--- ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางคงคล้ายกับภูติผีเปลี่ยวเหงาที่สุดสองตนบนโลกที่เต็มไปด้วยผู้คน อยู่ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกันจนคุ้นเคย ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอันใดต่อกัน นางเป็นเด็กกำพร้าผู้ฝากชีวิตไว้ในอุ้งมือแห่งโชคชะตา ไม่ว่าจะสถานที่ใดก็เหมือนกัน ต่างล้วนไม่มีความอบอุ่นให้ ก็เหมือนร่างกายที่ค่อนข้างเยียบเย็นนี้ของนาง เยี่ยจิงหงเองก็ไม่ต่าง ร่างกายของบุรุษหนุ่มผู้ซับซ้อนที่นางไม่เคยเข้าใจผู้นี้ก็เย็นยะเยือกไม่น้อยไปกว่ากันสักเท่าใด ยามเหมันตฤดูเขาและนางมักต้องแอบอิงอยู่ด้วยกันเป็นนานกว่าจะเริ่มรู้สึกอบอุ่น ส่วนช่วงเวลาอื่นๆ ก็มิเคยเป็นไปอย่างชื่นมื่น--
--บุรุษเช่นเขาหาได้ใส่ใจเรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง ...ยิ่งไปกว่านั้น เขาและนางก็มิใช่คู่รักสมัครสมานกันแต่ประการใด---
---ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่าเยี่ยจิงหงกำลังคิดสิ่งใด ไม่ว่าจะทายสักกี่ครั้งก็หามีผู้ใดสามารถให้คำตอบได้ บางทีอาจมีสตรีจำนวนไม่น้อยที่สนุกสนานกับการหาคำตอบอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่สำหรับสตรีที่มีอายุมากที่สุดอย่างฉิวเตี๋ย นางเลิกที่จะหาคำตอบจากความคิดที่ลึกล้ำราวทะเลไร้ซึ่งสรรพเสียงของเขามานานแล้ว---
ความรู้สึกนึกคิดของฉิวเตี๋ยถูกบรรยายราวกับว่า ไม่มีอะไร ไม่รู้สึกยินดียินร้าย ทุกข์ร้อน สนใจ ใส่ใจ เพราะเยี่ยจิงหง ไม่ใช่คนที่นางหรือใครจะสามารถเข้าใจเขาได้ แต่ความรู้สึกที่ได้จากการบรรยายลักษณะนั้นกลับส่งผลตรงกันข้ามว่าทั้งหมดที่เหมือนกับไม่รู้สึก ไม่เข้าใจนั่นแหละ คือความเข้าใจถ่องแท้ ความไม่รู้สึกอะไรนั่นแหละคือการยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ยอมรับทุกอย่าง ที่เหมือนจะเข้าใจสถานะตัวเองนั่นต่างหาก ที่สื่อได้ว่าที่จริงแล้วฉิวเตี๋ยไม่เข้าใจตัวเอง ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่เคยปฏิเสธ ทำไมถึงโอนอ่อนผ่อนตามไม่ว่ากายหรือใจ อาจไม่ได้ยินดีแต่ก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนที่จะอยู่ในกรงผีเสื้อ ในอ้อมแขนที่ไม่ปรารถนาจะยอมรับว่าเขาคือ บุรุษของตน คือ นิยามของคำว่า ความสุข
ฉิวเตี๋ยอาจจะวางตัวสงบเงียบเชียบ แต่ไม่ได้หมายความว่านางไม่เฉลียวฉลาด นางมีเชาว์ปัญญามากพอที่เยี่ยจิงหงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ แม้แค่เอ่ยคำเพียงนิด นางย่อมรู้แจ้งแก่ใจดี เพียงแต่จะยอมรับหรือไม่ก็เท่านั้น
" กำเนิดทายาทให้ข้าสักคนได้หรือไม่"
" ข้าไม่ปรารถนาจะรออีกต่อไป"
"ชาตินี้ทั้งชาติเจ้าอย่าได้หวังอื่นใดเลย เรื่องนี้เจ้าคงรู้ดีแก่ใจกระมัง...."
"อย่าได้คิดหวังอะไรลมๆ แล้งๆ หากจะคิดก็ให้คิดอะไรที่เป็นจริงสักหน่อย
คิดถึงสิ่งที่เอื้อมมือคว้าได้ ..อย่างเช่นความสุข หลังจากนั้นก็มาขอกับข้า"
"รู้หรือไม่ ทำไมข้าถึงฝากจักจั่นเหมันต์ไว้กับเจ้า"
"มีเวลาว่างก็ลองใคร่ครวญดู...อืม บางทีเจ้าน่าจะแบ่งเวลาเหม่อลอย
ให้กับบุรุษของเจ้าบ้าง นี่นับเป็นหนึ่งในงานของเจ้าเช่นกัน จงอย่าได้ละเลย"
"ฉิวเตี๋ย ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ เจ้าห้ามชอบผู้ใดทั้งสิ้น ได้ยินชัดหรือไม่"
"อย่าพูดอะไรตรงข้ามกับที่ใจเจ้าคิด เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่มีทางยินยอมให้เกิดขึ้นได้"
"ฉิวเตี๋ย เจ้ารู้จักข้าดี หลายปีมานี้ข้าเพียงคล้อยตามเจ้าก็เท่านั้น เจ้ารู้ว่าข้าต้องการเจ้า
นอกจากข้าตาย เจ้าถึงจะไปรักผู้อื่นได้ ตอนนี้โอกาสเป็นของเจ้าแล้ว .."
"เจ้ามีใจให้ข้า"
ระหว่างเจ้ากับข้าจึงมิจำเป็นต้องเปิดใจหรือเข้าใจอะไรกันมากมาย ไยต้องมีคำรัก คำบรรยายอารมณ์ความรู้สึกให้มากความ เอ่ยเพียงเท่านี้ เจ้าก็เข้าใจใช่หรือไม่ ข้ารู้ เจ้ารู้ เราต่างรู้กันอยู่แก่ใจ เจ้าเป็นสตรีของข้า ข้าเป็นบุรุษของเจ้า หากข้าไม่ตาย เจ้ากับข้าย่อมไม่มีวันได้แปรผันเป็นอื่น