ศิลปิน "เอเอฟ 8" และอาสาสมัครพลิกฟื้นชีวิตธรรมชาติ 57 คน ร่วมปลูกจิตสำนึกรักษ์น้ำ โดย Tea Tree Heart พาหนุ่มสาวหัวใจสีเขียวออกทริปอนุรักษ์ธรรมชาติ "สร้างฝายชะลอน้ำตามรอยพ่อ และ Walk Rally ปลูกป่าชายเลน"
เป็นอีกหนึ่งโครงการรักษ์ธรรมชาติ "Tea Tree Heart หนุ่มสาวหัวใจสีเขียว" โดยความร่วมมือของ บริษัท ฟาร์มาคอสเม็ท จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว ที ทรี, WWF ประเทศไทย, มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) (FEED), การท่องเที่ยวออสเตรเลีย (Tourism Australia), Ecotourism Australia, สายการบินแควนตัส (Qantas Airways) และทรู มิวสิค (True Music) จึงได้จัดทริปอนุรักษ์ธรรมชาติสร้างฝายชะลอน้ำตามรอยพ่อ จ.ประจวบคีรีขันธ์
นายธีรยุทธ ลออพันธ์พล รองผู้อำนวยการฝ่ายสิ่งแวดล้อมศึกษา มูลนิธิสิ่งแวดล้อมศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (ประเทศไทย) พาอาสาสมัครพลิกฟื้นชีวิตธรรมชาติ 57 คน และ 6 ศิลปิน AF 8 แพรว, คชา, เฟรม, เต๋า, เจมส์ และไทด์ มาร่วมปฏิบัติภารกิจ "สร้างฝายชะลอน้ำตามรอยพ่อ และ Walk Rally ปลูกป่าชายหาด" เพื่อให้หนุ่มสาวหัวใจสีเขียวเห็นคุณค่าและมีส่วนร่วมในการรักษาทรัพยากรน้ำ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาหากเข้าฤดูฝน บริเวณพื้นที่กุยบุรีฝนจะต้องตกตามฤดูกาล แต่ 3 ปีที่ผ่านมาฝนไม่ตก ซึ่งมาในปีนี้แห้งแล้งมาก การสร้างฝายชะลอน้ำของอาสาสมัครพลิกฟื้นชีวิตธรรมชาติในครั้งนี้จึงเป็นประโยชน์ และจะช่วยกักเก็บน้ำยามที่ฝนตก ทำให้ป่ากลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง และทำให้บรรดาสัตว์น้อยใหญ่มีแหล่งน้ำ แหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น
ดร.โรเบิร์ต สไตเมทซ์ หัวหน้าฝ่ายชีววิทยาการอนุรักษ์ WWF ประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าอนุรักษ์เสือโคร่งในพื้นที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี กล่าวว่า การสร้างฝายชะลอน้ำเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยฟื้นฟูให้ป่ากลับมามีความอุดมสมบูรณ์ ให้สัตว์ป่าน้อยใหญ่มีอาหาร เพราะจากสภาพภัยแล้ง อุทยานแห่งชาติกุยบุรีฝนไม่ตกเป็นระยะเวลาถึง 3 ปี ทำให้เสือโคร่งซึ่งเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติขาดแคลนอาหาร เพราะเหยื่อของเสือโคร่ง เช่น กวาง หมูป่า กระทิง มีปริมาณลดลง เนื่องจากขาดแหล่งอาหารที่สมบูรณ์ กลายเป็นปัญหาแบบลูกโซ่
อาสาสมัคร ที ทรี ฮาร์ท น.ส.ณัฐนรี พิเชฐพงศา (ปลา) อายุ 18 ปี ปัจจุบันศึกษาที่ เดร็กเซล ยูนิเวอร์ซิตี้ กล่าวว่า อยากเห็นพื้นที่ป่าอุทยานในเมืองไทยมีความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ แต่เมื่อได้มาเห็นจริงๆ กลับเป็นสภาพป่าที่แห้งแล้งกว่าที่คิดไว้มาก อยากให้ทุกคนช่วยกันรักษาน้ำให้อยู่กับป่า ขณะที่ น.ส.ปภาวี โชติประทุมเวช (จิน) อายุ 20 ปี นักศึกษาปีที่ 3 คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร อาสาสมัคร ที ทรี ฮาร์ท กล่าวว่า พอได้มาร่วมทริปในครั้งนี้ รู้สึกว่าน้ำเป็นสิ่งมีค่ามาก ถ้าเราใช้อย่างฟุ่มเฟือย ละเลยการดูแล จะกลายเป็นสิ่งหายาก เพราะน้ำเป็นแหล่งกำเนิดของสิ่งมีชีวิต ถ้าไม่มีน้ำสิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็อยู่ไม่ได้
น.ส.มัลลิกา เตชวุฒิวัฒน์ (เม) อายุ 27 ปี อาชีพนักเขียนอิสระ อาสาสมัคร ที ทรี ฮาร์ท กล่าวว่า ที่ผ่านมารู้จักฝายชะลอน้ำจากหนังสือ และได้มาเรียนรู้ขั้นตอนและประโยชน์จากการสร้างฝายในครั้งนี้ ทำให้รู้ว่าปัญหาขาดแคลนน้ำเป็นปัญหาที่สำคัญ ในภาวะขาดแคลนน้ำถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้ และนายอมรเชษฐ์ ตติรัตนภูมิ (พง) อายุ 31 ปี อาชีพจัดซื้อ บริษัท สหวิศวการ จำกัด อาสาสมัคร ที ทรี ฮาร์ท กล่าวว่า น้ำทำให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ ถ้าขาดน้ำสิ่งมีชีวิตก็จะอยู่ไม่ได้ จึงต้องช่วยกันรักษาน้ำให้ดีที่สุด รู้จักใช้ รู้จักประหยัด ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่าทิ้งขยะ ของเสียลงในแม่น้ำลำคลอง เพราะของเสียเหล่านี้จะส่งผลเสียย้อนกลับมาหาเราอย่างแน่นอน.