妃关天下 ชายาสะท้านแผ่นดิน เล่ม ๒ บุรุษผู้นั้น ..อาจเอื้อมไม่ถึง
แม้ไม่อาจล่วงรู้ว่าบุรุษนาม อวิ๋นซื่อเทียน ผู้นี้เป็นใคร แต่คำมั่นสัญญาที่นางให้เขาไว้กลับสลักลึกลงในใจ ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่คิดคืนคำ นางจึงตอบรับตำแหน่งแพทย์โอสถชั้นกลาง หวังอาศัยตัวยาล้ำค่าในสำนักแพทย์โอสถหลวงซึ่งนางสามารถหยิบใช้ได้ตามใจชอบนับจากนี้ปรุงยาให้เขา และหากโชคดีคงมีโอกาสพบบุคคลที่จะไขความกระจ่างเรื่องพิษในร่างกายนางและบิดาได้เสียที
ทว่านอกจากจะไม่มีตัวยาชั้นเลิศที่ต้องการและบุคคลที่นางตามหากลับกำลังดั้นด้นอยู่ในป่า... ลั่วอวี่ยังต้องรับหน้าที่อันทรงเกียรติในการเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานชุมนุมสานสัมพันธ์สามแคว้นที่จะจัดขึ้น ณ แคว้นขุมอนันต์อีกด้วย
สิ่งที่ต้องทำมีมากมายเหลือล้นแต่กลับไม่มีเวลาให้ทำมากนัก เช่นนั้นนางจะขอใช้การเดินทางครั้งนี้ตามหาสิ่งที่ต้องการในคราเดียวแล้วกัน!
ก่อนจะเอ่ยความรู้สึกถึงเรื่องอื่นใด ขอมาแนะนำตัวละครที่ค้างคาไว้ตั้งแต่ตอนรีวิวเล่ม ๑ ซะก่อน เพราะไม่งั้นผู้อ่านอาจจะงงว่ายาย prysang คนนี้ กำลังเวิ่นเว้อเรื่องอะไร และพร่ำเพ้อ (เพ้อมาก) ถึงใครอยู่
จวินลั่วอวี่ : หญิงสาวที่หลุดมาอยู่ในดินแดนต่างมิติ ณ แคว้นไร้ปีกบนแผ่นดินลืมธารา มีวรยุทธ์กล้าแกร่ง ใจกล้าบ้าบิ่น ใบหน้าข้างหนึ่งงดงามราวเทพธิดา อีกข้างมีปานแดงคล้ายอัตสุนีบาตประทับตีตรา
เจี้ยเซวียนโม่เหยียน : องค์ชายสามแห่งแคว้นไร้ปีก รูปงามสูงสง่า หยิ่งทะนงเปิดเผยจริงใจ และซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองยิ่งนัก มีสัญญาหมั้นหมายกับ จินลั่วอวี่
จวินเฟย : ประมุขของ "หอลับ" เป็นบุรุษหน้าบากที่จวินลั่วอวี่เคยช่วยชีวิตไว้เมื่อครั้งยังเยาว์
จวินโย่เหยียน : ชายชราผู้เป็นประมุขจวนกั๋วกงม่วงพราวคนปัจจุบัน มีศักดิ์เป็นปู่ของจวินลั่วอวี่ มีความสัมพันธ์กับกษัตริย์แคว้นไร้ปีกดั่งสหายร่วมเป็นร่วมตาย
และเขา
"บุรุษผู้นั้น อาจเอื้อมไม่ถึง"
นางร้ายรายหนึ่งกล่าวไว้เช่นนั้น สายตาและคำพูดตอนพบหน้ากันครั้งแรกได้บอกให้นางรู้อย่างกระจ่างชัด ไม่กล้าคิดอะไรเลยเถิด
คนผู้นั้นเป็นมังกร คนที่คู่ควรกับเขาย่อมต้องเป็นหงส์
และชัดเจนว่านางไม่ใช่หงส์ตัวนั้น
อวิ๋นซื่อเทียน : บุรุษผมเงินที่มีพลังยุทธ์ชั้นยอด เคยถูกคนลอบทำร้ายจนเส้นเอ็นกับชีพจรเสียหาย จึงดั้นด้นเสาะหายาหรือสิ่งใดก็ตามที่จะมารักษาอาการนั้นให้หายขาด
นั่นขนาดว่าบาดเจ็บอยู่นะ หาได้สร้างความกระเสาะกระแสะให้เสียเชิงบุรุษผู้เหี้ยมหาญแม้แต่น้อย ถึงในเล่มหนึ่งจะโผล่มาทีหลังถึงหลังมาก แต่ดันดังกว่าซะนี่ เหตุเพราะท่าทางคนผู้นี้คงจะไม่ธรรมดา เพราะเขามาพร้อมกับพลังยอดยุทธ์ม่วง สมศักดิ์ศรี สมหน้าตา สมควรค่าเส้นผมสีเงิน (เกี่ยวมั้ย) เขาเป็นใครมาจากในยังไม่รู้แน่ชัดในเล่ม ๒ แต่จากโปรยปกหลังเล่ม ๓ ทราบว่า เขาคือ
จอมราชันแห่งขอบชมฟ้า
"แผ่นดินลืมธารากว้างใหญ่ไพศาล มีดินแดนนับหมื่นๆ ลี้ มีกลุ่มอิทธิพลตั้งอยู่มากมาย ต่างครอบครองดินแดน แคว้นขุมอนันต์ แคว้นป่าเฟิง และแคว้นไร้ปีกของเรา ในสายตาของเรามองแล้วรู้สึกว่ากว้างใหญ่ แต่เมื่อเปรียบกับแผ่นดินลืมธาราแล้วเป็นเพียงดินแดนเล็กๆ เท่ามดแค่นั้น และบนแผ่นดินลืมธารานี้มีที่แห่งหนึ่งทอดข้ามดินแดนนับพันนับหมื่นลี้ กว้างใหญ่ไพศาลมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด ที่แห่งนั้นมีคนที่ร่ำรวยมากที่สุด มีคนที่มีอิทธิพลมากที่สุด มีคนที่องอาจห้าวหาญที่สุด มีสรรพสิ่งประณีตสวยงามที่สุด มีทุกสิ่งที่เราไม่อาจจินตนาการได้ พุทธเทพน้ำหนึ่งคือดินแดนที่ดีที่สุดบนแผ่นดินลืมธาราของเรา"
แคว้นขอบชมฟ้า เกี่ยวข้องอะไร อย่างไร กับดินแดนพุทธเทพน้ำหนึ่ง แว่นแคว้นที่ยิ่งใหญ่เหนือชั้น-- เหนือชั้นกว่าแคว้นไร้ปีก แคว้นขุมอนันต์ และแคว้นป่าเฟิงรวมตัวกันซะอีก ดินแดนเหล่านี้และเรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้นผู้เป็นสุดยอดจอมยุทธ์พลังยุทธ์แห่งแคว้น ไม่ได้มีค่าอันใดที่ควรแก่การใส่ใจของอวิ๋นซื่อเทียนแม้แต่น้อย เหมือนเป็นแค่พวกแมลงหวี่แมลงวัน ช่างไร้ความหมายสิ้นดี!
ถ้าอย่างนั้น แล้วอย่างนี้...ท่านอวิ๋นของเราเขาย่องเบาเข้าแคว้น มาทำอะไรอยู่ในดินแดนโลโซ โลว์ความหมายต่อเขาเช่นนี้กันล่ะ สุดจะคาดเดาวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของท่าน มาหายารักษาตน มาหาคน มาหาใคร เพื่ออะไรกัน ? แต่จะมาด้วยเหตุผลกลใดค่อยว่ากันเล่มหน้าเล่มไหน เพราะตอนนี้ท่านได้โอกาสคว้าสิ่งสำคัญเอาไว้และจะไม่ให้หลุดมือไป "คนของข้า" ที่องค์ราชันยอดยุทธ์ม่วงจะนำติดไม้ติดมือกลับไปด้วย
"... ราชาผู้นั้นเปรียบกับโม่เหยียนแล้วสูงส่งกว่าไม่รู้กี่ขั้น ทว่าบุคคลเช่นนี้เจ้าอยู่ข้างกายเขาจะต้องลำบากมาก เขาสูงศักดิ์เกินไป สิ่งที่ตามมาด้วยก็คือจะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความเป็นความตายเต็มไปด้วยอันตราย"
"ลั่วอวี่ หากคนผู้นั้นมาจากพุทธเทพน้ำหนึ่งจริงล่ะก็ ข้าขอเตือนเจ้าสักคำ ............"
จวินลั่วอวี่ได้รับคำตักเตือนจากผู้อาวุโสถึงสองครั้งสองครา แต่สำหรับเส้นทางชีวิตของนางนั้นก็ไม่ได้ยากนักจะเลือกเดิน ผู้กล้ายอมตายเพื่อคนที่รู้ใจ หากเพื่อ อวิ๋นซื่อเทียน ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น จะสวรรค์หรือนรกก็พร้อมจะก้าวล่วง
มีความรู้สึกหนึ่งเกิดขึ้นในการอ่านนิยายแปลเรื่องนี้ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่หาได้ยาก
เคยอ่านนิยายของนามปากกา ลักษณวดี ไหมค่ะ แนวเจ้าหญิงเจ้าชายที่พระเอกหรือนางเอกจะสูงศักดิ์ด้วยเกียรติยศ และสูงค่าด้วยความดีงามของจิตใจแห่งเลือดขัตติยะ แน่นอนว่านิยายเรื่องนี้เป็นแฟนตาซีในดินแดนต่างมิติที่ชื่อว่าแผ่นดินลืมธารา ไม่มีอะไรจะมาเปรียบหรือเทียบเคียงกันได้สักนิด แต่ด้วยนิยายเรื่องนี้มี องค์ชาย องค์ชาย และ องค์ราชัน นั่นจึงเป็นยศฐาบรรดาศักดิ์ที่ทำให้เกิดรู้สึกที่ว่าพระเอกสูงส่ง (แม้จะคนละแบบกัน) ซึ่งไม่ค่อยมีให้อ่านมากนัก นอกจากนิยายแปลแนวย้อนยุค ทีจะมีท่านเอิร์ล ดยุค แต่ก็ยังไม่ใช่รัชทายาทหรือราชาที่สูงกว่าอีกน่ะค่ะ
เริ่มแรกจึงชอบองค์ชายสามเพราะเป็นองค์ชายที่อาจจะได้สืบทอดตำแหน่งราชา ถึงกับคิดเพลินไปว่าเรื่องนี้อาจมีปมการแย่งชิงบัลลังก์ที่มีเอี่ยวกับปริศนาการถูกวางยาพิษตั้งแต่เด็กของลั่วอวี่
แต่เมื่อ บุรุษผมสีเงิน ปรากฏองค์อย่างทรงพลัง ก็ทำเอาเสียศูนย์กับพลอตของเรื่องราวที่มันไม่ใช่เลย ไม่ใช่อะไรอย่างที่เคยคิด และบทบาทความสำคัญขององค์ชายสามที่กระเด็นกระดอนพ้นความรู้สึกไปง่ายดายนัก (รักง่ายหน่ายเร็วซะจริงๆ )
หลบหน่อย..พระเอกมา
องค์ชายสามช่วยหลบไปไกลๆ เพราะไม่ว่าจะตำแหน่ง พระรอง คู่แข่ง คู่ปรับ หรือ ศัตรูหัวใจ ล้วนไม่อยู่ในสถานะที่คู่ควรทั้งนั้น หากแม้แค่อวิ๋นซื่อเทียนจะเอ่ยสองคำสั้นๆ "สังหาร" ก็คงจะต้องเตรียมตัวตายโดยแค่น้ำมือระดับผู้ติดตาม คงไม่ทันให้อวิ๋นซื่อเทียนได้เปลืองมือแม้แต่น้อย
เดาว่าคู่ปรับ คู่อริศัตรู ที่คู่ควรพอ ของอวิ๋นซื่อเทียน น่าจะอยู่ที่ดินแดนพุทธเทพน้ำหนึ่ง ตามที่เริ่มมีการเผยนามออกมาบ้างแล้ว "ตี้ฟั่นเทียน" ผู้มีวิทยายุทธ์เฉพาะตัวที่ชื่อว่าเทพยุทธ์ไร้ตัวตน รอก่อนเถอะ รอวันที่อวิ่นซื่อเทียนจะกลับไปสู่ดินแดนนั้น เพื่อสร้างความมันส์ขั้นเทพสัปประยุทธ์กัน (มโนไว้น่ะนะ)
เพราะเขาคือราชันยอดยุทธ์ม่วง ไม่ว่าจะปรากฏกาย ณ แห่งหนใด รัศมีแห่งพลังอำนาจย่อมช่วงชิงความโดดเด่นไปจากทุกคน น้ำเสียงเยียบเย็น แววตาเหี้ยมเกรียมดุดัน ท่าทางคุกคาม เย็นชา-พญามาร ลักษณะแบบนี้แหละ โดนใจใช่เลย
แต่ -- ก็อย่างว่าแหละนะคะ ในเมื่อ สิ่งใดๆ รอบตัวสำหรับอวิ๋นซื่อเทียนในแว่นแคว้นเล็กๆ เหล่านี้ ล้วนไร้ความหมาย อะไรๆ ก็ไร้ค่า ไร้เหตุผลจะใส่ใจ จะทำลายให้ราบคาบเสียก็ง่ายดายเพราะคงไม่มีใครมาปะมือกับท่านได้ แล้วท่านเขามาทำอะไร ต้องรอหาคำตอบกันต่อไปในเล่มหน้า
แผ่นดินลืมธารา ดินแดนต่างมิติ ผู้คนที่นี่ไม่มีวรยุทธ์แต่พวกมีพลังยุทธ์และพลังควบคุมสัตว์อสูร ที่จะจัดแบ่งลำดับขั้นอย่างเข้มงวดชัดเจน เพื่อประเมินความสามารถสูงต่ำซึ่งมีด้วยกัน ๗ ขั้น ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือ ส้ม แดง ยิ่งมีพลังยุทธ์แก่กล้ สีของพลังก็จะเลื่อนขั้นคือ สีแดงคือระดับต่ำสุด สีม่วงคือระดับสูงสุด
ในแคว้นไร้ปีก ขุมอนันต์และ ป่าเฟิง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหายอดยุทธ์คราม และยอดยุทธ์ม่วง แม้บุรุษผู้ทรงพลังและแผดเผาประดุจเปลวเพลิงอย่างองค์ชายสาม ยังเป็นแค่เพียงยอดยุทธน้ำเงินเท่านั้น แต่ลั่วอวี่ สตรีนางนั้นไม่มีพลังยุทธ์ มีแต่เพียงวรยุทธ์ ที่เป็นวิชาต่อสู้แบบจีนโบราณ --ซัดบุปฝาคร่าชีวิต ย่ำหิมะไร้ร่องรอย เหล่านี้เป็นวรยุทธ์ที่ไม่ได้ทำให้นางอ่อนด้อยกว่าผู้ใด หงส์จะอย่างไรก็ต้องเป็นหงส์ แม้รูปโฉมจะอัปลักษณ์หากแต่รอยตำหนิเล็กน้อย ก็ไม่อาจบดบังรัศมีหยกงามได้ อวิ๋นซื่อเทียนคนนั้นมองเห็นลั่วอวี่ในเนื้อแท้ เหนือ.. ไปกว่ารูปลักษณ์ภายนอกที่คนทั่วไปต่างดูแคลน
การประลองระหว่างสามแคว้น เป็นเรื่องของลั่วอวี่ แม้ผู้คนจะครั่นคร้ามอวิ๋นซื่อเทียนที่คอยเป็นเงาอยู่เบื้องหลัง และลือกันว่าหนุนหลังนางอยู่ แต่ก็ยังมีที่เชื่อว่า
"ราชันยอดยุทธ์ม่วงสังวรในฐานะของตน เขาไม่สอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการประลองของพวกเจ้าแน่"
ราชันยอดยุทธ์ม่วงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งแผ่นดินใหญ่ ไม่มีทางลงมือกับผู้มีผีมืออ่อนด้อยกว่าเหล่านี้ และไม่สอดมือเข้ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่คู่ควรแก่การสอดมือเข้าไปยุ่ง หาไม่แล้วลั่วอวี่ไยต้องประลองอะไรอีก อวิ๋นซื่อเทียนสังหารผู้เข้าประลองทุกคนเสียเลยก็หมดเรื่อง นั่นเป็นความหยิ่งผยองในตนเองของราชันยอดยุทธ์ม่วง
"เข้าเข้าใจดี แต่ใครจะรับประกันได้"
คำพูดนี้พอพูดออกมาคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็นิ่งเงียบไป ราชันยอดยุทธ์ม่วงเป็นคนทำอะไรตามอารมณ์ของตนเอง ใครจะรู้ได้ว่าเกิดลั่วอวี่แพ้ขึ้นมา เขาจะลงมือหรือไม่
อวิ๋นซื่อเทียน เยื้องย่างปรากฏกายที่แห่งใด ผู้คนย่อมกลัวตาย ทั้งที่ยังไม่รู้ถึงภูมิหลังอันแท้จริงของเขาด้วยซ้ำ แต่รัศมีของพญามาร...มันเป็นอะไรที่สัมผัสได้นี่นะ กับราชันยอดยุทธ์ม่วง ย่อมต้องเจี๋ยมเจี้ยมไว้ เพื่อปลอดภัยไว้ก่อน
ยามอวิ๋นซื่อเทียนบันดาลโทสะขึ้นมาจริงๆ ไม่มีใครเคยเห็น เพราะคนที่เคยเห็นต่างลงนรกไปหมดแล้ว กำลังความสามารถทั้งหมดของอวิ๋นซื่อเทียนเป็นเช่นไร ไม่มีใครเคยเห็น เพราะผลของการอยากเห็นก็เป็นเช่นเดียวกันนั่นคือลงนรก (ไปหมดแล้ว)
เป็นนิยายที่ชอบค่ะ เข้าใจว่าคนที่อ่านต้องเป็นคนที่มีพื้นฐานชอบหนังจีนกำลังภายใน จีนอภินิหารแปดเทพอสูรมังกรฟ้าอะไรเทือกนั้นอยู่บ้าง ชอบการแปลมาก เพราะเมื่อแปลจีนออกมาเป็นไทย ศัพท์แสงมันได้ สำนวนมันใช่ ฟื้นความรู้สึกของการชื่นชอบหนังจีนในสมัยเก่าก่อนขึ้นมาเป็นอย่างมาก สุภาษิตสำนวนจีนก็ล้วนถ้อยคำคมดีๆ เป็นคติสอนใจทั้งนั้น ซึ่งถ้าไม่มีอะไรดึงดูดความสนใจให้อยาเล่าถึงมากกว่าซะก่อน เล่มหน้าอยากจะรวบรวมสำนวนเหล่านั้นมาให้อ่าน และอยากแนะนำสัตว์อสูรด้วย เพราะเล่มนี้ดันมาติดใจความรู้สึกที่ว่าพระเอกสูงส่งทั้งที่ยังไม่รู้ภูมิหลังอันแน่ชัดของท่านเลย
คำสาปฟาโรห์ค่ะ ... ถ้าจะบอกว่าความรู้สึกต่อพระเอกเรื่องนี้ใกล้เคียงกับเรื่องไหน เป็นหนังสือการ์ตูนเรื่องคำสาปฟาโรห์ที่พระเอกเป็นฟาโรห์แห่งมหาอาณาจักรอียิปต์ คนที่สูงส่ง ทรงพลังด้วยอำนาจแห่งราชา และอย่าได้มีใครมาทำให้อารมณ์เสียถ้าไม่อยากเห็นความเหี้ยมเกรียม--ประหาร หล่อ ร้ายและ โพดเท่ ...
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2558 |
Last Update : 11 กันยายน 2558 22:26:19 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1234 Pageviews. |
|
|
เขี่ยชายสามให้ไปขายแห้ว ณ บัดนาวววว
แปะใจ !