Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
7 มกราคม 2552
 
All Blogs
 

ต่ออายุ 6 มาตรการฝ่าวิกฤติ - นัดพบแรงงานทุกวันเสาร์ - อนุมัติงบช่วยเหลือผู้ว่างงาน

. . .

ครม.เศรษฐกิจ ต่ออายุมาตรการ น้ำ-ไฟ-รถเมล์ ฟรีอีก 6 เดือนนับจาก 1 ก.พ.นี้

ครม.เศรษฐกิจ อนุมัติต่ออายุมาตรการฟรี 6 เดือน ทั้งน้ำ ไฟ รถเมล์ โดยจะปรับปรุงในรายละเอียด พร้อมยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน มีผล 1 ก.พ.นี้ เพราะราคาปรับลงแล้ว

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้านเศรษฐกิจ โดยระบุว่า ครม.มีมติให้ต่ออายุ 6 มาตรการของรัฐบาลชุดที่แล้ว ออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งทั้ง 6 มาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 ยกเว้นมาตรการ ยกเว้นการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพื่อให้สามารถนำเงินภาษีมาใช้ได้มากขึ้น

ทั้งนี้ รัฐบาลจะมีการปรับมาตรการที่เหลือ ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ให้สามารถช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง อาทิ ค่าไฟ ให้ปรับจำนวนยูนิตที่ให้ใช้ฟรีลดลงเหลือประมาณ 80-100 ยูนิต โดยจะให้กระทรวงพลังงานไปคำนวณในรายละเอียด ส่วนรถเมล์ฟรีเพื่อประชาชน จะให้บริการฟรีแต่จะมีการปรับปรุงบริการ

ในส่วนของงบประมาณกลางปี 1 แสนล้านบาท จะมุ่งเน้นให้ความช่วยเหลือ 9 กลุ่มเป้าหมาย แต่มาตรการจะเป็นอย่างไร ต้องสรุปกันอีกครั้ง โดยจะนำเข้าที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ในวันที่ 29 มกราคม 2552 และอย่างช้าที่สุด คาดว่า จะถึงมือประชาชนได้ในวันที่ 1 เมษายน 2552

. . .



รัฐบาลจะใช้เงินกองทุน 3,000 ล้านบาท พยุงราคาน้ำมัน หลังจบมาตรการเว้นภาษีสรรพสามิตน้ำมัน 1 ก.พ.นี้


นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงาน จะนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าดูแลราคาน้ำมันไม่ให้ปรับสูงมากนัก หลังรัฐบาลประกาศไม่ต่ออายุการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและแก๊สโซฮอล์ หลังครบกำหนดมาตรการในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากนายกรัฐมนตรี มองว่า หากราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป จะทำให้เกิดการใช้น้ำมันอย่างฟุ่มเฟือย

โดยคาดว่าจะใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ มาพยุงราคาไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท ในการชะลอการปรับขึ้นราคาน้ำมันในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 จากนั้นภาษีน้ำมันจะปรับเพิ่มเท่าเดิม ทำให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ปรับขึ้น 3.30 บาทต่อลิตร , ดีเซลบี 2 ปรับขึ้น 2.30 บาทต่อลิตร และดีเซลบี 5 ปรับขึ้น 2.10 บาทต่อลิตร ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างดูรายละเอียด อาจปรับราคาขึ้นแต่ไม่สูงจนเกินไป จากนั้นจะทยอยปรับราคาขึ้นให้สะท้อนกับราคาตลาดโลก

. . .



ครม.อนุมัติงบ 5,200 ล้านบาท ช่วยคนตกงาน


นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้อนุมัติแผนรองรับแรงงานส่วนที่ว่างงาน ซึ่งแบ่งการช่วยเหลือใน 3 กลุ่ม คือ คือ กลุ่มแรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างที่อาจจะสูงถึง 8-9 แสนราย, กลุ่มภาคการเกษตร หรือผู้ประกอบการรายย่อยในชนบท, และกลุ่มนักศึกษาจบใหม่ประมาณ 6-7 แสนราย โดยจะจัดให้มีการฝึกอบรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อสร้างอาชีพใหม่ หรือมีความถนัดด้านฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของตลาด

โดยได้รับวงเงินอนุมัติจาก ครม.เศรษฐกิจ จำนวนกว่า 5,200 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะรองรับแรงงานว่างงานได้ 5 แสนคน โดยจะใช้เงินในส่วนของงบประมาณกลางปี 2552 เพราะจะเบิกจ่ายได้รวดเร็วกว่ารองบประมาณประจำปี 2553

สำหรับเงินบรรเทาผลกระทบจากการว่างงานอีกส่วนหนึ่ง ทางสำนักงานกองทุนประกันสังคมจะนำเงินกองทุนจำนวน 10,000 ล้านบาท ไปฝากที่ธนาคารของรัฐเพื่อให้ใช้เป็นเงินทุนสำหรับปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยแบบผ่อนปรน

โดยปล่อยกู้ให้กับโรงงานในวงเงิน 6,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 5 มีเงื่อนไขห้ามปรับลดหรือปลดคนงาน

ส่วนอีก 4,000 ล้านบาท จะปล่อยกู้ให้กับแรงงานที่เป็นสมาชิกกองทุนประกันสังคม อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 โดยมีเงื่อนไขผ่อนปรนกว่าการปล่อยกู้ปกติ เพราะเป็นโครงการพิเศษเพื่อช่วยปัญหาการว่างงาน

โดยในวันที่ 8 ม.ค.นี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)จะมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงระหว่างกองทุนประกันสังคมที่จะนำเงินกองทุนฯ มาฝากที่ ธ.ก.ส.วงเงิน 4,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 1% เพื่อให้ ธ.ก.ส.นำไปปล่อยสินเชื่อต่อแก่ผู้ว่างงานและบัณฑิตจบใหม่ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย 6% ซึ่งต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยปกติในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 7.25%
“งบ 5,200 ล้านบาท เป็นเฉพาะในส่วนของกระทรวงแรงงานเพื่อจัดโครงการฝึกอบรม แต่โครงการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาแรงงานคาดว่าต้องใช้งบรวม 20,000 ล้านบาท โดยกระจายไปตามกระทรวงต่างๆ”

. . .



"โฆสิต" หนุน รัฐบาลอนุมัติงบกระตุ้นเศรษฐกิจ และช่วยเหลือการว่างงาน


นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวแสดงความเห็นด้วยในการที่ครม.จะเพิ่มงบกลางปีกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 แสนล้านบาท และใช้งบประมาณช่วยเหลือการว่างงาน 5,200 ล้านบาท เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแลในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่สิ่งสำคัญรัฐบาลจะต้องมีการใช้งบประมาณให้ตรงจุดและถึงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้มีผลทางเศรษฐกิจ

นายโฆสิต กล่าวว่า การใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญ คือ จะต้องให้ถึงมือประชาชนระดับรากหญ้า และเกษตรกรซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปดูแล

ส่วนการต่ออายุ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตฯ มองว่าเป็นการบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว หากระยะยาวประชาชนปรับตัวได้ รัฐบาลก็ควรยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพราะไม่ทำให้เกิดผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง

นายโฆสิต กล่าวว่า 2-3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะอยู่ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่เติบโตช้า การค้าระหว่างประเทศขยายตัวต่ำกว่าในอดีต และประเทศไทยมีโอกาสเจอปัญหาเงินเฟ้อสลับกับภาวะราคาสินค้าตกต่ำ ทำให้การบริหารธุรกิจยากขึ้น เนื่องจากทั้งตลาดรองรับและราคามีความไม่แน่นอน

หากประเทศไทยจะผ่านพ้นปัญหาดังกล่าวได้จะต้องดำเนินการ 2 เรื่อง คือ ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น เนื่องจากเป็นหลักบริหารจัดการที่ทำให้เกิดการพอดี และไมใช่นโยบายการเงินการคลังสุดโต่งเกินไป เช่น การจัดทำงบประมาณขาดดุลก็จะทำให้รัฐบาลมีหนี้สินมากขึ้น ขณะที่การลดดอกเบี้ยมากเกินไป จะทำให้ผู้ออมเงินได้รับผลกระทบ

นอกจากนี้ ให้เปลี่ยนแนวคิดที่จะเน้นการสร้างความร่ำรวย เพราะเป็นปัญหาที่ทำให้ประเทศสหรัฐฯ เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบัน แต่ควรหันมาปรับปรุงประสิทธิภาพ และเน้นการสร้างเทคโนโลยีสีเขียว เพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นแนวทางในการบริหารเศรษฐกิจให้เกิดความยั่งยืน

. . .



กระทรวงแรงงาน จัดงานนัดพบแรงงานทุกวันเสาร์ เริ่มวันที่ 17 ม.ค.นี้


นายพิชัย เอกพิทักษ์ดำรง อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือคนตกงานจากวิกฤติเศรษฐกิจ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน จึงจัดงานนัดพบแรงงานภายในบริเวณกระทรวงแรงงาน ทุกวันเสาร์ โดยจะเชิญนายจ้าง สถานประกอบการ มาสัมภาษณ์ และรับสมัครคนหางานโดยตรงกว่า 30 บริษัท ตำแหน่งงานว่างกว่า 10,000 อัตรา

นอกจากนี้ ยังมีบริการอื่นๆ จากหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน อาทิ การให้คำปรึกษากฎหมายแรงงาน, การขอรับสิทธิประกันสังคม, การรับสมัครฝึกอาชีพ, การสาธิตการประกอบอาชีพอิสระ, และบริการให้คำปรึกษาจากกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

การนัดพบแรงงานจะเริ่มจัดงานครั้งแรกวันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552 ระหว่างเวลา 09.00-16.00 น. โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีเปิดงานทั้งนี้ ผู้ที่มาสมัครงานในวันดังกล่าว มีสิทธิร่วมชิงรางวัลสร้อยคอทองคำ โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย

ส่วนครั้งต่อไป จะจัดงานในวันที่ 24, 31 มกราคม 7, 14, 21 กุมภาพันธ์ และ 7, 14, 21, 28 มีนาคม 2552

กรมการจัดหางานจึงขอเชิญชวน ผู้ถูกเลิกจ้าง คนว่างงาน และประชาชนทั่วไป ร่วมงานนัดพบแรงงาน ในวัน เวลา และสถานที่ดังกล่าว โดยผู้ที่ประสงค์จะสมัครงานขอให้เตรียมเอกสาร เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาวุฒิการศึกษา รูปถ่าย 1-2 นิ้ว ประวัติย่อ (ถ้ามี) หลักฐานการเกณฑ์ทหาร(ถ้ามี) ใบผ่านงาน (ถ้ามี) และแต่งกายสุภาพเพื่อเตรียมพร้อมรับการสัมภาษณ์กับนายจ้าง สอบถามรายละเอียดได้ที่ กองพัฒนาระบบบริการจัดหางาน กรมการจัดหางาน โทร. 0 2246 9292 หรือโทรสายด่วน 1694

. . .




กระทรวงเกษตรฯ เตรียมออกกฎหมายคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม หลังมีต่างชาติรุกซื้อที่นา

เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยกร่างกฎหมายคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม นายธวัชชัย สำโรงวัฒนา รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมยกร่างกฎหมายคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อป้องกันการขยายตัวของเขตเมืองเข้าไปยังพื้นที่การเกษตร และป้องกันไม่ให้นายทุนครอบครองพื้นที่การเกษตรที่มีอยู่ 130 ล้านไร่ทั่วประเทศ

ปัจจุบันกฎหมายพัฒนาที่ดินยังมีช่องโหว่ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการใช้สิทธิ์เช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาวของคนต่างด้าว และการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ

นอกจากนี้ ปีที่แล้วราคาข้าวสูงขึ้นมาก จึงเป็นเหตุจูงใจให้ชาวต่างชาติตั้งตัวแทนบริษัท (นอมินี) ขึ้นมา บางรายแต่งงานกับคนไทย เพื่อสวมสิทธิ์ทำการเกษตร โดยเช่าที่นารกร้างเพื่อปลูกข้าวแล้วส่งกลับประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ทั้งนี้ ระหว่างไม่มีกฎหมายฉบับนี้ ได้ประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกกฎกระทรวง ให้สามารถสอบสวนการขอใช้สิทธิ์ของคนต่างด้าวแล้ว พร้อมเตรียมออกมาตรการป้องกัน เช่น ผู้ถือครองพื้นที่มากกว่า 50 ไร่ ต้องขึ้นทะเบียนกับกระทรวงเกษตรฯ เก็บภาษีเช่านาอัตราก้าวหน้า เพิ่มบทลงโทษกรณีชาวต่างชาติใช้สิทธิ์นี้ รวมทั้งรณรงค์ปลูกจิตสำนึกในการใช้พื้นที่เกษตร ซึ่งถือว่าเป็นความมั่นคงของชาติ

. . .



บีโอไอ จัดงานนายกรัฐมนตรี พบนักลงทุน วันที่ 19 ม.ค. นี้

นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ กำหนดจัดงาน “นายกรัฐมนตรี พบนักลงทุน” ในวันที่ 19 มกราคม เพื่อเป็นเวทีในการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักธุรกิจและนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะชี้แจงถึงมาตรการเร่งด่วนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแผนรองรับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย พร้อมมาตรการต่าง ๆ ที่จะดูแลนักลงทุนในประเทศให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างสะดวกและราบรื่นรวมทั้งจะมีการเสนอให้สิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจที่ชะลอการเลิกจ้างงานในขณะนี้ด้วย

สำหรับงาน “นายกรัฐมนตรี พบนักลงทุน” จะจัดขึ้นที่ห้องนภาลัยบอลรูม โรงแรมดุสิตธานี เริ่มตั้งแต่เวลา 11.00 น. โดยนายกฯจะปาฐกถาพิเศษ ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป จากนั้นในเวลาประมาณ 13.40 น. นายกฯจะเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้สอบถามปัญหา และข้อสงสัยต่างๆ

. . .

ปตท.ขึ้นราคาดีเซล-เบนซิน 60 สตางค์ ตามผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ มีผลวันที่ 8 ม.ค.นี้

ปตท.ประกาศปรับราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิดขึ้น 60 สตางค์/ลิตร (ยกเว้นแก๊สโซฮอล์ E85) มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป
ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในกรุงเทพฯและปริมณฑล เป็นดังนี้
เบนซิน 91 อยู่ที่ 21.39 บาท/ ลิตร
แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 16.89 บาท/ ลิตร
แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 16.09 บาท/ ลิตร
แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 15.59 บาท/ ลิตร
แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 18.89 บาท/ ลิตร
ดีเซล อยู่ที่ 18.94 บาท/ ลิตร
ไบโอดีเซล อยู่ที่ 17.44 บาท/ ลิตร

เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบดูไบปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 48.48 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล (สูงขึ้น 11.74 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล) น้ำมันสำเร็จรูปสิงคโปร์ เบนซินขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 50.33 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล (สูงขึ้น 11.46 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล) และดีเซลขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 64.81 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล (สูงขึ้น 10.12 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล)

สำหรับสาเหตุที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น เป็นผลจากการสู้รบระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่ยืดเยื้อมากว่า 2 สัปดาห์ และล่าสุดทวีความรุนแรงขึ้น โดยอิสราเอลส่งกองกำลังภาคพื้นดินเข้ากวาดล้างกลุ่มฮามาส ประกอบกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียมีความต้องการน้ำมันเพิ่มขึ้น เช่น เวียดนาม และอินโดนีเซีย ขณะที่ผู้ประกอบการกลั่นรายใหญ่ เช่น จีนและญี่ปุ่น ได้ลดอัตราการกลั่นน้ำมันลง

. . .




 

Create Date : 07 มกราคม 2552
0 comments
Last Update : 7 มกราคม 2552 20:06:21 น.
Counter : 687 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.