้มาก่อนเวลา 24.00 น. ต่อกรมธุรกิจพลังงานอย่างช้าไม่เกินวันที่ 4 ก.พ. 52

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจวัดสต๊อคน้ำมัน และไม่หยุดจำหน่ายน้ำมัน ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 31 ม.ค. 52 เป็นต้นไป จนกว่าเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจวัดเสร็จ จะมีความผิดตามพระราชกำหนดแก้ไขและป้องกันภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2516 คือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ สำนักบริการธุรกิจและการสำรองน้ำมันเชื้อเพลิง กรมธุรกิจพลังงาน โทร.0-2513-8943-7 ต่อ 1803-5, 1807-9

. . .



ธนาคารกสิกรไทย - ธนาคารกรุงเทพ ประกาศลดดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ลง 0.25-0.50%


ธนาคารกสิกรไทย ประกาศลดดอกเบี้ยทั้งเงินฝากและเงินกู้ โดยลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% และลดดอกเบี้ยเงินฝากประจำลง 0.35-0.50% ส่วนธนาคารกรุงเทพประกาศลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% และลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25-0.50% มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.เป็นต้นไป

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ ในขณะนี้ โดยได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภทลง 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อยู่ที่ 6.50% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 6.75% และ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อยู่ที่ 7.0%

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 3 เดือน ลดลง 0.35-0.50% จาก 1.35-1.75% มาอยู่ที่ 1.0-1.25% เงินฝากประจำ 6 เดือน ลดจาก 1.50-1.75% มาอยู่ที่ 1.15-1.25% เงินฝากประจำ 12 เดือน ลดจาก 1.60-1.75% มาอยู่ที่ 1.25% เงินฝากประจำ 24 เดือน ลดจาก 2.25-2.50% มาอยู่ที่ 1.75-2.0% และเงินฝากประจำ 36 เดือน ลดจาก 2.50% มาอยู่ที่ 2.0%

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ สำหรับนิติบุคคล สถาบันการเงิน กองทุน โรงพยาบาล สถานศึกษา หน่วยราชการ ลดจาก 0.50% มาอยู่ที่ 0.25% ส่วนอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาทั่วไป ยังคงอยู่ที่ 0.75% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2552 เป็นต้นไป

ด้านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภทลง 0.25-0.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง 0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.52 เป็นต้นไป โดยอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับลดมาอยู่ที่ 6.50% จาก 6.75% อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับมาที่ 6.75% จาก 7.00% และอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับมาที่ 7.00% จาก 7.25%

สำหรับอัตราเงินฝากประจำ 3 เดือน ปรับลดเหลือ 1.25% สำหรับวงเงินฝากน้อยกว่า 3 ล้านบาท และ 1.50% สำหรับวงเงินฝากตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป เงินฝากประจำ 6 เดือน อยู่ที่ 1.50% จาก 1.75%, เงินฝากประจำ 24 เดือน อยู่ที่ 2.00% จาก 2.50% และเงินฝากประจำ 36 เดือน อยู่ที่ 2.00% จาก 2.50%


. . .






 

Create Date : 20 มกราคม 2552
1 comments
Last Update : 20 มกราคม 2552 21:31:08 น.
Counter : 1514 Pageviews.

 

 

โดย: be-oct4 21 มกราคม 2552 9:23:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.