Group Blog
 
All blogs
 

The Lake ทะเลสาบ _ ความเหงาที่งดงาม


Shortlisted for the Man Asian Literary Prize

The Lake : ทะเลสาบ
โยชิโมโต บานานา เขียน
ฮิโรโกะ ลิวิภูวัฒน์ แปล
สำนักพิมพ์ earnest 
.....................

ฉันติดนิสัยชอบชมวิวตรงหน้าต่าง
นาคาจิมะคุงก็เช่นกัน
จนมาวันหนึ่งก็เริ่มสังเกตเห็นกันและกัน
และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ทักทายกันแล้ว
คนที่ทักทายเวลาสบตาใครจากหน้าต่างอีกบาน
คงหายากในเมืองหลวง
แต่ที่บ้านนอกที่ฉันเคยอยู่นั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา

ฉันเริ่มติดนิสัยเปิดหน้าต่างทันทีที่ลืมตาตื่น
เพื่อมองบานหน้าต่างของนาคาจิมะคุง
โดยที่ไม่ได้สนใจว่าฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วหรือยัง
หรือผมเผ้าจะรุงรังเพียงไหน
ตอนนั้นฉันเชื่อว่า เราไม่มีวันจะมาอยู่ใกล้กัน

และแล้ว เราก็ค่อย ๆ เข้าใกล้กัน ทีละหนึ่งมิลลิเมตร

จากคำโปรยเรื่องราวเริ่มต้นที่บนปกหลัง ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้นึกถึงเลย นอกจากมโนไปว่านี่คงจะเป็น มนต์รักข้างหน้าต่าง เดอะบอยเน็กซ์วินโดว์ คนที่ใช่ใกล้ๆ กัน และนั่นต้องน่าสนใจมากแน่ๆ จึงต้องทำมึน ทำลืมว่ามีกองดองใหญ่โตอยู่ไปชั่วขณะหนึ่ง โดยปกติยังมีช่วงเวลาให้ 'มารขาว-มารดำ' ในจิตใจได้รบรากันบ้าง  'หยุด' หรือ 'อย่าหยุดยั้ง' (ฝ่ายหลังช่างมีพละกำลังแก่กล้ายิ่งนัก)แต่ด้วยปกสีน้ำในความมืดที่ทึบทึมขัดหูขัดตาอย่างแรง ราวกับมันจะตะโกนบอกว่า ฉันไม่ใช่หนังสือมนต์รักข้างหน้าต่างอย่างที่เธอแอบคิดอย่างแน่นอน เรียกร้องความสนใจขนาดหนักจึงต้องจัดมาอย่าให้เสีย

อ่านจบแล้ว นึกไม่ออก บอกไม่ถูก ว่าจะเขียนรีวิวหนังสือเล่มนี้อย่างไร มันไม่ใช่ความโรแมนติกใส แต่ก็ไม่โรแมนติกมืดซะทีเดียว  มันอาจจะหม่นมัว ทึบทึม แต่มันก็มีแสงรำไรของความหวัง ที่ค่อยๆ สว่างขึ้น  และทอประกายแห่งความสุข เป็นแสงรำไรในความทึม เหมือนอย่างหน้าปกหนังสือนั่นรึเปล่านะ

น่าแปลกที่ตัวเราเอง ไม่ใช่คนที่จะนึกสรรหาหนังสือโทนอารมณ์อย่างนี้มาอ่าน เพราะมันจะเริ่มรู้สึกหนักตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ทุกครั้งที่ได้อ่าน.. ก็จะหลงติดตามอารมณ์อย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ แล้วก็ลงเอยด้วยความชอบ

คนสองคนที่มาเจอกัน ด้วยหัวใจที่คำว่าต่างคนต่าง 'เหงา' ไม่น่าจะใช่คำที่ตรงพอ เหงาน่ะเหงาแน่ ขนาดอ่านยังรู้สึกเหงาไปด้วยเลย แต่มันเหมือนจะมีอะไรมากกว่านั้น

ต่างคน ต่างเติบโตมาจากครอบครัวที่ ..ไม่ปกติ 
และต่างคนต่างเสียแม่..ผู้เป็นหลักที่พึ่งทางใจ
คนหนึ่ง 'ขาดพร่อง' คนหนึ่ง 'แหว่งวิ่น'
ความเปราะบางของจิตใจ ส่งผลให้ความสัมพันธ์อ่อนแอ
ความรู้สึกเกิดขึ้นบนรากฐานของจิตใจที่กะปลกกะเปลี้ยไม่มีความมั่นคงเลยสักนิด  
ย่อมเป็นความรักที่เปราะบางอย่างน่ากลัวจะแตกสลายลงง่ายดาย

เหมือนคนสองคนที่หาตัวเองไม่เจอมานานทั้งชีวิต  การได้พบอีกฝ่าย เป็นความรู้สึกของการได้ค้นพบจุดหมายปลางทางเสียที คนที่จะเป็นบ้าน เป็นที่ทางของตัวเอง ที่ความสุขจะเริ่มต้นขึ้น 

'บานานา ยังคงมาพร้อมกับบรรยากาศเหงาๆ แต่ความเหงาก็มีด้านที่งดงามของมัน  เมื่อคนเหงาสองคนมาเจอกัน ความงดงามนั้นจึงค่อยๆ ปรากฏออกมา พาหัวใจให้ช่วยประคับประคองกันไปจนตลอดรอดฝั่ง'

'พร้อมหรือยังที่จะขยับเข้าใกล้ความเหงา เพื่อที่เราสองคนจะได้มาเจอกัน'

ใช่ .. เข้าใกล้กันทีละหนึ่งมิลลิเมตร

'ชิฮิโระ'  เรียนจบมหาวิทยาลัยศิลปะ และเริ่มทำงานเป็นช่างเขียนภาพ ศิลปินที่สะท้อนจิตใจในเบื้องลึกผ่านความรู้สึกนึกคิดเกี่ยวกับพ่อแม่ สภาพแวดล้อมที่เติบโต รวมทั้งงานศิลปะของตัวเอง ถือเป็นวิธีการบอกเล่าที่ทำให้นึกนิยมผู้แต่งมากทีเดียว 

ส่วนตนเป็นคนที่ชอบงานเขียนลักษณะนี้ คือการที่ตัวละครจะบอกเล่าสิ่งต่างๆ รอบตัว เหมือนเรียบง่าย เหมือนเรื่อยๆ แต่สะท้อนความลึกในอารมณ์ที่มีอยู่มากกว่าที่เล่า และนั่นก็คือความขมขื่น

'นาคาจิมะ' นักศึกษาปริญญาโท ภาควิจัยทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขาคือความแปลก คือคนที่ทุกข์ทรมานอยู่กับอะไรบางอย่างที่ลึกล้ำ เป็นความมืดมนที่ชิฮิโระหยั่งไปไม่ถึง และก็กลัวที่จะเข้าไปถึงในสักวัน

'ไม่ว่าโลกนี้จะงดงามเพียงใด ก็ไม่อาจพยุงเขาไว้ได้อีกต่อไป ฉันรู้สึกได้จากส่วนลึกของวิญญาณเลยทีเดียว'

'วันคืนที่ไม่มีอะไรแน่นอนของเราสองคน มีสิ่งที่แน่นอนเพียงสิ่งเดียวคือ นาคาจิมะคุงยังอยู่ที่บ้าน และมีชีวิตอยู่'

'ที่ที่เขาอยู่ คือที่ที่ฉันจะกลับไป'

"...ผมตัดสินใจแล้ว ว่าผมจะอยู่แบบนี้ อยู่กับคุณชิฮิโระไปตลอดชีวิต"

'...ฉันบอก ทั้งๆ ที่เราสองคนเป็นคู่ที่เรียกได้ว่าอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ราวกับกำลังเดินอยู่บนแผ่นน้ำแข็งบางๆ หากใครคนใดล้มลง ก็จะพาให้อีกคนล้มตามไปด้วย เราเป็นคู่ประกบที่อ่อนแอ กะปลกกะเปลี้ยเหลือเกิน แต่ฉันก็พูดเช่นนั้นด้วยใจที่เชื่อมั่น'

'..ถึงเรื่องนี้อาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่จะผิดอะไรถ้าเราจะมีความหวัง แม้จะเพียงริบหรี่ ใครเล่าจะมาห้ามไม่ให้นำไออุ่นแห่งความหวังอันน้อยนิดมาประคบมือเท้าที่สั่นเทา' 

ชอบที่สุดในเรื่องนี้ คือ ความรู้สึกขัดแย้งอยู่ตลอดเวลาของตัวละคร โดยเฉพาะความรู้สึกที่มีต่อพ่อแม่ พึงพอใจในความห่างเหิน แต่ก็โหยหาความชิดใกล้ ไม่อยากเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่อยากจะตัดขาด เกลียด แต่ก็รักมาก เย็นชาต่อความสูญเสีย แต่ก็เคว้งคว้างเหมือนขาดแกนที่จะทำให้ชีวิตตั้งอยู่ได้

ยกให้เป็นประโยคทองของเรื่องนี้ .. 

'ความรัก ไม่ได้มีแค่การโอบกอดด้วยความเป็นห่วงเป็นใย 
ยิ่งเก็บซ่อนความรู้สึกต่อกันไว้เท่าไร ก็ยิ่งมีอะไรที่จะสื่อถึงกันได้อย่างแน่นอน ...

ขอเพียงอ่านนัยออก สัมผัสรับรู้ได้ ก็จะเป็นสมบัติล้ำค่า'

เหงา แต่ก็แฝงความละมุนของไออุ่น  เมื่อคนอ้างว้างสองคน..หากันจนเจอ 
ในที่สุดหัวใจจะแข็งแรง และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความรักและความสัมพันธ์จะมั่นคง 





 

Create Date : 20 เมษายน 2557    
Last Update : 22 เมษายน 2557 1:32:17 น.
Counter : 2466 Pageviews.  

Deception Point แผนลวงสะท้านโลก มันสะท้านจริงๆ นะเออ

แดน บราวน์ เขียน / อรดี สุวรรณโกมล แปล


"แดน บราวน์ ค้นคว้าหาข้อมูลมาเขียนได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ 

อุปกรณ์อันน่าทึ่งทุกชนิดที่ตัวละครในเรื่องใช้ล้วนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตจริง" เดอะนิวยอร์กเดลีนิวส์


ที่ต้องหยิบยกเอาคำนิยมนี้ มากล่าวถึงก่อนเป็นอันดับแรก 

เป็นเพราะ ณ ขณะอ่าน ประโยคท้ายนั้นช่างติดค้างอยู่ในใจเป็นหนักหนา 


"อุปกรณ์อันน่าทึ่งทุกชนิดที่ตัวละครในเรื่องใช้ล้วนเป็นสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตจริง" 


อ่ะ .. จริงดิ?  หลอกกันเล่นหรือเปล่า  


แม้ใจหนึ่งจะไม่อยากเชื่อเพราะนึกหมั่นไส้ในความเป็นผู้มีพร้อมของสหรัฐ ที่ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมจึงเป็นชาติมหาอำนาจ แต่อีกใจก็นึกรู้ว่าคำนิยมนี้เชื่อถือได้ ยิ่งถ้าพิจารณาจากเทคโนโลยีต่างๆ ที่รุดหน้าอยู่ในยุคปัจจุบันนี้ และทั้งผู้เขียน แดน บราวน์ ก็ให้คำยืนยันด้วยเช่นกัน 

"กองกำลังเดลต้าฟอร์ซ  สำนักงานลาดตระเวนแห่งชาติ และมูลนิธิพรมแดนอวกาศ 

เป็นองค์กรที่มีอยู่จริง  เทคโนโลยีทั้งหมดที่กล่าวถึงในนวนิยายเรื่องนี้ก็มีอยู่จริงเช่นกัน" 

เนื่องจาก ฉากเรื่องราวไม่ใช่ยุคอนาคตที่ไม่มีใครรู้ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลไปถึงไหน ไม่ใช่โลกแฟนตาซีที่จะจินตนาการสร้างสรรค์อะไรอย่างไรก็ได้  ยิ่งถ้าเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ คงเป็นไปได้ยากที่จะเอ่ยอ้างวิทยาศาสตร์ใดที่ไม่จริง ไม่งั้นก็โดนผู้รู้จวกยับน่ะสิ ดังนั้น จึงต้องเชื่อตามนั้นว่า "มีอยู่จริง" และคำสามคำนี้แหละ ที่คนง่อยวิทยาศาสตร์ด้อยเทคโนโลยีอย่างเรา อ่านแล้ว .. อึ้ง  ทึ่ง  'สะท้าน'  มีอะไรอย่างนี้อยู่จริงๆ หรือนี่   แล้วถ้านิยายเรื่องนี้ตีพิมพ์ในปี 2001 ยังขนาดนี้ แล้วปัจจุบันปี 2014 จะขนาดไหน 

เอาล่ะ  สำหรับใครที่ยังไม่เคยอ่านเรื่องนี้  'Deception Point_แผนลวงสะท้านโลก' คุณอาจจะอยากรู้แล้วว่า ที่พล่ามมาตั้งเยอะแล้วเนี่ย  ตกลงมันเรื่องอะไรกัน


เมื่อดาวเทียมดวงใหม่ของนาซา ตรวจพบหลักฐานของวัตถุที่หายากอย่างน่าทึ่งฝังลึกอยู่ใต้หิ้งน้ำแข็งแถบขั้วโลกเหนือ องค์การอวกาศที่กำลังซวนเซของสหรัฐฯ ก็รีบประกาศอ้างชัยชนะซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างยิ่ง...ชัยชนะที่จะส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อนโยบายอวกาศของสหรัฐฯ และการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง ประธานาธิบดีผู้อยู่ในตำแหน่งจึงส่ง ราเชล เซกซ์ตัน นักวิเคราะห์ข่าวกรองประจำทำเนียบขาว ไปยืนยันความถูกต้องเป็นของแท้ของสิ่งที่ค้นพบนั้น พร้อมกับคณะผู้เชี่ยวชาญอีกหลายคน รวมทั้ง ไมเคิล ทอลแลนด์ นักวิชาการชื่อดัง เจ้าของรายการสารคดีดังทางโทรทัศน์ แต่พวกเขากลับค้นพบสิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิด นั่นคือหลักฐานการฉ้อฉลหลอกลวงครั้งมโหฬาร

แต่ก่อนที่ราเชลจะทันได้ติดต่อแจ้งความจริงกับประธานาธิบดี เธอกับทอลแลนด์กลับถูกกลุ่มมือสังหารจอมโหดที่อยู่ใต้คำบงการของผู้ทรงอำนาจลึกลับตามล่าสังหารเพื่อปิดปาก มิให้ความจริงอันร้ายกาจนั้นถูกเปิดโปงออกมา ราเชลกับทอลแลนด์ต้องฝ่าฟันอันตรายแทบเอาชีวิตไม่รอดในสภาพแวดล้อมอันสุดหฤโหดนานา ตั้งแต่หิ้งน้ำแข็งอันเย็นเยือกแถบอาร์กติกไปจนถึงภูเขาไฟใต้ทะเลที่พร้อมจะปะทุเมื่อปะทะชนวน โดยความหวังเพียงอย่างเดียวที่จะเอาชีวิตรอดได้ คือต้องกระชากหน้ากากผู้อยู่เบื้องหลัง แผนลวงสะท้านโลก นี้        

ที่ปกหลังหนังสือมีคำโปรยไว้ว่า ...'ผลงานจบในเล่มอีกเรื่องหนึ่งของแดน บราวน์ ที่สนุกชวนติดตามเทียบเคียงได้กับ ชุดโรเบิร์ต แลงดอน ด้วยเรื่องตื่นเต้นไฮเทค  ที่จะพาผู้อ่านตะลุยห้วงลึกล้ำอันเย็นเยือกแห่งมหาสมุทรอาร์กติกไปจนถึงจุดสูงสุดอันเต็มไปด้วยการคิดคดทรยศของอำนาจใจกรุงวอชิงตัน'

ชุดโรเบิร์ต แลงดอน ที่ว่านี้คือ เทวากับซาตาน (Angels & Demons, 2000) รหัสลับดาวินซี ( The Da Vinci Code, 2003) สาห์นลับที่สาปสูญ ( The lost symbol, 2009)  และ สู่นรกภูมิ ( Inferno , 2013) 

สองเรื่องหลังยังไม่เคยอ่าน  แต่ถ้าเทียบกับสองเรื่องแรก  วิทยาศาสตร์อวกาศของ แผนลวงสะท้านโลก  เป็นเรื่องที่ทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า วิทยาศาสตร์กับศาสนา การคัดเลือกพระสันตะปาปา-มหาวิหารแห่งโรมันคาทอลิก  และสมาคมลับอิลลูมินาติของ เทวากับซาตาน ตั้งมาก  แล้วก็ยังเข้าใจง่ายกว่า ศิลปะ วรรณกรรม ประวัติพระเยซูคริสต์ ปริศนาจอกศักดิ์สิทธิ์  ทฤษฎีสมคบคิดของคริสตจักรของ รหัสลับดาวินซี ตั้งเยอะ!  จึงรู้สึกว่าเรื่องนี้สนุกกว่าและชอบมากกว่า

แต่ถึงอย่างนั้น .. การเข้าใจง่ายกว่า  ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจได้ทั้งหมดหรอกนะคะ

มีรายละเอียดปลีกย่อยของเรื่องของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เครื่องมือ อุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ ที่สติปัญญาส่วนตนคงไม่เอื้ออำนวยให้เข้าใจ .. ก็ดูแต่เมื่อเย็นนี้ที่นั่งดูฮาร์ดคอร์ข่าว เกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติการหน่วงน้ำเค็มที่ใช้หลักวิศวกรรมเข้าช่วยนั่งดูอยู่ตั้งนมตั้งนาน ไม่ว่าภาพหรือคำอธิบายพากันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สรุปได้แค่ว่ามันคือ มวลน้ำจืดไล่น้ำเค็ม  (แต่อย่าให้อธิบายนะว่ามันไล่ได้อย่างไร)  

การอ่านนิยายเรื่องนี้ก็คล้ายๆ กันแบบนั้น คงไม่อาจหาญกล่าวคำว่า 'เข้าใจ' ในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา ธรณีวิทยา สมุทรศาสตร์ (วิทยาศาสตร์ทางทะเลและมหาสมุทร) ที่ผู้เขียนได้ทำการค้นคว้าหาข้อมูลมาเขียนบรรยายอะไรๆ ต่างๆ ในเรื่องนี้  แต่มันไม่ได้เป็นอุปสรรคในการเข้าใจเรื่องราวเลย  ถ้าเราอ่านแล้วไม่เข้าใจแจ่มแจ้งว่าเครื่องบินมันบินได้อย่างไร  ก็อย่าไปใช้ความพยายามมากมาย  เราอ่านแค่รับรู้และเข้าใจว่ามันบินได้ก็พอ (แค่เป็นการสมมติตัวอย่างน่ะนะ) แต่สำหรับคนหัวดี รับได้ง่ายในเรื่องเหล่านี้ หรือมีพื้นความรู้อยู่แล้ว คงอ่านได้มันส์มากแน่ๆ 

และเพราะข้อมูลต่างๆ ที่ผู้เขียนจัดให้ตามที่กล่าวมานั่นเอง ที่ทำให้นิยายเรื่องนี้ที่มีพลอตยิ่งใหญ่สมชื่อไทย...สะท้านโลก  ให้ความรู้สึกว่าสมจริง  น่าเชื่อถือ  ซับซ้อน  ตื่นเต้น ลุ้นลึก ระทึกใจ จึงไม่มีอะไรจะตินอกจากคำชมเชยว่า 'เหนือชั้น' 


การค้นพบอะไรบางอย่างขององค์การนาซา (ไม่บอกหรอก Smiley)  

แม้ไม่ใช่เรื่องใกล้ตัว แต่ก็มีความหมายต่อมวลมนุษชาติ ( Smileyถึงบอกว่าพลอตใหญ่ไง อิอิ ) 

และมีความสำคัญมากพอจะเป็นเครื่องตัดสินว่า ใครจะได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐคนใหม่ในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

มันคือเกมกลทางการเมือง เบื้องหน้าที่สวยหรู เบื้องหลังที่ฟอนเฟะ 

ซัคคารี เฮอร์นีย์  ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และยังคงต้องการจะดำรงตำแหน่งนี้ต่อไปอีกวาระ

เซดจ์วิก เซกซ์ตัน วุฒิสมาชิก ตัวเก็งสำคัญในการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่

ราเชล เซกซ์ตัน  ลูกสาวของวุฒิสมาชิกเซดจ์วิก เซกซ์ตัน นักวิเคราะห์ข่าวกรองของสำนักงานลาดตระเวนแห่งชาติ (NRO : National Reconnaissance Office) ที่ขึ้นตรงต่อทำเนียบขาว นั่นหมายความว่าราเชลทำงานให้กับท่านประธานาธิบดี ที่เป็นคู่แข่งการเลือกตั้งของพ่อตัวเอง 

ไมเคิล ทอลล์แลนด์  นักสมุทรศาสตร์ที่มีชื่อเสียงจากการถ่ายทำรายการสารคดีเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้สมุทร

ดร. คอร์กี้ มาลินสัน  นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ 

ลอว์เรนซ์ เอกสตรอมส์  ผู้บัญชาการนาซา

วิลเลียม พิคเคอริง  ผู้อำนวยการเอ็นอาร์โอ เจ้านายของราเชล

มาร์โจรี เทนซ์ ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีเฮอร์นี

แกเบรียลล์ แอช  เลขานุการส่วนตัของวุฒิสมาชิกเซดจ์วิก เซกซ์ตัน

นอร์ราห์ แมงเกอร์  นักวิทยาธารน้ำแข็ง (Glaciology) 

ดร.ไว่หลี หมิง  นักบรรพชีวินวิทยา (Paleontology) 

โยลันดา โคล บรรณาธิการเนื้อข่าวของเอบีซีนิวส์

เดลต้าหนึ่ง, เดลต้าสอง, เดลต้าสาม สมาชิกกองกำลังเดลต้าฟอร์ซ 

สามหน่อเดลต้า เป็นตัวละครที่ชอบมากในเรื่องนี้ แม้บทบาทจะเป็นผู้ปฏิบัติการไล่ล่าสังหาร ที่มาของฉากแอคชั่นมันส์ๆ  แต่ตามประสาคนชอบทหาร จึงยังชอบอยู่ เพราะการฆ่าของสามเดลต้านี้คือการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง มันคือภารกิจ 

เดลต้าฟอร์ซ  ตามเชิงอรรถให้ข้อมูลไว้ว่า ก่อตั้งขึ้นในปี 1977 เพื่อปฏิบัติการตอบโต้การก่อการร้ายซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างนั้น เป็นหน่วยจรยุทธ์ที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี ใช้อาวุธและอุปกรณ์ทันสมัย ทหารของกองกำลังเดลต้าฟอร์ซจะแบ่งย่อยออกเป็นกลุ่มเล็กๆ และรับคำสั่งในการปฏิบัติหน้าที่พิเศษที่มักต้องใช้ยุทธวิธีลับ  

เช่นเรื่องนี้ไงล่ะ ..ปฏิบัติการ และ ยุทธวิธีลับ   คำสั่งคือคำสั่ง ไม่จำเป็นต้องถามหาเหตุผล ยึดมั่นในภารกิจที่ได้รับมอบหมาย มุ่งทำให้สำเร็จแม้ต้องแลกด้วยชีวิต   เมื่อสั่งให้รอต้องรอ เมื่อสั่งให้ฆ่า.. ต้องฆ่า


ชอบมากกับวิธีการเล่าเรื่อง  ที่สลับกันไปมาระหว่าง เรื่องราวการเมืองที่เกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน และเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่แถบขั้วโลกเหนืออาร์กติก ฐานที่ตั้งโครงการลับของนาซา การฆาตกรรม การหนีตาย  การไล่ล่าตามติดไปจนถึงกลางกระแสน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติก  

ทั้งสองด้านของเรื่องราว ต่างก็สนุกตื่นเต้นไม่แพ้กัน แต่ส่วนตนจะชอบมากกว่าในด้านการเมืองที่กรุงวอชิงตัน เพราะมันเป็นเกมของเล่ห์เหลี่ยมที่ไม่ต้องใช้จินตนาการมากเหมือนฉากแอคชั่นไล่ล่าในอีกด้านที่ประหนึ่งเป็นหนังแอคชั่นสุดมันส์ของฮอลลีวู้ดที่มาในรูปแบบตัวหนังสือ  

นอกจากเรื่องราวมีความสนุกแล้ว ในการบรรยายหรือแม้แต่ในคำพูดของตัวละครยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่อ่านแล้วชวนให้สนุกเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น  รัฐบัญญัติบัญญัติว่าด้วยการส่งเสริมการแสวงประโยชน์เชิงพาณิชย์จากอวกาศ  มูลนิธิพรมแดนอวกาศ  ทฤษฏีเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนอกโลก ภารกิจขององค์การนาซ่า เจตนารมย์เพื่อการศึกษาหาความรู้ด้านอวกาศที่จะเป็นวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ แม้จะต้องทุ่มงบประมาณด้วยเงินภาษีของประชาชนเป็นจำนวนมหาศาล  การทดลองอาวุธยุทธโธปกรณ์ของกองทัพสหรัฐฯ จานบินจากต่างดาว  ฯลฯ

หลายสิ่งหลายอย่าง ก็ทำลายการรับรู้ดั้งเดิม  อย่างเรื่องจานบินเนี่ย ความอินในวัยเด็กของเราที่ชอบอ่านเรื่องเหล่านี้ .. ไม่เหลือชิ้นดี   ภาพลักษณ์สุดเท่ของนาซ่าจากที่เราติดการรับรู้มาจากหนังฮอลลีวู้ด หมดกัน .. นี่หรือนาซ่า ช่างเต็มไปด้วยความสิ้นเปลืองและล้มเหลว 

แต่เนื่องจากเราไม่สามารถบอกได้ว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนเรื่องอำ เพราะอ่านแล้วมันเหมือนจะจริงไปซะทั้งหมด   ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่อ่านเอาสนุกก็พอ

หลายอย่างก็เชื่อว่าว่าจริง  ตัวอย่างเช่น อาวุธหรือเครื่องมือต่างๆ ที่ทหารเดลต้าใช้ แม้ว่ามันจะน่าทึ่งขนาดนั้น แต่ก็คงจะถือว่า 'เด็กๆ' ถ้าเทียบกับที่เคยอ่านปฏิบัติการของหน่วยซีลกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือที่น่าทึ่งกว่านั้นเยอะ  


เรือดำน้ำ .. อ่านะ   ทำไมมันจะเจ๋งขนาดนั้นไม่ได้  เมื่อตอนเย็นยังดูข่าวที่ออสเตรเลียใช้เรือดำน้ำขนาดเล็กปฏิบัติการค้นหาเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบิน MH370 อยู่เลย แม้ว่ามันจะล้มเหลวก็เถอะ  แล้วตอนนี้เพิ่งนึกถึงเรือดำน้ำ โคโลราโด ของซีรีย์เรื่อง Last Resort  ขึ้นมา มันหน้าตาน่าจะประมาณนั้นเลย  

แต่ตอนอ่านไม่ได้นึกถึงอะไรหรอก มัวแต่ทึ่ง ..   

อะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรือดำน้ำ การทดลองอะไรๆ ของกองทัพ หน่วยงานความมั่นคงต่างๆ  ถ้ามันจริงนะ  .. หนังฮอลลีวู้ดก็ไม่ได้เว่อร์ไปซะทั้งหมดหรอก และสหรัฐก็เป็นมหาอำนาจที่น่ากลัวมาก 

'ระบบอาวุธ' ของเฮลิคอปเตอร์จู่โจมคีโอวา  คงเป็นอีกหนึ่งในรายการ 'มีอยู่จริง' ที่เจ๋งฝุดๆ 



ในร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา แนวเขตที่แผ่นธรณีแปรสัณฐาน (เขตมุดตัวของเปลือกโลกที่แผ่นธรณีแปซิกฟิก ลอดลงไปใต้แผ่นธรณีมาเรียนา)  จะสามารถมีมนุษย์หรือแม้แต่กระทั่งหุ่นยนต์หยั่งลึกลงไปถึงได้จริงหรือ ..ตอนอ่านไป ก็สงสัยไป  ก็ไม่รู้สินะ ถ้าเป็นหุ่นยนต์น่าจะได้  ข่าววันก่อนก็มีการใช้หุ่นยนต์ลงไปค้นหา MH370 เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นมนุษย์  ก็..น่าจะได้.. มั้ง ถ้าลงไปกับเรือดำน้ำ 

หันไปเปิดวิกิพีเดียในตอนที่เขียนบล็อกนี้สักทีสิ  

เป็นเช่นนั้นจริงๆ มีมนุษย์ลงไปกับยานสำรวจน้ำลึก (แน่นอนว่าเป็น ทหารเรือและยานฯ ของกองทัพเรือสหรัฐ ) ถึงก้นร่องลึกได้สำเร็จเมื่อ 23 มกราคม 2503 และการค้นพบอะไรบางอย่างซึ่งเป็น 'เรื่องจริง' ในการสำรวจร่องลึกมาเรียนานี่เอง ที่ทำให้สะท้านถึงที่มาของ 'เรื่องแต่ง' Deception Point  ดูเหมือนว่า แดน บราวน์ จะไม่ใช่แค่เหนือชั้นซะแล้วล่ะ  แต่เป็น 'ขั้นเทพ'

ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในความคุ้นเคยของชีวิต  เวลาที่อ่านจึงสนุกตื่นเต้น ไม่ว่าอะไรก็น่าทึ่งไปหมด แต่หลังจากอ่านจบ  นึกคิดถึงเรื่องเทคโนโลยีต่างๆ ในยุคปัจจุบัน  เรื่องพวกนั้นก็น่าทึ่งน้อยลงไป ยกตัวอย่างง่ายๆ  ดวงจันทร์มนุษย์เรายังฝ่าอวกาศไปเหยียบได้เลยนี่นา นับประสาอะไรกะแค่ก้นสมุทรกันล่ะเนาะ

ว่าแล้วก็เปรี้ยวปากอยากสปอยล์เต็มแก่ แต่ต้องหักห้ามใจเต็มที่  

เผื่อใครจะสนใจว่าใช่แนว ..อยากหามาอ่าน .. 

จะได้สนุกตื่นเต้นกับเรื่องราวได้เต็มๆ 







 

Create Date : 17 เมษายน 2557    
Last Update : 18 เมษายน 2557 18:55:31 น.
Counter : 7094 Pageviews.  

Low Pressure ปรารถนาในพายุ...ระทึกใจ ไม่ทำให้ผิดหวังเลย

 

คุณลองนึกภาพเวลาที่เราโยนหินลงน้ำ แม้หินจะหล่นผลุบลงไปแค่จ๋อมเดียว แต่ผิวน้ำที่สงบนิ่งจะเกิดคลื่นกระทบขยายวงไปเป็นระลอกกว้าง นิยายเรื่องนี้ของ แซนดรา บราวน์ ที่แปลโดยนักแปลฝีมือดี ขีดขิน จินดาอนันต์  เป็นเรื่องราวในแบบนั้นเลย

พายุที่พัดผ่านออสตินเมื่อสิบแปดปีก่อนยังคงทิ้งรอยบาดแผลไว้ในใจของผู้ประสบเหตุทุกคน ในวันระลึกถึงทหารผ่านศึกซึ่งพายุทอร์นาโดถล่มทลายทุกสิ่งจนราบเป็นหน้ากลอง 

ซูซาน ลิสตัน เสียชีวิตในสภาพน่าอเนจอนาถ ทิ้งไว้เพียงปริศนาว่าใครกันแน่ที่ฉวยโอกาสฆ่าเธอ และสิ่งที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือฆ่านั้น ล่องหนหายไปไหน

ตอนที่ เบลลามี ลิสตัน ไพรซ์ เขียนหนังสือซึ่งอ้างถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เธอหวังเพียงกวนตะกอนความทรงจำของตัวเองให้รื้อฟื้น แต่สิ่งที่ถูกปลุกขึ้นมาแทนอาจเป็นสิ่งที่อันตรายเกินคาดเดา

นอกจากต้องรับมือกับผู้ที่ส่งจดหมายข่มขู่มาให้แล้ว เธอยังต้องเผชิญหน้ากับชายผู้ซึ่งตนเองเคยหลงใหลใฝ่ฝันถึงในอดีต ชายที่เกินเอื้อม  ชายที่เคยเป็นคนรักของพี่สาวเธอเอง  เดนตัน คาร์เตอร์

โลว์เพรสเชอร์ (Low Pressure)  นิยายเรื่องเด็ดที่สร้างความฮือฮาขึ้นทั้งในวงการหนังสือและฮอลลีวู้ด  เมื่อตัวตนของผู้เป็นเจ้าของนามปากกา ที.เจ.เดวิด ถูกเปิดเผยโดยที่เจ้าตัวมิได้ตั้งใจ นิยายเรื่องนี้ยิ่งขายดิบขายดี สร้างความโด่งดังที่ไม่ใช่เพียงแต่เรื่องราวในนิยายเท่านั้น แต่รวมถึงตัวจริงของผู้เขียนด้วย เพราะแท้จริงแล้วเธอคือ เบลลามี ลิสตัน ไพรซ์ และ โลว์เพรสเชอร์ ไม่ใช่เรื่องแต่งขึ้น แต่เป็นการนำเรื่องจริงมาดัดแปลงเป็นนิยาย เรื่องจริงของเธอ เรื่องจริงอันน่าสลดใจของครอบครัว นั่นคือ การฆาตกรรม ซูซาน ลิสตัน พี่สาวแท้ๆ ของเธอเอง ในวันที่พายุทอร์นาโดพัดถล่มเมืองออสตินเมื่อสิบแปดปีก่อน

แม้หลายคนจะไม่เข้าใจในเหตุผลที่เธอทำ  และหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเธอทำไปเพื่อแสวงหาชื่อเสียงเงินทองโดยไม่ไยดีต่อผู้คนที่จะต้องได้รับผลกระทบ  แต่เบลลามีเท่านั้นที่รู้ดีว่า เธอไม่ได้มีเจตนาต่อสิ่งเหล่านั้น เธอแค่เพียงเขียนมันเพื่อหวังจะให้เป็นการบำบัดตัวเอง ฝันร้ายในความทรงจำของเด็กหญิงอายุสิบสองปี ที่ยังคงผูกล่ามจิตใจของเธอให้ไร้สุขตลอดสิบแปดปีผ่านมา และเธอกำลังพยายามจะหาทางขจัดปัดเป่ามันให้สิ้นซาก

แต่นิยายเรื่องนี้ คือ ก้อนหินที่เบลลามีโยนลงกระทบน้ำ แล้วระลอกคลื่นก็แผ่ขยายออกไปเกินคาดคิด พร้อมกับที่เธอตกอยู่ในอันตรายที่หวังผลถึงขั้นเอาชีวิต  ซึ่งต่อมาความปรารถนา  "ฆ่าใคร"  และ "ใครฆ่า"...ก็ไม่ได้มีแค่เป้าหมายและผู้ประสงค์ร้ายเพียงหนึ่งเดียว

มันซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่านั้น

ระทึกขวัญ  ใจหายใจคว่ำ - Publishers weekly

เดินเรื่องเร็ว สนุกสนาน - Kirkus Reviews

ไม่ทำให้ผิดหวังเลย - ReaderStore Reviews

เมื่ออดีตที่อยากลืมมาร้องเรียกที่หน้าประตูบ้าน แน่นอนว่าคนแบบเดนต์ต้องชูกำปั้นแล้วบอกให้มันไปตายซะ  แต่อดีตที่ว่านั้น มาพร้อมกับเบลลามี น้องสาวของแฟนเก่าที่เขาจดจำได้และนึกเอ็นดูอยู่บ้าง ดังนั้นแม้จะไม่ค่อยชอบหน้าคนอื่นๆ ในวงศ์ตระกูลเธอนัก เขาก็ตัดสินใจที่จะให้ความช่วยเหลือเธอจับเข่านั่งคุยกับอดีตเสียยกใหญ่ 

เป็นอีกเรื่องของ แซนดรา บราวน์ ที่คุณจะได้พบพระเอกแบดบอยสุดเท่ที่รักนางเอกยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด

แพรวสำนักพิมพ์ 

มีนาคม ๑๕๕๗

จากพลอตที่ทำให้คาดหวังสูง น่าดีใจและขอบคุณที่ไม่ทำให้ตกจากที่สูงซะด้วย แถมยังถูกใจมากมายที่พระเอกของเราเป็นนักบิน และอุปนิสัยใจคอ ตั้งแต่เมื่อครั้งวัยสิบแปดในครานั้น  "เด็กมีปัญหา" จากเรื่องของครอบครัว และจากคดีฆาตกรรมที่ในอีกสิบแปดปีต่อมายังส่งผลต่อชีวิตเขาให้กลายเป็น "ผู้ใหญ่มีปัญหา"

เบลลามี  น้องสาวของแฟนเก่า  เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอได้กลายเป็นนักเขียนคนดังที่มาพร้อมกับนิยายเรื่องโด่งดังที่กวนอารมณ์เขาให้ขุ่นคลั่ก

บทนำทำให้เขาตัวชาด้วยความไม่อยากเชื่อ หลังจากผ่านไปห้าบท เขาก็โมโห

 กว่าจะอ่านจนถึงบทสุดท้าย เขาก็โกรธจนหน้ามืดตาลาย

การตายของ ซูซาน ลิสตัน ส่งผลต่อชีวิตของเขา ความหวัง ความฝัน ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาพังทลายอย่างไม่เป็นท่า และแม้เขาจะรอดพ้นจากข้อหา 'ฆาตกร' มาได้อย่างหวุดหวิด  แต่มลทินของการตกเป็นผู้ต้องสงสัยไม่เคยเลือนหายไปจากชีวิต คดีนั้นยังคงเป็นที่เคลือบแคลง แม้แต่ฆาตกรที่ถูกจับกุมและรับโทษไป ก็ยังคงเป็นที่สงสัยว่าคนๆ นั้น ใช่ฆาตกรตัวจริงหรือ

สิบแปดปีผ่านไป ไม่มีอะไรดีขึ้นอย่างที่ควรเป็น แล้ว เบลลามี ไพรซ์  อีกหนึ่งสายเลือดของพวกร่ำรวยหยิ่งยโสอย่างพวกลิพตัน ยังมาตอกย้ำ ด้วยการเขียนนิยายฟื้นฝอยหาตะเข็บ ที่เป็นการรื้อฟื้นอดีตและกำลังตั้งคำถามขึ้นมาในสังคมอีกครั้ง พร้อมกับความเจ็บปวด ความกลัว ความทุกข์ทรมานจากบาดแผลของใครหลายคน  ปลุกเร้าความชั่วร้าย และราดน้ำมันลงไปบนไฟแค้น

"ฉันบอกแล้วไงว่าแกจะต้องเสียใจ"

นิยายของเธอเรื่องเดียว ส่งผลกระทบต่อทุกคนที่เคยเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมเมื่อสิบแปดปีก่อน

เธอวอนหาเรื่องใส่ตัวเข้าแล้ว และเขาไม่อาจปล่อยให้เธอต้องเผชิญกับเรื่องเหล่านั้นเพียงลำพัง

จริงหรือ ที่สุดปลายทางเธอจะหลุดพ้นจากความคลุมเครือและได้รับการปลดปล่อยจากอดีต

หรือแท้จริงแล้ว ยังมีเรื่องราวฝันร้ายกว่า..ที่รออยู่

เป็นนิยายฆาตกรรมที่สนุกมากค่ะ  คุ้นเคยกับชื่อ แซนดรา บราวน์ เพราะหนังสือออกทีไรก็คอยลูบๆ คลำๆ อยู่เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยได้ซื้อจริงจัง เพราะคิดเสมอว่าตัวเองไม่ได้นิยมเป็นล่ำเป็นสันกับนิยายแนวฆาตกรรมสืบสวน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีอยู่ในครอบครองถึงสามเล่ม ด้วยคำว่า International Bestseller  เล่มนี้เป็นเรื่องแรกจริงๆ ที่อ่านอย่างจริงจัง อีกสองเรื่อง คืนแค้นแสนรัก ( Chill Factor ) กับ กลรักในเกมลวง ( Exclusive ) ยังคงดองลืมอยู่ 

นอกจาก  "ปมฆาตกรรม"  จะมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนที่สนุกชวนติดตาม  "ความรัก" ยังดึงดูดความสนใจอย่างมากด้วย อะไรๆ มันไม่รวดเร็วเกินไปแค่เพียงป๊ะหน้ากันไม่กี่หน  สิบแปดปีหลังจากนั้น เบลลามี เธอเติบโตขึ้นมาเป็นสาวสวย  มีบุคลิกไว้ตัวที่เหมือนเป็นการประกาศต่อเขาอย่างเด่นชัด เธอคือน่านฟ้าที่เป็น "เขตห้ามบิน"  แต่ถึงอย่างนั้นเดนตันก็ยังเพียรแสดงออกถึงไฟปรารถนาที่จะ "รัก"   แม้ว่าจะต้องอารมณ์ค้างสักกี่ครั้งหน และดูเหมือนว่าน้ำอดน้ำทนที่มีต่อกำแพงทางใจของนางเอกที่คอยขวางกั้นอยู่   จะทำให้พระเอกแบดบอยของเรากลายเป็นคนน่าสงสาร ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นพอๆ กับการค้นหาความจริง  ใครคือฆาตกร ?   กว่าจะรู้ว่าเป็นใคร  แรงจูงใจคืออะไร  ก็เป็นเพียงไม่กี่บรรทัดก่อนหน้าก่อนที่นางเอกของเราได้ค้นพบความจริงที่ถูกเปิดเผย และผลกระทบต่อไปที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็สมเหตุสมผล เข้าใจ ไม่มีอะไรให้รู้สึกขัดแย้ง

ยิ่งจิ้นพระเอกเป็นใครอื่นไม่ได้เลยนอกจาก "ไรอัน กอสลิ่ง" และนางเอกก็เลือกแล้วคือเธอสุดสวย " แอมเบอร์ เฮิร์ด" ...   ยิ่งอ่านยิ่งมันส์ หน้าตามาชัดจินตนาการยิ่งบรรเจิด   

ว่าแล้วก็ไปหาเสิร์ชดูหนังออนไลน์แนวทริลเลอร์เรื่อง And Soon the Darkness ของสาวแอมเบอร์มาดูสักหน่อยแล้ว 

 

 

 




 

Create Date : 22 มีนาคม 2557    
Last Update : 24 มีนาคม 2557 12:27:19 น.
Counter : 5603 Pageviews.  

SISTER จดหมายถึงเธอ .. ฉันเสียใจ ฉันรักเธอ ฉันจะรักเธอเสมอ

โรซามันด์ ลัพตัน  เขียน

ปัทมา อินทรรักขา  แปล

 

 SISTER  จดหมายถึง เธอ  

ได้รับการแปลแล้วกว่า ๓๐ ภาษา

 Amzon Best Book of the Month

 'Best First Novel' Stand Magazine Critics Awards

 'The Readers' Choice Award' Richard and Judy WHSmith Bookclub.

 

 "เราจะค้นพบบุตรีที่ดีกว่า พี่สาวหรือน้องสาวที่กรุณากว่า

 หรือมิตรที่จริงแท้กว่า ได้ที่ไหนกันเล่า"

ออสเตน, เอ็มม่า

 

"กลั่นกลีบเก็บกลิ่นหมาย ยามเหมันต์กรายย่างมา

ดอกงามร่วงโรยรา หากแก่นแท้ยังยืนยง"

เชกสเปียร์,ซอนเน็ต ๕

 

ระหว่างมื้อเที่ยงวันอาทิตย์ 'บีทริซ เฮมมิง' รับโทรศัพท์สายด่วนที่แม่ของเธอเป็นคนโทรมา

ใจความของโทรศัพท์สายนั้นมีอยู่ว่า 'เทสส์ เฮมมิง' น้องสาวของเธอหายตัวไป

เธอขึ้นเครื่องบินจากนิวยอร์กไปลอนดอนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

 เพื่อไปพบกับ บ้านที่เทสส์อยู่ ภาพที่เทสส์วาด คนที่เทสส์คบ ที่ที่เทสส์ไป..

เพื่อพบกับเรื่องราวของเทสส์ที่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเชื่อ ไม่มีใครนึกจินตนาการได้

เรื่องราวอันเป็นความลับที่บางคนต้องการปกปิด เรื่องราวที่อาจทำให้เธอต้องพบกับจุดจบ

 

"คำนิยม"

หนังสือเล่มนี้จะทำให้อดรีนาลินของวิ่งพล่าน จะทำให้คุณหนาวเยือกแม้คุณกำลังอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนที่สุด - The New York Times

มหัศจรรย์จริงๆ ทั้งน่าติดตามและทันสมัย นิยายเล่มนี้คือสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง เพราะมันคือนิยายฆาตกรรมที่สอดแทรกความเป็นวรรณกรรมชั้นดีเอาไว้ -Jeffery Deaver

อ่านสนุกอย่างอธิบายไม่ถูกจริงๆ - Boston Globe

นี่คือเรื่องราวที่จับใจ สะเทือนใจ น่าสลดใจ อุ่นใจ และเป็นปริศนาที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ชีวิต - Booklist

ลัพตันเขียนด้วยพลังและความสง่างามของแดฟนี ดู โมริเยร์ และมันดีที่สุดของที่สุด - Daily Mail

 

ดอกแดฟโฟดิล

SISTER  จดหมายถึงเธอ  เพียงผ่านตาก็ต้องชะงักจับจ้องลองหยิบขึ้นมา  เพราะถูกดึงดูดความสนใจด้วยยันต์ที่ถูกตรา "Intenational Bestseller" ซึ่งถือเป็นมนต์เรียกเงินให้ปลิวว่อนออกจากกระเป๋าได้ง่ายมาก  

พลิกอ่าน พลอตเรื่อง คำนิยม ที่ปกหลัง  พลิกกลับมาดูซ้ำปกหน้าอีกที เจอคาถานี้ย้ำความขลังกันเข้าไป 'ได้รับการแปลแล้วกว่า 30 ภาษา'   มีหรือจะอดใจไม่ซื้อไม่ไหวแล้ว

อ่านแล้วก็ .. สมศักดิ์ศรี International Bestseller อย่างที่มันได้เป็น

เพราะ International bestseller มันเตะตา จึงก็ตัดสินใจซื้อได้ไวมาก  ในตอนแรกจึงไม่ได้สังเกตรับรู้เลยว่าภาพบนปกหนังสือคือภาพอะไร (เซ่ออะไรปานนั้น) จนกระทั่งในตอนดึกคืนหนึ่งที่หยิบหนังสือขึ้นมาอ่านในคืนแรก  เอ๊ะ นี่มัน 'ปอยผม' ของคนนี่นา  เนื่องจากเพิ่งอ่านหนังสือไปได้ไม่เท่าไหร่ ยังไม่ทราบเรื่องราว  ปอยผมนี้  จึงมีหลอน นึกกลัวขึ้นมาจนต้องเลิกอ่านแล้วคลุมผ้าห่มเข้านอนซะดื้อๆ (พวกจินตนาการสูง) แต่ก็เป็นเพียงความนึกคิดชั่ววูบของคนกลัวผี ที่ดันเจอภาพทำให้นึกถึงผีในตอนดึกๆ เท่านั้น  เพราะนิยายเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องผีนะคะ

อ่านจบจึงเพิ่งรู้ว่า เส้นผมสีแดง บนพื้นกระเบื้องคอนกรีตเก่าโทรม สกปรก สื่อถึงอะไร 

สำหรับนิยายเรื่องนี้  ใจจริงไม่อยากสปอยล์แม้เพียงน้อยนิด แม้แต่คำว่า "ฆาตกรรม" ก็ยังไม่อยากจะเอ่ยออกมา แต่เชื่อว่าคนทั่วไปคงจะทันดูภาพปกออกแต่แรก ละเข้าใจได้ว่านิยายเรื่องนี้เป็นแนวไหน

การฆาตกรรมและการสืบสวนหาความจริง

ความจริงที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน ไม่มีใครเชื่อ

 "เพียงเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่คุณเชื่อ"

"สิ่งที่คุณอยากจะเชื่อ นั่นไม่ได้ทำให้มันเป็นความจริงขึ้นมาหรอกนะ"

ต่อให้คนทั้งโลกคิดอย่างนั้น  หรือมีบางครั้งที่บีทริซรู้สึกหวั่นไหว ลังเล  คล้อยตาม และเกือบจะยอมรับสิ่งที่ใครๆ บอกเธอว่านั่นคือความจริง  แต่ที่สุดแล้ว ลึกลงไปภายในใจ ด้วยความรักและความผูกพัน  พี่สาวของเทสส์คนนี้รู้อยู่แก่ใจดี เธอเชื่ออย่างไร

ถึงจะไม่รู้จักว่าผู้ให้คำนิยมข้างต้น เป็นใคร สำคัญอย่างไร  แต่ก็เห็นด้วยอย่างยิ่งกับคำนิยม  น่าติดตาม  หาได้ยากยิ่ง อ่านสนุกอย่างอธิบายไม่ถูก สลดใจ สะเทือนใจ แต่ก็อุ่นใจ และตรึงใจ

มีอะไรบางอย่างที่โดนเด่นต่างไปจากนิยายแปลแนวนี้ในประสบการณ์เคยอ่าน นั่นคือ "ความผูกพัน"  หากหนังสือเล่มนี้จะมีอะไรอะเมซิ่ง  สำหรับเราแล้ว มันคือการบอกเล่าเรื่องราวระหว่างกันพี่น้อง ครอบครัว ด้วยอารมณ์ปกติธรรมดาของผู้เล่าถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้น สิ่งที่เคยเป็นมา  เป็นการบอกเล่าอย่างผิวเผินคล้ายกับว่าไม่รู้สึกอะไรแล้วกับอดีตที่ผ่านไป   แต่ในความผิวเผินนั้นหลอมรวมกันแล้วให้ความรู้สึกจับใจต่อความผูกพันอันลึกซึ้ง ตลอดไปจนถึงความรู้สึกแหลกสลาย ในขณะที่ "ชีวิตต้องเดินไป"  ทั้งที่รู้ว่าจะไม่สามารถทำได้ หากปริศนาคาใจยังไม่ได้รับการแก้ไขให้กระจ่าง

คงเหมือนกับเสียงที่บีทริซได้ยินจากแม่   'เสียงกรีดร้องอย่างเงียบงัน'     ...'ทำลายภาพลักษณ์ภายนอกที่หลอกตาจนหมดสิ้น เหลือแต่เพียงแก่นแท้ของแม่ และชั่วขณะแห่งความร้าวร้านใจนั้น สิ่งที่แม่ปั้นแต่งขึ้นมาเกี่ยวกับการตายของเธอก็พังทลายลง'    นั่นคือสิ่งที่เป็น 'เป็น' มากกว่าที่เห็น การอ่าน จดหมายถึงเธอ ก็คล้ายๆ กันอย่างนั้น .. สิ่งที่รู้สึก รู้สึกมากกว่าที่เล่า T_T และเมื่อดำเนินมาถึงบทสรุปของเรื่องราว มันก็เหลือแก่นแท้อย่างที่เป็น  ฉันเสียใจ  ฉันรักเธอ  ฉันจะรักเธอเสมอ

เกี่ยวกับการดำเนินเรื่อง มีคำบอกกล่าวที่ดีที่สุดอยู่ตรงนี้แล้ว

 คำนำสำนักพิมพ์

ความผูกพันของพี่น้องนั้น ลึกซึ้งและเหนียวแน่นเกินกว่าจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้  แม้จะอยู่ห่างกันแค่ไหน ในใจของเราก็จะเว้นที่ไว้สำหรับพี่น้องเสมอ

โรซามันด์ ลัพตัน นำเสนอความผูกพันของพี่สาวน้องสาวในรูปแบบของจดหมาย  ซึ่งเป็นหนทางการติดต่อสื่อสารที่สองพี่น้องเฮมมิงฝังใจจากการใช้เมื่อตอนเด็ก  การเขียนด้วยรูปแบบนี้ทำให้เราเข้าใจมุมมองของตัวละครได้อย่างลึกซึ้ง และยังทำให้ต้องคอยคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นในเรื่องไปพร้อมๆ กันด้วย นั่นอาจะเป็นเหตุผลที่หนังสือเล่มนี้ทำให้ผู้อ่านได้ลุ้นระทึกแบบหยุดไม่ได้

เตรียมหัวใจของคุณไว้ให้ดีๆ ก่อนอ่าน เพราะเมื่อความลับเปิดเผย คุณอาจพบว่าหัวใจตัวเองแกว่งไกวจนหายไปตามกลับมาได้อยากเหลือเกิน

แพรวสำนักพิมพ์ 

พฤศจิกายน ๒๕๕๖

ใช่แล้วล่ะค่ะ รูปแบบการเล่าของนิยายเรื่องนี้ ..คือ  'จดหมายถึงเธอ' ที่คงต้องขอบอกว่า 'เจ๋งดีนะ'

และแม้เรื่องนี้จะเล่าเรื่องด้วยสรรพนามบุรุษที่ ๑ 'ฉัน' แบบที่ไม่ค่อยชอบ 

แต่สำหรับเรื่องนี้ คิดว่า 'ฉัน' เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วสำหรับการใช้เล่าเรื่อง

แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นการค้นหา ความจริง  เรื่องของเธอ

แต่เพราะเรื่องของเธอที่พบเจอ  ทำให้ได้ค้นพบ  เรื่องของฉัน  

สิ่งที่ฉันคิด สิ่งที่ฉันรู้สึก  สิ่งที่ฉันเป็นฉัน  ที่อาจไม่เคยรู้จักตัวเองแน่ชัดมาก่อน

ความอิสระ  ความงดงาม ความกล้าหาญ ของเธอ...คือพลังชีวิตที่มอบให้กับฉัน

คำนำสำนักพิมพ์ ใช้คำว่า 'แกว่งไกว' เองนะคะ   ส่วนตัวขอเลือกคำให้ตัวเองว่านั่นมัน 'ช็อค' ความรู้สึกเลยนะ กับความจริงบางอย่าง ที่อุตส่าห์จิ้น อุตส่าห์หวังเวิ่นเว้อมาตั้งนาน ... มันช่างวูบหายเหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่า  เดียวดาย อ้างว้าง เหมือนกับสถานการณ์ของเรื่องในตอนนั้นเลย

แม้อ่านตั้งแต่หน้าแรกมาเรื่อยไม่มีร้องไห้เสียน้ำตา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไร  เพราะการที่น้ำตาเริ่มซึมในช่วงหลัง เพิ่มระดับเป็นน้ำตาพร่าพรายในช่วงท้าย  และลงเอยด้วยอาการสะอื้นฮักกับสามประโยคสุดท้ายของเรื่องราว  จะเป็นอาการที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้หรอก  หากไม่ถูกทำให้ซึบซับความผูกพันของ บีทริซ กับ เทสส์ มาก่อนหน้า ( ด้วยความอิน )

ฉันเสียใจ   

ฉันรักเธอ       

ฉันจะรักเธอเสมอ

 




 

Create Date : 08 มีนาคม 2557    
Last Update : 11 มีนาคม 2557 23:24:54 น.
Counter : 2284 Pageviews.  

Nothing Lasts Forever ตราบาปนักบุญ

 

Nothing Lasts Forever ตราบาปนักบุญ

ผู้เขียน : Sidney Sheldon  ผู้แปล ฉวีวงศ์

สำนักพิมพ์ แพรวสำนักพิมพ์

คำโปรย

สุดยอดผลงานของนักเขียนชื่อดังแห่งศตวรรษที่ยี่สิบ

เจ้าของนวนิยายที่ได้รับความนิยมมาตลอดหลายสิบปี

ตีพิมพ์แล้วกว่า 300 ล้านเล่มทั่วโลก!

---

แพทย์สาวสามคนกับความหวัง ความฝัน และความปรารถนาอันไม่คาดคิดของพวกเธอ

เพจ เทย์เลอร์ เธอสาบานว่าการกระทำนั้นคือการุณฆาต แต่เมื่อเธอได้รับมรดกหนึ่งล้านดอลลาร์จากคนไข้รายหนึ่ง เธอกลับถูกกล่าวหาว่ามันเป็นการฆาตกรรม

แคต ฮันเตอร์ เธอลั่นวาจาว่าจะไม่มีวันยอมให้ชายใดเข้าใกล้อีก แต่เมื่อแพทย์หนุ่มเจ้าเสน่ห์คนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่โรงพยาบาล ชีวิตของเธอก็พลิกผันไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิด

ฮันนี่ ทัฟท์ เธอต้องใช้ "พรแสวง" นอกเหนือไปจาก "พรสวรรค์" ที่พระเจ้าประทานให้ เพื่อจะยืนหยัดสวมเสื้อกาวน์เป็นหมอต่อไปให้ได้

จากการตัดสินใจที่ชี้เป็นชี้ตายในโรงพยาบาล ไปจนถึงการพิจารณาคดีฆาตกรรมสุดเครียดในศาล ตราบาปนักบุญ จะตีแผ่ความทะเยอทะยานและความหวาดกลัวในใจของผู้รักษาและผู้ฆ่า คนรักและจอมทรยศ และพิสูจน์ให้ผู้อ่านได้ประจักษ์อีกครั้งว่าไม่มีใครคาดเดาการหักมุมของ ซิดนีย์ เชลดอน เจ้าแห่งพลอตเรื่องที่คาดไม่ถึงได้

คำนิยม

"ผลงานสุดยอดของเชลดอน รับประกันความบันเทิง" -: แอสโซซิเอดเท็ดเพรสส์ :-

"น่าทึ่ง ...ซิดนีย์ เชลดอน มีกลวิธีที่เป็นเอกลักษณ์ในการทำให้ฉากธรรมดาๆ มีชีวิตขึ้นมา" -:ซานฟรานซิสโกโครนิเคิล :-

"สามดาว! หนังสือเล่มนี้มีความคาดไม่ถึงที่ควรค่าแก่ภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณ" -: อินดิแอนาโพลิสสตาร์ :-

มันเป็นชัยชนะของ ซิดนีย์ เชลดอน เพราะขณะลูบๆ คลำๆ จะเลือกซื้อ ตราบาปนักบุญ นั้น มีเรื่อง กลรักในกลลวง ( Exclusive ) ของ แซนดรา บราวน์ วางอยู่เคียงกันให้เหล่ซ้ายเหล่ขวาเป็นคู่แข่งเล่มสำคัญ ซึ่งนอกจากจะคุ้นเคยมากกว่ากับ แซนดรา บราวน์  พลอตเรื่องยังแสนจะดึงดูดด้วยนางเอกเป็นผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์และพระเอกเป็นถึงคนสนิทของประธานาธิบดีผู้มีข่าวลือถึงสัมพันธ์รักกับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง  ขณะที่ ตัวละครหลักของ ตราบาปนักบุญ จะน่าสนใจน้อยกว่าเพราะว่าเป็น 'ผู้หญิง' และยังต้องแบ่งบทกันไปตั้งสามคน (อิอิ คนอ่านเป็นผู้หญิงน่ะนะ ย่อมชอบให้พระเอกเป็นผู้โดดเด่น) แต่ด้วยอานุภาพของอาชีพ "เสื้อกาวน์สีขาว" ทำให้หนังสือเล่มนี้ถูกหยิบกลับบ้าน

สนุกสมศักดิ์ศรี International Bestseller ( เกมรักในกลลวง ก็ International Bestseller ด้วยเช่นกัน)  ส่วนตัวแล้ว ในการจะเลือกซื้อหนังสือแปล ถือเป็นคนที่ให้ค่าความสำคัญพอสมควรกับคำๆ นี้ เมื่อผู้แต่งเป็นคนต่างชาติต่างภาษา ต่างขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม เนื้อหานวนิยายของพวกเขาเหล่านั้นย่อมแตกต่างไปจากความคุ้นเคยของเราในแง่เหล่านั้นด้วย   Bestseller คือการได้รับความยอมรับ และ International Bestseller คือความยอมรับที่กว้างกว่าด้วยนักอ่านต่างชาติต่างภาษา อ่านนวนิยายไทยเป็นการเลือกซื้อเลือกหาด้วยความเสี่ยงจากการคัดกรองโดยบรรณาธิการมาชั้นหนึ่ง ซึ่งก็ลุ้นผลลัพธ์สนุกไปอีกแบบ แต่อ่านนิยายแปลที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วสองชั้น คือ ผู้แปล และบรรณาธิการ ก็พออุ่นใจได้ (คงไม่มีนักแปลคนไหนเลือกแปลหนังสือที่ตัวเองไม่สนุกหรอกว่าไหม) แต่ถ้ามี "ยี่ห้อ" Bestseller เป็นการคัดกรองชั้นที่สาม ก็ถือเป็นการการันตีได้ว่ามันต้องมีอะไรดีๆ แน่นอน เว้นเสียแต่ว่า เนื้อเรื่องในหนังสือเล่มนั้นมันจะไม่ใช่แนวที่เราจะสนุกหรือรู้สึกดีได้จริงๆ  (เพราะความชอบที่แตกต่างทำให้ความสนุกของคนเราไม่เท่ากัน ^^)

ตราบาปนักบุญ  เปิดเรื่องด้วยฉากพิจารณาคดีที่เข้มข้นในศาล คดีการุณฆาตของ คุณหมอเพจ เทย์เลอร์ ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรเพื่อมรดกหนึ่งล้านเหรียญดอลลาร์จากคนไข้รายนั้น (จากที่อ่าน การุณฆาต คือ การงดเว้นการช่วยเหลือหรือรักษาคนไข้ โดยปล่อยให้ตายไปเองอย่างสงบ และคงจะรวมถึงการให้ยาที่ช่วยให้คนไข้เสียชีวิตด้วย ในกรณีที่คนไข้รายนั้นป่วยใกล้ตายด้วยโรคที่ไร้หนทางรักษา และร้องขอความช่วยเหลือทำให้ตาย)  

เพจ ตกเป็นจำเลยต้องคดีในข้อหาฆาตกรรม  และอีกหนึ่งในเพื่อนสองสาวนั้น ใครคนหนึ่งที่เราไม่รู้ว่าเป็นใคร  เสียชีวิต

จากนั้น เรื่องก็ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น ในวันแรกที่คุณหมอสาวทั้งสามเข้ามาเป็นแพทย์ประจำบ้านสังกัดโรงพยาบาลเอ็มบาร์คาเดโรเคาน์ตี โรงพยาบาลที่เก่าแก่ที่สุดในซานฟรานซิสโกและเก่าแก่ที่สุดของประเทศ

นอกจากปมคดีที่ทำให้สงสัยใครรู้ พื้นเพความเป็นมาและเรื่องราวความเป็นไปของสามสาวตัวละครหลักข้างต้นก็ชวนสนใจชวนติดตามไม่แพ้กัน  แถมยังมีลุ้นกับการเปิดตัว "พระเอก"  เจสัน เคอร์ติส ที่ต้องรอกว่าครึ่งเรื่องกว่าจะปรากฏตัวออกมาได้ เพราะก่อนหน้านั้น รักแรกฝังลึกในจิตใจของเพจตั้งแต่วัยเด็ก เป็นใครอีกคนที่เคยเติบโต มีความรัก มีความฝันร่วมกันมา  แต่ขอบอกว่าพระเอกของเราคนนี้ แม้จะมาทีหลังแต่ดังกว่านะเออ  สถาปนิกหนุ่มที่ส่งคำขอแต่งงานมาด้วยหุ่นจำลองของบ้านสองชั้นสีขาวแสนสวยมีระเบียง มีสวนและหน้าบ้านมีสนามเล็กๆ ล้อมรอบด้วยรั้วเสาไม้สีขาว

ส่งมาพร้อมกับการ์ดใบหนึ่ง

ของฉัน (  )

ของเรา (  )

โปรดเลือกหนึ่งข้อ

แบบบ้านในฝันของเพจ กับผู้ชายคนหนึ่งที่บอกว่า "ผมอยากสร้างของจริงให้คุณ คุณติ๊กในช่องหรือยัง" (อ๊าย น่ารักจังเลย)

ลุ้นเกี่ยวกับพระเอก เพราะเจสันเป็นคนที่อยู่กับเคส ในช่วงพิจารณาคดี แต่เมื่อแรกเริ่มเป็นแพทย์ในโรงพยาบาลเพจรักอยู่กับใครอีกคน  เจสันจะเป็นใคร จะโผล่มาตอนไหน เมื่อไหร่ ยังไง นั่นแหละเรื่องลุ้น 

แต่พระเอกจะบทไม่เด่นนะคะ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายแนวรักโรมานซ์

ซึ่งก็ตรงกับที่ต้องการเปลี่ยนอารมณ์ของการอ่านอยู่พอดี แต่ความรักที่มีก็ทำให้เรื่องนี้ กลมกล่อม

ตำรวจ นักข่าว ทหาร แพทย์ พยาบาล นักดนตรี นักกีฬา นี่เป็นรายอาชีพที่เราชื่นชอบ ถ้ามีตัวละครหลักสังกัดอาชีพเหล่านี้ มักจะดึงดูดความสนใจได้ชะงัดนัก อย่างที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเลือกเรื่องนี้ก่อนเรื่องนั้นของแซนดรา บราวน์ และไม่ผิดหวังเลยกับสิ่งที่ได้รับ นวนิยายที่สนุกและดีมีแค่ปมที่สนุกอย่างเดียวไม่พอ คาแรคเตอร์ตัวละครหลัก ตัวละครประกอบ ฉากเหตุการณ์และเรื่องราวรายล้อมควรน่าสนใจด้วย  เปลี่ยนแนวการอ่านบ้าง ก็ได้อารมณ์ที่หลากหลาย

ความโดดเด่นของเรื่องนี้ สำหรับใจเรายกให้เลยเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาลและวิถีชีวิตของแพทย์ ซึ่งนอกจากจะต้องเผชิญกับหน้าที่ความรับผิดชอบ (ชีวิตคน) อันหนักหน่วงแล้ว ยังต้องผจญอุปสรรคนานา ทั้งในเรื่องการงานและชีวิตส่วนตัว  ลึกลงไปในจิตใจของความเป็นแพทย์ และความเป็นปถุชนคนธรรมดา มีมิตรภาพ ความมุมานะพยายาม ความเหนื่อยล้า มีความโหดร้าย สารเลว และความเมตตาปราณี 

สนุกจนวางไม่ลง  เป็นพลอตที่ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับมือดีสักคนควรลงเงินลงแรงสร้างเป็นหนัง ลองเสิร์ชหาในกูเกิลเผื่อว่าจะมี  แต่ผิดหวังจัง ที่ยังไม่มี! 

สำหรับคนที่ชอบนวนิยายแนวสืบสวน ฆาตกรรม  เรื่องนี้..แนะนำ




 

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2556    
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2556 10:24:05 น.
Counter : 1819 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.